“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”
แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย “ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..” คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้ “แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ” “...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิดจากนางสนมได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ข้าหวนคิดถึงสตรีผู้นั้นตลอดเวลาในแทบทุกลมหายใจ คราแรกการหวนคิดถึงนางมันเป็นการคำนึงถึง แต่ทว่าเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านมันคือความเคียดแค้นที่อัดแน่นในหัวใจ คำถามมากมายพุ่งชนเข้ามาในหัวใจของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สตรีผู้นั้นทำดีกับข้า เพราะว่านางคือเทพดวงชะตาซื่อมิ่งใช่หรือไม่ นางมิได้มีความจริงใจอันใดเลย ทั้งๆ ที่ข้านับถือนางเป็นมารดา แต่สิ่งที่ข้าได้รับกลับมาคือความทรยศหักหลัง แม้แต่นางยังเข้าหาข้าด้วยผลประโยชน์” หมิงหลันยกมือขึ้นมาวางทาบเอาไว้บนอก เรื่องราวมันพัวพันยุ่งเหยิงไปหมดเลย ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวเขาคือคนเอาแต่ใจ แต่เป็นเพราะว่าเขาเข้าใจผิดต่างหาก “ฝ่าบาท..ท่านเข้าใจท่านเทพซื่อมิ่งผิดเพี๊ยนไปแล้ว” เขาปรายตามองหน้านางด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา “ไม่ผิดแน่นอนหมิงหลัน ข้าหลงไว้ใจนางและรอคอยว่านางจะกลับมาหาข้าสักครั้ง แต่นางกลับไม่เคยมาเยี่ยมเยียนข้าเลย แล้วเจ้าจะให้ข้าคิดเช่นไร นางมีความสุขอยู่กับลูกชายคนใหม่ของนาง หลี่เจ๋อเชี่ยนเกิดมาท่ามกลางความยินดีของพ่อและแม่ แล้วข้าล่ะหมิงหลัน ข้าถูกลืมจากหัวใจของท่านเทพผู้นั้นจนหมดสิ้น” หมิงหลันลุกขึ้นแล้วไปนั่งลงบนพื้นหญ้าใกล้ๆ กับองค์รัชทายาทจงจิ้งโหว นางรู้สึกเหมือนกับว่าเขาในยามนี้คือเด็กน้อยผู้หนึ่งที่กำลังเรียกร้องความสนใจ เขาทำร้ายท่านหลี่เจ๋อเชี่ยนเพียงเพราะต้องการให้ท่านเทพซื่อมิ่งเจ็บปวดและมาหาเขา.. “ไม่มีกฎข้อห้ามข้อใด ที่ห้ามไม่ให้ท่านไปหานางเลยนะเจ้าคะ หากว่าคิดถึงท่านเทพซื่อมิ่งจริงๆ ทำไมฝ่าบาทไม่เดินทางไปที่เผ่ามารเพื่อไปหานาง..” “ข้าไม่มีความจำเป็นจะต้องทำเช่นนั้น ข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์เหตุใดจะต้องลงไปที่เผ่ามารด้วย” มุมปากของหมิงหลันหยักยิ้มขึ้นมา หากว่าพิษของดอกไม้หมดฤทธิ์ลงนางคงจะไม่ได้เห็นองค์รัชทายาทในมุมที่งอแงเป็นเด็กเช่นนี้หรอก “สุขภาพของท่านเทพซื่อมิ่งไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก ท่านอดีตจอมมารจะต้องพาท่านเทพซื่อมิ่งออกเดินทางจากเผ่ามารไปทุกปีเพื่อไปรับอากาศที่บริสุทธิ์ และพวกท่านทั้งสองเดินทางมาที่ดินแดนสวรรค์มิได้นี่เจ้าคะ” จงจิ้งโหวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของหมิงหลันด้วยความตกใจ “นางไม่สบายอย่างนั้นหรือ ข้าไม่เห็นรู้เลยว่านางล้มป่วย..” หมิงหลันพยักหน้า “ต่อให้ฝ่าบาทโกรธจนตาย หรือแม้กระทั่งว่าพระองค์ได้ข้าไปแล้ว ท่านอาจจะสามารถทำให้ท่านเจ๋อเชี่ยนเจ็บปวด แต่การกระทำพวกนั้นก็มิได้ทำให้ท่านมีความสุขมากขึ้นหรอกเจ้าค่ะ เพราะว่าท่านยังมิได้แก้ปัญหาที่ค้างคาในใจมานานแสนนาน หากอยากกินลูกท้อก็ต้องเดินไปที่ต้นท้อสิ ท่านเดินไปที่ต้นแอปเปิ้ลจะได้กินลูกท้อได้อย่างไร” จงจิ้งโหวก้มหน้าลงเล็กน้อย “แต่ข้าไม่รู้นี่ ว่าทางเดินไปต้นท้อจะต้องเดินไปทางไหน..” หมิงหลันหัวเราะเบาๆ “เรื่องนั้นหม่อมฉันรู้ทางดีเลยเพคะ หม่อมฉันจะพาฝ่าบาทเดินทางไปที่ต้นท้อเอง” รอยยิ้มของหมิงหลันมันเต็มไปด้วยความจริงใจ นางหวังดีกับจงจิ้งโหวจริงๆ และหมิงหลันคิดว่าหากสามารถเปลี่ยนใจคนผู้นี้ได้ แน่นอนว่าสงครามจะไม่เกิดขึ้นมา จะไม่ต้องมีใครมาสูญเสีย ไป๋เฉียนยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่รื้นอยู่บนหางตา นางเบนสายตาเพื่อมองหน้าของท่านเทพซื่อมิ่งที่กำลังร้องไห้อยู่ “ไปหาเขาสิเจ้าคะ..ข้าคิดว่าในยามนี้องค์รัชทายาทต้องการท่านเทพมากทีเดียว หมิงหลันปูทางเอาไว้ให้หมดแล้วหลังจากนี้เป็นเรื่องที่ท่านเทพองค์รัชทายาทจะต้องเปิดใจพูดคุยกันแล้ว” ซื่อมิ่งเดินเข้าไปหาหมิงหลันและองค์รัชทายาทจงจิ้งโหว เมื่อหมิงหลันมองเห็นนาง เด็กคนนั้นก็รีบลุกขึ้นในทันที นางคงจะตกใจมากสินะว่าทำไมแม่สามีถึงได้มาอยู่ที่นี่ “หมิงหลัน..ข้าคิดว่าข้ามีเรื่องราวมากมายจะต้องพูดคุยกับองค์รัชทายาท” หมิงหลันก้มหน้าลงเพื่อเป็นการเคารพองค์รัชทายาท “เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” มิรู้จะกล่าวถึงความดีใจที่เอ่อล้นออกมาในหัวใจได้อย่างไรดี นางคิดว่าปัญหาที่ใหญ่โตเป็นกองเท่าภูเขายามนี้กำลังจะคลี่คลายลงแล้ว เพราะว่านางสามารถทำความเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาได้อย่างชัดเจนเลย เมื่อหมิงหลันเดินเข้ามาหาไป๋เฉียน พี่สาวก็ยกมือขึ้นมาตีที่แขนของน้องสาวเบาๆ “เจ้านี่นะ มาเผชิญอันตรายเช่นนี้เพียงผู้เดียวได้อย่างไรกัน” หมิงหลันยกมือขึ้นมาโอบกอดพี่สาวเอาไว้แน่น “เพราะข้ารู้ว่าพี่จะตามหาข้าจนเจอยังไงล่ะ พี่จะต้องมาช่วยเหลือข้าแน่ หากว่าข้าเป็นอันตราย” ไป๋เฉียนมองหน้าน้องสาวก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาแล้วบรรจงลูบเส้นผมที่นุ่มสลวยนั่นเบาๆ “หมิงหลัน..พี่ดีใจที่เจ้าได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ดีอย่างครอบครัวของท่านเทพซื่อมิ่ง ท่านจอมมารเองก็รักเจ้าจนถึงขนาดยินยอมทำร้ายตัวเองเพื่อขจัดไอขุ่นมัวออกไปจากเผ่ามาร..เขาใส่ใจเจ้าถึงเพียงนั้นพี่ก็หมดห่วง” หัวคิ้วของหมิงหลันมันขมวดเข้าหากันเบาๆ “พี่ว่าอย่างไรนะ ท่านเจ๋อเชี่ยนทำร้ายตัวเอง? หมายความว่าอย่างไรกัน” ไป๋เฉียนตกใจเล็กน้อยที่หมิงหลันไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยว่าท่านจอมมารยินยอมเสียสละพลังของตัวเองเพื่อขจัดไอขุ่นมัว “หมิงหลัน..อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”“หน้าที่ของเจ้าคือต้องตั้งครรภ์ลูกของจอมมาร! อย่าเสียใจไปเลยไป๋เฉียน นี่คือหน้าที่ของเจ้า ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำตาม”ฝ่ามือเรียวยาวยกมือมาเช็ดหยาดน้ำตาที่สุกใสราวกับไข่มุกซึ่งกำลังไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวยของเทพบุปผานามว่าไป๋เฉียน ในใจเจ็บปวดราวเข็มนับพันพุ่งแทงเข้ามาในร่าง บนสรวงสวรรค์มีเทพและเทพีมากมายเหตุใดต้องเป็นนางที่มีคนรักอยู่แล้ว“ท่านเทพม่อเกวียน ข้ามิได้อยากฝ่าฝืนบัญชาเพียงแต่ข้าอยากจะร้องขอ ทั่วทั้งแดนสวรรค์นี้ต่างก็รับรู้ว่าข้าและเทพสงครามอันฉีรักกัน แล้วเหตุใดถึงยังมีคำสั่งเช่นนี้ออกมาอีก ท่านจะให้ข้าทำใจรับเรื่องนี้ได้อย่างไร..”ไป๋เฉียนคุกเข่าลงเพื่อวิงวอนต่อท่านเทพม่อเกวียน จะอย่างไรนางก็มิอาจไปที่ดินแดนเผ่ามารได้ หากมิได้ครองคู่รักกับท่านเทพสงครามอันฉี นางยอมกระโดดลงแท่นประหารเซียนแล้วตายตกไปเสียยังจะดีกว่า“ข้าจะไปแทนพี่ใหญ่เอง!”หากจะเปรียบความงามของไป๋เฉียนว่างดงามล่มบ้านล่มเมือง ก็คงจะต้องเปรียบเปรยความงดงามของไป๋หมิงหลันว่างดงามเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน ดอกโบตั๋นที่ชูคออวดโฉมอยู่ในสระว่างามล้ำเลิศและวิจิตรแล้ว ยังมิสามารถเทียบเคียงใบหน้าของไป๋หมิงหลันได้เลย
ท่านเทพม่อเกวียนพาหมิงหลันมาที่หน้าเผ่ามารเผ่ามารและเผ่ามนุษย์อยู่ไม่ไกลจากดินแดนสวรรค์มากนัก และเมื่อมองเห็นประตูที่จะข้ามเขตแดนไปยังเผ่ามาร ใบหน้าที่แสนจะงดงามของหมิงหลันพลันยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจนางจะได้ไปเที่ยวเล่นที่เมืองมนุษย์บ่อยๆ เวลาที่อยู่เผ่ามาร เพราะในครั้งที่อยู่บนแดนสวรรค์ท่านพี่ไป๋เฉียนมิยอมให้หมิงหลันออกมานอกดินแดนบุปผาเลย ที่ได้ลงมาเที่ยวยังเมืองมนุษย์ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากเทพม่อเกวียนและท่านพี่เทียนจุนที่ช่วยนางให้หลบหนีมาท่านเทพม่อเกวียนเกือบจะได้ขึ้นเป็นสัจจะเทพแล้ว ใบหน้าของท่านเทพนั้นหล่อเหลาจนบรรดาเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ชอบมาหาหมิงหลัน เพื่อให้นางเป็นแม่สื่อให้“ข้ามาพบท่านจอมมาร…”“เผ่ามารของเราไม่ยินดีต้อนรับเทพเช่นพวกท่านหรอก มีเพียงเทพบุปผาเท่านั้นที่เข้าไปได้..เพียงผู้เดียว!”“บังอาจนักเจ้ามารชั้นต่ำ!!”หมิงหลันรีบยกมือขึ้นมาห้ามปรามท่านเทพม่อเกวียนเอาไว้ นางไม่อยากจะให้ท่านจอมมารมองว่าตัวเองเป็นคนสร้างปัญหาตั้งแต่เริ่มแรก“ท่านเทพม่อเกวียน ข้าเข้าไปเองได้เจ้าค่ะ ขอท่านเทพโปรดวางใจ”หมิงหลันส่งยิ้มให้ท่านเทพม่อเกวียนอีกครั้ง“ฝากท่านเทพม่อเกวียนดูแลท่านพ
ไป๋หมิงหลันยกมือขึ้นมาเท้าคาง นางนั่งอยู่ริมสระบัว ในสระน้ำมีดอกบัวสีหวานกำลังบานสะพรั่ง ถึงแม้ว่าในเผ่ามารจะมิได้งดงามเทียบเท่าเมืองสวรรค์ แต่ทว่าทิวทัศน์ภูเขาและในน้ำก็ล้วนน่ามองแพรขนตางอนงามกะพริบถี่ๆ ทอดสายตามองไปยังสระบัวเบื้องหน้า ดวงหน้างามงอง้ำ หลังจากที่หมิงหลันกล่าวไปเช่นนั้นทั้งท่านจอมมารหลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านหลี่เจ๋อฮั่นก็ตกใจกันไปตามๆ กันสุดท้ายท่านจอมมารก็เดินจากไปโดยที่ไม่มองใบหน้าของนางแม้แต่หางตาหรือว่าข้าจะทำผิดพลาดสิ่งใดไป ทว่าในตำราปกขาวได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าการเอ่ยปากขอร่วมหออย่างตรงไปตรงมาถือว่าเป็นการแสดงความจริงใจที่ดีที่สุดหากเป็นเรื่องความจริงใจและความตรงไปตรงมา นางก็แสดงออกไปอย่างชัดเจนแล้ว เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนั้นหมิงหลันถอนหายใจก่อนจะล้มตัวนอนลงบนพื้น เรือนผมดำเงางามสยายลงไปกับพื้นหญ้า พระจันทร์ดวงน้อยลอยเด่นอยู่บนท้องนภา ส่องแสงอ่อนๆไปทั่วทั้งบริเวณหมิงหลันคิดว่าค่ำคืนแรกในเผ่ามาร จะได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ถวิลหามาตลอดหลายร้อยปี แต่ดูจากสายตาที่เขามองมาที่นางแล้ว เห็นทีจะยากเย็นหมิงหลันยกไหสุรานารีแดงขึ้นมาดื่ม บรรยากาศที่เผ่ามารนั้นเงีย
หมิงหลันปรายตามองหน้าของหลี่เจ๋อฮั่นเมื่อเขากล่าวจบที่ท่านเจ๋อฮั่นกล่าวมา นั่นก็ไม่เกินความจริง เพราะว่าใบหน้าของท่านเจ๋อฮั่นเหมือนท่านจอมมารอยู่หลายส่วน“ท่านเจ๋อฮั่นเก็บใบหน้าอันล้ำค่าของท่าน เอาไว้ให้สตรีที่ท่านรักสัมผัสเถอะเจ้าค่ะ ข้ามิควรจะแตะต้องใบหน้าที่หล่อเหลาของท่าน”“ในเมื่อรู้ว่าหล่อเหลาแล้วเหตุใดถึงไม่หวั่นไหว ข้าดีไม่พองั้นหรือ?”หมิงหลันยกยิ้ม นางยกมือขึ้นมาวาดในอากาศฝนดอกไม้พลันตกโปรยปรายลงมาเบาๆ หมิงหลันเก็บดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงมาไปประดับในแจกันอย่างปราณีต“ในหัวใจของข้ามิอาจปันไปให้ผู้ใดได้อีกแล้ว กว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมาข้าหลงรักท่านเจ๋อเชี่ยนจนเต็มหัวใจ วันนี้ได้มีวาสนาเข้ามาอยู่ใกล้เขาถึงเพียงนี้ ก็ถือว่าข้ามีความสุขมากแล้ว..”เป็นครั้งแรกที่เจ๋อฮั่นรู้สึกอิจฉาท่านพี่ หมิงหลันสารภาพรักท่านพี่ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ยามที่นางกล่าวคำว่าจอมมารออกมาจากริมฝีปากบางนั้น ใบหน้าของนางจะมีความสุขที่นางบอกว่าหลงรักท่านพี่…เห็นทีจะเป็นเรื่องจริงแต่คนเช่นเขาหาใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เวลาที่เก็บลูกท้อ เขาจะเก็บแต่ลูกที่อยู่บนสุดเท่านั้น เพราะการได้มากอย่างยากลำบาก มัน
หมิงหลันรู้สึกผิดอยู่ในใจ เพราะคำที่ท่านจอมมารกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการ ทว่านางก็มิได้คิดว่าจะให้เขามาเป็นสามีอยู่แล้วนี่!เพียงแค่ได้รักเขาข้างเดียวเช่นนี้ก็พอ ในอนาคตเขาอาจจะมีสตรีที่เขาจะแต่งงานด้วย หากว่าถึงเวลานั้นจริงๆ นางจะเดินออกไปเอง“ข้ามิได้ต้องการให้ท่านจอมมารมารักข้า ข้าเพียงอยากอยู่ใกล้ท่านอีกสักหน่อย เหตุใดถึงได้ปฏิเสธเช่นนั้น? ข้าเพียงอยากทำความคุ้นเคย ก่อนจะถึงวันที่เราต้องร่วมหอ..”เป็นครั้งแรกที่หลี่เจ๋อเชี่ยนพบเจอสตรีที่ดื้อรั้นหน้ามึนเช่นนี้ แล้วใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อนั้นคืออะไร! รู้สึกเขินอายเป็นด้วยหรือ!“ตามใจเจ้าเถิด หากว่าเจ้าอยู่ในที่ของเจ้า ไม่มารบกวนการทำงานของข้า เจ้าจะทำเช่นไรก็ตามใจ”เขาถอดเสื้อด้านนอกออกวางไว้บนโต๊ะ โดยไม่สนสายตาของหมิงหลันเลย หลี่เจ๋อเชี่ยนพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ เพราะเขาพึ่งจะเคยถอดเสื้อออก ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของสตรีเช่นนี้เป็นครั้งแรกเขาจัดการดับเทียนแล้วเดินไปที่เตียง ก่อนจะล้มตัวนอนลงโดยมิได้สนใจหมิงหลัน“เช่นนั้นข้าสามารถนอนร่วมเตียงกับท่านจอมมารได้ใช่ไหมเจ้าคะ?”เจ๋อเชี่ยนมิได้กล่าวคำใดเขาห
หมิงหลันดึงเชือกที่ผูกกางเกงผ้าแพรของหลี่เจ๋อเชี่ยนออกด้วยหัวใจที่เต้นแรง นางไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสเช่นนี้อีกหรือไม่ การที่มีโอกาสแล้วลงมือทำทันทีนั่นคือเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!!เพียงแค่สัมผัสเท่านั้น ท่านจอมมารคงจะไม่โกรธหรอกใช่ไหม?ถึงแม้คืนนี้จะไร้ซึ่งแสงจันทราแต่ทว่าสายตาของหมิงหลันกลับมองเห็นใบหน้าของท่านจอมมารได้อย่างชัดเจน หมิงหลันดึงกางเกงของเขาออกช้าๆ นางยกมือขึ้นไปกอบกุมตัวตนของเขาเอาไว้มันอุ่นและร้อนมากส่วนรูปร่างและขนาดของมันดูจะใหญ่กว่ารูปภาพในตำราอยู่บ้างมือของนางพยายามกำรอบๆ และลองขยับฝ่ามือเบาๆดู หัวใจของหมิงหลันมันราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบเคล้นหัวใจของนางอย่างแรงมีทั้งความรู้สึกตื่นเต้นและสุขล้นในใจ“อึก!”หมิงหลันตกใจที่ได้ยินเสียงครางของท่านจอมมาร ทว่าพอเธอมองไปที่ใบหน้าของเขา ดวงตาของท่านจอมมารยังคงหลับอยู่หมิงหลันถอนหายใจอย่างโล่งอก หัวใจของนางมันพลันเต้นแรงอีกครั้ง เธอก้มมองที่ฝ่ามือก็พบว่าตรงส่วนปลายสีลูกท้อของเขามีน้ำไหลซึมออกมาจนเลอะมือของเธอตะ..ต้องทำเช่นไรกับน้ำไหลออกมากันนะ..จริงสิ เธอเคยเห็นในตำราว่ามีการวาดรูปสตรีกำลังดูดกลืน…แท่งทวนอยู่!!
ดอกท้อสีชมพูกำลังบานสะพรั่งเมื่อถึงยามวสันตฤดู ที่แดนบุพผาบนสรวงสวรรค์มิได้มีดอกท้อเช่นเมืองมนุษย์ ที่นั่นมีเพียงต้นท้อพันปีที่มิเคยผลิดอกออกมาให้เห็น การได้มาชมดอกท้อที่กำลังผลิบานเช่นนี้ดียิ่งนัก"งดงามมากใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเทพบุพผาน่าจะชอบดอกไม้ ดินแดนมนุษย์ยังมีสระบัวขนาดใหญ่ ทว่าอยู่ไกลจากที่นี่ยิ่งนัก หากจะไปที่นั่นย่อมต้องใช้เวลาหลายวัน"หลี่เจ๋อฮั่นยกไหสุราขึ้นมาดื่มพร้อมทั้งนั่งลงที่ใต้ต้นท้อ"เมื่อคืนเป็นอย่างไร?"หมิงหลันก้มมองข้อมือที่ยังมีรอยแดงจากการถูกมัด ใบหน้าที่งดงามยกยิ้ม"อย่างน้อยข้าก็ได้นอนร่วมเตียงกับท่านจอมมาร ได้ห่มผ้าผืนเดียวกันด้วย..."หลี่เจ๋อฮั่นเงยหน้าขึ้นมองไป๋หมิงหลัน ทุกคราที่กล่าวถึงพี่ใหญ่ดวงตาของนางจะเป็นประกายออกมา เหตุใดนางถึงได้ปักใจกับพี่ใหญ่ขนาดนั้นกันนะ ทั้งที่ใบหน้าเช่นนางจะหาสัจจะเทพสักองค์มาครองรักด้วยก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายแท้ๆ"แล้วคืนนี้จะทำเช่นไร""ท่านจอมมารกล่าวว่า หากข้าแอบเข้าไปที่ห้องนอนของเขาอีก ท่านจอมมารจะส่งข้ากลับแดนบุพผา""อ่า ช่างร้ายแรงยิ่งนัก""เป็นคำขู่ที่ข้ามิอาจฝ่าฝืนได้เลย เจ๋อฮั่นเผ่ามารของเจ้าเมื่อใดจะถึงค
หลี่เจ๋อเชี่ยนก้มมองดวงหน้าที่งามล้ำในอ้อมแขน"เหตุใดถึงต้องการร่วมเตียงกับข้ามากมายถึงขนาดนั้น ข้าได้บอกกล่าวเอาไว้แล้วว่าการร่วมเตียงของเรานั่นคือหน้าที่ มิได้มีความรักปะปนอยู่เลย..."ไป๋หมิงหลันปรือตาขึ้นมามองหน้าของเขา รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง เรือนแก้มขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยฤทธิ์ของสุรา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงน่ามองมากทีเดียว"ในค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกโปรยปรายลงมา หมู่มวลดอกไม้ต่างผลิบานออกมารับลมฝน ข้าลงมาจากแดนสวรรค์เพื่อตามหาปราณเซียนและเพื่อมาเผชิญคราวเคราะห์ ทว่ากลับถูกปีศาจชั้นต่ำแย่งชิงปราณเซียนไป ตัวข้าในยามนั้นยังอยู่ในวัยเยาว์ ไร้ซึ่งพลังที่จะมาต่อสู้..."ดวงตากลมโตของหมิงหลันช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขา สายตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จับจ้องที่ใบหน้าของหลี่เจ๋อเชี่ยนด้วยความหลงใหล"วันนั้นข้าอาจจะตาย หากมิได้ท่านจอมมารยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ""เทพบุปผาไร้ซึ่งประสบการณ์เรื่องความรักถึงขนาดที่พบเห็นความเมตตาเพียงน้อยนิดของข้า ก็ทึกทักไปเองว่าข้านั้นสนใจนั้นตัวเจ้างั้นหรือ?""หามิได้ ข้ารู้ดีว่าท่านคือจอมมารปกครองเผ่ามารที่แสนจะยิ่งใหญ่ และข้าคือเทพบุปผาตัวน้อย
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส