ดวงตาเรียวหมองลงมากกว่าเดิม หมิงหลันหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมๆ กับเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองใบหน้าของท่านจอมมาร
“ข้าไม่รู้ว่าจะกลับไป..ยังเผ่ามารด้วยเหตุผลเช่นไรดี ข้าคือสตรีที่เดินทางไปยังเผ่ามารเพื่อให้กำเนิดลูกของท่าน แต่ทว่าข้าไม่อาจกระทำตามหน้าที่ได้ เป็นเรื่องสมควรแล้วที่ท่านจอมมารขับไล่ข้าออกมา แล้วจะให้ข้ากลับไปที่เผ่ามารอีกครั้งในครานี้..เพื่อการใดกันเล่าเจ้าคะ” หลี่เจ๋อเชี่ยนพูดไม่ออก หมิงหลันกล่าวออกมาได้เสียดแทงหัวใจของเขายิ่งนัก และท่าทีอาการดื้อดึงของนางในยามนี้ มันบ่งบอกกับเขาได้เลยว่านางไม่ยอมเขาง่ายๆ เช่นเคยเป็นแน่ เขาไม่โทษนางเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเขาคือคนผิด และดูเหมือนว่าเขาควรจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวคำขอโทษออกไปก่อน ถึงจะถูกต้องและเหมาะสมมากกว่าการมากล่าวชวนนางกลับไปยังเผ่ามารเช่นนี้ “หมิงหลัน..ข้าขอ..” “ผลัวะ!!!” ประตูไม้ถูกถีบออกอย่างแรงจนบานประตูแตกกระจายเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมิงหลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อนางเห็นผู้ที่เดินเข้ามาด้านใน “ท่านพี่ไป๋เฉียน..” ไป๋เฉียนยังคงอยู่ในชุดแต่งงาน นางสวมชุดสีขาวและมงกุฎหงส์บนศีรษะ ทว่าใบหน้างามล้ำกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา “หมิงหลัน เจ้าเห็นพี่เป็นตัวอะไร ถึงได้เหยียบย่ำหัวใจของพี่เช่นนี้ พี่ดูเหมือนคนที่เจ้าจะไม่สามารถพึ่งพิงได้อย่างนั้นหรือ เจ้าถึงได้หนีมาเช่นนี้” หมิงหลันขบเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด ใบหน้าของนางกำลังเต็มไปด้วยความสับสนและเมื่อนางเห็นท่านเทพสงครามอันฉีเดินมาพร้อมกับท่านเทพม่อเกวียนที่กำลังทำหน้าสำนึกผิด หมิงหลันก็เข้าใจได้ในทันที นางไม่โกรธเคืองท่านเทพม่อเกวียนเลยสักนิด เพราะหมิงหลันรู้ดีว่าท่านพี่ไป๋เฉียนในยามโกรธนั้นน่ากลัวมากกว่าใครทั้งหมด “ไม่ใช่แบบนั้นนะเจ้าคะ..” ดวงตาของไป๋เฉียนในยามนี้มิได้ให้ความสนใจน้องสาวอีกต่อไป เมื่อนางมองเห็นท่านจอมมารที่กำลังยืนอยู่เคียงข้างหมิงหลัน บุรุษสารเลวที่ทำให้หมิงหลันผู้งดงามและน่ารัก อยู่ในสภาพเจียนตายมาหลายเดือน ไอ้คนสารเลวผู้นี้ยังมีหน้ามาอยู่ที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ? แถมหมิงหลันในยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์ มิใช่ว่าจอมมารล่วงรู้ว่าหมิงหลันตั้งครรภ์ถึงได้มาตามหมิงหลันกลับไปที่เผ่ามาร..? มารดามันเถอะ!!! ใครจะยินยอมให้เขาพรากหลานที่แสนน่ารักและน้องสาวของนางไปกัน ข้ามศพของข้าไปก่อนเถิด!!! “ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านจอมมารมาร่วมงานแต่งของข้าด้วย ล่วงเกินแล้วที่มิได้ต้อนรับท่านให้ดี” บางอย่างกำลังบอกกล่าวหลี่เจ๋อเชี่ยนว่าเทพบุปผาไป๋เฉียนไม่มีทางยินยอมส่งมอบหมิงหลันให้กับเขาเป็นแน่ เรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นมาแบบที่เขาเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว “ข้าเพียงแค่ผ่านมา ไม่ต้องมากพิธี” “ท่านจอมมารคงมิได้ผ่านมาที่นี่เพื่อพาน้องสาวของข้ากลับไปที่เผ่ามารหรอกใช่ไหมเจ้าคะ ข้าเองก็เดินทางมาที่นี่เพื่อมารับนางกลับไปยังดินแดนบุปผาเหมือนกัน และนางจะต้องกลับไปกับข้า..