หลังจากที่ตื่นเช้ามา หมิงหลันก็จัดเตรียมอาหารมื้อเช้าแบบง่ายๆ ให้กับเซียนน้อย
“ไม่คิดเลยว่าท่านเทพบุปผาจะทำอาหารอร่อยมากขนาดนี้นะขอรับ ข้าได้ยินว่าท่านถนัดเรื่องการหมักสุรามากที่สุด” หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางถ้วยน้ำแกงให้กับเซียนน้อย “เรื่องการหมักสุราของข้า เอาไว้เจ้าโตมากกว่านี้อีกหน่อยข้าจะให้เจ้าชิมก็แล้วกัน” “อ่า ท่านกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้ข้าอยากโตไวๆ ซะแล้ว ว่าแต่ข้าวของมากมายในหีบไม้นั่นท่านจะขนย้ายไปเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือขอรับ ไหนๆ ข้าก็ว่างแล้ววันนี้ให้ข้าช่วยท่านเทพบุปผาขนย้ายข้าวของไปเถิด คิดซะว่าเป็นการตอบแทนค่าข้าวมื้อนี้ก็แล้วกัน” หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเขาก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาลูบผมสีดำที่ยาวสลวยของเขาด้วยความเอ็นดู “เจ้าเป็นเด็กดีมากจริงๆ ด้วยสินะเซียนน้อย เพียงแต่ข้าไม่กล้ารบกวนเจ้าหรอก” “รบกวนอะไรกัน ข้าต่างหากที่มารบกวนท่าน อีกไม่นานข้าจะต้องกลับไปยังเผ่าวิหคของข้าแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบเจอท่านเทพบุปผาอีก ให้ข้าช่วยท่านเถอะ” นางมิอยากรบกวนแต่ทว่าก็ทนความน่ารักกับลูกอ้อนของเซียนน้อยไม่ไหวเหมือนกัน “เช่นนั้น..ก็ขอรบกวนเจ้าแล้วเซียนน้อย” เซียนน้อยยกถ้วยน้ำแกงขึ้นมาซดพร้อมกับส่งยิ้มให้กับหมิงหลันด้วยรอยยิ้มที่เจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน “รบกวนอะไรกัน ข้าเต็มใจเป็นสุภาพบุรุษที่คอยช่วยเหลือหญิงงามอย่างท่านเทพบุปผา” หลังจากเก็บของเสร็จแล้วหมิงหลันก็เขียนจดหมายเอาไว้หนึ่งฉบับเพื่อบอกกล่าวแก่ท่านพี่ไป๋เฉียน นางจำเป็นต้องเขียนจดหมายเพราะหากไปบอกต่อหน้าแล้วล่ะก็ท่านพี่ไป๋เฉียนไม่มีทางยินยอมให้นางไปเป็นแน่ เรื่องราวหลังจากนี้ก็ต้องโยนให้เป็นหน้าที่ของท่านเทพม่อเกวียนที่จะต้องอธิบายเพื่อให้ท่านพี่ไป๋เฉียนเข้าใจ หมิงหลันกวาดสายตามองความสวยงามในดินแดนบุปผาอีกครั้ง นางอยู่ที่นี่มานาน เมื่อครั้งที่ต้องจากไปยังเผ่ามารกลับมิได้อาลัยอาวรณ์ถึงเพียงนี้เพราะว่านางรู้ว่าตัวเองจะต้องได้กลับมา แต่การเดินทางกลับไปครั้งนี้มิรู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่ เพราะนางไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว.. “ไปกันเถอะเซียนน้อย” ........... หลี่เจ๋อฮั่นกลับมาที่เผ่ามารด้วยสภาพที่ยังไม่ค่อยสร่างเมาสักเท่าไหร่ บนสวรรค์ชั้นฟ้าก็นับเป็นสถานที่ดีๆ ที่ควรค่าให้ไปเยือนอีกหลายๆ ครั้งเลย เทพีที่นั่นงดงามมากกว่ามนุษย์อีกทั้งแต่ละนางยังช่ำชองเรื่องอย่างว่าจนเขาไม่ต้องเอ่ยปาก ทุกอย่างมันดีไปหมดเพียงแต่ว่าหางตาของเขากลับไม่เห็นแม้เงาของพี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าพี่ของเขานั้นคือบุรุษโง่งมขนาดที่มองเห็นบัตรเชิญที่ได้มาอย่างยากลำบากของเขาเป็นเพียงเศษกระดาษหรอกใช่ไหม? เขาต้องกลับมาก่อนงานเลิกตั้งหลายวันเพื่อที่จะลงมาด่าทอพี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงกำลังล้มตัวนอนลงไปบนปุยเมฆแล้วเริงรักกับเทพีผู้งดงามอยู่เป็นแน่ เจ๋อฮั่นเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของพี่ใหญ่ เขาไม่เห็นใครอยู่ในห้องเลย และเมื่อเหลือบไปมองดูบนโต๊ะที่เขาวางบัตรเชิญเอาไว้ ก็พบว่าบัตรเชิญของเขานั้นหายไป.. หลี่เจ๋อฮั่นส่งเสียงร้องหึ ออกมาเบาๆ “ไปสินะ ไปหาหมิงหลันแล้วสินะ ปลอมตัวไปรึไงกัน ข้าถึงมองหาท่านไม่เจอ ช่างร้ายกาจจริงๆ ท่านพี่” เสียเวลาชะมัดเลย เขาเสียเวลาในการเป็นห่วงพี่ใหญ่ไปโดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ และเมื่อหลี่เจ๋อฮั่นเดินออกมาด้านหน้าห้องของพี่ใหญ่เขาก็พบเจอท่านแม่ที่กำลังยืนเท้าเอวมองเขาอยู่ “เจ๋อฮั่น!! นี่เจ้ากล้าลักลอบไปที่เมืองสวรรค์มาอย่างนั้นหรือ แล้วกลิ่นหอมบนตัวของเจ้ามันคืออะไรกัน มิใช่ว่าเจ้า...” อ่า..ท่านแม่กำลังโกรธเขาอยู่เป็นแน่ หลี่เจ๋อฮั่นไม่รอช้าเขารีบเดินเข้าไปหาท่านแม่ก่อนจะยกมือขึ้นมาโอบกอดท่านแม่เอาไว้ “ข้าไปปรับความเข้าใจกับหมิงหลันต่างหาก ข้ากับหมิงหลันในยามนี้คือสหายกันเท่านั้น และข้าได้มอบตำแหน่งพี่สะใภ้ให้นางไปแล้ว..กลิ่นสุราและกลิ่นหอมของสตรีที่ติดอยู่บนร่างกายของข้ามันคือหนทางบรรเทาทุกข์ โอ๊ย!!” เทพซื่อมิ่งใช้พัดในมือตีลงไปบนศีรษะของเจ้าลูกชายตัวดี ที่วันๆ เอาแต่ร่ำสุราและหยอกเย้ากับหญิงงามไปทั่ว นางมิรู้ว่าในยามนี้ผู้ที่ควรจะห่วงใยคือใครกันแน่ คือเจ๋อเชี่ยนผู้ไม่ยอมเปิดใจรักใครหรือว่าคือเจ๋อฮั่นที่เล่นสนุกกับสตรีไปเรื่อยๆ เช่นนี้ เหตุใดลูกทั้งสองคนของนางถึงไม่มีความพอดีอยู่เลย หากเจ๋อฮั่นแบ่งความมากรักของเขามาให้เจ๋อเชี่ยนสักหน่อย เทพซื่อมิ่งคิดว่านางจะต้องสบายใจมากกว่านี้เป็นแน่ “เรื่องที่เจ้าไปปรับความเข้าใจกับหมิงหลัน แถมยังไปตามหาบัตรเชิญมาให้ท่านพี่ของเจ้า เรื่องนั้นนับว่าเจ้าเติบโตขึ้นมากแล้วจริงๆ เจ๋อฮั่น เพียงแต่การที่เจ้าไปเที่ยวเล่นกับเทพีบนสรวงสวรรค์เช่นนั้น ในอนาคตอันใกล้ยามที่เจ้าต้องแต่งงาน จะไม่มีสตรีใดทำใจรับรักบุรุษเจ้าชู้หลายใจเช่นเจ้าได้” หลี่เจ๋อฮั่นขมวดคิ้ว “ใครจะแต่งงานกัน ท่านแม่ ให้พี่ใหญ่กับหมิงหลันแต่งงานกันก่อนเถิด ส่วนตัวข้านั้นยังไม่รีบร้อน..ไม่รีบร้อน อีกสักพันปีหมื่นปีค่อยว่ากัน” หลังจากกล่าวจบหลี่เจ๋อฮั่นก็หอมแก้มของท่านเทพซื่อมิ่งเบาๆ “เจ๋อฮั่นเจ้าจะไปไหน!!” “ข้ามีนัดกับเทพีนางหนึ่งเอาไว้ ท่านแม่อย่าขัดขวางความสุขของข้าเถิด ข้าสาบานเลยว่าอีกหมื่นปีข้าจะทำตัวดีขึ้นและตามหาลูกสะใภ้มาให้ท่านอย่างแน่นอน” หลังจากกล่าวจบหลี่เจ๋อฮั่นก็เร่งรีบวิ่งหนีไปในทันที ทิ้งให้ท่านเทพซื่อมิ่งยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ ด้วยอาการปวดหัว “ฮูหยิน ปล่อยเขาไปเถอะน่า” ท่านอดีตจอมมารเดินเข้ามาหาภรรยาที่รักของเขา “ข้าก็ทำได้เพียงมองเท่านั้น ลูกชายสองคนของเรา เหตุใดถึงเลี้ยงยากเลี้ยงเย็นเช่นนี้กันท่านพี่” อดีตจอมมารหัวเราะร่า “หน้าที่ของพ่อแม่ คือการเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่ห่างๆ เวลาและผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของพวกเขาจะทำหน้าที่เป็นอาจารย์ในการสอนสั่งประสบการณ์ในเรื่องที่เราสอนไม่ได้ให้พวกเขาเอง เจ๋อเชี่ยนในยามนี้กำลังอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้ามิใช่หรือ เช่นนั้นเรื่องลูกสะใภ้เจ้าก็สามารถคลายกังวลไปได้อีกหน่อยแล้ว คนอย่างเจ๋อเชี่ยนหากเขาไม่สนใจ เขาไม่มีทางเดินทางไปหาหมิงหลันหรอกน่า” เทพซื่อมิ่งถอนหายใจเบาๆ “ด้ายแดงพัวพันเป็นปมทบไปทบมา มิรู้ว่าเจ๋อเชี่ยนไปทำกรรมอันใดไว้ วาสนาความรักของเขาในชาตินี้ถึงได้ยากเย็นยิ่งนัก”หมิงหลันกำลังจัดข้าวของทั้งหมดของนางเข้าชั้นด้วยใบหน้าที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนเซียนน้อย เขากำลังนั่งดื่มชากับขนมที่นางจัดเตรียมเอาไว้ให้“ในระหว่างที่ข้ากำลังจัดของ เหตุใดเจ้าไม่เล่าเรื่องพี่ชายของเจ้าให้ข้าฟังต่อเล่า”เซียนน้อยยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่มก่อนที่เขาจะวางขนมในมือลงบนจาน“หลังจากที่เซียนน้อยคนงามกลับขึ้นไปบนดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า พี่ชายของข้าทนพิษความเจ็บปวดไม่ไหว เขาจึงได้ทำสงครามกับชาวสวรรค์เพื่อทวงคืนสตรีที่ควรจะเป็นของเขา”หมิงหลันที่กำลังพับผ้าอยู่ถึงกับชะงักในคำเล่าขานของเซียนน้อย“ก่อสงครามเลยอย่างนั้นหรือ? ..”“ด้วยพลังของพี่ชายข้า ท่านสามารถเอาชนะเทพสงครามของสวรรค์ได้อย่างง่ายๆ แต่ที่ท่านต้องถอยทัพกลับเพราะเซียนน้อยผู้นั้นมาร้องขอท่านพี่ของข้าว่าให้ท่านพี่กลับไปเสีย นางรักและเลือกที่จะอยู่กับเทพเซียนบนสวรรค์ เซียนน้อยผู้นั้นอยากจะเป็นเทพีมิได้อยากเป็นภรรยาของพี่ชายข้า”หมิงหลันเก็บผ้าใส่ตู้เรียบร้อยแล้วนางจึงเดินมานั่งข้างๆ กับเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวขนมจนแก้มพองออกมา เขาดูน่ารักและเดียงสามากเลยนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่มุมปากของเขาเบาๆ“ดูเหมือนว่าพี่ชายของเจ้าจะได้พบ
เมื่อเห็นว่าไป๋เฉียนที่กำลังมีโทสะอัดแน่นอยู่ในใจ นางในยามนี้โกรธเคืองเขามากทีเดียว ม่อเกวียนพาไป๋เฉียนออกด้านนอกงานเลี้ยงเพื่อมาพูดคุยกับนาง“ไป๋เฉียน หมิงหลันตั้งใจไปเอง เหตุใดเจ้าไม่เคารพความต้องการของน้องสาวเล่า”ไป๋เฉียนขบเม้มริมฝีปาก“ข้าพร้อมจะเข้าใจความต้องการของนางเสมอ แต่ข้าอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใด ข้าอยากรู้ว่านางสบายดีหรือไม่และอยากรู้ว่าเหตุผลอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้นางหลบหนีไปแบบนั้น?”ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน หมิงหลันไม่สดใสเหมือนกับหมิงหลันคนเดิม นางเอาแต่นอนอยู่ในทุ่งดอกไม้ ทานเพียงแค่น้ำชา ไม่ค่อยทานข้าวแต่ยังดีหน่อยที่หมิงหลันไม่ได้ดื่มสุรามากมายดังที่นางคิดเอาไว้ ทั้งๆ ที่หมิงหลันชื่นชอบสุรามากแท้ๆ ..แต่นางกลับไม่แตะต้องสุราเลยไป๋เฉียนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของท่านเทพม่อเกวียน ไม่ใช่ว่าอาการแปลกประหลาดเหล่านั้นมันมาจากการตั้งครรภ์หรอกหรือ?“ท่านเทพม่อเกวียนไม่ใช่ว่าหมิงหลันตั้งครรภ์อยู่...”ม่อเกวียนถอนหายใจเบาๆ“ไป๋เฉียน หมิงหลันไม่ใช่เด็ก และนี่คือทางที่นางเลือกแล้ว นางจะปลอดภัยดีเพราะอย่างนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนางหรอกนะ ข้าเชื่อว่านางจะกลับมาหาเจ้าในวันที่สภาพจิตใจของนางพร
ดวงตาคมของหมิงหลันสั่นระริก เมื่อนางมองเห็นบุรุษผู้อยู่ในดวงใจ ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูบ้านหลังน้อยแห่งนี้แทนที่จะเป็นเซียนน้อยที่พึ่งจะวิ่งจากไปในใจสั่นไหวจนฝ่ามือเล็กๆ ของนางจะต้องยกขึ้นมากอบกุมหัวใจเอาไว้ด้วยความประหม่า นางมิคิดว่าจะได้พบเจอบุรุษที่นางไม่อยากพบเจอที่สุดเรียวคิ้วกระบี่ของเขามิได้ฉายแววแปลกใจสักเท่าไหร่ที่ได้เห็นนาง ราวกับว่าเขาล่วงรู้อยู่แล้วว่านางอยู่ที่นี่ สีหน้าของเขาเรียบเฉยในขณะที่มุมปากของท่านจอมมารยกสูงขึ้นเล็กน้อย“เทพบุปผาไป๋หมิงหลัน มิใช่ว่าในยามนี้เจ้าควรจะเชื้อเชิญข้าเข้าไปดื่มชาด้านใน...”“ปัง!!”สิ่งที่ไวกว่าอะไรทั้งหมดคือมือที่ดึงประตูปิดของหมิงหลัน นางลงกลอนพร้อมๆ กับเดินมานั่งที่ตั่งตัวยาวริมฝีปากเม้มๆ คลายๆ สลับไปมาด้วยความชั่งใจเขามาที่นี่ได้อย่าง? มิใช่ว่าที่นี่มีเพียงแค่นางและท่านเทพม่อเกวียนเท่านั้นที่รู้หรอกหรือ ท่านจอมมารไม่น่ารู้จักที่นี่..ความสับสนอลม่านตีกันอยู่ในหัว หมิงหลันพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก นางรู้ว่าไม่ควรปิดประตูใส่หน้าท่านจอมมารเช่นนั้น แต่ทว่านางก็..มิรู้ว่าจะทำหน้าเช่นไรเมื่อเจอเขามิใช่ว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบเจอหน้ากัน เข
ดวงตาเรียวหมองลงมากกว่าเดิม หมิงหลันหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมๆ กับเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองใบหน้าของท่านจอมมาร“ข้าไม่รู้ว่าจะกลับไป..ยังเผ่ามารด้วยเหตุผลเช่นไรดี ข้าคือสตรีที่เดินทางไปยังเผ่ามารเพื่อให้กำเนิดลูกของท่าน แต่ทว่าข้าไม่อาจกระทำตามหน้าที่ได้ เป็นเรื่องสมควรแล้วที่ท่านจอมมารขับไล่ข้าออกมา แล้วจะให้ข้ากลับไปที่เผ่ามารอีกครั้งในครานี้..เพื่อการใดกันเล่าเจ้าคะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนพูดไม่ออก หมิงหลันกล่าวออกมาได้เสียดแทงหัวใจของเขายิ่งนัก และท่าทีอาการดื้อดึงของนางในยามนี้ มันบ่งบอกกับเขาได้เลยว่านางไม่ยอมเขาง่ายๆ เช่นเคยเป็นแน่เขาไม่โทษนางเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเขาคือคนผิด และดูเหมือนว่าเขาควรจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวคำขอโทษออกไปก่อน ถึงจะถูกต้องและเหมาะสมมากกว่าการมากล่าวชวนนางกลับไปยังเผ่ามารเช่นนี้“หมิงหลัน..ข้าขอ..”“ผลัวะ!!!”ประตูไม้ถูกถีบออกอย่างแรงจนบานประตูแตกกระจายเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมิงหลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อนางเห็นผู้ที่เดินเข้ามาด้านใน“ท่านพี่ไป๋เฉียน..”ไป๋เฉียนยังคงอยู่ในชุดแต่งงาน นางสวมชุดสีขาวและมงกุฎหงส์บนศีรษะ ทว่าใบหน้างามล้ำกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา“
เมื่อทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว จนในบ้านหลังน้อยเหลือเพียงแค่หมิงหลันและท่านจอมมาร หมิงหลันก็สูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา“ข้า..”“ไปกับข้า แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถปฏิเสธได้ ของพวกนี้ข้าจะสั่งให้คนมาขนไปให้ภายหลัง”เมื่อกล่าวจบหลี่เจ๋อเชี่ยนก็จับมือของหมิงหลันเอาไว้ในทันที เขามองหน้านางที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยนหลี่เจ๋อเชี่ยนไม่คิดจะพาหมิงหลันไปที่เผ่ามาร เพราะดูเหมือนว่าพี่สาวของนางพร้อมที่จะไปอาละวาดที่นั่นได้ในทุกเมื่อ ยามนี้เขาไม่สนใจอะไรก็จริงอยู่แต่เขาไม่ต้องการให้ท่านพ่อและท่านแม่ลำบากด้วย อีกทั้งเขายังต้องการเวลาที่จะอยู่กับนางตามลำพังสักร้อยปี หรือสองร้อยปีเพื่อให้เรามีความเข้าใจที่ตรงกันหมิงหลันยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวนางก็ถูกเขาพามายังบ้านหลังน้อยที่ขนาดไม่แตกต่างกับบ้านที่นางอยู่เลยที่ด้านหน้าของบ้านมีสระบัวขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับสระบัวในเผ่ามารที่นางชอบนั่งมอง ส่วนด้านในมีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องครัวเล็กๆ และเก้าอี้ตัวน้อยสอง สามตัว“ท่านจอมมาร พี่สาวข้าจะต้อง..”เขายกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของหมิงหลันเพื่อไม่ให้นางได้มีโอกาสพูดต่อ“ข้า
หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นเป็นอย่างไรในยามนี้หลี่เจ๋อเชี่ยนประสบพบเจอด้วยตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้ว เขาบรรจงถอดอาภรณ์ของหมิงหลันออกอย่างเบามือในขณะที่นางยังคงตกใจกับการกระทำของเขาหมิงหลันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้เพื่อเป็นการห้ามปราม“เจ้าเขินอายอันใดกัน มิใช่ว่าวันนั้นร่างกายนี้ถูกข้าสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วอย่างนั้นหรือ?”ไม่เหมือนกันสักนิด นางในยามนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่และ..นางไม่อาจกระทำเรื่องที่รุนแรงเช่นนี้ได้“ไม่ได้เจ้าค่ะ..”“....”ยามนี้หลี่เจ๋อเชี่ยนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าที่ผ่านมาเขาทำผิดพลาดตรงไหนกัน นางถึงได้..ไม่มีทีท่าว่าจะยินยอมเขาเช่นนี้ครั้งที่แล้ว..มันห่วยมากงั้นเรอะ!ก็..ในยามนั้นเขาเมาจะให้เขามานั่งอ่อนโยนกับนางคงมิได้ อีกทั้งนางยังหวานล้ำขนาดที่สามารถฉีกทึ้งสติของเขาได้ในทันทีที่เขาล่วงล้ำเข้าไป“..แน่นอนว่าครั้งนี้ข้ามิได้เมามายเช่นครั้งก่อน หมิงหลัน..เพื่อเจ้าแล้วข้าล้วนยินยอมอ่อนโยน”คราแรกหมิงหลันมิรู้ว่าจะกล่าวกับท่านจอมมารเช่นไรดีว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าหากไม่บอกกล่าวออกไปตรงๆ เขาจะไม่ยอมเข้าใจนางแล้วดึงดันจะกระทำเรื่องเช่นนั้น..“ท่านจอม
ม่อเกวียนหลับตาลงช้าๆ ด้วยความเจ็บปวด เขายืนมองเทียนจุนที่กำลังส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้เขา “เทียนจุน หมิงหลันมิได้รักเจ้า หรือหากจะพูดให้ถูกคือนางไม่เคยรักใครเลยนอกจากท่านจอมมาร คำกล่าวของเทพีเสวียนม่านเป็นเพียงเรื่องราวที่นางแต่งขึ้นมา..” ราวกับถูกเข็มแหลมทิ่มแทงข้างในใจ เทียนจุนทรุดนั่งลงบนพื้นที่เย็นข้างๆสระดอกเหลียนฮวาที่ในอดีตหมิงหลันเป็นผู้ดูแล เราต่างหลงว่ายวนอยู่ในวังวนแห่งความรัก เช่นเดียวกับปลาตัวน้อยที่ว่ายวนอยู่ในอ่างบัว แต่ไหนแต่ไรม่อเกวียนคือเทพที่ไม่เคยโกหก สหายผู้นี้หวังดีกับเขามากกว่าใครทั้งนั้น เพราะอย่างนั้นสิ่งใดก็ตามที่ม่อเกวียนกล่าวออกมา มันล้วนแล้วแต่เพราะสหายผู้นี้หวังดีต่อเขา เมื่อได้ลองคิดดูดีๆ แล้ว หมิงหลันไม่เคยมองเขาในฐานะชายคนรักเลยสักครั้งเดียว นางมองเขาด้วยแววตาแบบเดียวกันกับที่นางมองไป๋เฉียนพี่สาวของนาง.. สำหรับหมิงหลันแล้ว เขาไม่เคยเป็นอะไรที่เกินเลยไปมากกว่าคำว่าพี่ชาย อันที่จริงหากว่าเขามีสติมากกว่านี้อีกหน่อย เขาคงจะมองออกถึงเจตนาของเทพีเสวียนม่าน ว่าสตรีผู้นั้นต้องการอะไร นางแค่ต้องการหลอกใช้เขา เพื่อให้เขาแย่งชิงหมิงหลันมาจากอ้อมแข
นิ้วมือของเจ๋อเชี่ยนไล้ไปตามกรอบหน้างามนั่นช้าๆ เขาพรมจูบไปตั้งแต่หน้าผาก ไล้ลงมาที่เปลือกตา จูบไล่มาเรื่อยๆ จนถึงแก้มขาวนวล“มีใครเคยกล่าวหรือไม่ว่าเจ้าช่าง..งดงามมากเหลือเกิน”นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เขากล่าวชมออกมาว่านางนั้นงดงาม เท่าที่จำได้ที่ผ่านมาท่านจอมมารมีแต่จะทำเย็นชาใส่นางเท่านั้น“มี..เยอะเจ้าค่ะ แต่ไม่มีเลยสักคนที่ชมข้าว่างดงามแล้วข้าจะดีใจเท่ากับที่ท่านชมเชยข้า”หลี่เจ๋อเชี่ยนไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี หมิงหลันทำให้เขาตกหลุมรักนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า..เขาหวนคิดไปถึงคืนวันหนึ่งที่เขาพึ่งจะกลับจากการตรวจตราเขตแดน“เอาไปไม่ได้นะเจ้าคะ!! หากว่าท่านปีศาจงูเอาปราณเซียนของข้าไป ข้าจะกลับไปที่สวรรค์ชั้นฟ้ามิได้อีก..ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ข้าแบ่งปราณเซียนให้ท่านก็ได้ เพียงแต่ท่านจะต้องให้ข้าเหลือเอาไว้..”“มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องฟังคำเจ้า นี่คือเมืองมนุษย์ ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ส่วนผู้ที่อ่อนแอจะต้องตาย นั่นคือสัจธรรมอย่างหนึ่ง เซียนเช่นเจ้าจะต้องเข้าใจสิ!!”หลี่เจ๋อเชี่ยนปรายตามองไปยังป่าไผ่ที่เขากำลังเดินผ่าน หางตาของเขาเหลือบไปมองเจ้าของเสียงที่สั่นเครือนั่นเขาไม่อยากเข้าไปวุ่นวายสักเท่า
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส