ห้องพักของอคิราห์ดูหรูหราในแบบที่ไทธัชไม่เคยเห็นมาก่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคา ขนาดห้องกว้างกว่าบ้านเขาทั้งหลังเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าของห้องคงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะห้องที่ดูหรูหรานั้นมันรกกว่าห้องนอนของเขาหลายเท่าเลยทีเดียว
“นั่งสิจะได้คุยกัน” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวโตกลางห้องด้วยท่าทางสบาย ๆ
ไทธัชนั่งตามเขาลงไป แต่เว้นระยะห่างพอสมควร
“พี่บอกจะมีอะไรให้ผมดู”
อคิราห์หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาจากนั้นเสิร์ซเพจของทางร้านก่อนจะส่งให้ไทธัชดู
สีหน้าของไทธัชดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย พี่ชายของแทนคุณไม่ได้บอกว่าร้านที่เข้าจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์เกย์และตอนนี้ก็กำลังเปิดรับสมัครเด็กหนุ่มเพื่อมาบริการลูกค้า
“แต่ผมไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะครับ”
“พอเข้าไปในร้านแล้วนายคิดว่าเลือกได้เหรอว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หน้าตาดีอย่างนายคงเรียกแขกได้มาก” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“พี่เขาคงไม่โกหกหรอกมั้ง ผมเป็นเพื่อนน้องชายเขาเลยนะ”
“นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ เขามีน้องชายแล้วเขาให้น้องชายไปทำงานกับนายด้วยไหมล่ะ”
เด็กหนุ่มนิ่ง มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันเพราะพี่ชายของแทนคุณไม่ยอมให้น้องชายไปทำงานกับเขาด้วย
“อยากหางานทำมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ครับ ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินไหนจะใช้หนี้พี่ไหนจะต้องหาไปจ่ายเจ๊จิต”
“ไม่ต้องใช้หนี้พี่หรอก”
“ผมไม่อยากได้เงินใครฟรี ผมไม่ใช่ขอทานนะ”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เงินที่ช่วยมันไม่ได้มากมายอะไร ถ้าอยากตอบแทนจริง ๆ ก็แค่ตั้งใจเรียนแล้วอย่าคิดสั้นอีกก็พอ”
“ผมรู้ว่าพี่รวย แต่ผมก็อยากใช้หนี้ หรือพี่มีงานให้ผมทำไหมล่ะ”
“เดี๋ยวจะลองถามร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลให้ไม่รู้ว่าเขารับพนักงานพาร์ทไทม์ไหม”
“พี่บอกชื่อร้านมาเดี๋ยวผมไปสมัครเองก็ได้” ไทธัชไม่อยากรบกวนเขามากจนเกินไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรบอก ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่า”
“ถ้าได้งาน ได้เงินแล้วผมจะเอาคืนพี่”
“พี่ว่าเอาไปจ่ายเจ๊ในตลาดก่อนไหม ค้างเขาไว้เท่าไหร่ล่ะ”
“ค้างไว้ 9000 ครับ ผมยังไม่ได้คุยกับเจ๊เลยไม่รู้แกจะยอมให้ผ่อนจ่ายไหม” เด็กหนุ่มกังวลเรื่องนี้อยู่มากเพราะถ้าเจ๊แกไม่ยอมขึ้นมาแล้วไปทวงเงินกับแม่ความต้องแตกแน่ ๆ
“พี่จะใช้หนี้ให้นายทั้งหมด แต่นายต้องตั้งใจเรียนและห้ามไปทำงานที่บาร์นั้นอย่างเด็ดขาด”
“แค่นั้นเหรอครับ”
“อื้อ แค่นั้นถ้านายตกลงก็เอาเงินไปจ่ายเจ๊คนนั้นได้เลย ถ้าไม่ตกลงพี่ก็จะไปส่งนายที่บ้านและบอกเรื่องทั้งหมดกับแม่ของนาย”
“ผมว่าพี่กำลังบังคับผมอยู่นะครับ”
“มันเรียกว่าข้อแลกเปลี่ยนต่างหาก ง่าย ๆ เอง”
“เพราะอะไรถึงต้องมาเสียเงินให้ผมด้วยเราเพิ่งรู้จักกัน”
“เพราะนายทำให้พี่นึกถึงคิวยังไงล่ะ” ตอนที่น้องชายมีชีวิตอยู่อคิราห์ไม่ค่อยมีเวลาให้น้องชาย ตั้งแต่เรียนจบหมดเขาก็ย้ายมาอยู่ที่คอนโด ส่วนน้องชายยังอยู่ที่บ้านกับมารดาของเขาและพ่อเลี้ยง
“ผมรู้ว่าพี่เสียใจที่เสียน้องชายไป แต่ผมเป็นตัวแทนของใครไม่ได้หรอกนะครับ” เด็กหนุ่มรีบบอกเพราะกลัวว่าชายคนนี้จะคาดหวังให้เป็นตัวแทนของน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้ว
“พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้คิดว่านายเป็นตัวแทนของคิว เพียงแต่พี่คิดว่าการช่วยเหลือนายจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นมาได้ พี่ไม่ใช่พี่ชายที่ดีหรอกนะ เราสองพี่น้องไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ พอเสียคิวไปแล้วถึงรู้สึกว่าที่ผ่านมาพี่ไม่ค่อยใส่ใจน้องเท่าไหร่ ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเขามีปัญหาอะไรถึงได้จบชีวิตของตัวเองลงแบบนั้น” น้ำเสียงของคนพูดสั่นเครือ
“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด คิวเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอครับ”
“ครอบครัวเราบอกคนนอกแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่อันที่จริงแล้วคิวกินยาเกินขนาด กว่าที่บ้านจะรู้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เราช่วยเขาไว้ไม่ทัน”
เรื่องนี้อคิราห์ไม่เคยเล่าให้คนนอกฟังมาก่อน แต่ที่เขาตัดสินใจพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ไทธัชคิดสั้นเหมือนกับอคินทร์ ขนาดเขาเป็นผู้ชายและไม่ได้สนิทกับน้องชายมากยังเสียใจและใช้เวลานานกว่าจะยอมรับได้ นับประสาอะไรกับมารดาและยายของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้วยกันตลอด อคิราห์นึกภาพไม่ออกว่าทั้งสองคนนั้นจะเสียใจมากแค่ไหน และจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรในเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักไปเหมือนกับที่เขาเสียน้องชาย
“ผมไม่รู้ไม่ก่อนเลย พี่กับครอบครัวคงเสียใจมาก”
“พวกเราเสียใจกันมาก พี่เลยไม่อยากให้นายทำเหมือนคิว เพราะรู้ดีว่าคนที่เหลืออยู่จะเจ็บเสียจากแค่ไหน”
พอได้ยินแบบนั้นไทธัชก็เข้าใจเขามากขึ้น ที่ชายคนนี้ช่วยเขาก็คงเพราะไม่อยากให้เขาเป็นเหมือนกับน้องชายของตัวเอง
“ตอนนั้นพี่ทำงานหนัก ไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านเลยไม่รู้ว่าคิวมีปัญหาอะไร”
“ผมก็ไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไหร่ อยู่ห้องเดียวกันแท้ ๆ”
“ถ้าวันนั้นพี่ไม่ไปเก็บของก็คงไม่เจอกับนาย” เขานึกถึงวันแรกที่เจอกับเด็กหนุ่มซึ่งกำลังร้องไห้
“ผมขอบคุณพี่มาก ถ้าไม่มีพี่ผมก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ตอนนั้นมันมืดแปดด้านไปหมด ผมรู้ว่าพี่ช่วยเพราะหวังดี แต่ยังไงก็ต้องหาเงินมาคืนอยู่ดี”
“ถ้านายลำบากใจมากรอให้เรียนจบแล้วค่อยเอาเงินมาใช้ก็ได้”
“พี่ไม่กลัวผมเบี้ยวเหรอ”
“ถ้านายคิดจะเบี้ยวคงไม่พยายามมาคุยด้วยหรอกใช่ไหม”
เด็กหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็ให้อคิราห์ทำสัญญากู้ยืมเงินเพราะมันไม่ยุติธรรมกับเจ้าหนี้ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย
“คิดหรือยังจบแล้วจะเรียนอะไรต่อ”
“ผมอยากเรียนคอมพิวเตอร์กราฟิก”
“ชอบเหรอ”
“ครับผมชอบ อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบทำงานกับคนเท่าไหร่”
“ไม่ทำงานกับคนก็ดีนะ ไม่วุ่นวาย”
“พี่เป็นหมอเหรอ”
“อือ”
“เรียนยากไหมครับ”
“ไม่ยาก แต่ต้องขยัน สนใจจะเรียนไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับไม่อยากเครียด”
