หมิงหลันไล้ปลายนิ้วลงไปบนกลีบดอกไม้ที่นางปลูกเอาไว้ ช่วงนี้นางอยู่คนเดียวบ่อยขึ้นเพราะว่าท่านพี่ไป๋เฉียนมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานแต่ง ในที่สุดพี่สาวของนางก็จะได้แต่งงานกับคนที่รักแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก..
นางกลับมาที่แดนบุปผาได้สองเดือนกว่าแล้ว สองเดือนแล้วที่ไร้เงาของท่านจอมมาร แต่ทว่าเขากลับปรากฏเด่นชัดอยู่ในความฝันของนาง ทุกครั้งที่หลับตายังคงมีแต่ใบหน้าของเขา ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองจะดีขึ้นเมื่อกลับมาอยู่ในแดนบุปผาที่คุ้นเคย ทว่าไม่เลยสักนิด.. เคยรักเขาอย่างไรก็ยังคงรักเขาเช่นนั้น คำนึงถึงเขาอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดเดียว.. อีกเรื่องคือนางยังมิได้พบเจอท่านสัจจะเทพเทียนจุนเลย ทั้งๆ ที่เขาเขียนจดหมายมาขอพบนางมากมายนับไม่ถ้วน แต่นางไม่แม้แต่จะเปิดอ่านจดหมายของเขาสักฉบับ ในใจยังคงมีความรู้สึกผิดอัดแน่นเต็มหัวใจ ที่ท่านสัจจะเทพเทียนจุนต้องขึ้นมาที่สวรรค์ชั้นฟ้าก่อนเวลาอันควร ล้วนแต่เป็นความผิดของนางทั้งสิ้น เขาจำเรื่องที่ไปเผชิญด่านเคราะห์มิได้ แต่ว่านางจดจำได้ถึงการตายของเขาที่ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตา ท่านจอมมารในยามนั้นไร้ความปรานีอีกทั้งเขายังมองที่ใบหน้าของหมิงหลันด้วยสายตาเย็นชาจนแทบอยากจะฆ่านางให้ตายตรงนั้น ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวในดินแดนบุปผาแห่งนี้ไม่ได้ทำให้นางดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ในใจยังคงสับสนวุ่นวาย สตรีที่ท่านจอมมารรักคือเทพีเสวียนม่าน จะว่าไปแล้วก่อนที่จะกลับมาบนดินแดนบุปผานางทะเลาะกับหลี่เจ๋อฮั่นอย่างรุนแรงมากซะด้วย.. หมิงหลันล้มตัวนอนลงบนหญ้าที่ใต้ต้นท้อพันปี นางหลับตาลงช้าๆ ด้วยความเจ็บปวดที่อัดแน่นในหัวใจ นางกำลังจมอยู่กับความคิดเงียบๆ เพียงลำพัง หากแต่ยามนี้มีมือที่ถูกยกขึ้นมาเพื่อบดบังแสงแดดให้นาง และพอหมิงหลันลืมตาขึ้นมา นางก็เห็นใบหน้าที่คุ้นตาของท่านสัจจะเทพเทียนจุน รอยยิ้มของเขายังคงอ่อนโยนเหมือนเคย ใบหน้าที่หล่อเหลาจนแทบลืมหายใจ เทพผู้เป็นที่หมายปองของเทพีบนสรวงสวรรค์ “เจ้าเมินเฉยจดหมายของข้า เทพบุปผาตัวน้อยๆ อยากถูกสัจจะเทพเช่นข้าลงโทษให้ไปเฝ้าสระบัวที่วังของข้าหรืออย่างไร?” หมิงหลันรีบดีดตัวขึ้นมาลุกนั่งในทันที นางก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพท่านสัจจะเทพเทียนจุน ใบหน้าเดียวกันกับบุรุษที่นางพบเห็นที่เมืองมนุษย์แต่ทว่ากลิ่นอายรอบๆ ตัวนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับเลย เพราะได้เลื่อนขั้นเป็นสัจจะเทพรึเปล่านะ หมิงหลันถึงได้รู้สึกว่าท่านพี่เทียนจุนมีบางอย่างที่แปลกไป “ยินดีกับท่านสัจจะเทพด้วยเจ้าค่ะ” “หมิงหลัน ต่อให้เป็นสัจจะเทพ แต่สำหรับเจ้าข้ายังคงเป็นท่านพี่เทียนจุนของเจ้าอยู่นะ ข้าลงไปเผชิญด่านเคราะห์ที่เมืองมนุษย์สามร้อยปี เวลานานเช่นนั้นกลับดูเหมือนเป็นเพียงแค่พริบตาเดียวเพราะในเวลาที่ข้ากลับมาเป็นสัจจะเทพ เจ้าเองก็กลับมาที่ดินแดนบุปผาเช่นกัน นี่ไม่เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ? ..” สามร้อยปีที่เมืองมนุษย์นั้นดูเหมือนจะยาวนานแต่ทว่าเวลาที่หมิงหลันอยู่ที่เผ่ามารแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง แต่มันก็เป็นช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ทำให้ในใจของนาง จดจำไปตลอดชีวิต.. ความคิดของนางดำดิ่งลึกลงไปจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง เทียนจุนจับปอยผมที่หลุดลุ่ยของนางขึ้นไปทัดบนใบหูเบาๆ “คิดเรื่องใดอยู่ ถึงได้ไม่สนในข้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าเช่นนี้” หมิงหลันสะดุ้งเล็กน้อย นางขยับถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเขากับนาง “ขะ..ขอโทษเจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดถึงเหล้าดอกท้อพันปีที่หมักเอาไว้ ท่านพี่เทียนจุนได้เลื่อนขั้นเช่นนี้ ข้าควรจะต้องมอบสิ่งของเพื่อแสดงความยินดี ตัวข้าเป็นเพียงแค่เทพบุปผาเท่านั้น ไม่อาจเสาะหาสิ่งของล้ำค่ามาให้ท่านได้ ข้ามีเพียงเหล้าดอกท้อพันปีนี้เท่านั้นที่จะมอบให้ท่านพี่..” หมิงหลันลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ด้านหลังเพื่อไปยังกระท่อมหลังน้อยที่มีเอาไว้สำหรับหมักสุรา นางยกไหสุราดอกท้อพันปีขึ้นมาแล้ววิ่งกลับไปหาสัจจะเทพเทียนจุน ไม่ว่าจะดูอย่างไร สัจจะเทพเช่นเขาไม่เหมาะสมกับดินแดนบุปผานี้เลย จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้เราเป็นพี่น้อง แต่ยามนี้เขาเป็นถึงสัจจะเทพ เรื่องระยะห่างที่เหมาะสมเห็นทีว่าหมิงหลันจะต้องระมัดระวังมากกว่านี้เสียแล้ว “ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อขอสิ่งของแสดงความยินดีจากเจ้าสักหน่อย หมิงหลันที่พี่มาที่นี่เพราะพี่อยากเห็นหน้าเจ้า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพี่คิดถึงเจ้ามาเพียงใดเจ้ามิรู้หรอก..” อีกแล้ว ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว หมิงหลันกำมือแน่น คำกล่าวของท่านจอมมารยังคงก้องอยู่ในหูอยู่เลย เขากล่าวหาว่านางลักลอบคบหาและสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับท่านพี่เทียนจุน ทั้งๆ ที่นางภักดีและส่งมอบความรักให้ท่านจอมมารเพียงผู้เดียวเท่านั้น นางโกรธเขา แต่ทว่ากลับโกรธเคืองตัวเองมากกว่าที่ไม่สามารถเกลียดหรือว่าตัดใจจากท่านจอมมารได้.. “ข้าขอบคุณในไมตรีที่ท่านพี่หยิบยื่นให้ แต่ท่านพี่เทียนจุน ข้าคือสตรีที่ถูกส่งไปเผ่ามารเพื่อให้กำเนิดองค์รัชทายาทของเผ่ามาร ถึงแม้ข้าจะถูกส่งกลับมาก่อนเวลา แต่ชื่อเสียงของข้านั้นได้แปดเปื้อนไปหมดแล้ว บนสวรรค์ชั้นฟ้ายังมีเทพีอีกมากมายที่เหมาะสมกับฐานะสัจจะเทพของท่าน เพราะอย่างนั้นได้โปรดเถิดท่านสัจจะเทพเทียนจุน ได้โปรดอย่ามาที่ดินแดนบุปผาที่แสนต่ำต้อยนี้อีกเลยเจ้าค่ะ” เพื่อท่านพี่เทียนจุน หมิงหลันจะไม่ยอมให้จุดจบความสัมพันธ์พี่น้องของเรา ลงเอยแบบหลี่เจ๋อฮั่นอีก นางยินยอมสูญเสียเขาไปตั้งแต่ยามนี้ดีกว่าปล่อยให้ความรู้สึกในจิตใจของเขามันเลยเถิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ เทียนจุนนิ่งอึ้งไปหลายนาทีกับคำกล่าวที่ดูเหมือนกับว่ามันคือคำปฏิเสธของหมิงหลัน เขายังไม่ทันได้เริ่มเลย ยังไม่ทันได้บอกกล่าวความรู้สึกในใจที่เก็บงำเอาไว้อย่างเนิ่นนาน แต่นางกลับชิงบอกปัดเขาเสียแล้ว “หมิงหลัน เพราะข้าเป็นสัจจะเทพอย่างนั้นหรือ ข้าถึงไม่สามารถเป็นท่านพี่เทียนจุนของเจ้าได้อีกแล้ว? หากเป็นเช่นนั้นข้าจะกลับไปหาเง็กเซียนเพื่อร้องขอการลดขั้นของการเป็นเทพ จะให้ข้าทำอย่างไรหรือข้าควรทำผิดกฎสวรรค์เพื่อที่จะได้เป็นเทพธรรมดาๆ ที่สามารถ..เป็นท่านพี่เทียนจุนของเจ้าได้” เหตุใดเส้นทางความรักของเขามันถึงได้ยากเย็นเพียงนั้น? หมิงหลันส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่เหมาะสมแม้แต่จะเป็นน้องสาวของท่านสัจจะเทพ เพราะอย่างนั้นเพื่อชื่อเสียงของท่านแล้ว..” “ช่างชื่อเสียงอะไรพวกนั้นปะไร!!! ข้าทำทุกอย่างนี้เพื่อสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นสัจจะเทพก็เพื่อทำให้เผ่ามารหรือว่าเผ่าอื่นที่คิดจะทำสงครามกับสวรรค์เกิดความยำเกรง หมิงหลันข้าเสียเวลาไปสามร้อยปีที่เมืองมนุษย์เพื่อให้ได้เป็นสัจจะเทพ และในยามนี้ข้ากำลังทำเพื่อตัวเองอยู่ สิ่งเดียวที่ข้าต้องการทำเพื่อตัวเองก็คือการรักเจ้า..”ดวงตาของหมิงหลันเบิกกว้างอย่างตกใจ นางยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“หมิงหลัน หากว่าเจ้ามิได้รักข้า ไม่เป็นไรเลยเพราะว่าข้าจะดูแลเจ้าเองนับจากนี้ ไม่ต้องเอาชื่อเสียงของข้ามากล่าวอ้างเพราะว่าข้าไม่สนใจมันเลยสักนิดเดียว..”หมิงหลันรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้ว่าจะเอาตาไปไว้ที่ไหนดี“ขะ..ข้ามิคิดว่าท่านพี่จะกล่าวเรื่องนั้นออกมา”ความกระอักกระอ่วนเจือปนอยู่ในน้ำเสียง พร้อมกับฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินถอยหลังเทียนจุนยกยิ้มด้วยความเจ็บปวด เขาเอื้อมมือไปรับไหสุราดอกท้อพันปีที่หมิงหลันส่งให้ ไม่เป็นผลดีเลยสักนิดที่เขากล่าวออกไปเช่นนั้น มันยิ่งสร้างความอึดอัดให้กับหมิงหลันและเขา การตัดสินใจทำอะไรไปตามอารมณ์นั้น..ไม่สมเป็นเขาเลย“สุราดอกท้อนี่ ข้าจะดื่มมันให้ดีเลยล่ะ พี่ไปก่อนนะหมิงหลัน เอาไว้เจอกันอีกครั้งวันงานแต่งของไป๋เฉียนและอันฉี”เทียนจุนยกมือขึ้นมาลูบผมของหมิงหลันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู“อย่าลำบากใจกับคำกล่าวของข้าเลย หากเจ้าทำแบบนี้มันยิ่งสร้างความเจ็บปวดในใจให้ข้ายิ่งนัก เช่นนั้นเรากลับไปเป็นพี่น้องเหมือนเดิม เหมือนกับว่าคำเมื่อครู่ที่ข้ากล่าวออกไป เจ้าไม่ได้ยินก็แล้วกัน”
ดวงตาคู่สวยของหมิงหลันพลันเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนางได้ทอดสายตามองออกไปยังบ้านหลังน้อยที่ท่านเทพม่อเกวียนพานางมาที่นี่ตั้งอยู่ตรงเขตรอยต่อของเมืองมนุษย์กับสวรรค์ชั้นฟ้า เดิมทีที่นี่คือบ้านของเทพีจันทรา แต่ทว่าเทพีจันทราย้ายไปอยู่กับอารักษ์เสิ่น เทพผู้บันทึกเรื่องราวต่างๆ บนสวรรค์ แถมเขายังเป็นบิดาผู้มากความสามารถของเทพม่อเกวียนด้วย“หากว่าเทียนจุนล่วงรู้ เขาจะต้องโกรธข้าจนไม่ยอมพูดด้วยเป็นแน่”ถึงแม้จะตัดพ้อออกไปเช่นนั้นแต่บนใบหน้าของเทพม่อเกวียนกับยกยิ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดู ดอกสาลี่น้อยดอกนี้เขามองเห็นนางมาตั้งแต่ที่นางยังไม่ได้เป็นเซียน เฝ้ามองการเติบโตของดอกไม้สีขาวนวลจนบัดนี้นางกลายเป็นเทพบุปผาที่งดงามเสียยิ่งกว่าเทพีองค์ใดบนสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้เสียอีกในใจของม่อเกวียนนั้นมองหมิงหลันเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง และในยามที่น้องสาวของเขามีเรื่องราวอึดอัดใจ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง ถึงแม้การให้ความช่วยเหลือนั่นจะทำให้เขาผิดใจกับเทียนจุนก็ตามที“ข้าเชื่อว่าท่านสัจจะเทพเทียนจุนจะต้องเข้าใจข้า และเข้าใจท่านเทพม่อเกวียนด้วย.."ใบหน้างามหมองคล้ำยิ่งนัก ม่อเกวียนไม่รู้ว
ม่อเกวียนยกมือขึ้นมานวดที่บริเวณหว่างคิ้วเบาๆ เหมือนกับว่าเขากำลังคุยกับดอกไม้ ไม่ใช่คุยกับเทพบุปผา..นางคุยไม่รู้เรื่องหรือว่าเขากำลังไม่รู้เรื่องกันแน่“หมิงหลัน ข้าบอกไปแล้วว่าเด็กคนนี้ ลูกในท้องของเจ้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีพ่อของเขา หากว่าเขาไม่มีพ่อ ท่านจอมมารจะต้องสงสัยเมื่อถึงเวลานั้น เรื่องที่เจ้ามองว่าในยามนี้มันอาจจะเล็กน้อยมันจะกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นนำพาไปสู่สงครามระหว่างเผ่ามารและเผ่าสวรรค์เลยก็ได้”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเทพม่อเกวียน“ท่านเทพให้คุณค่ากับข้ามากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านจอมมารไม่มีทางทำสงครามเพราะข้าเหมือนกับที่ท่านจอมมารทำสงครามกับองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวหรอก เพราะว่าท่านจอมมารไม่ได้รักข้าอย่างที่ท่านรักเทพีเสวียนม่าน ข้าจะอยู่ที่นี่กับลูกของข้า ขอบคุณที่ท่านเทพม่อเกวียนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หากว่าไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะอยู่ที่ไหนแล้วเจ้าค่ะ”รอยยิ้มของหมิงหลันมันทำให้ม่อเกวียนพูดไม่ออก นางส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองในแบบที่เขาไม่คิดมากก่อนว่าจะพบเจอรอยยิ้มเช่นนี้บนใบหน้าของหมิงหลัน“ข้า..ช่วยเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้แล้วสินะ”“ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ
การเดินทางไปที่เมืองบาดาลที่แสนยากลำบากนั้นคุ้มค่ามากจริงๆ วันที่เขาทะเลาะกับหมิงหลัน หลี่เจ๋อฮั่นก็มานั่งคิดทบทวนเรื่องของเขาและนางผลปรากฏว่าคนผิดตั้งแต่แรกมันคือเขาที่อยากเอาชนะพี่ใหญ่จนหูตามืดบอดไปหากจะถามว่าเขารู้สึกอย่างไรกับหมิงหลัน แน่นอนว่าเขาชอบนาง..มากๆ เลยล่ะเพียงแต่หากเขาดึงดันต่อไป มันไร้ประโยชน์อย่างที่ท่านแม่พูดจริงๆ หมิงหลันไม่มีทางหันกลับมาชอบเขาเพราะว่านางอุทิศชีวิตในการรักพี่ใหญ่เช่นนั้นสิ่งเดียวที่คนเช่นเขาจะทำได้ และให้เรากลับมามองหน้ากันอีกครั้งอย่างไม่ตะขิดตะขวงในใจก็คือ การเป็นเพื่อนกัน“ขอบคุณหมิงหลัน เจ้าเองก็เป็นสหายคนแรกของข้าเช่นกัน อ่า..เรื่องที่หนักอึ้งในใจของข้ามานานก็คลี่คลายออกไปแล้ว เช่นนั้นกลับเผ่ามารด้วยกันไหม? ไปในฐานะสหายของข้าก็ได้”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ“ข้าจะกลับไปที่นั่นแน่ แต่ยังไม่ใช่วันนี้เจ๋อฮั่น..”หลี่เจ๋อฮั่นมองหน้าของหมิงหลันอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกล่าวอำลา เขาใช้เวลากับนางมามากพอแล้ว“เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ พอดีมีนัดกับเทพีคนงามที่ศาลาด้านนั้น”หลี่เจ๋อฮั่นชี้ไปที่เทพีผู้หนึ่งซึ่งกำลังมองมาที่เขาอย่างใจจดใจจ่อ หมิงหลันส่งยิ้มที่แสนยินดี
หลังจากกล่าวจบเสวียนม่านก็เดินจากไปทิ้งให้หมิงหลันยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้นเซียนน้อยยื่นมือมาจับมือของหมิงหลันเอาไว้“ท่านเทพบุปผา หากว่าท่านไม่ไหวข้าคิดว่าเรานั่งพักกันตรงนี้ก่อนดีไหมขอรับ”ความเจ็บปวดที่ถูกกระทำซ้ำๆ มันทำให้หมิงหลันเริ่มจะรู้สึกชินชาซะแล้ว นางเจ็บปวดมาไม่รู้กี่ครั้งเพียงเพราะได้ยินว่าท่านจอมมารรักเทพีเสวียนม่าน“ท่านรักจอมมารอย่างนั้นหรือครับ?”เซียนน้อยพาหมิงหลันมานั่งพักที่ศาลาริมน้ำ เขารินน้ำชาให้พร้อมๆ กับมองหน้าของนางด้วยสีหน้าแห่งความเป็นห่วง“ไม่ปิดบังเจ้า ข้ารักท่านจอมมาร”“เหลือเชื่อจริงๆ เลย ท่านคือเทพที่งดงามที่สุดในสวรรค์ชั้นฟ้า แต่กลับหลงรักจอมมารอัปลักษณ์ผู้นั้น”หมิงหลันยกแก้วน้ำชาร้อนๆ ขึ้นมาดื่ม“อันที่จริงความรักของข้ามันไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกหรอกนะ แต่ท่านจอมมารตัวจริงไม่ได้อัปลักษณ์เลยสักนิด ข่าวลือที่เจ้าได้ยินมานั้นผิดพลาดแล้วเซียนน้อย”เซียนน้อยหัวเราะเบาๆ“แล้วป้าคนเมื่อครู่ เป็นคนรักของท่านจอมมารอย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันก้มมองน้ำชาในถ้วยก่อนที่นางจะหมุนวนข้อมือไปมาเบาๆ“เคยเป็นคนรักละมั้ง เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องสักเท่าไหร่ เท่าที่ข้าร
ดวงตาของเซียนน้อยที่มองแผ่นหลังของหมิงหลันพลันทอประกายลึกล้ำขึ้นมาเขาเดินตามหมิงหลันเข้าไปในบ้านหลังเล็กของนาง สายตาของเซียนน้อยมองเห็นข้าวของที่ถูกจัดใส่กล่องไม้อย่างเป็นระเบียบของหมิงหลัน มันชวนให้เขารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย“ท่านจัดของใส่กล่องเอาไว้เช่นนี้ จะออกเดินทางไปที่ไหนกัน จะไปหาท่านจอมมารอย่างนั้นหรือขอรับ”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ“จริงอยู่ที่ข้ารักเขา แต่ข้าไปหาเขาไม่ได้หรอกเซียนน้อย ท่านจอมมารกำลังโกรธข้าอยู่ล่ะ แล้วของพวกนี้ข้าจัดเตรียมเอาไว้เพื่อที่จะย้ายที่อยู่ชั่วคราว”เซียนน้อยมองหน้าของหมิงหลันอย่างไม่เข้าใจ เขายื่นมือไปรับผ้าห่มมาจากมือของนาง“โกรธเรื่องอะไรกันขอรับ ท่านจอมมารผู้นั้นโกรธเคืองที่ท่านงดงามเกินไปอย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันนั่งลงบนเก้าอี้นางค่อยๆ ปิดหีบไม้พวกนั้นลง“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเซียนน้อยท่านจอมมารเข้าใจข้าผิดไปเล็กน้อย"เซียนน้อยนั่งลงข้างๆ หมิงหลัน“แล้วเหตุใดท่านเทพบุปผาไม่ไปหาท่านจอมมารเพื่ออธิบายเรื่องที่เขาเข้าใจท่านผิด ท่านรักเขาไม่ใช่หรืออย่างไร..”หมิงหลันส่งยิ้มเศร้าๆให้กับเซียนน้อย“เพราะว่าข้าไม่ต้องการทำแบบนั้น กับบางเรื่องรื้อฟื้นไปก็ไร้ประโยชน
หลังจากที่ตื่นเช้ามา หมิงหลันก็จัดเตรียมอาหารมื้อเช้าแบบง่ายๆ ให้กับเซียนน้อย“ไม่คิดเลยว่าท่านเทพบุปผาจะทำอาหารอร่อยมากขนาดนี้นะขอรับ ข้าได้ยินว่าท่านถนัดเรื่องการหมักสุรามากที่สุด”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางถ้วยน้ำแกงให้กับเซียนน้อย“เรื่องการหมักสุราของข้า เอาไว้เจ้าโตมากกว่านี้อีกหน่อยข้าจะให้เจ้าชิมก็แล้วกัน”“อ่า ท่านกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้ข้าอยากโตไวๆ ซะแล้ว ว่าแต่ข้าวของมากมายในหีบไม้นั่นท่านจะขนย้ายไปเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือขอรับ ไหนๆ ข้าก็ว่างแล้ววันนี้ให้ข้าช่วยท่านเทพบุปผาขนย้ายข้าวของไปเถิด คิดซะว่าเป็นการตอบแทนค่าข้าวมื้อนี้ก็แล้วกัน”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเขาก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาลูบผมสีดำที่ยาวสลวยของเขาด้วยความเอ็นดู“เจ้าเป็นเด็กดีมากจริงๆ ด้วยสินะเซียนน้อย เพียงแต่ข้าไม่กล้ารบกวนเจ้าหรอก”“รบกวนอะไรกัน ข้าต่างหากที่มารบกวนท่าน อีกไม่นานข้าจะต้องกลับไปยังเผ่าวิหคของข้าแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบเจอท่านเทพบุปผาอีก ให้ข้าช่วยท่านเถอะ”นางมิอยากรบกวนแต่ทว่าก็ทนความน่ารักกับลูกอ้อนของเซียนน้อยไม่ไหวเหมือนกัน“เช่นนั้น..ก็ขอรบกวนเจ้าแล้วเซียนน้อย”เซียนน้อยยกถ้วยน
หมิงหลันกำลังจัดข้าวของทั้งหมดของนางเข้าชั้นด้วยใบหน้าที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนเซียนน้อย เขากำลังนั่งดื่มชากับขนมที่นางจัดเตรียมเอาไว้ให้“ในระหว่างที่ข้ากำลังจัดของ เหตุใดเจ้าไม่เล่าเรื่องพี่ชายของเจ้าให้ข้าฟังต่อเล่า”เซียนน้อยยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่มก่อนที่เขาจะวางขนมในมือลงบนจาน“หลังจากที่เซียนน้อยคนงามกลับขึ้นไปบนดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า พี่ชายของข้าทนพิษความเจ็บปวดไม่ไหว เขาจึงได้ทำสงครามกับชาวสวรรค์เพื่อทวงคืนสตรีที่ควรจะเป็นของเขา”หมิงหลันที่กำลังพับผ้าอยู่ถึงกับชะงักในคำเล่าขานของเซียนน้อย“ก่อสงครามเลยอย่างนั้นหรือ? ..”“ด้วยพลังของพี่ชายข้า ท่านสามารถเอาชนะเทพสงครามของสวรรค์ได้อย่างง่ายๆ แต่ที่ท่านต้องถอยทัพกลับเพราะเซียนน้อยผู้นั้นมาร้องขอท่านพี่ของข้าว่าให้ท่านพี่กลับไปเสีย นางรักและเลือกที่จะอยู่กับเทพเซียนบนสวรรค์ เซียนน้อยผู้นั้นอยากจะเป็นเทพีมิได้อยากเป็นภรรยาของพี่ชายข้า”หมิงหลันเก็บผ้าใส่ตู้เรียบร้อยแล้วนางจึงเดินมานั่งข้างๆ กับเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวขนมจนแก้มพองออกมา เขาดูน่ารักและเดียงสามากเลยนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่มุมปากของเขาเบาๆ“ดูเหมือนว่าพี่ชายของเจ้าจะได้พบ
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส