ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”
ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรอยู่ลูก”
“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง
“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”
“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”
“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”
“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”
“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”
“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”
“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”
“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”
“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำให้พี่เขาได้และมันไม่ลำบากจนเกินไปแม่ว่าไทก็ควรทำ”
“ครับแม่ แม่จำได้ไหมที่ผมบอกว่าจะต้องไปใช้คอมพิวเตอร์ที่ร้านเพื่อเรียนการใช้โปรแกรมได้ไหมครับ”
“จำได้สิ แล้วมีปัญหาอะไรไหม ที่ร้านเขามีโปรแกรมที่ไทต้องเรียนหรือเปล่า” เธอเป็นกังวลเพราะกลัวลูกชายจะไม่ได้เรียนตามที่ตั้งใจ ครั้นจะซื้อเครื่องใหม่ให้ลูกชายก็บอกว่าไม่จำเป็นขนาดนั้น
“ผมไม่ได้ไปที่ร้านหรอกครับแม่ พอดีคอมพ์ของพี่ซันก็เรียนได้ ผมก็เลยเรียนที่ห้องพี่ซันครับ”
“รบกวนพี่เขาอีกแล้ว”
“ผมก็ไม่อยากรบกวนแต่พี่ซันบอกเองว่าให้ผมใช้ ถ้าเครื่องมีปัญหาจะได้รับเอาไปเคลมเพราะเพิ่งซื้อมาได้แค่เดือนเดียวเอง เลยอยากให้ผมได้ลองใช้”
“อ้อ แม่ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แล้วพรุ่งนี้ต้องทำความสะอาดห้องอีกไหม แม่ว่าจะฝากกับข้าวไปให้หมอซันสักหน่อย”
“พรุ่งนี้ไปทำความสะอาดห้องตอนบ่ายครับ แต่ผมว่าอย่าฝากกับข้าวไปเลย เพราะเย็นวันพุธพี่ซันบอกว่าจะขอมาทานข้าวเย็นด้วยครับ”
“แล้วพี่เขาบอกไหมว่าอยากกินอะไร”
“ไม่ได้บอกครับ แม่ก็ทำแบบที่เรากินกันนี่แหละครับ พี่เขาขอแค่สะอาดและไม่เผ็ดมากแค่นั้นเอง”
“ได้จะ แม่กับยายจะได้ช่วยกันทำ ถ้ายายรู้คงดีใจ”
“นั่นสิครับ พี่ซันน่ะขวัญใจยายเลย แล้วแม่กับยายเป็นไงบ้างครับ ไปเยี่ยมญาติมาเหนื่อยไหมครับ”
“ไม่เลยจ้ะ พอได้เจอญาติ ๆ ยายของไทก็ดูจะมีความสุข ยิ้มทั้งวันเลย”
“แม่ครับพี่ฝ้ายนี่เขาขอมาอยู่กับเรานานไหมครับ”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันลูก อันที่จริงบ้านเราก็ไม่ได้สะดวกสบายขนาดนั้น แต่แม่ก็เกรงใจลุงไม้เพราะแต่ก่อนลุงเขาคอยช่วยเหลือดูแลยายตอนที่แม่เข้ามาอยู่กรุงเทพใหม่ ๆ และยังไม่ได้พายายมาอยู่ด้วย แม่อยากให้ไทอดทนหน่อยละลูก”
“ผมทนได้ครับแม่ แต่แม่กับยายต้องอยู่ห้องเดียวกัน ห้องนั้นมันเล็กมากเลยนะครับ ผมอยากให้ยายมานอนห้องผม ส่วนผมนอนพื้นก็ได้ครับ ผมอยากให้ยายนอนสบาย ๆ”
“เดี๋ยวแม่จะลองคุยกับยายให้นะ ไททำงานต่อเถอะ”
“ครับแม่”
เมื่อคืนไทธัชวาดรูปจนดึก เขารู้ว่าวันนี้ไม่ต้องรีบตื่นตอนแต่เช้าเพราะมารดายังไม่ได้ทำกับข้าวไปขาย
พออาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่ายายกับพี่ฝ้ายกำลังนั่งดูทีวีด้วยกันสองคน
“ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม กับข้าวอยู่ในตู้นะลูก” ยายมาลัยหันมาบอกหลานชาย
“ยังไม่หิวเลยครับยาย แล้วแม่ไปไหนล่ะครับ”
“ออกไปซื้อของมาทำกับข้าวพรุ่งนี้”
“ผมนึกว่าแม่จะให้ผมไปช่วยเสียอีก”
“แม่คงเห็นว่าเราอ่านหนังสือจนดึกเลยไม่อยากรบกวน”
“ไทอยู่ ม.อะไรแล้วจ้ะ”
“ม.6 ครับ”
“กำลังเตรียมตัวสอบเข้าสินะ มีวิชาไหนไม่เข้าใจถามพี่ได้นะ”
“ดีเลย ยายฝากฝ้ายช่วยติวให้น้องด้วยนะ”
“ค่ะยาย”
พอทานอาหารเช้าเสร็จแล้วไทธัชก็กลับเข้าไปในห้องเพื่ออ่านหนังสืออีกนิด เพราะจากทีแรกที่คิดว่าจะทานอาหารกลางวันให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกไปทำความสะอาดคอนโดให้อคิราห์เด็กหนุ่มก็เปลี่ยนใจ
แต่จะไปห้องของอคิราห์ก่อนเวลาที่บอกก็ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ไทธัชจึงส่งไลน์ไปถามเขาก่อน
T ^_^ T : พี่ซันครับ
Dr.Akhirah : ว่า?