อคิราห์ทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มมากขึ้น พอได้คุยกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเงินแล้วบรรยากาศก็ผ่อนคลาย เขาให้ไทธัชเรียกเขาว่าพี่ซัน ส่วนตัวเองก็เรียกเด็กหนุ่มว่าไทซึ่งเป็นชื่อเล่น ทั้งสองพูดคุยกันนานจนกระทั่งไทธัชได้ยินเสียงท้องของอีกคนร้อง
“ผมว่าพี่ควรไปหาอะไรกิน”
“พี่ก็ว่างั้น นายกินมาแล้วเหรอ”
“ผมกินมาแล้ว” ไทธัชหยิบเป้ขึ้นมาจากนั้นเขาก็หยิบถุงคุกกี้ส่งให้กับเจ้าหนี้ที่ดูท่าทางจะหิวมาก
“พี่กินนี่รองท้องก่อนสิ แม่ผมทำเอง”
“ตั้งใจเอามาฝากเหรอ หรือแค่ติดกระเป๋ามา”
“ก็ตั้งใจเอามานั่นแหละ ผมจะกลับแล้วพี่ก็อย่าลืมหาข้าวกินด้วยนะ เป็นหมอซะเปล่าแต่กินข้าวไม่ตรงเวลา”
“ก็มัวแต่คุยกับนายนั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้ร้านข้าวจะเปิดไหม” เขาพูดแล้วมองหน้าคนน้องเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มน่าจะทำอาหารเป็นอยู่บ้าง
“พี่ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ผมทำกับข้าวไม่เป็น”
“ไหนว่าแม่กับยายทำอาหารขายไง”
“ครับ แม่กับยายทำผมอยู่แผนกหั่นและเก็บล้าง”
“งั้นรอพี่เดี๋ยว จะได้ลงไปพร้อมกัน”
ระหว่างลงลิฟต์อคิราห์ก็กินคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อย พอลงมาถึงชั้นล่างก็เหลือแต่ไม่กี่ชิ้น
“อร่อยดี ทำขายด้วยไหม”
“ครับ”
“เอาแบบนี้มาส่งที่โรงพยาบาลหน่อยสิ เอา 10 ถุงนะ”
“เยอะไปไหมครับ ผมรู้พี่อยากอุดหนุนแต่ไม่ต้องเยอะขนาดนั้นหรอก”
“ก็เอาไปแบ่งคนอื่นกินไง ขนมอร่อยแบบนี้วางไว้ในห้องพักแพทย์มาเกินครึ่งวันพี่ว่า 10 ถุงแทบจะไม่พอด้วยซ้ำ” อคิราห์ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะช่วงเวลาเร่งรีบอาหารง่าย ๆ อย่างคุกกี้นี่แหละที่ช่วยให้หายหิวไปได้
“ดึกแล้วจะกลับยังไง”
“รถเมล์ครับ”
“มันจะปลอดภัยเหรอ” เขารู้สึกเป็นห่วง
“ปลอดภัยสิครับ คนเยอะแยะ ผมนั่งประจำ”
“แล้วลงจากรถเมล์ต้องเดินเข้าบ้านอีกไกลไหม”
“ไม่ครับ ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ไฟสว่างทั้งซอย”
“เอางี้เดี๋ยวนายไปนั่งเป็นเพื่อนพี่กินก๋วยเตี๋ยวหน่อยแล้วจะไปส่งที่บ้าน” อคิราห์ยื่นข้อเสนอ
“อย่าลำบากเลยครับ ใกล้นิดเดียวเองนั่งไม่กี่ป้ายก็ถึง” ไทธัชทำสีหน้าจริงจังเพราะไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้
“ไท จำไว้นะไม่มีปัญหาไหนที่ไม่มีทางแก้หรอก เพียงแต่ต้องใช้สติให้มากเท่านั้นเอง อย่าลืมนะถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วครับพี่ซัน”
ทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จอคิราห์ก็มาส่งไทธัชที่ป้ายรถเมล์ เขารอจนกระทั่งเด็กหนุ่มขึ้นไปนั่งบนนั้นแล้วจึงกลับมาที่ห้อง
ชายหนุ่มรู้ว่าสิ่งที่ทำมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขากับไทธัชไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันอาจฟังดูประหลาดแต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นมันถูกต้องแล้ว
ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตามใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืดไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิมเด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้นไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วยเรื่องงานที่จะไปทำกับพี
ไทธัชกลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม มารดาและยายกำลังช่วยกันห่อข้าวต้มมัดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระยายมักจะทำขนมหวานไปวางขายที่ตลาดด้วย“ไท กลับค่ำเชียวลูก”“ขอโทษครับยาย ผมคุยเพลินไปหน่อย” เด็กหนุ่มเข้ามากอดยายอย่างประจบ“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มัทนาถามลูกชายที่แม้จะตัวโตแล้วแต่ในสายตาเธอไทธัชก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ“ยังเลยครับ หิวจังมีอะไรเหลือให้ผมกินบ้างครับแม่”“ในตู้เย็นมีแกงส้มเหลืออยู่ ส่วนในตู้กับข้าวมีน้ำพริกกะปิ ชะอมทอดและปลาทูทอด”“ของโปรดเลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วจะมาช่วย”“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกลูก เดี๋ยวข้าวก็ได้ติดคอกันพอดี” ยายมาลัยพูดไล่หลังหลานชายด้วยความเป็นห่วงทานข้าวเสร็จแล้วไทธัชก็มาช่วยมารดาและยายห่อข้าวต้มมัด แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่เขาก็ทำมาตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะทำงานของผู้หญิงระหว่างที่มือทำปากก็ชวนคุยไปเรื่อย เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะบอกมารดาว่าเขารับออเดอร์คุกกี้มาให้มารดาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไทธัชจะเป็นคนเอาไปส่งเองในอีกสองวันข้างหน้า“แม่ครับพรุ่งนี้ไทจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับแม่”“โรงเรียนปิดนี่ลูก ห้องสมุดจะเปิดเหรอ”“ห้องสมุดประชาชนค
กาแฟแก้วเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่รับมาจากมือของไทธัชเมื่อเช้า ส่วนเจ้าของห้องนั้นยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้าอคิราห์จิบกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถูกตามตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพราะต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอในการผ่าตัดเคสที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้หมอศัลยกรรมหลายคนกว่าเขาจะออกมาจากห้องกาแฟแก้วนั้นก็เย็นชืดไปหมดแล้วแก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาจิบแม้มันจะเย็นชืดแต่อคิราห์ก็ไม่คิดจะทิ้งเพราะกาแฟแก้วนี้ไทธัชเป็นคนเลี้ยง เขาจิบทีละนิดจนหมดแก้ว ขณะที่กำลังทิ้งแก้วเปล่าลงถังขยะก็เห็นว่าตรงปลอกแก้วมีอะไรเขียนอยู่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลอเหลาของคุณหมอวัยเกือบจะสามสิบปีเมื่อเห็นข้อความพี่ซันสู้ๆด้านหลังข้อความยังมีรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูนิ้วมือสองนิ้ววาดด้วยปากกาทำให้คนมองรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกมากเขาถึงปลอกแก้วออกมาเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วทิ้งแค่เพียงแก้วลงไปในถังขยะพอได้รับกำลังใจมาแล้วอคิราห์ก็มีแรงเริ่มต้นทำงานในตอนบ่ายอีกครั้งกว่าจะได้กลับไปยังคอนโดก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อคิราห์สั่งอาหารเย็นยังแอปพลิเคชั่นสีเขียวให้ไปส่งที่คอนโด เพราะขี้เกียจจะแวะซื้อชีวิตประจำวันของอคิราห์ว
ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้วเมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”“ได้ครับ”เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”ไทธัชบ
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่