หน้าหลัก / LGBTQ+ / เด็กดีของพี่หมอ / 6.ข้อแลกเปลี่ยนหรือบังคับ

แชร์

6.ข้อแลกเปลี่ยนหรือบังคับ

ห้องพักของอคิราห์ดูหรูหราในแบบที่ไทธัชไม่เคยเห็นมาก่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคา ขนาดห้องกว้างกว่าบ้านเขาทั้งหลังเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าของห้องคงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะห้องที่ดูหรูหรานั้นมันรกกว่าห้องนอนของเขาหลายเท่าเลยทีเดียว

“นั่งสิจะได้คุยกัน” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวโตกลางห้องด้วยท่าทางสบาย ๆ

ไทธัชนั่งตามเขาลงไป แต่เว้นระยะห่างพอสมควร

“พี่บอกจะมีอะไรให้ผมดู”

อคิราห์หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาจากนั้นเสิร์ซเพจของทางร้านก่อนจะส่งให้ไทธัชดู

สีหน้าของไทธัชดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย พี่ชายของแทนคุณไม่ได้บอกว่าร้านที่เข้าจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์เกย์และตอนนี้ก็กำลังเปิดรับสมัครเด็กหนุ่มเพื่อมาบริการลูกค้า

“แต่ผมไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะครับ”

“พอเข้าไปในร้านแล้วนายคิดว่าเลือกได้เหรอว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หน้าตาดีอย่างนายคงเรียกแขกได้มาก” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ

“พี่เขาคงไม่โกหกหรอกมั้ง ผมเป็นเพื่อนน้องชายเขาเลยนะ”

“นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ เขามีน้องชายแล้วเขาให้น้องชายไปทำงานกับนายด้วยไหมล่ะ”

เด็กหนุ่มนิ่ง มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันเพราะพี่ชายของแทนคุณไม่ยอมให้น้องชายไปทำงานกับเขาด้วย

“อยากหางานทำมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ครับ ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินไหนจะใช้หนี้พี่ไหนจะต้องหาไปจ่ายเจ๊จิต”

“ไม่ต้องใช้หนี้พี่หรอก”

“ผมไม่อยากได้เงินใครฟรี ผมไม่ใช่ขอทานนะ”

“ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เงินที่ช่วยมันไม่ได้มากมายอะไร ถ้าอยากตอบแทนจริง ๆ ก็แค่ตั้งใจเรียนแล้วอย่าคิดสั้นอีกก็พอ”

“ผมรู้ว่าพี่รวย แต่ผมก็อยากใช้หนี้ หรือพี่มีงานให้ผมทำไหมล่ะ”

“เดี๋ยวจะลองถามร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลให้ไม่รู้ว่าเขารับพนักงานพาร์ทไทม์ไหม”

“พี่บอกชื่อร้านมาเดี๋ยวผมไปสมัครเองก็ได้” ไทธัชไม่อยากรบกวนเขามากจนเกินไป

“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรบอก ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่า”

“ถ้าได้งาน ได้เงินแล้วผมจะเอาคืนพี่”

“พี่ว่าเอาไปจ่ายเจ๊ในตลาดก่อนไหม ค้างเขาไว้เท่าไหร่ล่ะ”

“ค้างไว้ 9000 ครับ ผมยังไม่ได้คุยกับเจ๊เลยไม่รู้แกจะยอมให้ผ่อนจ่ายไหม” เด็กหนุ่มกังวลเรื่องนี้อยู่มากเพราะถ้าเจ๊แกไม่ยอมขึ้นมาแล้วไปทวงเงินกับแม่ความต้องแตกแน่ ๆ

“พี่จะใช้หนี้ให้นายทั้งหมด แต่นายต้องตั้งใจเรียนและห้ามไปทำงานที่บาร์นั้นอย่างเด็ดขาด”

“แค่นั้นเหรอครับ”

“อื้อ แค่นั้นถ้านายตกลงก็เอาเงินไปจ่ายเจ๊คนนั้นได้เลย ถ้าไม่ตกลงพี่ก็จะไปส่งนายที่บ้านและบอกเรื่องทั้งหมดกับแม่ของนาย”

“ผมว่าพี่กำลังบังคับผมอยู่นะครับ”

“มันเรียกว่าข้อแลกเปลี่ยนต่างหาก ง่าย ๆ เอง”

“เพราะอะไรถึงต้องมาเสียเงินให้ผมด้วยเราเพิ่งรู้จักกัน”

“เพราะนายทำให้พี่นึกถึงคิวยังไงล่ะ” ตอนที่น้องชายมีชีวิตอยู่อคิราห์ไม่ค่อยมีเวลาให้น้องชาย ตั้งแต่เรียนจบหมดเขาก็ย้ายมาอยู่ที่คอนโด ส่วนน้องชายยังอยู่ที่บ้านกับมารดาของเขาและพ่อเลี้ยง

“ผมรู้ว่าพี่เสียใจที่เสียน้องชายไป แต่ผมเป็นตัวแทนของใครไม่ได้หรอกนะครับ” เด็กหนุ่มรีบบอกเพราะกลัวว่าชายคนนี้จะคาดหวังให้เป็นตัวแทนของน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้ว

“พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้คิดว่านายเป็นตัวแทนของคิว เพียงแต่พี่คิดว่าการช่วยเหลือนายจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นมาได้ พี่ไม่ใช่พี่ชายที่ดีหรอกนะ เราสองพี่น้องไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ พอเสียคิวไปแล้วถึงรู้สึกว่าที่ผ่านมาพี่ไม่ค่อยใส่ใจน้องเท่าไหร่ ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเขามีปัญหาอะไรถึงได้จบชีวิตของตัวเองลงแบบนั้น” น้ำเสียงของคนพูดสั่นเครือ

“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด คิวเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอครับ”

“ครอบครัวเราบอกคนนอกแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่อันที่จริงแล้วคิวกินยาเกินขนาด กว่าที่บ้านจะรู้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เราช่วยเขาไว้ไม่ทัน”

เรื่องนี้อคิราห์ไม่เคยเล่าให้คนนอกฟังมาก่อน แต่ที่เขาตัดสินใจพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ไทธัชคิดสั้นเหมือนกับอคินทร์ ขนาดเขาเป็นผู้ชายและไม่ได้สนิทกับน้องชายมากยังเสียใจและใช้เวลานานกว่าจะยอมรับได้ นับประสาอะไรกับมารดาและยายของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้วยกันตลอด อคิราห์นึกภาพไม่ออกว่าทั้งสองคนนั้นจะเสียใจมากแค่ไหน และจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรในเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักไปเหมือนกับที่เขาเสียน้องชาย

“ผมไม่รู้ไม่ก่อนเลย พี่กับครอบครัวคงเสียใจมาก”

“พวกเราเสียใจกันมาก พี่เลยไม่อยากให้นายทำเหมือนคิว เพราะรู้ดีว่าคนที่เหลืออยู่จะเจ็บเสียจากแค่ไหน”

พอได้ยินแบบนั้นไทธัชก็เข้าใจเขามากขึ้น ที่ชายคนนี้ช่วยเขาก็คงเพราะไม่อยากให้เขาเป็นเหมือนกับน้องชายของตัวเอง

“ตอนนั้นพี่ทำงานหนัก ไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านเลยไม่รู้ว่าคิวมีปัญหาอะไร”

“ผมก็ไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไหร่ อยู่ห้องเดียวกันแท้ ๆ”

“ถ้าวันนั้นพี่ไม่ไปเก็บของก็คงไม่เจอกับนาย” เขานึกถึงวันแรกที่เจอกับเด็กหนุ่มซึ่งกำลังร้องไห้

“ผมขอบคุณพี่มาก ถ้าไม่มีพี่ผมก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ตอนนั้นมันมืดแปดด้านไปหมด ผมรู้ว่าพี่ช่วยเพราะหวังดี แต่ยังไงก็ต้องหาเงินมาคืนอยู่ดี”

“ถ้านายลำบากใจมากรอให้เรียนจบแล้วค่อยเอาเงินมาใช้ก็ได้”

“พี่ไม่กลัวผมเบี้ยวเหรอ”

“ถ้านายคิดจะเบี้ยวคงไม่พยายามมาคุยด้วยหรอกใช่ไหม”

เด็กหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็ให้อคิราห์ทำสัญญากู้ยืมเงินเพราะมันไม่ยุติธรรมกับเจ้าหนี้ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย

“คิดหรือยังจบแล้วจะเรียนอะไรต่อ”

“ผมอยากเรียนคอมพิวเตอร์กราฟิก”

“ชอบเหรอ”

“ครับผมชอบ อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบทำงานกับคนเท่าไหร่”

“ไม่ทำงานกับคนก็ดีนะ ไม่วุ่นวาย”

“พี่เป็นหมอเหรอ”

“อือ”

“เรียนยากไหมครับ”

“ไม่ยาก แต่ต้องขยัน สนใจจะเรียนไหมล่ะ”

“ไม่ดีกว่าครับไม่อยากเครียด”

อคิราห์ทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มมากขึ้น พอได้คุยกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเงินแล้วบรรยากาศก็ผ่อนคลาย เขาให้ไทธัชเรียกเขาว่าพี่ซัน ส่วนตัวเองก็เรียกเด็กหนุ่มว่าไทซึ่งเป็นชื่อเล่น ทั้งสองพูดคุยกันนานจนกระทั่งไทธัชได้ยินเสียงท้องของอีกคนร้อง

“ผมว่าพี่ควรไปหาอะไรกิน”

“พี่ก็ว่างั้น นายกินมาแล้วเหรอ”

“ผมกินมาแล้ว” ไทธัชหยิบเป้ขึ้นมาจากนั้นเขาก็หยิบถุงคุกกี้ส่งให้กับเจ้าหนี้ที่ดูท่าทางจะหิวมาก

“พี่กินนี่รองท้องก่อนสิ แม่ผมทำเอง”

“ตั้งใจเอามาฝากเหรอ หรือแค่ติดกระเป๋ามา”

“ก็ตั้งใจเอามานั่นแหละ ผมจะกลับแล้วพี่ก็อย่าลืมหาข้าวกินด้วยนะ เป็นหมอซะเปล่าแต่กินข้าวไม่ตรงเวลา”

“ก็มัวแต่คุยกับนายนั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้ร้านข้าวจะเปิดไหม” เขาพูดแล้วมองหน้าคนน้องเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มน่าจะทำอาหารเป็นอยู่บ้าง

“พี่ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ผมทำกับข้าวไม่เป็น”

“ไหนว่าแม่กับยายทำอาหารขายไง”

“ครับ แม่กับยายทำผมอยู่แผนกหั่นและเก็บล้าง”

“งั้นรอพี่เดี๋ยว จะได้ลงไปพร้อมกัน”

ระหว่างลงลิฟต์อคิราห์ก็กินคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อย พอลงมาถึงชั้นล่างก็เหลือแต่ไม่กี่ชิ้น

“อร่อยดี ทำขายด้วยไหม”

“ครับ”

“เอาแบบนี้มาส่งที่โรงพยาบาลหน่อยสิ เอา 10 ถุงนะ”

“เยอะไปไหมครับ ผมรู้พี่อยากอุดหนุนแต่ไม่ต้องเยอะขนาดนั้นหรอก”

“ก็เอาไปแบ่งคนอื่นกินไง ขนมอร่อยแบบนี้วางไว้ในห้องพักแพทย์มาเกินครึ่งวันพี่ว่า 10 ถุงแทบจะไม่พอด้วยซ้ำ” อคิราห์ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะช่วงเวลาเร่งรีบอาหารง่าย ๆ อย่างคุกกี้นี่แหละที่ช่วยให้หายหิวไปได้

“ดึกแล้วจะกลับยังไง”

“รถเมล์ครับ”

“มันจะปลอดภัยเหรอ” เขารู้สึกเป็นห่วง

“ปลอดภัยสิครับ คนเยอะแยะ ผมนั่งประจำ”

“แล้วลงจากรถเมล์ต้องเดินเข้าบ้านอีกไกลไหม”

“ไม่ครับ ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ไฟสว่างทั้งซอย”

“เอางี้เดี๋ยวนายไปนั่งเป็นเพื่อนพี่กินก๋วยเตี๋ยวหน่อยแล้วจะไปส่งที่บ้าน” อคิราห์ยื่นข้อเสนอ

“อย่าลำบากเลยครับ ใกล้นิดเดียวเองนั่งไม่กี่ป้ายก็ถึง” ไทธัชทำสีหน้าจริงจังเพราะไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้

“ไท จำไว้นะไม่มีปัญหาไหนที่ไม่มีทางแก้หรอก เพียงแต่ต้องใช้สติให้มากเท่านั้นเอง อย่าลืมนะถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วครับพี่ซัน”

ทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จอคิราห์ก็มาส่งไทธัชที่ป้ายรถเมล์ เขารอจนกระทั่งเด็กหนุ่มขึ้นไปนั่งบนนั้นแล้วจึงกลับมาที่ห้อง

ชายหนุ่มรู้ว่าสิ่งที่ทำมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขากับไทธัชไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันอาจฟังดูประหลาดแต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นมันถูกต้องแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status