เท่านั้น!!” หมิงหลันเดินเข้าไปหาท่านพี่ไป๋เฉียน นางยกมือขึ้นมาจับแขนของพี่สาวเอาไว้เพื่อเป็นการบอกกล่าวว่าให้ท่านพี่ใจเย็นๆ นางรีบออกหน้าเพื่อทำให้บรรยากาศตึงเครียดเหล่านี้คลี่คลายลง “หากจะมองหาผู้ที่กระทำผิดในวันนี้ มันผู้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นข้าที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน วันนี้ยังคงเป็นวันแต่งงานของพี่กับพี่เขย พี่จะให้ข้าทำให้งานสำคัญของพี่พังลงมาไม่ได้นะเจ้าคะ..” ไป๋เฉียนเบนสายตามามองหน้าของหมิงหลัน “ในชีวิตของพี่ เจ้าสำคัญที่สุดหมิงหลัน แน่นอนว่าการแต่งงานของพี่ก็สำคัญแต่เทพบนสรวงสวรรค์ต่างรับรู้ว่าพี่และอันฉีแต่งงานกันแล้ว เพราะอย่างนั้นในยามนี้เจ้าถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของพี่” อ่า..พี่สาวของนางดื้อดึงมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก หมิงหลันหันไปมองหน้าของท่านจอมมาร นางปรายตามองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด “ข้าจะกลับไปที่แดนบุปผากับพี่เพราะอย่างนั้นท่านพี่ให้เวลาข้าได้พูดคุยกับท่านจอมมารเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ” น้ำเสียงของหมิงหลันไม่แจ่มใสอีกทั้งยังมัวหมอง แม้ไป๋เฉียนที่กำลังโกรธยังมองเห็นถึงความผิดปกตินั้น “ก็ได้..พี่ไม่ได้ใจร้ายขนาดจะฝืนใจของเจ้าหรอกนะ” ไป๋เฉียนยินยอมเดินออกไปด้านนอกบ้านหลังน้อยแห่งนี้เพื่อให้ หมิงหลันและท่านจอมมารได้พูดคุยบอกลากันเสียก่อน “อาเฉียน..เจ้าควรจะให้หมิงหลันนางได้มีโอกาสในการตัดสินใจและเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองบ้าง” เทพสงครามอันฉีกล่าวออกมาพร้อมๆ กับมองหน้าของม่อเกวียน “ที่นางต้องทนทุกข์ทรมานตลอดเวลาเช่นนี้มิใช่ว่ามันเป็นเพราะว่าข้าให้นางเลือกทางเดินของนางเองไม่ใช่หรือ ข้าต้องทนดูน้องสาวแตกสลายเพราะความรัก..” “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหมิงหลันทุกข์ทรมาน นางมาหาข้าและร้องขอด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ในบางทีการที่นางมาอยู่ที่นี่ นางอาจจะมีความสุขมากกว่าในยามอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้าก็เป็นได้ ไป๋เฉียนเจ้าจะต้องให้หมิงหลันเลือกทางเดินชีวิตของนางเอง” ไป๋เฉียนเงยหน้าขึ้นมามองดอกเหมยสีแดงที่กำลังร่วงหล่นโปรยปรายลงมาสายลม ดอกแล้วดอกเล่าที่ร่วงหล่นลงมาบนพื้น ผู้คนมักจะไม่ชายตามองดอกเหมยที่หล่นกระจายอยู่บนพื้นแต่พวกเขามักจะมองดูดอกเหมยที่งดงามในยามที่พวกมันเบ่งบานอยู่บนต้นที่สูงชัน ดอกเหมยที่ร่วงหล่นลงมาอย่างไร้ค่าพวกนั้นมีความสุขมากกว่าในยามที่พวกมันเบ่งบานอย่างงดงามบนกิ่งก้านอย่างนั้นหรือ? “ข้าไม่ได้ทำหน้าที่ที่ดีของพี่สาวสักเท่าไหร่..