ไทธัชกลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม มารดาและยายกำลังช่วยกันห่อข้าวต้มมัดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระยายมักจะทำขนมหวานไปวางขายที่ตลาดด้วย
“ไท กลับค่ำเชียวลูก”
“ขอโทษครับยาย ผมคุยเพลินไปหน่อย” เด็กหนุ่มเข้ามากอดยายอย่างประจบ
“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มัทนาถามลูกชายที่แม้จะตัวโตแล้วแต่ในสายตาเธอไทธัชก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ
“ยังเลยครับ หิวจังมีอะไรเหลือให้ผมกินบ้างครับแม่”
“ในตู้เย็นมีแกงส้มเหลืออยู่ ส่วนในตู้กับข้าวมีน้ำพริกกะปิ ชะอมทอดและปลาทูทอด”
“ของโปรดเลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วจะมาช่วย”
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกลูก เดี๋ยวข้าวก็ได้ติดคอกันพอดี” ยายมาลัยพูดไล่หลังหลานชายด้วยความเป็นห่วง
ทานข้าวเสร็จแล้วไทธัชก็มาช่วยมารดาและยายห่อข้าวต้มมัด แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่เขาก็ทำมาตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะทำงานของผู้หญิง
ระหว่างที่มือทำปากก็ชวนคุยไปเรื่อย เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะบอกมารดาว่าเขารับออเดอร์คุกกี้มาให้มารดาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไทธัชจะเป็นคนเอาไปส่งเองในอีกสองวันข้างหน้า
“แม่ครับพรุ่งนี้ไทจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับแม่”
“โรงเรียนปิดนี่ลูก ห้องสมุดจะเปิดเหรอ”
“ห้องสมุดประชาชนครับ”
“ทำไมไม่อ่านอยู่ที่บ้านละลูก หรือยายทำเสียดังจนไทไม่มีสมาธิ”
“ยายครับ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ผมอ่านหนังสือที่บ้านทีไรมันจะลงไปนอนบนเตียงทุกทีเลยนี่ครับยาย ถ้าออกไปอ่านที่ห้องสมุดอย่างนั้นผมจะได้บังคับตัวเองไม่ให้หลับด้วยนะครับ”
“อันนี้หนูเห็นด้วยนะคะแม่ ไทอ่านหนังสือทีไรเป็นหลับทุกทีไป” มัทนาบอกกับยายของเด็กหนุ่มไปตามที่ตัวเองเห็น
“แล้วไปทั้งวันเลยไหม อย่าอ่านเพลินจนลืมกินข้าวกินปลาล่ะ”
“ไม่ลืมหรอกครับ ยายก็รู้เรื่องกินสำหรับผมต้องมาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว”
“ไทจะไปกี่โมง ถ้าไปเช้ามากไม่ต้องเก็บครัวก็ได้นะ แม่จะกลับเก็บเอง”
“ผมว่าน่าจะออกเช้าหน่อยครับ จะได้จองที่นั่งทำเลดี เรื่องทำความสะอาดในครัวผมจะรีบทำก่อนไปครับ แต่ถ้าอันไหนที่ต้องแช่นานผมจะกลับมาล้างตอนเย็นนะครับแม่”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องงานหรอกนะลูก แค่นี้แม่กับยายช่วยกันทำได้สบายมาก แม่เห็นไทขยันอ่านหนังสือแบบนี้แม่ก็ดีใจ”
ไทธัชรู้สึกผิดที่โกหกผู้มีพระคุณทั้งสองท่าน เขากำลังชั่งใจอยู่ว่าจะสารภาพความจริงทั้งหมดให้ยายและมารดาฟังดีหรือเปล่า บางทีเขาคงต้องหาใครสักคนที่จะให้คำปรึกษาเรื่องนี้กับเขาได้
พอรถของมารดาออกจากรั้วไปแล้วไทธัชก็รับทำความสะอาดเครื่องใช้ในครัวอย่างรวดเร็วจากนั้นก็รีบวิ่งมายังป้ายรถเมล์ทันที
เด็กหนุ่มพักงานคนใหม่มาถึงหน้าร้านก่อนที่พีรพลจะมาถึงเพียงเสี้ยววินาที พรุ่งนี้เขาคงต้องวางแผนให้กับตัวเองใหม่เพราะไม่อยากมาทำงานเฉียดฉิวแบบนี้
“สวัสดีครับพี่พีท”
“อือ สวัสดี มาถึงนานหรือยัง”
“ก่อนหน้าพี่นิดเดียวเองครับ”
“เช้าๆ แบบนี้งานมีไม่มากหรอก ส่วนใหญ่แล้วก็จะมาสั่งกาแฟแล้วก็เอาไปกินบนรถ บางคนก็โทรเข้ามาแล้วให้เราเอาไปส่งที่รถ เดี๋ยวพี่จะคอยบอกว่ารถคันไหนของใคร”
แล้วลูกค้าคนแรกก็โทรมาสั่ง คนที่รับโทรศัพท์คือเจ้าของร้านแต่เขาเปิดลำโพงเพื่อให้ไทธัชได้ยิน เด็กหนุ่มจะได้เรียนรู้ว่าจะต้องคุยกับลูกค้าอย่างไรบ้าง
วางสายแล้วพีรพลก็ไปทำกาแฟตามที่สั่ง จากนั้น เขาก็ออกไปยืนที่หน้าร้านพอเห็นรถคันสีน้ำเงินที่กำลังชะลอความเร็วลงเจ้าของร้านก็ให้ไทธัชเป็นคนเดินเอากาแฟไปส่งที่รถ
“เอสเปรสโซ่ร้อนครับ” ไทธัชส่งแก้วกาแฟให้กับคนขับรถที่เปิดกระจกออกมารับ
“ขอบใจมาก มาทำงานวันแรกเหรอ” ลูกค้าผู้หญิงชวนเขาคุย
“ครับ วันแรกครับ”
“ฝากขอบคุณคุณพีทด้วยนะที่บริการพี่เป็นอย่างดี พี่ไปก่อนล่ะ แล้วจะมาอุดหนุนใหม่ อ้อ วันศุกร์พี่เปลี่ยนเป็นรถตู้นะ อย่าส่งผิดคันล่ะ”
“ครับ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ”
เด็กหนุ่มเดินกลับเข้ามาในร้านและไม่ลืมที่จะบอกพีรพลว่าวันศุกร์ลูกค้าคนเมื่อครู่จะเปลี่ยนไปใช่รถตู้
“ไท โน๊ตไว้บนไวท์บอร์ดด้วยนะกันพลาด”
“ครับ”
เขารีบโน้ตไว้ตามที่เจ้าของร้านบอก
“มีลูกค้าสั่งเพิ่มเหรอครับ ให้ผมช่วยไหม”
“ไม่เป็นไร ลูกค้าค่อนข้างรีบ เดี๋ยวไทเอาไปส่งที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนะ บอกว่าของหมอวิ”
“ครับพี่พีท แล้วผมต้องเก็บเงินมาด้วยไหมครับ”
“ไม่ต้องหมอวิเป็นลูกค้าประจำพี่จะสรุปยอดที่เดียว”
ไทธัชถือกล่องกระดาษที่มีแก้วกาแฟอยู่กล่องละ 4 แก้วจำนวนสองกล่องและแซนด์วิชที่อีกนับสิบชิ้นเดินเข้าด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนจะไปตรงไปยังแผนกฉุกเฉินตามป้ายบอกอย่างรวดเร็ว
“ผมเอากาแฟมาส่งหมอวิครับ”
“ขอบใจมา เดี๋ยวพี่เอาไปให้หมอวิเอง” หญิงคนหนึ่งดูแล้วอายุมากกว่าเขาอยู่มากเดินมารับของในมือเด็กหนุ่มซึ่งยืนรออยู่แค่เพียงด้านหน้าห้อง
ส่งกาแฟและแซนด์วิชเสร็จแล้วเขาก็รีบเดินกลับไปที่ร้านทันที พอไปถึงก็เห็นลูกค้าอยู่ด้านในหนึ่งคน มองจากด้านหลังค่อนข้างคุ้นตา
“นั่นไงมาพอดี ไท มาชงกาแฟหน่อย” เจ้าของร้านเรียกไทธัชที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
“ครับพี่พีท” เขาเดินอ้อมมาด้านหลังเคาน์เตอร์ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยของอีกคนส่งมา
“พี่ซัน สวัสดีครับ”
“อือ ชงกาแฟให้พี่หน่อย”
“ได้ครับ พี่ซันจะเอาอะไร”
“ทำอะไรได้ก็เอามาเถอะ”
“งั้นเอาเอสร้อนนะครับ ผมทำเป็นแค่อย่างเดียว” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจส่งมาให้
“ได้ เพิ่มช็อตด้วยนะ ง่วงมาก” เพราะเมื่อคืนกว่าจะออกจากห้องผ่าตัดก็เกือบเที่ยงคืนแล้วเช้านี้ยังต้องรีบตื่นมาดูคนไข้ตั้งแต่ตีหน้า ตอนนี้อคิราห์ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว
“ได้ครับ”
รอไม่นานกาแฟร้อนก็ส่งกลิ่นหอมกระตุ้นให้สมองตื่นตัวได้เป็นอย่างดี ไทธัชหยิบปลอกแก้วมาเขียนอวยพรให้กับลูกค้าคนแรกของเขาก่อนจะสวมมันลงไปที่แก้วแล้วส่งให้อคิราห์
“แก้วนี้ผมเลี้ยงครับ”
“ใส่อะไรลงไปหรือเปล่า ไม่วางยากันใช่ไหม”
“ผมจะทำอย่างนั้นทำไม ถ้าจะวางยาพี่ผมใส่ไปในคุกกี้ไม่ดีกว่าเหรอ” เด็กหนุ่มหัวเราะ
“ขอบใจมาก พี่ไปก่อนนะ ตั้งใจทำงานด้วย”
“ครับ”
หลังจากชงกาแฟให้กับลูกค้าคนแรกเสร็จแล้ว ก็มีลูกค้าคนอื่นทยอยเข้าเรื่อย เพราะช่วงเช้าร้านแถวนี้ยังไม่ค่อยกันเท่าไหร่ ไทธัชสนุกกับการทำงานจนเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง
“เหนื่อยไหม” เจ้าของร้านถาม
“ไม่ครับ สนุกดี”
“ใหม่ ๆ พี่ก็สนุกแบบนี้แหละ พอนาน ๆ ไปก็เริ่มเบื่อ แต่จะทำไงได้ในเมื่อเปิดร้านแล้วก็ต้องขาย”
“พี่เปิดร้านมานานหรือยังครับ”
“10 ปีได้แล้วมั้ง”
“นานมากเลยนะครับ”
“ใช่นานมาก ลูกค้าบางคนก็มาอุดหนุนตั้งแต่เปิดร้าน อย่างหมอซัน นั่นก็เป็นลูกค้า แต่พอแวะมาบ่อย ๆ ก็สนิทกันมากขึ้นแล้วเราไปรู้จักกับหมอซันได้ยังไงขานั้นออกจะเป็นคนเก็บตัว”
“พี่ซันเป็นผู้มีพระคุณครับ”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” พีรพลพยักหน้าเข้าใจ
ระหว่างนั้นก็มีหญิงชายคู่หนึ่งเดินเข้าในร้าน ไทธัชกำลังจะเดินออกไปต้อนรับแต่เจ้าของร้านก็ห้ามไว้ก่อน พร้อมกับแนะนำให้เขารู้จัก เจนกับมิ้นต์สองสาวเพื่อนซี้ซึ่งมาทำงานที่ร้านได้เกือบสามปีแล้ว
“ผมขอเรียกพี่เจนกับพี่มิ้นต์ได้ไหมครับ” ไทธัชคิดว่าตัวเองคงจะอายุน้อยกว่าคนทั้งสองจึงขออนุญาตออกไป
“ได้สิ ไทยังเรียนอยู่ใช่ไหม”
“ครับผมอยู่ ม.6”
“พี่สองคนเรียนจบม.6 มาหลายปีแล้วตอนนี้กำเรียนที่รามนะ”
“ครับ”
“ถ้าไทไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่สองคนได้นะ ไม่ต้องเกรงใจนะ”
“ขอบคุณครับ”
ตลอดทั้งวันลูกค้าก็มาใช้บริการไม่ขาดสาย กว่าทุกคนจะพักทานอาหารก็หลังบ่ายโมงไปแล้ว
พี่พีทเป็นคนจัดการเรื่องอาหารกลางวันโดยสั่งมาจากร้านที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งแต่ละร้านก็มีบริการส่ง ทุกคนทานอาหารสลับกับเพราะแม้จะเลยเวลาพักกลางวันไปแล้วแต่ก็ยังคงมีลูกค้าเข้ามาแทบไม่ขาดสาย
พอบ่ายสองก็ถึงเวลาเลิกงานของไทธัช เพราะเขามาทำงานก่อนพี่เจนและพี่มิ้นต์ถึงสามชั่วโมง
“ไท เอากาแฟไปส่งที่ตึกสีเทาฝั่งตรงข้ามนะ ฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ ส่งแล้วก็กลับบ้านได้เลย”
“ครับพี่พีท ผมไปก่อนนะครับพี่เจน พี่มิ้นต์”
“โชคดีนะ พรุ่งนี้เจอกัน” พี่เจนโบกมือให้เขาอย่างเป็นกันเอง
กาแฟแก้วเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่รับมาจากมือของไทธัชเมื่อเช้า ส่วนเจ้าของห้องนั้นยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้าอคิราห์จิบกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถูกตามตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพราะต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอในการผ่าตัดเคสที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้หมอศัลยกรรมหลายคนกว่าเขาจะออกมาจากห้องกาแฟแก้วนั้นก็เย็นชืดไปหมดแล้วแก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาจิบแม้มันจะเย็นชืดแต่อคิราห์ก็ไม่คิดจะทิ้งเพราะกาแฟแก้วนี้ไทธัชเป็นคนเลี้ยง เขาจิบทีละนิดจนหมดแก้ว ขณะที่กำลังทิ้งแก้วเปล่าลงถังขยะก็เห็นว่าตรงปลอกแก้วมีอะไรเขียนอยู่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลอเหลาของคุณหมอวัยเกือบจะสามสิบปีเมื่อเห็นข้อความพี่ซันสู้ๆด้านหลังข้อความยังมีรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูนิ้วมือสองนิ้ววาดด้วยปากกาทำให้คนมองรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกมากเขาถึงปลอกแก้วออกมาเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วทิ้งแค่เพียงแก้วลงไปในถังขยะพอได้รับกำลังใจมาแล้วอคิราห์ก็มีแรงเริ่มต้นทำงานในตอนบ่ายอีกครั้งกว่าจะได้กลับไปยังคอนโดก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อคิราห์สั่งอาหารเย็นยังแอปพลิเคชั่นสีเขียวให้ไปส่งที่คอนโด เพราะขี้เกียจจะแวะซื้อชีวิตประจำวันของอคิราห์ว
ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้วเมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”“ได้ครับ”เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”ไทธัชบ
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท