“ข้าได้ยินมาว่าท่านม่อเกวียนส่งเทพบุปผาไปให้จอมมารอย่างนั้นหรือ?”
ม่อเกวียนเงยหน้าขึ้นมาจากม้วนกระดาษมากมายเบื้องหน้า เมื่อเขามองเห็นเทพีเสวียนม่านที่กำลังเดินเข้ามาเขาก็ก้มหน้าลงเพื่อตวัดพู่กันลงไปบนกระดาษ มิชายตามองหรือสนใจในคำถามของเทพีเสวียนม่านเลยแม้แต่น้อย เสวียนม่านขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ท่านเทพม่อเกวียนข้าเพียงอยากรู้เรื่องของเทพบุปผาผู้นั้น อย่างน้อยครั้งหนึ่งข้าก็เคยอาศัยอยู่ที่เผ่ามาร ข้าจะได้แนะนำนางถูกว่าจะต้องทำเช่นไร..” “เสวียนม่าน กลัวผู้อื่นมิรู้หรืออย่างไรว่าก่อนมาเป็นเทพีเจ้าเคยอยู่ที่ใดมาก่อน งานของข้านั้นยุ่งยากยิ่งนัก มิได้มีเวลามาเสวนาเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเจ้าหรอกนะ” เสวียนม่านกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก นางเพียงต้องการรู้ข่าวคราวของท่านจอมมารก็เท่านั้นเอง “เช่นนั้นม่านม่านมิรบกวนท่านม่อเกวียนแล้วเจ้าค่ะ” แต่ไหนแต่ไรท่านเทพม่อเกวียนไม่ค่อยชอบนางสักเท่าไหร่ เพราะเขายังคิดว่าสงครามเมื่อสองร้อยปีก่อนมีฉนวนเหตุมาจากนาง ทั้งๆ ที่เสวียนม่านบอกกล่าวท่านจอมมารไปแล้วว่านางเลือกองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวมิใช่เขา นางอยากเป็นสตรีที่ทรงอำนาจมากที่สุดในสวรรค์ชั้นฟ้า มิใช่นางมารที่ต้องอยู่เผ่ามารไปชั่วชีวิต รักในวัยเยาว์นั้นทำให้นางหลงผิดคิดว่าหลี่เจ๋อเชี่ยนคือบุรุษที่นางรัก แต่ทว่าความรักมันไม่ใช่ทุกสิ่ง อำนาจต่างหากที่คงอยู่ตลอดไป..เพราะอย่างนั้นเสวียนม่านจริงปล่อยมือจากหลี่เจ๋อเชี่ยนแล้วเดินเข้าไปหาจงจิ้งโหวแทน แต่ทว่าเมื่อได้ยินข่าวคราวจากเซียนน้อยว่าเทพบุปผาไป๋หมิงหลันถุกส่งไปยังเผ่ามารเพื่อให้กำเนิดองค์รัชทายาทเผ่ามาร ในใจของเสวียนม่านก็มีเส้นความขัดแย้งพาดผ่าน นางร้อนรนไปหมดเพราะว่านางเคยเห็นใบหน้าของเทพบุปผาไป๋หมิงหลันมาก่อนแล้ว สตรีผู้นั้นงดงามยากจะหาสิ่งใดเปรียบเทียบ นางที่ไม่เคยเป็นรองผู้ใดยังต้องจำใจเป็นรองเทพบุพผาทั้งสองนาง เช่นนั้นแล้ว..เจ๋อเชี่ยนจะหวั่นไหวไปกับหมิงหลันรึเปล่านะ สตรีผู้นั้นจะสั่นคลอนหัวใจที่ปิดตายของเขาได้หรือไม่? ถึงแม้ว่านางจะเลือกจงจิ้งโหวแล้ว แต่ทว่าในใจยังมีสายใยรักหลงเหลือให้หลี่เจ๋อเชี่ยนอยู่ไม่น้อย ไม่ได้การ เรื่องนี้เห็นทีว่าจะต้องส่งคนไปสืบให้แน่ชัด ว่าท่าทีที่หลี่เจ๋อเชี่ยนมีต่อเทพบุพผาหมิงหลันเป็นเช่นไร ไม่นานนักสาวใช้ของเสวียนม่านก็ได้นำข่าวมารายงานนาง ความสัมพันธ์ของท่านจอมมารและเทพบุปผาไม่สู้ดีนัก อีกทั้งคนทั้งสองยังมิได้เข้าหอกันเลย ไม่มีพิธีแต่งงานหรือว่างานเลี้ยงใดๆ ถูกจัดขึ้นมาในเผ่ามาร เช่นนั้นเทพบุปผาคนงามคงมีหน้าที่แค่ใช้ความงดงามบนใบหน้านั้นประดับตกแต่งอยู่ในเผ่ามารเพื่อเป็นอาหารตาแก่มารน้อยทั้งหลาย ไม่มีเรื่องใดให้ต้องเป็นกังวลอีกแล้ว หลี่เจ๋อเชี่ยนนั้นยังคงรักข้าอยู่ ไม่ว่าเมื่อใดบุรุษผู้นั้นก็ยังคงปักใจในตัวข้า ต่อให้มีเทพบุปผาอีกสักกี่นางถูกส่งลงไปที่เผ่ามารเขาก็ไม่มีทางจะปันใจให้สตรีใด ริมฝีปากของเสวียนม่านแย้มยิ้มออกมาด้วยความเอียงอาย นางควรจะได้ครอบครองทั้งหมดสิ ทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าและเผ่ามาร สตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในสี่ทะเลแปดดินแดนควรจะเป็นเสวียนม่านผู้นี้ ......... “หมิงหลัน คืนนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงมิใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังมานั่งพรวนดินอยู่ตรงนี้อีก” หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับท่านเทพซื่อมิ่ง “ข้าชื่นชอบการปลูกดอกไม้เป็นที่สุด อีกทั้งนี่พึ่งจะช่วงสาย ยังมีเวลาในการเตรียมตัวอีกนานเจ้าค่ะท่านเทพซื่อมิ่ง” เทพซื่อมิ่งนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อมองดูสาวงามปลูกดอกไม้ด้วยท่าทีคล่องแคล่ว “ข้าเคยได้ยินมาว่าเจ้าเกิดมาจากดอกสาลี่อย่างนั้นหรือ ดอกไม้ที่สวยงามและบริสุทธิ์เช่นนั้นเหมาะสมกับเจ้ายิ่งแล้ว” หมิงหลันหัวเราะเบาๆ “ดอกไม้ล้วนแล้วแต่สวยงามทุกชนิด ในสายตาของข้าไม่ว่าจะดอกไม้ชนิดไหนก็ล้วนสวยงามทั้งนั้นเจ้าค่ะ” หมิงหลันวาดมือไปมาในอากาศเกิดเป็นดอกมู่ตาลสีชมพูอ่อนดอกใหญ่เท่าชามข้าว ร่วงหล่นลงมาในมือของนาง นางเดินเข้าไปหาท่านเทพซื่อมิ่งก่อนจะส่งดอกมู่ตานขนาดใหญ่นี้ให้ “สองมือของเจ้า โอบอุ้มเพียงแต่ดอกไม้สินะ หมิงหลันดอกสาลี่นั้นหมายถึงความรักอันบริสุทธิ์..เช่นเดียวกันกับความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อเจ๋อเชี่ยนเลยใช่หรือไม่” เทพซื่อมิ่งยื่นมือมารับดอกมู่ตานในมือของหมิงหลันด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “ความรักของข้านั้นล้วนแล้วแต่บริสุทธิ์ เพียงแต่ในบางครั้งเจตนาของข้าที่มีต่อท่านจอมมารไม่ค่อยจะบริสุทธิ์สักเท่าไหร่เจ้าค่ะ” เทพซื่อมิ่งหัวเราะเสียงดังกับคำกล่าวของหมิงหลัน “ข้าชอบเจ้านะเด็กน้อย ถึงแม้จะอยากร้องขอให้เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไปแต่ข้าก็ไม่มีอำนาจที่จะกระทำเช่นนั้น เจ้ารู้ดีกว่าใครว่าข้าคือเทพที่ขีดเขียนโชคชะตาให้กับมนุษย์ แต่ครั้งนี้โชคชะตาความรักของลูกชายข้า ข้ามิอาจแตะต้องได้ พยายามให้มากเข้าใจไหมหมิงหลัน เจ๋อเชี่ยนเคยพบเจอความรักที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาอย่างมากในการเยียวยาจิตใจของเขาและต้องใช้ความรักความเอาใจใส่ของเจ้าควบคู่กันไปด้วย” ไม่ยักรู้ว่าท่านจอมมารเคยมีความรักที่ไม่ดีมากก่อน เพราะแบบนั้นเขาถึงได้ตั้งกำแพงสูงชันเทียมฟ้าเพื่อไม่ให้นางเข้าไปในหัวใจของเขาได้สินะ เมื่อได้รับกำลังใจจากท่านเทพซื่อมิ่งมันเหมือนกับว่าในใจของหมิงหลันนั้นมีความหวังขึ้นมาเลย เช่นนั้นนางควรจะพยายามมากกว่านี้อีกหน่อยเพื่อพิชิตใจของเขา เริ่มจากคืนนี้เลยเป็นยังไง เทพซื่อมิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นท่าทีความมั่นใจของหมิงหลันที่ดูเหมือนจะมากกว่าเดิม “ตัวข้านั้นก็แก่ชราไปทุกวัน ความหวังสูงสุดของข้าคือการได้มองเห็นเจ๋อเชี่ยนเป็นฝังเป็นฝาและได้อุ้มหลานตัวน้อยสักสองสามคน คำขอของหญิงชราเช่นข้าไม่ถือว่ามากมายไปใช่ไหมหมิงหลัน” หญิงชราอะไรกัน ท่านเทพซื่อมิ่งยังไม่มีร่องรอยของวัยชราเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้านั้นยังงดงามไม่มีผิดเพี๊ยนจากรูปวาดที่หมิงหลันเคยเห็นในทำเนียบเซียนเลย ส่วนหนึ่งที่ท่านจอมมารหล่อเหลาจะแทบลืมหายใจก็เป็นเพราะว่าท่านแม่ของเขาคือหญิงงามแห่งยุคยังไงล่ะ “เรื่องนั้นตัวข้าเองก็ไม่สามารถรับปากท่านเทพได้ โชคชะตาในวันข้างหน้าสุดแล้วแต่สวรรค์จะกำหนด” สายตาสีนิลของหลี่เจ๋อเชี่ยนมองไปยังสวนดอกไม้ที่ท่านแม่ของเขาและหมิงหลันกำลังพูดคุยกันเสียงดัง ดูเหมือนว่านางจะเข้ากับคนง่ายมากๆ เลยสินะ ทั้งท่านแม่และเจ๋อฮั่นล้วนแล้วแต่ชื่นชอบหมิงหลันไปซะหมดหลังจากได้พูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งแล้ว หมิงหลันก็เดินทางกลับมายังตำหนักของนาง และเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าสายตาก็พบเห็นหลี่เจ๋อฮั่นที่กำลังยืนรออยู่“เจ๋อฮั่น เจ้ามารอข้านานรึยัง เหตุใดไม่ไปหาข้าที่สวนดอกไม้เล่า”นางยังคงส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับชงชาเพื่อต้อนรับ แต่ทว่าในใจของหลี่เจ๋อฮันยามนี้ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว“ข้าชอบเจ้านะหมิงหลัน ไม่ใช่ความรู้สึกแบบเพื่อนแต่มันคือการชอบแบบสามีภรรยา แบบที่คนรักกัน..”หมิงหลันวางกาน้ำชาลงเบื้องหน้า นางช้อนสายตามองหน้าของหลี่เจ๋อฮั่นพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่ค่อยๆ จางหายไปเรื่องความรู้สึกเกินเลยของเขา นางรับรู้มานานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นมองข้ามเพราะว่าที่เผ่ามารเพื่อนของหมิงหลันมีเพียงแต่หลี่เจ๋อฮั่นเท่านั้นนางจึงพยายามรักษาคามสัมพันธ์ของเราเอาไว้ที่ตรงกลางเพื่อไม่ให้มากเกินไปหรือว่าน้อยจนเกินไป วันที่หมิงหลันหวาดกลัวที่สุดคือวันที่เจ๋อฮั่นสารภาพความในใจออกมา และวันนั้นมันเดินทางมาถึงแล้ว“เจ๋อฮั่น เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้มองเจ้าแบบนั้น การชอบข้าคือการกระทำที่เสียเวลามากที่สุดเพราะหัวใจดวงนี้ของข้ายกให้ท่านจอมมารนานมากแล้ว”หลี่เจ๋อฮั่นก้มหน้าลงเล็กน้อย เขารู
หมิงหลันเงยหน้ามองพระจันทร์ที่กำลังเต็มดวง นางรอคอยวันนี้มานานนับสี่เดือน แต่ทว่ามันกลับว่างเปล่ามากกว่าที่คิดเอาไว้ ท่านจอมมารมีงานด่วน ทำให้ต้องรีบเดินทางไปตรวจตราเขตแดน ไม่รู้ว่าจะเดินทางกลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่.. ทั้งที่คิดว่าเมื่อวานนี้เธอได้เดินเข้าไปใกล้เขาอีกก้าวหนึ่งแล้ว แต่วันนี้มันกลับไกลออกไปเท่าเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ในอกรู้สึกเหมือนถูกบดขยี้เลย หมิงหลันคิดว่าคืนนี้ตัวเองอยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้วเธอจะเดินทางออกไปที่เมืองมนุษย์สักหน่อย.. ........... “เทพซื่อมิงเดินทางขึ้นมาพบเทพีจันทราอย่างนั้นหรือ? นี่จะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเป็นแน่” เสวียนม่านกล่าวพร้อมกับใช้ความคิด ในความรู้สึกส่วนลึกเกิดเป็นความร้อนรนขึ้นมา “ไม่ได้การแล้วข้าจะเดินทางไปที่เผ่ามารสักหน่อย” เสวียนม่านปลอมตัวเป็นสาวใช้เพื่อเดินทางเข้าไปในเผ่ามารที่นางแสนคุ้นเคย นางรู้ดีว่าที่นี่มีทางลับที่สามารถเข้าออกได้โดยไม่ถูกจับได้และในขณะที่เสวียนม่านเดินเข้ามาในทางลับ..นางกลับพบเจอใบหน้าของสตรีผู้หนึ่งที่กำลังจะเดินสวนทาง เสวียนม่านรีบไปหลบด้านหลังก้อนหินในทันที และเมื่อมองดูดีๆ ใบหน้านั้นงานล้ำ
ไป๋หมิงหลัน ก้มหน้าลงไปมองถุงเงินในมือโดยที่ริมฝีปากของนางยังคงถูกเขาช่วงชิงไปอยู่ ในใจเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง นี่เขาเห็นนางเป็นคณิกาหรืออย่างไรถึงได้โยนถุงเงินให้เช่นนี้อาการเมามายของเขานั้นทำให้หมิงหลันปวดใจยิ่งนัก เพราะมันทำให้นางรู้ว่าต่อให้สตรีที่อยู่เบื้องหน้ามิใช่นาง แต่ท่านจอมมารก็จะกระทำเช่นนี้เช่นกัน เขาไม่สนใจว่าเป็นใครเขาสนใจแค่เพียงสตรีสักนางที่ช่วยบรรเทาความปรารถนาในใจของเขาได้เท่านั้นเองในสายตาของเขาแล้ว..ล้วนมิได้ให้ความสำคัญอันใดกับนางเลยสักนิดเดียวปลายลิ้นถูกดุนหนักๆ จนเจ็บแปลบแต่มันดันเป็นความเจ็บปวดที่หวานล้ำยากจะต้านทานได้ ในหัวใจเกิดความสลับซับซ้อนขึ้นมาไม่แพ้ในความคิดที่กำลังกลั่นกลองการกระทำของเขาแน่นอนว่านางมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ สามารถยกมือขึ้นมาเพื่อผลักไสเขาออกไปได้อย่างง่ายดายเพราะว่าเขาอยู่ในสภาวะเมามายไร้สติอยู่ แต่ทว่าในหัวใจไม่รักดีของหมิงหลันกลับสั่งให้ยกมือขึ้นมาเพื่อโอบกอดและประคองใบหน้าของเขาเอาไว้หยาดน้ำตาแวววาวไหลรินลงมาพร้อมๆ กับจุมพิตที่มีแต่รสข่มปร่าของสุรา นางมิได้เมาเลยสักนิดเพราะสุราเหล่านั้นทำอันใดกับนางมิได้แต่ทำให้ท่านจอมมารขาดสติได้หม
หมิงหลันใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดของนางหลบหนีออกมาจากห้องนั้นก่อนที่ท่านจอมมารจะตื่น นางจัดการทำให้ห้องนอนอยู่ในสภาพเดิม ทั้งผ้าปูเตียงที่ขาวสะอาดและไหสุราที่มีจำนวนเท่ากับท่านจอมมารที่ดื่มเข้าไป ถุงเงินที่เขาโยนให้นางก็มิได้นำมาด้วยหมิงหลันพาตัวเองเดินไปยังประตูเมืองเพื่อจะกลับไปที่เผ่ามาร แต่ทว่านางกลับพบเจอกับท่านพี่เทียนจุน..เขาอยู่ในชุดผ้าแพร ดูแล้วน่าจะเป็นทหารที่มียศยิ่งใหญ่พอสมควร“หมิงหลัน เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย ทำไมสีหน้าของเขาถึงได้ซีดเซียวเช่นนั้น..”เขายกมือขึ้นมาเพื่อจะสัมผัสลงไปที่ใบหน้าของนาง แต่ทว่าหมิงหลันรีบยกมือขึ้นมาเพื่อปัดมือของเขาออกไป“ข้าไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ จึงกำลังจะเดินทางกลับบ้าน”เทียนจุนสั่งลูกน้องของเขาในเฝ้าประตูเมืองต่อไปก่อนที่เขาจะประคองหมิงหลันโดยไม่รอให้นางได้อนุญาต“ข้าจะพาเจ้าไปส่งเอง บ้านของแม่นางไป๋อยู่ที่ไหนกัน?”หมิงหลันกำลังจะอ้าปากปฏิเสธเขา แต่ทว่าความเหนื่อยล้าเข้าโจมตีนางอย่างหนักทำให้นางสลบลงในอ้อมแขนของเทียนจุน เขารีบพานางไปที่สำนักตรวจการซึ่งเป็นที่ทำงานของเขาและเรียกหมอเทวดามาตรวจดูอาการ..“ลมปราณของแม่นางผู้นี้นับว่าแปลกมายิ่
กว่าหมิงหลันจะฟื้นขึ้นมาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายวันที่สอง นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ป่านนี้มิใช่ว่าคนที่เผ่ามารจะตามหาตัวนางจนวุ่นไปหมดหรอกใช่ไหมหมิงหลันลงจากเตียงพร้อมกับรีบสวมรองเท้าอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องถูกเปิดออกพอดี เทียนจุนยกถาดข้าวและกาน้ำชาเดินเข้ามาเพราะหมิงหลันยังมิได้ทานสิ่งใดลงท้องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“ขอบคุณท่านเทียนจุนที่ช่วยเหลือ เพียงแต่ข้าหายจากบ้านมานานแล้ว เกรงว่าป่านนี้คนที่บ้านจะเป็นห่วงไม่อาจรั้งรอทานอาหารเหล่านี้ที่ท่านจัดเตรียมไว้ให้ได้"หมิงหลันก้มหน้าลงเพื่อขอโทษเขาจากใจจริง ใบหน้าของเทียนจุนมิได้มีท่าทีโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย“แม่นางไป๋มิต้องเป็นกังวล ข้าไม่ได้คิดเล็กนิดน้อยถึงกับจะโกรธเคืองเรื่องเพียงแค่นี้ เอาไว้วันหน้าเราค่อยพบเจอกันใหม่ก็ยังไม่สาย มาเถิดข้าจะไปส่ง”หมิงหลันส่งยิ้มให้ท่านเทียนจุน ไม่ว่าเมื่อใดท่านพี่เทียนจุนก็เป็นพี่ชายที่แสนดีกับนางเสมอเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน..ข้าจะต้องหาทางตอบแทนท่านด้วยการช่วยท่านผ่านด่านเคราะห์นี้ไปให้ได้ถึงแม้ว่าจะผิดธรรมเนียมของเทพเซียนก็ตาม..เทียนจุนเดินมาส่งหมิงหลันที่
หมิงหลันไล้ปลายนิ้วลงไปบนกลีบดอกไม้ที่นางปลูกเอาไว้ ช่วงนี้นางอยู่คนเดียวบ่อยขึ้นเพราะว่าท่านพี่ไป๋เฉียนมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานแต่ง ในที่สุดพี่สาวของนางก็จะได้แต่งงานกับคนที่รักแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก..นางกลับมาที่แดนบุปผาได้สองเดือนกว่าแล้ว สองเดือนแล้วที่ไร้เงาของท่านจอมมาร แต่ทว่าเขากลับปรากฏเด่นชัดอยู่ในความฝันของนาง ทุกครั้งที่หลับตายังคงมีแต่ใบหน้าของเขา ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองจะดีขึ้นเมื่อกลับมาอยู่ในแดนบุปผาที่คุ้นเคย ทว่าไม่เลยสักนิด..เคยรักเขาอย่างไรก็ยังคงรักเขาเช่นนั้น คำนึงถึงเขาอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดเดียว..อีกเรื่องคือนางยังมิได้พบเจอท่านสัจจะเทพเทียนจุนเลย ทั้งๆ ที่เขาเขียนจดหมายมาขอพบนางมากมายนับไม่ถ้วน แต่นางไม่แม้แต่จะเปิดอ่านจดหมายของเขาสักฉบับในใจยังคงมีความรู้สึกผิดอัดแน่นเต็มหัวใจ ที่ท่านสัจจะเทพเทียนจุนต้องขึ้นมาที่สวรรค์ชั้นฟ้าก่อนเวลาอันควร ล้วนแต่เป็นความผิดของนางทั้งสิ้นเขาจำเรื่องที่ไปเผชิญด่านเคราะห์มิได้ แต่ว่านางจดจำได้ถึงการตายของเขาที่ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตา ท่านจอมมารในยามนั้นไร้ความปรานีอีกทั้งเขายังมองที่ใบหน้าของห