และดูเหมือนว่าในยามนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นพี่สาวที่ดีเท่าไหร่นัก” เทพสงครามอันฉียกมุมปากขึ้นมาเมื่อมองเห็นท่าทีที่อ่อนลงของภรรยา เขายกมือขึ้นจับไหล่ของไป๋เฉียนเบาๆ ด้วยความรัก “หมิงหลันไม่ได้มองเจ้าแบบนั้นอย่างแน่นอนข้ามั่นใจ ในสายตาของนางเจ้าคือพี่สาวที่ดีที่สุด ชีวิตของนางให้นางเป็นผู้กำหนดเถิดไป๋เฉียน พวกเราทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ และคอยโอบกอดนางเอาไว้ในยามที่นางเจ็บปวดก็พอ” ไป๋เฉียนมองไปยังดอกเหมยที่อยู่บนต้นพวกนั้นอีกครั้งก่อนที่นางจะนั่งลงแล้วเก็บดอกเหมยที่ร่วงหล่นลงมาเต็มพื้นดินบริเวณโคนต้น “จะดอกเหมยที่อยู่บนต้นหรือว่าดอกเหมยที่ร่วงหล่นลงมา..ก็ล้วนแล้วแต่งดงามทั้งนั้น” เทพม่อเกวียนถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก “หากพวกเจ้าทั้งสองคิดได้แล้วว่าต้องทำเช่นไร ยามนี้มิใช่ว่าพวกเจ้าควรจะกลับไปที่สวรรค์ชั้นฟ้าเพื่อจัดงานแต่งต่ออย่างนั้นหรือ เรื่องของหมิงหลันให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง มีงานแต่งที่ไหนบ้างที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวหายไป..กลับไปกันก่อนเถอะน่า” ม่อเกวียนกล่าวพร้อมกับโบกมือไปมาเพื่อเป็นการไล่ไป๋เฉียนและอันฉีกลับไปเมื่อทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว จนในบ้านหลังน้อยเหลือเพียงแค่หมิงหลันและท่านจอมมาร หมิงหลันก็สูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา“ข้า..”“ไปกับข้า แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถปฏิเสธได้ ของพวกนี้ข้าจะสั่งให้คนมาขนไปให้ภายหลัง”เมื่อกล่าวจบหลี่เจ๋อเชี่ยนก็จับมือของหมิงหลันเอาไว้ในทันที เขามองหน้านางที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยนหลี่เจ๋อเชี่ยนไม่คิดจะพาหมิงหลันไปที่เผ่ามาร เพราะดูเหมือนว่าพี่สาวของนางพร้อมที่จะไปอาละวาดที่นั่นได้ในทุกเมื่อ ยามนี้เขาไม่สนใจอะไรก็จริงอยู่แต่เขาไม่ต้องการให้ท่านพ่อและท่านแม่ลำบากด้วย อีกทั้งเขายังต้องการเวลาที่จะอยู่กับนางตามลำพังสักร้อยปี หรือสองร้อยปีเพื่อให้เรามีความเข้าใจที่ตรงกันหมิงหลันยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวนางก็ถูกเขาพามายังบ้านหลังน้อยที่ขนาดไม่แตกต่างกับบ้านที่นางอยู่เลยที่ด้านหน้าของบ้านมีสระบัวขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับสระบัวในเผ่ามารที่นางชอบนั่งมอง ส่วนด้านในมีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องครัวเล็กๆ และเก้าอี้ตัวน้อยสอง สามตัว“ท่านจอมมาร พี่สาวข้าจะต้อง..”เขายกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของหมิงหลันเพื่อไม่ให้นางได้มีโอกาสพูดต่อ“ข้า
หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นเป็นอย่างไรในยามนี้หลี่เจ๋อเชี่ยนประสบพบเจอด้วยตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้ว เขาบรรจงถอดอาภรณ์ของหมิงหลันออกอย่างเบามือในขณะที่นางยังคงตกใจกับการกระทำของเขาหมิงหลันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้เพื่อเป็นการห้ามปราม“เจ้าเขินอายอันใดกัน มิใช่ว่าวันนั้นร่างกายนี้ถูกข้าสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วอย่างนั้นหรือ?”ไม่เหมือนกันสักนิด นางในยามนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่และ..นางไม่อาจกระทำเรื่องที่รุนแรงเช่นนี้ได้“ไม่ได้เจ้าค่ะ..”“....”ยามนี้หลี่เจ๋อเชี่ยนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าที่ผ่านมาเขาทำผิดพลาดตรงไหนกัน นางถึงได้..ไม่มีทีท่าว่าจะยินยอมเขาเช่นนี้ครั้งที่แล้ว..มันห่วยมากงั้นเรอะ!ก็..ในยามนั้นเขาเมาจะให้เขามานั่งอ่อนโยนกับนางคงมิได้ อีกทั้งนางยังหวานล้ำขนาดที่สามารถฉีกทึ้งสติของเขาได้ในทันทีที่เขาล่วงล้ำเข้าไป“..แน่นอนว่าครั้งนี้ข้ามิได้เมามายเช่นครั้งก่อน หมิงหลัน..เพื่อเจ้าแล้วข้าล้วนยินยอมอ่อนโยน”คราแรกหมิงหลันมิรู้ว่าจะกล่าวกับท่านจอมมารเช่นไรดีว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าหากไม่บอกกล่าวออกไปตรงๆ เขาจะไม่ยอมเข้าใจนางแล้วดึงดันจะกระทำเรื่องเช่นนั้น..“ท่านจอม
ม่อเกวียนหลับตาลงช้าๆ ด้วยความเจ็บปวด เขายืนมองเทียนจุนที่กำลังส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้เขา “เทียนจุน หมิงหลันมิได้รักเจ้า หรือหากจะพูดให้ถูกคือนางไม่เคยรักใครเลยนอกจากท่านจอมมาร คำกล่าวของเทพีเสวียนม่านเป็นเพียงเรื่องราวที่นางแต่งขึ้นมา..” ราวกับถูกเข็มแหลมทิ่มแทงข้างในใจ เทียนจุนทรุดนั่งลงบนพื้นที่เย็นข้างๆสระดอกเหลียนฮวาที่ในอดีตหมิงหลันเป็นผู้ดูแล เราต่างหลงว่ายวนอยู่ในวังวนแห่งความรัก เช่นเดียวกับปลาตัวน้อยที่ว่ายวนอยู่ในอ่างบัว แต่ไหนแต่ไรม่อเกวียนคือเทพที่ไม่เคยโกหก สหายผู้นี้หวังดีกับเขามากกว่าใครทั้งนั้น เพราะอย่างนั้นสิ่งใดก็ตามที่ม่อเกวียนกล่าวออกมา มันล้วนแล้วแต่เพราะสหายผู้นี้หวังดีต่อเขา เมื่อได้ลองคิดดูดีๆ แล้ว หมิงหลันไม่เคยมองเขาในฐานะชายคนรักเลยสักครั้งเดียว นางมองเขาด้วยแววตาแบบเดียวกันกับที่นางมองไป๋เฉียนพี่สาวของนาง.. สำหรับหมิงหลันแล้ว เขาไม่เคยเป็นอะไรที่เกินเลยไปมากกว่าคำว่าพี่ชาย อันที่จริงหากว่าเขามีสติมากกว่านี้อีกหน่อย เขาคงจะมองออกถึงเจตนาของเทพีเสวียนม่าน ว่าสตรีผู้นั้นต้องการอะไร นางแค่ต้องการหลอกใช้เขา เพื่อให้เขาแย่งชิงหมิงหลันมาจากอ้อมแข
นิ้วมือของเจ๋อเชี่ยนไล้ไปตามกรอบหน้างามนั่นช้าๆ เขาพรมจูบไปตั้งแต่หน้าผาก ไล้ลงมาที่เปลือกตา จูบไล่มาเรื่อยๆ จนถึงแก้มขาวนวล“มีใครเคยกล่าวหรือไม่ว่าเจ้าช่าง..งดงามมากเหลือเกิน”นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เขากล่าวชมออกมาว่านางนั้นงดงาม เท่าที่จำได้ที่ผ่านมาท่านจอมมารมีแต่จะทำเย็นชาใส่นางเท่านั้น“มี..เยอะเจ้าค่ะ แต่ไม่มีเลยสักคนที่ชมข้าว่างดงามแล้วข้าจะดีใจเท่ากับที่ท่านชมเชยข้า”หลี่เจ๋อเชี่ยนไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี หมิงหลันทำให้เขาตกหลุมรักนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า..