T ^_^ T : ผมไปที่ห้องพี่ตอนนี้ได้ไหม
Dr.Akhirah : ไปสิ ใครห้าม
T ^_^ T : มันก่อนเวลาที่บอก เกรงใจครับ
Dr.Akhirah : พูดว่าเกรงใจโดนปรับ
T ^_^ T : เอาอะไรเป็นค่าปรับครับ กาแฟร้านพี่พีทไหมครับ
Dr.Akhirah : จะเอามาส่งเหรอ
T ^_^ T : จะเอาไหมล่ะครับ เอากาแฟไร
Dr.Akhirah : อเมริกาโน่ เย็น หวานน้อย
T ^_^ T : ส่งที่ไหนครับ
Dr.Akhirah : ตึกศัลยกรรม ถึงแล้วบอกนะ จะลงไปเอา
T ^_^ T : รับทราบครับ
Dr.Akhirah : รอนะ
หลังจากส่งข้อความไปแล้วไทธัชก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและไม่ลืมที่เอาไอแพดไปด้วย เพราะระหว่างรออคิราห์เลิกงานเขาจะได้ลงสีเพิ่มเติม
ตอนนี้รูปเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือลงสีเพิ่มเติมอีกเพียงนิดก่อนจะส่งให้กับคุณธีรธร แต่เขาก็อยากให้อคิราห์ดูก่อน
“อ้าว ไทจะไปไหนจ๊ะ ไหนว่าจะให้พี่ติวให้ไง”
“ผมมีธุระครับพี่ฝ้าย ขอตัวก่อนนะครับ”
“ไปไหนล่ะลูก”
“เอาของไปให้พี่ซันที่โรงพยาบาลครับยาย แล้วก็จะเลยไปทำความสะอาดห้อง”
“จะกลับดึกไหมล่ะลูก”
“ไม่แน่ครับ ยายไม่ต้องรอกินข้าวเย็นนะครับ ผมคงกินมาจากข้างนอก”
“ไทบอกแม่แล้วใช่ไหม”
“บอกแล้วครับยาย ผมไปก่อนนะครับไม่อยากให้พี่ซันรอนาน”
ไทธัชหยิบเป้ใบเก่งขึ้นบ่า จากนั้นก็สวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่งสีขาวที่ดูไม่ใช่สีขาวสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ชอบว่าเพราะคู่นี้เก็บเงินซื้อเองตอนเรียนอยู่ชั้น ม.5
เด็กหนุ่มนั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ถึงหน้าโรงพยาบาลที่อคิราห์ทำงานอยู่ เขาแวะไปซื้อกาแฟที่ร้านของพีรพลซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนใหม่ที่รับมาหลังจากเขาลาออกไปแล้ว
“สวัสดีครับพี่พีท”
“อ้าว ไท มาได้ไง”
“คิดถึงพี่พีทไงครับ”
“อย่ามาทำปากหวาน แล้วมาคนเดียวเหรอ”
“ครับพี่ แล้วพี่เจนกับพี่มิ้นต์ไปไหนเหรอครับ”
“กินข้าวอยู่หลังร้าน เดี๋ยวพี่เรียกให้เอาไหม”
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมแวะมาซื้อกาแฟให้พี่ซันครับ เอาไว้วันหลังมีเวลาเยอะกว่านี้ค่อยแวะมาใหม่ครับ”
“ชงเองไหม” เจ้าของร้านถาม
“ไม่ดีกว่าครับ”
“งั้นพี่ให้เด็กใหม่ชงนะ นั่นชื่อก้องเพิ่งทำงานได้สี่วัน”
“ได้ครับ ใครชงก็เหมือนกัน พี่ซันไม่รู้หรอก”
“อเมริกาโน่เย็นหวานน้อยนะครับ ผมขอปลอกแก้วก่อนได้ไหมครับ” เขาหันไปบอกพนักงานคนใหม่ที่ดูน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เมื่ออีกฝ่ายส่งปลอกแก้วให้ไทธัชก็หยิบปากกาออกจากกระเป๋าแล้ววาดรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูสองนิ้วลงไปอย่างเคย
ออกจากร้านกาแฟก็รีบตรงไปยังตึกศัลยกรรมที่ตัวเองเคยมาส่งกาแฟตอนทำงานอยู่กับพีรพลอยู่หลายครั้ง
เขาโทรศัพท์ไปหาอคิราห์ระหว่างที่กำลังจะเดินไปถึงหน้าตึก แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะลงมารอก่อนแล้ว
“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะมาตอนนี้ ก็กะเวลาเอาไง จากบ้านมาขึ้นรถ แล้วก็มาร้านกาแฟน่าจะชั่วโมงหนึ่งพอดี”
“ผมไม่เคยจับเวลาเลย”
อคิราห์แอบยิ้มที่เห็นท่าทางของอีกคนงง ๆ
“ผมกลับเลยนะครับพี่จะได้ทำงานต่อ”
“ไท เย็นนี้พี่กลับค่ำหน่อยนะ จะรอไหม”
“ถ้าพี่ให้รอผมก็รอ”
“งั้นรอนะ ว่าจะสั่งอะไรไปกินด้วยกันสักหน่อย”
“พี่ซันครับ ผมขอยืมคอมพิวเตอร์ได้ไหม”
“เอาสิ นายจะทำอะไรในห้องพี่ก็ตามสบายเลย ยกเว้นพาสาวมานอนแค่นั้นเอง”
“ใครจะทำอย่างนั้นกันล่ะ หรือพี่ทำ”
“พี่ไม่เคยพาสาวที่ไหนขึ้นห้อง”
“เชื่อตายเลยหน้าตาอย่างพี่ผมว่าสับรางแทบไม่ทันมากกว่า”
“แล้วเคยเห็นพี่ทำอย่างนั้นไหมล่ะ”
ไทธัชส่ายหัว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะนั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
“ผมไปจริง ๆ ละนะ พี่ก็กลับไปทำงานได้แล้ว”
“อือ เดิน ๆ ดีอย่าสะดุดขาตัวเองล้มล่ะ” เขาพูดไล่หลังอย่างอารมณ์ดี
ตั้งแต่เจอกันถึงตอนนี้ก็หนึ่งเดือนมาแล้ว อคิราห์รู้สึกว่าเหมือนเขากับเด็กหนุ่มรู้จักกันมานานแสนนาน เขาพูดคุยกับไทธัชได้ทุกเรื่อง เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้เขายิ้มมากขึ้น หัวเราะบ่อยขึ้นและอยากจะกลับไปที่คอนโดเร็วขึ้น
ชายหนุ่มมองแก้วกาแฟในมือแล้วยิ้มเมื่อเห็นปลอกแก้วที่ไทธัชเขียนข้อความและวาดรูปไว้เหมือนทุกครั้ง
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี
เปิดเทอมวันแรกไทธัชไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานเกือบหนึ่งเดือน การอัปเดตข่าวสารของแต่ละคนจึงดังไปทั่วห้องหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้วทุกคนก็คุยกันเสียงดังโหวกเหวกอีกครั้ง ยิ่งเมื่ออาจารย์ที่สอนคาบแรกแจ้งมาในไลน์ว่าให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมกับหัวหน้าสายชั้น เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีกเท่าตัว“แทน มึงมาสายนะ” ไทธัชทักทายเพื่อนสนิทเมื่ออีกคนมาไม่ทันเข้าแถว“กูยังไม่ชิน นอนดึกตื่นสายมาเกือบเดือน เมื่อเช้ากูแทบลุกไม่ขึ้น แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”“กูก็ตื่นเช้าปกติอยู่แล้ว”“กูหมายถึงงานพิเศษ”“อ๋อ กูไปทำงานที่ร้านกาแฟ”“เงินมันจะพอคืนพี่เขาเหรอวะ”“ไม่พอหรอก แต่พี่เขายังไม่เอาเงินตอนนี้ เขารอให้กูเรียนจบก่อนค่อยจ่าย”“พี่ไอ้คิวใจดีฉิบหายเลย กูอยากมีพี่ใจดีแบบนั้นบ้างจัง”“อือ เขาใจดีกับกูมาก จนกูเกรงใจ”“ไหนว่ามึงไม่มีเงินแล้วทำไมถึงซื้อโทรศัพท์ใหม่” แทนคุณตาไวเห็นโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วสอดไว้ใต้โต๊ะเขาเลยต้องเล่าเรื่องเมื่อวานให้กับแทนคุณฟัง“กูกว่ามันก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดคงเสียเงินเป็นแสน หรือบางที่ถ้าเขาเจ็บมาก ๆ
บ่ายวันอาทิตย์ไทธัชมาทำความสะอาดห้องให้กับอคิราห์อย่างเคย แต่วันนี้นอกจากชายหนุ่มเจ้าของห้องจะไม่ลงไปออกกำลังกายแล้ว วันนี้เขายังเอาแต่นั่งจ้องไทธัช จนเด็กหนุ่มอดถามอย่างสงสัยไม่ได้“พี่หมอซันมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ผมเห็นจ้องมานานแล้ว”“ไม่มีอะไรแค่อยากมองก็เท่านั้น”“จะบอกว่าไว้ผมทรงนี้แล้วผมหล่อใช่ไหมล่ะ”“งั้นมั้ง” คุณหมอหนุ่มตอบพร้อมหัวเราะมันก็จริงอย่างที่เจ้าตัวพูดเพราะตอนนี้ผมทรงนักเรียนของไทธัชนั้นยาวขึ้นมากแล้ว แต่เจ้าตัวไม่คิดจะตัดเพราะอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วจากเด็กนักเรียนหัวเกรียนกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีใบหน้าหล่อเหลาจนเขาเผลอนั่งมองอยู่นานพอเห็นว่าอีกคนทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็เรียกให้มานั่งใกล้ ๆ“ไท ถึงแม้จะมีที่เรียนแล้ว แต่ก็ต้องตั้งใจเรียน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองสอบได้แล้วเลยไม่สนใจที่จะเรียน ถ้าเกิดพลาดติด 0 ติด ร ขึ้นมามันคงไม่ดีเท่าไหร่”“ผมไม่ทิ้งการเรียนหรอกครับ อยากให้เกรดออกมาสวย ๆ ว่าแต่ทำไม่วันนี้พี่ดูเครียดจังเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาทิตย์หน้าพี่ก็จะต้องไปเรียนแล้ว”“ไปเรียนอะไร ไปเรียนที่ไหนครับ” เขาถามด้วยความตกใจ“พี่จะไปเรียนเฉพาะทางที่อเมริกา
หลังจากไทธัชออกจากห้องไปแล้วอคิราห์ก็นอนไม่หลับ เขาจึงตรวจดูรายการของที่ไทธัชซื้อมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างได้ครบตามที่สั่งก็เริ่มจัดบางส่วนลงกระเป๋าระหว่างรอเวลาที่จะไปทำงานขณะกำลังจะออกจากประตูก็ต้องยิ้มเมื่อเห็นว่าไทธัชลืมเสื้อแขนยาวตัวเก่งที่ไทธัชใส่อยู่เป็นประจำไว้บนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ปลายเตียงอคิราห์ยัดมันลงไปยังกระเป๋าเดินทางด้านล่างสุด ในเมื่อพาเจ้าของไปด้วยไม่ได้ เขาจะเก็บไว้เป็นตัวแทนยามที่คิดถึงคนที่นอนกอดเมื่อคืนก่อนเดินทางอคิราห์ก็ยุ่งทั้งเตรียมเอกสารและเคลียร์งานที่คั่งค้าง เขาแวะไปทานข้าวที่บ้านของไทธัชเพื่อบอกลามารดาเละยายของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ไปบอกมารดาของตัวเองที่บ้าน นับว่าโชคดีที่พ่อเลี้ยงของเขาไม่อยู่ ชายหนุ่มจึงได้คุยกับมารดานานกว่าทุกครั้งเขาไม่ได้ไปบอกบิดาด้วยตัวเอง เพียงแต่โทรไปแจ้งให้ท่านทราบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าอีกคนงานยุ่งมากแค่ไหนระหว่างกลับจากที่ธุระในเช้าก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน ไทธัชก็โทรมาหาอคิราห์ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“พี่ซัน เห็นเสื้อคลุมของผมไหม น่าจะลืมไว้ที่นั่น” ไทธัชโทรถาม หลังจากที่หาเสื้อตัวโปรดอยู่นาน“สีน้ำเงินใช่ไหม”“ใช่ ๆ มันอยู่
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่อคิราห์มาเรียนที่อเมริกา ชายหนุ่มยังคงโทรศัพท์ไปหาไทธัชอยู่เกือบทุกวันไม่ว่าจะเรียนหนักมากแค่ไหน การได้คุยกับคนที่อยู่อีกฟากโลกหนึ่งทำให้เขามีกำลังใจและหายเหนื่อย“พี่ดูท่าทางเหนื่อยมากเลยนะครับ” เมื่อวิดีโอคอลไปแล้วเห็นว่าอคิราห์ดูใบหน้าโทรมลงไปมาก อีกทั้งขอบตาก็คล้ำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน“อือ เหนื่อย”“ไหวไหมครับ”“ไหวสิ ว่าแต่นายเถอะเป็นไงบ้างทุกอย่างโอเคไหม”“เหมือนเดิมครับ เดือนหน้าก็จะปิดเทอมแล้ว เมื่อวานผมแวะไปที่ร้านพี่ทีท เขาชวนผมไปทำงานช่วงปิดเทอม พี่ว่าผมไปดีไหม”“ถ้าบอกไม่ให้ไปนายก็จะดื้อไปอยู่นี่นั่นแหละ”“ผมไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ช่วยงานแม่กับยายมันก็ไม่นาน มีเวลาเหลืออีกเยอะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำเถอะ”“พี่ซันครับ ดูแลตัวเองด้วย ผมเป็นห่วง”“อือ ขอบใจเดี๋ยวคุยกับนายเสร็จก็จะไปนอนแล้ว”การมาเรียนที่นี่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงแม้เขาจะพอมีประสบการณ์ในห้องผ่าตัดมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเหนื่อยน้อยลง ทุกวันหลังเลิกเรียนชายหนุ่มก็แทบจะหมดแรงพอเข้าเดือนที่สามทุกอย่างก็เริ่มลงตัว แต่เขากับไทธัชกลับได้คุยกันน้อยลงเพราะชายหนุ่มเริ่มเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
วันหยุดยาวไทธัชโทรไปหามารดา เพื่อบอกว่าสัปดาห์นี้เขาจะติวหนังสือกับรุ่นพี่จึงไม่กลับบ้านอย่างที่ได้บอกไว้ มารดาของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะลูกชายเป็นเด็กดีมาตลอดชายหนุ่มนัดกันมาติวที่หอของรุ่นพี่ แต่พอมาถึงกลับพบว่าตอนนี้มีแค่เขากับวีริญารุ่นพี่ที่เขาเริ่มคบหาได้เกือบหนึ่งเดือน เพียงแค่สองคนเท่านั้น“สงสัยคนอื่นกลับบ้านกันหมดแล้วแน่เลย”“นั่นสิ ผมก็ลืมคิดว่าเป็นวันหยุดยาว”“ไม่เป็นไรริญาติวให้ไทคนเดียวก็ได้ส่วนคนที่เหลือก็ค่อยเอาไว้วันหลัง”“งั้นริญาก็ต้องเหนื่อยสองรอบนะครับ ผมว่ารอพร้อมกันดีกว่า วันนี้ผมกลับก่อนก็ได้”“เดี๋ยวสิไท อยู่เป็นเพื่อนริญาก่อน หยุดยาวที่หอเงียบมาก ริญาไม่อยากอยู่คนเดียว”“เราออกไปดูหนังกันดีไหม”“ไท” วีริญาขยับเข้าใกล้จนไทธัชได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ“เราไม่ต้องนั่งชิดขนาดนี้ก็ได้”“ไทรังเกียจริญาเหรอ หรือเพราะริญากับพี่เข้มเคยเป็นแฟนกันมาก่อน” หญิงสาวหมายถึงเขมทัตรุ่นพี่ปีสามที่เธอเพิ่งเลิกกับเข้าได้ไม่ถึงสองเดือน“เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย”“แต่ไทไม่เคยจับมือ ไม่เคยจูบริญาเลยสักครั้ง” หญิงสาวทำท่าทางน้อยใจเหมือนกำลังจะร้องไห้ ไทธัชจึงต้องรีบปลอบ“ผมไม่ได้รัง