ดวงตาของหมิงหลันเบิกกว้างอย่างตกใจ นางยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“หมิงหลัน หากว่าเจ้ามิได้รักข้า ไม่เป็นไรเลยเพราะว่าข้าจะดูแลเจ้าเองนับจากนี้ ไม่ต้องเอาชื่อเสียงของข้ามากล่าวอ้างเพราะว่าข้าไม่สนใจมันเลยสักนิดเดียว..”หมิงหลันรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้ว่าจะเอาตาไปไว้ที่ไหนดี“ขะ..ข้ามิคิดว่าท่านพี่จะกล่าวเรื่องนั้นออกมา”ความกระอักกระอ่วนเจือปนอยู่ในน้ำเสียง พร้อมกับฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินถอยหลังเทียนจุนยกยิ้มด้วยความเจ็บปวด เขาเอื้อมมือไปรับไหสุราดอกท้อพันปีที่หมิงหลันส่งให้ ไม่เป็นผลดีเลยสักนิดที่เขากล่าวออกไปเช่นนั้น มันยิ่งสร้างความอึดอัดให้กับหมิงหลันและเขา การตัดสินใจทำอะไรไปตามอารมณ์นั้น..ไม่สมเป็นเขาเลย“สุราดอกท้อนี่ ข้าจะดื่มมันให้ดีเลยล่ะ พี่ไปก่อนนะหมิงหลัน เอาไว้เจอกันอีกครั้งวันงานแต่งของไป๋เฉียนและอันฉี”เทียนจุนยกมือขึ้นมาลูบผมของหมิงหลันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู“อย่าลำบากใจกับคำกล่าวของข้าเลย หากเจ้าทำแบบนี้มันยิ่งสร้างความเจ็บปวดในใจให้ข้ายิ่งนัก เช่นนั้นเรากลับไปเป็นพี่น้องเหมือนเดิม เหมือนกับว่าคำเมื่อครู่ที่ข้ากล่าวออกไป เจ้าไม่ได้ยินก็แล้วกัน”
ดวงตาคู่สวยของหมิงหลันพลันเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนางได้ทอดสายตามองออกไปยังบ้านหลังน้อยที่ท่านเทพม่อเกวียนพานางมาที่นี่ตั้งอยู่ตรงเขตรอยต่อของเมืองมนุษย์กับสวรรค์ชั้นฟ้า เดิมทีที่นี่คือบ้านของเทพีจันทรา แต่ทว่าเทพีจันทราย้ายไปอยู่กับอารักษ์เสิ่น เทพผู้บันทึกเรื่องราวต่างๆ บนสวรรค์ แถมเขายังเป็นบิดาผู้มากความสามารถของเทพม่อเกวียนด้วย“หากว่าเทียนจุนล่วงรู้ เขาจะต้องโกรธข้าจนไม่ยอมพูดด้วยเป็นแน่”ถึงแม้จะตัดพ้อออกไปเช่นนั้นแต่บนใบหน้าของเทพม่อเกวียนกับยกยิ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดู ดอกสาลี่น้อยดอกนี้เขามองเห็นนางมาตั้งแต่ที่นางยังไม่ได้เป็นเซียน เฝ้ามองการเติบโตของดอกไม้สีขาวนวลจนบัดนี้นางกลายเป็นเทพบุปผาที่งดงามเสียยิ่งกว่าเทพีองค์ใดบนสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้เสียอีกในใจของม่อเกวียนนั้นมองหมิงหลันเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง และในยามที่น้องสาวของเขามีเรื่องราวอึดอัดใจ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง ถึงแม้การให้ความช่วยเหลือนั่นจะทำให้เขาผิดใจกับเทียนจุนก็ตามที“ข้าเชื่อว่าท่านสัจจะเทพเทียนจุนจะต้องเข้าใจข้า และเข้าใจท่านเทพม่อเกวียนด้วย.."ใบหน้างามหมองคล้ำยิ่งนัก ม่อเกวียนไม่รู้ว
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส