ดวงตาของเซียนน้อยที่มองแผ่นหลังของหมิงหลันพลันทอประกายลึกล้ำขึ้นมาเขาเดินตามหมิงหลันเข้าไปในบ้านหลังเล็กของนาง สายตาของเซียนน้อยมองเห็นข้าวของที่ถูกจัดใส่กล่องไม้อย่างเป็นระเบียบของหมิงหลัน มันชวนให้เขารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย“ท่านจัดของใส่กล่องเอาไว้เช่นนี้ จะออกเดินทางไปที่ไหนกัน จะไปหาท่านจอมมารอย่างนั้นหรือขอรับ”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ“จริงอยู่ที่ข้ารักเขา แต่ข้าไปหาเขาไม่ได้หรอกเซียนน้อย ท่านจอมมารกำลังโกรธข้าอยู่ล่ะ แล้วของพวกนี้ข้าจัดเตรียมเอาไว้เพื่อที่จะย้ายที่อยู่ชั่วคราว”เซียนน้อยมองหน้าของหมิงหลันอย่างไม่เข้าใจ เขายื่นมือไปรับผ้าห่มมาจากมือของนาง“โกรธเรื่องอะไรกันขอรับ ท่านจอมมารผู้นั้นโกรธเคืองที่ท่านงดงามเกินไปอย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันนั่งลงบนเก้าอี้นางค่อยๆ ปิดหีบไม้พวกนั้นลง“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเซียนน้อยท่านจอมมารเข้าใจข้าผิดไปเล็กน้อย"เซียนน้อยนั่งลงข้างๆ หมิงหลัน“แล้วเหตุใดท่านเทพบุปผาไม่ไปหาท่านจอมมารเพื่ออธิบายเรื่องที่เขาเข้าใจท่านผิด ท่านรักเขาไม่ใช่หรืออย่างไร..”หมิงหลันส่งยิ้มเศร้าๆให้กับเซียนน้อย“เพราะว่าข้าไม่ต้องการทำแบบนั้น กับบางเรื่องรื้อฟื้นไปก็ไร้ประโยชน
หลังจากที่ตื่นเช้ามา หมิงหลันก็จัดเตรียมอาหารมื้อเช้าแบบง่ายๆ ให้กับเซียนน้อย“ไม่คิดเลยว่าท่านเทพบุปผาจะทำอาหารอร่อยมากขนาดนี้นะขอรับ ข้าได้ยินว่าท่านถนัดเรื่องการหมักสุรามากที่สุด”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางถ้วยน้ำแกงให้กับเซียนน้อย“เรื่องการหมักสุราของข้า เอาไว้เจ้าโตมากกว่านี้อีกหน่อยข้าจะให้เจ้าชิมก็แล้วกัน”“อ่า ท่านกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้ข้าอยากโตไวๆ ซะแล้ว ว่าแต่ข้าวของมากมายในหีบไม้นั่นท่านจะขนย้ายไปเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือขอรับ ไหนๆ ข้าก็ว่างแล้ววันนี้ให้ข้าช่วยท่านเทพบุปผาขนย้ายข้าวของไปเถิด คิดซะว่าเป็นการตอบแทนค่าข้าวมื้อนี้ก็แล้วกัน”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเขาก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาลูบผมสีดำที่ยาวสลวยของเขาด้วยความเอ็นดู“เจ้าเป็นเด็กดีมากจริงๆ ด้วยสินะเซียนน้อย เพียงแต่ข้าไม่กล้ารบกวนเจ้าหรอก”“รบกวนอะไรกัน ข้าต่างหากที่มารบกวนท่าน อีกไม่นานข้าจะต้องกลับไปยังเผ่าวิหคของข้าแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบเจอท่านเทพบุปผาอีก ให้ข้าช่วยท่านเถอะ”นางมิอยากรบกวนแต่ทว่าก็ทนความน่ารักกับลูกอ้อนของเซียนน้อยไม่ไหวเหมือนกัน“เช่นนั้น..ก็ขอรบกวนเจ้าแล้วเซียนน้อย”เซียนน้อยยกถ้วยน
หมิงหลันกำลังจัดข้าวของทั้งหมดของนางเข้าชั้นด้วยใบหน้าที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนเซียนน้อย เขากำลังนั่งดื่มชากับขนมที่นางจัดเตรียมเอาไว้ให้“ในระหว่างที่ข้ากำลังจัดของ เหตุใดเจ้าไม่เล่าเรื่องพี่ชายของเจ้าให้ข้าฟังต่อเล่า”เซียนน้อยยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่มก่อนที่เขาจะวางขนมในมือลงบนจาน“หลังจากที่เซียนน้อยคนงามกลับขึ้นไปบนดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า พี่ชายของข้าทนพิษความเจ็บปวดไม่ไหว เขาจึงได้ทำสงครามกับชาวสวรรค์เพื่อทวงคืนสตรีที่ควรจะเป็นของเขา”หมิงหลันที่กำลังพับผ้าอยู่ถึงกับชะงักในคำเล่าขานของเซียนน้อย“ก่อสงครามเลยอย่างนั้นหรือ? ..”“ด้วยพลังของพี่ชายข้า ท่านสามารถเอาชนะเทพสงครามของสวรรค์ได้อย่างง่ายๆ แต่ที่ท่านต้องถอยทัพกลับเพราะเซียนน้อยผู้นั้นมาร้องขอท่านพี่ของข้าว่าให้ท่านพี่กลับไปเสีย นางรักและเลือกที่จะอยู่กับเทพเซียนบนสวรรค์ เซียนน้อยผู้นั้นอยากจะเป็นเทพีมิได้อยากเป็นภรรยาของพี่ชายข้า”หมิงหลันเก็บผ้าใส่ตู้เรียบร้อยแล้วนางจึงเดินมานั่งข้างๆ กับเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวขนมจนแก้มพองออกมา เขาดูน่ารักและเดียงสามากเลยนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่มุมปากของเขาเบาๆ“ดูเหมือนว่าพี่ชายของเจ้าจะได้พบ
เมื่อเห็นว่าไป๋เฉียนที่กำลังมีโทสะอัดแน่นอยู่ในใจ นางในยามนี้โกรธเคืองเขามากทีเดียว ม่อเกวียนพาไป๋เฉียนออกด้านนอกงานเลี้ยงเพื่อมาพูดคุยกับนาง“ไป๋เฉียน หมิงหลันตั้งใจไปเอง เหตุใดเจ้าไม่เคารพความต้องการของน้องสาวเล่า”ไป๋เฉียนขบเม้มริมฝีปาก“ข้าพร้อมจะเข้าใจความต้องการของนางเสมอ แต่ข้าอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใด ข้าอยากรู้ว่านางสบายดีหรือไม่และอยากรู้ว่าเหตุผลอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้นางหลบหนีไปแบบนั้น?”ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน หมิงหลันไม่สดใสเหมือนกับหมิงหลันคนเดิม นางเอาแต่นอนอยู่ในทุ่งดอกไม้ ทานเพียงแค่น้ำชา ไม่ค่อยทานข้าวแต่ยังดีหน่อยที่หมิงหลันไม่ได้ดื่มสุรามากมายดังที่นางคิดเอาไว้ ทั้งๆ ที่หมิงหลันชื่นชอบสุรามากแท้ๆ ..แต่นางกลับไม่แตะต้องสุราเลยไป๋เฉียนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของท่านเทพม่อเกวียน ไม่ใช่ว่าอาการแปลกประหลาดเหล่านั้นมันมาจากการตั้งครรภ์หรอกหรือ?“ท่านเทพม่อเกวียนไม่ใช่ว่าหมิงหลันตั้งครรภ์อยู่...”ม่อเกวียนถอนหายใจเบาๆ“ไป๋เฉียน หมิงหลันไม่ใช่เด็ก และนี่คือทางที่นางเลือกแล้ว นางจะปลอดภัยดีเพราะอย่างนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนางหรอกนะ ข้าเชื่อว่านางจะกลับมาหาเจ้าในวันที่สภาพจิตใจของนางพร
ดวงตาคมของหมิงหลันสั่นระริก เมื่อนางมองเห็นบุรุษผู้อยู่ในดวงใจ ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูบ้านหลังน้อยแห่งนี้แทนที่จะเป็นเซียนน้อยที่พึ่งจะวิ่งจากไปในใจสั่นไหวจนฝ่ามือเล็กๆ ของนางจะต้องยกขึ้นมากอบกุมหัวใจเอาไว้ด้วยความประหม่า นางมิคิดว่าจะได้พบเจอบุรุษที่นางไม่อยากพบเจอที่สุดเรียวคิ้วกระบี่ของเขามิได้ฉายแววแปลกใจสักเท่าไหร่ที่ได้เห็นนาง ราวกับว่าเขาล่วงรู้อยู่แล้วว่านางอยู่ที่นี่ สีหน้าของเขาเรียบเฉยในขณะที่มุมปากของท่านจอมมารยกสูงขึ้นเล็กน้อย“เทพบุปผาไป๋หมิงหลัน มิใช่ว่าในยามนี้เจ้าควรจะเชื้อเชิญข้าเข้าไปดื่มชาด้านใน...”“ปัง!!”สิ่งที่ไวกว่าอะไรทั้งหมดคือมือที่ดึงประตูปิดของหมิงหลัน นางลงกลอนพร้อมๆ กับเดินมานั่งที่ตั่งตัวยาวริมฝีปากเม้มๆ คลายๆ สลับไปมาด้วยความชั่งใจเขามาที่นี่ได้อย่าง? มิใช่ว่าที่นี่มีเพียงแค่นางและท่านเทพม่อเกวียนเท่านั้นที่รู้หรอกหรือ ท่านจอมมารไม่น่ารู้จักที่นี่..ความสับสนอลม่านตีกันอยู่ในหัว หมิงหลันพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก นางรู้ว่าไม่ควรปิดประตูใส่หน้าท่านจอมมารเช่นนั้น แต่ทว่านางก็..มิรู้ว่าจะทำหน้าเช่นไรเมื่อเจอเขามิใช่ว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบเจอหน้ากัน เข
ดวงตาเรียวหมองลงมากกว่าเดิม หมิงหลันหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมๆ กับเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองใบหน้าของท่านจอมมาร“ข้าไม่รู้ว่าจะกลับไป..ยังเผ่ามารด้วยเหตุผลเช่นไรดี ข้าคือสตรีที่เดินทางไปยังเผ่ามารเพื่อให้กำเนิดลูกของท่าน แต่ทว่าข้าไม่อาจกระทำตามหน้าที่ได้ เป็นเรื่องสมควรแล้วที่ท่านจอมมารขับไล่ข้าออกมา แล้วจะให้ข้ากลับไปที่เผ่ามารอีกครั้งในครานี้..เพื่อการใดกันเล่าเจ้าคะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนพูดไม่ออก หมิงหลันกล่าวออกมาได้เสียดแทงหัวใจของเขายิ่งนัก และท่าทีอาการดื้อดึงของนางในยามนี้ มันบ่งบอกกับเขาได้เลยว่านางไม่ยอมเขาง่ายๆ เช่นเคยเป็นแน่เขาไม่โทษนางเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเขาคือคนผิด และดูเหมือนว่าเขาควรจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวคำขอโทษออกไปก่อน ถึงจะถูกต้องและเหมาะสมมากกว่าการมากล่าวชวนนางกลับไปยังเผ่ามารเช่นนี้“หมิงหลัน..ข้าขอ..”“ผลัวะ!!!”ประตูไม้ถูกถีบออกอย่างแรงจนบานประตูแตกกระจายเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมิงหลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อนางเห็นผู้ที่เดินเข้ามาด้านใน“ท่านพี่ไป๋เฉียน..”ไป๋เฉียนยังคงอยู่ในชุดแต่งงาน นางสวมชุดสีขาวและมงกุฎหงส์บนศีรษะ ทว่าใบหน้างามล้ำกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา“
เมื่อทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว จนในบ้านหลังน้อยเหลือเพียงแค่หมิงหลันและท่านจอมมาร หมิงหลันก็สูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา“ข้า..”“ไปกับข้า แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถปฏิเสธได้ ของพวกนี้ข้าจะสั่งให้คนมาขนไปให้ภายหลัง”เมื่อกล่าวจบหลี่เจ๋อเชี่ยนก็จับมือของหมิงหลันเอาไว้ในทันที เขามองหน้านางที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยนหลี่เจ๋อเชี่ยนไม่คิดจะพาหมิงหลันไปที่เผ่ามาร เพราะดูเหมือนว่าพี่สาวของนางพร้อมที่จะไปอาละวาดที่นั่นได้ในทุกเมื่อ ยามนี้เขาไม่สนใจอะไรก็จริงอยู่แต่เขาไม่ต้องการให้ท่านพ่อและท่านแม่ลำบากด้วย อีกทั้งเขายังต้องการเวลาที่จะอยู่กับนางตามลำพังสักร้อยปี หรือสองร้อยปีเพื่อให้เรามีความเข้าใจที่ตรงกันหมิงหลันยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวนางก็ถูกเขาพามายังบ้านหลังน้อยที่ขนาดไม่แตกต่างกับบ้านที่นางอยู่เลยที่ด้านหน้าของบ้านมีสระบัวขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับสระบัวในเผ่ามารที่นางชอบนั่งมอง ส่วนด้านในมีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องครัวเล็กๆ และเก้าอี้ตัวน้อยสอง สามตัว“ท่านจอมมาร พี่สาวข้าจะต้อง..”เขายกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของหมิงหลันเพื่อไม่ให้นางได้มีโอกาสพูดต่อ“ข้า
หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นเป็นอย่างไรในยามนี้หลี่เจ๋อเชี่ยนประสบพบเจอด้วยตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้ว เขาบรรจงถอดอาภรณ์ของหมิงหลันออกอย่างเบามือในขณะที่นางยังคงตกใจกับการกระทำของเขาหมิงหลันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้เพื่อเป็นการห้ามปราม“เจ้าเขินอายอันใดกัน มิใช่ว่าวันนั้นร่างกายนี้ถูกข้าสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วอย่างนั้นหรือ?”ไม่เหมือนกันสักนิด นางในยามนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่และ..นางไม่อาจกระทำเรื่องที่รุนแรงเช่นนี้ได้“ไม่ได้เจ้าค่ะ..”“....”ยามนี้หลี่เจ๋อเชี่ยนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าที่ผ่านมาเขาทำผิดพลาดตรงไหนกัน นางถึงได้..ไม่มีทีท่าว่าจะยินยอมเขาเช่นนี้ครั้งที่แล้ว..มันห่วยมากงั้นเรอะ!ก็..ในยามนั้นเขาเมาจะให้เขามานั่งอ่อนโยนกับนางคงมิได้ อีกทั้งนางยังหวานล้ำขนาดที่สามารถฉีกทึ้งสติของเขาได้ในทันทีที่เขาล่วงล้ำเข้าไป“..แน่นอนว่าครั้งนี้ข้ามิได้เมามายเช่นครั้งก่อน หมิงหลัน..เพื่อเจ้าแล้วข้าล้วนยินยอมอ่อนโยน”คราแรกหมิงหลันมิรู้ว่าจะกล่าวกับท่านจอมมารเช่นไรดีว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าหากไม่บอกกล่าวออกไปตรงๆ เขาจะไม่ยอมเข้าใจนางแล้วดึงดันจะกระทำเรื่องเช่นนั้น..“ท่านจอม
วันเวลาที่หลี่เจ๋อเชี่ยนรอคอยในที่สุดก็เดินทางมาถึงเสียที เขารอคอยมาเนิ่นนานมากทีเดียวจนกว่าจะถึงวันที่เราได้แต่งงานกัน เขาจะได้ประกาศก้องออกไปให้ดังไกลไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนว่าเทพบุปผาหมิงหลัน นางคือภรรยาของจอมมารผู้นี้“ข้ามิคิดว่าภรรยาจะสามารถงดงามได้มากยิ่งขึ้นไปอีก..”เมื่อกล่าวจบหลี่เจ๋อเชี่ยนก็หอมแก้มหมิงหลันแรงๆ ท่ามกลางพิธีแต่งงานที่พวกเขากำลังคำนับฟ้าดินท่านอดีตจอมมารถึงกับกระแอมออกมาเสียงดัง“เจ๋อเชี่ยน..ทำพิธีให้เสร็จก่อนสิเจ้าลูกคนนี้!!"เสียงหัวเราะดังขึ้นมาในทันที แขกในงานไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นภาพของท่านจอมมารที่ดูอ่อนโยนและทนุถนอมท่านเทพบุปผาเช่นนี้หมิงหลันร้องไห้อยู่สามวันสามคืนเลยทีเดียว ยิ่งใกล้ถึงกำหนดแต่งงานนางยิ่งรู้สึกตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่เรามีเจ้าตัวน้อยซึ่งเป็นพยานรักตั้งสองคนแล้ว แต่หมิงหลันก็ยังอดรู้สึกตื้นตันไม่ได้ทุกที“อย่าร้องสิ ในวันแต่งานของเราเจ้าควรจะยิ้มเยอะๆ ให้ผู้คนที่มาร่วมงานลือให้ไกลเป็นพันลี้ว่าท่านจอมมารเป็นคนดียิ่งนัก เขาทำให้ภรรยาแย้มยิ้มได้ตลอดงาน..”เมื่อได้ฟังดังนั้นหมิงหลันก็หัวเราะออกมาเบาๆ“คำสาบานของข้านั้นเรียบง่ายยิ่งนัก ถึงแม
เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เดินหน้าแล้วมักจะไม่มีวันย้อนกลับ และตัวเขา..ทำให้สตรีผู้หนึ่งเสียเวลาในชีวิตไปนานมากเลยทีเดียว“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณชาย..เชิญนั่งรอที่ชั้นบนได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะจัดการนำชาเลิศรสและขนมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านน้ำชาเราไปส่งให้ท่านถึงที่โต๊ะเลย..”ท่านเทพดวงชะตาบอกกับเขาว่าเขาควรจะทำอะไรที่เป็นการไถ่โทษที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้ชีวิตของสตรีผู้หนึ่งพังลง และในยามนี้จงจิ้งโหวกำลังกระทำการไถ่โทษนางในแบบของเขาอยู่ครั้งหนึ่งเราทั้งสองคนคือสารเลว แต่ทว่าในครั้งนี้เขาจะสอนเสวียนม่านด้วยตัวเอง ว่าการทำความดีมันง่ายดายยิ่งกว่าการว่าร้ายผู้อื่น..“ข้ามาที่ร้านน้ำชาแห่งนี้บ่อยมากทีเดียว แต่กลับไม่เคยเห็นสามีของเถ้าแก่เนี้ยเลย..”เขาถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านางคือหญิงหม้าย แต่ถึงอย่างนั้นจงจิ้งโหวคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นการสนทนาที่ค่อนข้างดีมากทีเดียวระหว่างเขาและนาง“ข้าไม่มีสามีเจ้าค่ะ จะเรียกว่ายังไม่มีสามีก็ยังไงอยู่ เพราะว่าข้าคือหญิงหม้ายที่พึ่งผ่านการหย่าร้างมา..คุณชายท่านนี้สนใจในตัวหญิงหม้ายผู้นี้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”จงจิ้งโหวมองหน้าของเสวียนม่าน เขายกมุมปากขึ้นสูงเล็
หลี่เจ๋อเชี่ยนค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้คือกลิ่นหอมของหมู่มวลบุปผาพร้อมๆ กับกลิ่นไอของแสงแดดนี่เขากำลังฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร เผ่ามารถึงได้ดูแปลกตาเช่นนี้ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้ไอขุ่นมัว แสงของดวงตะวันสามารถส่องกระทบมาบนพื้นหญ้าได้อย่างชัดเจน และบนพื้นดินที่เคยเป็นสีดำสนิท ยามนี้มันกลับเขียวขจีไปทั่วทั้งดินแดนมวลบุปผาชูช่ออวดโฉมเบ่งบาน มุมปากของหลี่เจ๋อเชี่ยนหยักยิ้มขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดที่ฝังแน่นในใจ มิใช่ว่ายามนี้หมิงหลันอยู่ที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเดินออกไปจากห้อง หมิงหลันก็เดินเข้ามาพร้อมๆ กับถาดน้ำชาในมือ สาวใช้ที่เดินตามนางเข้ามาสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าพวกนางพยายามอย่างมากในการห้ามท่านเทพบุปผาไม่ให้นางทำงานแต่ด้วยนิสัยของหมิงหลันแล้ว นางไม่ถนัดเรื่องการมีคนรับใช้..เขาส่งยิ้มให้กับภรรยาผู้งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในสี่ทะเลแปดดินแดน หลี่เจ๋อเชี่ยนเดินเข้าไปหาหมิงหลันโดนที่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำเขาโอบกอดและฝังใบหน้าลงไปบนเรือนผมด้วยความคำนึงถึง“ภรรยา..ข้าหลับไปนานพอสมควรเลยอย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันหลับตาลงช้าๆ นางยกมื
“ตามกฎแล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเทพแห่งดวงชะตาแต่ทว่าข้าไม่สามารถเปิดเผยเรื่องราวของเหล่าเซียนได้เลย..”สีหน้าของท่านเทพดวงชะตานั้นเต็มไปด้วยสีหน้าขมขื่น จงจิ้งโหวปรายตามองไปยังสวนที่แสนกว้างใหญ่ของเขา“แต่ท่านก็แหกกฎนั้นเพื่อบอกท่านแม่ของข้านี่”เทพซื่อมิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่นางจะแย้มยิ้มขึ้นมาจางๆ“ข้าไม่เคยเข้าหาเจ้าเพียงเพราะว่าในอนาคตเจ้าจะได้เป็นองค์รัชทายาทหรือว่าองค์เง็กเซียนเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ตำหนักดวงชะตาของข้านั้น ข้ามักจะชอบนั่งทำงานที่ริมหน้าต่างและเมื่อมองทอดสายตาออกมาด้านนอกหน้าต่างนั้น มันทำให้ข้าได้เห็นเด็กชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่เงียบๆ หน้าสระบัว..ในยามนั้นข้าเพียงคิดว่านั่นคือเรื่องราวที่แปลกพอสมควรเพราะว่าเด็กในวัยเดียวกันควรจะวิ่งเล่นหรือไม่ก็ท่องเที่ยวไปทั่วสวนของแดนบุปผาแล้ว แต่เด็กชายผู้นั้นกลับไม่กระทำการที่เด็กในวัยเด็กกันทำ ข้ามองเด็กคนนั้นมานานหลายสิบปี จนข้าตัดสินใจเข้าไปพูดคุยเพราะข้าอยากรู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เด็กน้อยผู้นั้นดูเศร้าหมองได้ถึงเพียงนั้น การพูดคุยของข้านั้น เป็นการท้าทายความอดทนของข้ามากทีเดียวเพราะว่าเขามิได้ยินยอมพูดกับข้าในทันทีที่ข้าเอ
ท่านเทพซื่อมิ่งเดินเข้าไปหาองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้า ในมือของเด็กน้อยผู้นั้นถือถ้วยน้ำชาเอาไว้และมันยิ่งกำถ้วยในมือเอาไว้แน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อนางเดินเข้าไปใกล้ครั้งหนึ่งเมื่อยามที่นางยังอยู่บนแดนสวรรค์ นางพบเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสารมากกว่าใครๆ ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนึ่งในโอรสของสวรรค์แต่ทว่ากลับมิได้รับความเคารพจากผู้ใดเลย จงจิ้งโหวเป็นเด็กที่เก็บตัวเงียบอยู่ในมุมมืดเพียงผู้เดียว ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นดังเช่นเด็กคนอื่น เนื่องจากหอดวงชะตาอยู่ไม่ไกลจากตำหนักชมจันทร์ที่จงจิ้งโหวอาศัย เมื่อมองเด็กน้อยผู้นี้นานๆ เข้า ท่านเทพซื่อมิ่งก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา“เหตุใดถึงมีเพียงองค์ชายผู้เดียวที่มานั่งชมสระบัวอยู่ตรงนี้เพคะ”นางตามตื๊ออยู่นานทีเดียวกว่าจงจิ้งโหวจะยินยอมพูดด้วย“นี่คือบันทึก..เกี่ยวกับดวงชะตาอย่างนั้นหรือขอรับ”เขาใช้มือลูบไล้ลงไปบนแผ่นไม้ที่จารึกดวงชะตาของเหล่ามนุษย์เอาไว้ด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มน้อยๆ ของเด็กที่ไม่เคยพบเจอสิ่งใดนอกจากสระบัวและดวงจันทร์ข้างๆ ตำหนัก มันทำให้ท่านเทพซื่อมิ่งอดรู้สึกเวทนามิได้“พระองค์..อยากอ่านหรือไม่เพคะ”ในแววตาที่ไร้เดียงสาปรากฏร่องรอยค
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