เขาหวนคิดไปถึงคืนวันหนึ่งที่เขาพึ่งจะกลับจากการตรวจตราเขตแดน“เอาไปไม่ได้นะเจ้าคะ!! หากว่าท่านปีศาจงูเอาปราณเซียนของข้าไป ข้าจะกลับไปที่สวรรค์ชั้นฟ้ามิได้อีก..ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ข้าแบ่งปราณเซียนให้ท่านก็ได้ เพียงแต่ท่านจะต้องให้ข้าเหลือเอาไว้..”“มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องฟังคำเจ้า นี่คือเมืองมนุษย์ ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ส่วนผู้ที่อ่อนแอจะต้องตาย นั่นคือสัจธรรมอย่างหนึ่ง เซียนเช่นเจ้าจะต้องเข้าใจสิ!!”หลี่เจ๋อเชี่ยนปรายตามองไปยังป่าไผ่ที่เขากำลังเดินผ่าน หางตาของเขาเหลือบไปมองเจ้าของเสียงที่สั่นเครือนั่นเขาไม่อยากเข้าไปวุ่นวายสักเท่า
หมิงหลันมองแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของหลี่เจ๋อเชี่ยน นางหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปากเมื่อได้มองเห็นความเปลี่ยนไปของท่านจอมมารผู้เย็นชาอันที่จริงไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไรนางล้วนแล้วแต่ยังคงมั่นคงและศรัทธาในความรู้สึกรักที่มีให้เพียงแค่เขาผู้เดียวเท่านั้น แต่เมื่อได้มองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรักที่เขามองมาที่นางแล้ว..มันเป็นสิ่งบ่งบอกได้อย่างดียิ่งนัก ถึงการตอบแทนความพยายามและความมั่นคงของนาง“ภรรยา..”เสียงของเขามันแหบพร่าอีกทั้งยังบรรจงกระซิบลงมาที่ข้างใบหูของนาง ความวาบหวิวแล่นริ้วขึ้นมาเมื่อเขาสัมผัสที่ผิวกาย ริมฝีปากเปียกชื้นของหลี่เจ๋อเชี่ยนแนบลงมาบนลำคอเพรียวบางระหง ดึงเอาเสียงครางเครือจากลำคอทีละน้อยครานี้เขามิได้เมาเลยสักนิด อีกทั้งสติยังคงมีครบถ้วนเพราะอย่างนั้นหลี่เจ๋อเชี่ยนจึงตั้งใจว่าเขาจะค่อยๆ ลิ้มรสหวานล้ำของภรรยาอย่างเชื่องช้าและไม่เร่งรีบ“มองหน้าข้าสิ มองแค่ข้าก็พอ”แก้วหูสะเทือนด้วยเสียงหวานเครือเมื่อถูกกระซิบด้วยคำที่หมิงหลันมิคิดว่ามันจะถูกกล่าวออกมาจากชายผู้ซึ่งเย็นชาประดุจน้ำแข็งนางเคยคิดว่าท่านจอมมารผู้เย็นชานั้นอาจจะไม่รู้จักความรักและเขาคงไม่คิดรักใคร ทว่าเมื
บางอย่างในร่างกายบ่งบอกเอาไว้ว่ามันถึงขีดจำกัดเสียแล้ว ความอดทนที่หลี่เจ๋อเชี่ยนมั่นใจว่าตัวเองมีมากนักหนาในยามนี้มันจางหายไปไหนไม่รู้ เขาจับเข้าที่กลางลำแกร่งก่อนจะยัดส่วนหัวเข้าไปในรูเล็กที่คับแคบเป็นอย่างแรก “อ๊า..มะ..ไม่!” “ชู่ว..เชื่อเถอะว่ากระทำเช่นนี้ดีกว่าการใช้นิ้วเป็นร้อยเท่า” ครั้งที่แล้วมันเจ็บเช่นไร ครั้งนี้ยังคงเจ็บเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย อาจจะแตกต่างกันตรงที่เขามิได้โหมกระหน่ำซัดกระแทกร่างกายเข้ามาดังครั้งเก่า แต่การกระทำของท่านจอมมารกลับนุ่มนวลอ่อนหวาน เกินกว่าที่หมิงหลันจะคาดคิดได้ เขาพรมจูบซับน้ำตาให้นางด้วยความทะนุถนอมในขณะที่เอวก็ค่อยๆ ดันส่วนที่แข็งตึงนั่นเข้ามาอย่างช้าๆ แน่นอนว่าถึงแม้จะมีความเจ็บปวดแต่ทว่าเมื่อเขาเริ่มขยับ ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาแทนที่ สะโพกขาวเคลื่อนที่ไปตามแรงสวนกระแทกของแก่นกายใหญ่ เขาหมุนควงแท่งเนื้อร้อนระอุให้แตะครูดไปทั่วทุกพื้นที่ผนังเนื้อนุ่มอย่างชำนาญ ด้านในของเธอโอบรัดท่อนลำแน่นขนัดราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวโซ ครั้งนี้เขามีสติครบถ้วนอีกทั้งยังตั้งใจกระทำเช่นนี้กับเธอ ในหัวใจและในความรู้สึกคับคั่งไปด้วยความรู้สึกประ
“มิใช่ว่าในยามนี้สัจจะเทพเทียนจุนควรจะลงไปยังเมืองมนุษย์เพื่อไปตามหาเทพบุปผาอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดเขาถึงได้ปิดวังเงียบเพื่อพักฟื้นพลังปราณ”นางลงแรงไปตั้งเท่าไหร่กว่าจะยุยงสัจจะเทพผู้นั้นได้ แทนที่จะไปแย่งชิงเทพบุปผากลับคืนมา แต่ชายผู้นั้นกลับปิดวังเงียบ ช่างเป็นสัจจะเทพที่โง่เขลายิ่งนัก!!“ท่านเทพี ที่เผ่ามารท่านจอมมารมิได้อยู่ที่นั่นหลายเดือนแล้วเจ้าค่ะ งานต่างๆ ในเผ่ามารท่านหลี่เจ๋อฮั่นเป็นผู้ดูแลทั้งหมด ส่วนท่านเทพซื่อมิ่งก็เดินทางไปฟื้นฟูพลังปราณที่เมืองมนุษย์..”เสวี่ยนม่านยกนิ้วขึ้นมาขบกัดเบาๆ ท่านจอมมารหายตัวไปได้อย่างไร อีกทั้งยังหายไปพร้อมๆ กับที่เทพบุปผาหายตัวไปอีก มิใช่ว่าท่านจอมมารไปหาสตรีผู้นั้นแล้วงั้นหรือ?ไม่ได้การ! นางจะต้องไปหาท่านสัจจะเทพเทียนจุน ต้องยุยงมากกว่านี้เพื่อให้ชายโง่เขลาผู้นั้นเกิดความคับแค้นใจขึ้นมาในขณะที่เสวียนม่านกำลังเดินออกไปจากวังของนาง ผู้ที่ยืนรออยู่ด้านนอกกลับเป็นองค์รัชทายาทเผ่าสวรรค์เสวียนม่านปั้นรอยยิ้มที่แสนงดงามส่งให้จงจิ้งโหวที่ยืนรออยู่ด้านนอก นางมองหน้าเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนางมิรู้ว่าเขาจะได้ยินคำที่นางพูดคุยก
ม่อเกวียนที่กำลังมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับเบือนหน้าหนี เขาเองก็ไม่ค่อยจะถูกกับองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวสักเท่าไหร่ เพียงแต่ในยามนี้เขาธุระสำคัญที่จะต้องแจ้งแก่พระองค์“ที่ทะเลตงไห่เกิดเหตุกาณ์แปลกๆ และเทพสงครามอันฉีได้เดินทางล่วงหน้าเพื่อไปตรวจดูก่อนแล้วขอรับ”จงจิ้งโหวละสายตาจากใบหน้าของเสวียนม่าน เขาเบนสายตาไปมองหน้าของเทพม่อเกวียน“เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะเร่งเดินทางตามเทพสงครามไปสิ ในเมื่อรายงานเสร็จแล้วท่านเทพม่อเกวียนคงไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าแล้ว..”ม่อเกวียนมองหน้าขององค์รัชทายาทสวรรค์นิ่งๆ เขาก้มหน้าลงพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อกล่าวอำลา ก่อนจะเดินจากมาม่อเกวียนได้มองใบหน้าที่ไม่หลงเหลือเค้าเดิมของเทพีเสวียนม่านเลย ทั้งๆ ที่เขาเองก็เจ็บแค้นที่สตรีผู้นั้นทำให้เทียนจุนอยู่ในสภาพเจ็บปวด แต่ทว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอนับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งใดคนที่นางเชื่อใจ กลับไม่เคยรักนางเลย.. องค์รัชทายาทจงจิ้งโหวเพียงหลอกลวงว่ารักนางเพราะอยากจะเอาชนะท่านจอมมารเท่านั้นเองเพียงเพื่อชัยชนะถึงกับยินยอมกระทำเพียงนั้นเชียวหรือ นั่นยังคงเป็นคำถามที่ม่อเกวียนเฝ้าถามในใจถึงการกระทำที่ต่ำช้าเกินกว่าจะเชื่อว่านั
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส