ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี
เปิดเทอมวันแรกไทธัชไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานเกือบหนึ่งเดือน การอัปเดตข่าวสารของแต่ละคนจึงดังไปทั่วห้องหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้วทุกคนก็คุยกันเสียงดังโหวกเหวกอีกครั้ง ยิ่งเมื่ออาจารย์ที่สอนคาบแรกแจ้งมาในไลน์ว่าให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมกับหัวหน้าสายชั้น เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีกเท่าตัว“แทน มึงมาสายนะ” ไทธัชทักทายเพื่อนสนิทเมื่ออีกคนมาไม่ทันเข้าแถว“กูยังไม่ชิน นอนดึกตื่นสายมาเกือบเดือน เมื่อเช้ากูแทบลุกไม่ขึ้น แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”“กูก็ตื่นเช้าปกติอยู่แล้ว”“กูหมายถึงงานพิเศษ”“อ๋อ กูไปทำงานที่ร้านกาแฟ”“เงินมันจะพอคืนพี่เขาเหรอวะ”“ไม่พอหรอก แต่พี่เขายังไม่เอาเงินตอนนี้ เขารอให้กูเรียนจบก่อนค่อยจ่าย”“พี่ไอ้คิวใจดีฉิบหายเลย กูอยากมีพี่ใจดีแบบนั้นบ้างจัง”“อือ เขาใจดีกับกูมาก จนกูเกรงใจ”“ไหนว่ามึงไม่มีเงินแล้วทำไมถึงซื้อโทรศัพท์ใหม่” แทนคุณตาไวเห็นโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วสอดไว้ใต้โต๊ะเขาเลยต้องเล่าเรื่องเมื่อวานให้กับแทนคุณฟัง“กูกว่ามันก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดคงเสียเงินเป็นแสน หรือบางที่ถ้าเขาเจ็บมาก ๆ
บ่ายวันอาทิตย์ไทธัชมาทำความสะอาดห้องให้กับอคิราห์อย่างเคย แต่วันนี้นอกจากชายหนุ่มเจ้าของห้องจะไม่ลงไปออกกำลังกายแล้ว วันนี้เขายังเอาแต่นั่งจ้องไทธัช จนเด็กหนุ่มอดถามอย่างสงสัยไม่ได้“พี่หมอซันมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ผมเห็นจ้องมานานแล้ว”“ไม่มีอะไรแค่อยากมองก็เท่านั้น”“จะบอกว่าไว้ผมทรงนี้แล้วผมหล่อใช่ไหมล่ะ”“งั้นมั้ง” คุณหมอหนุ่มตอบพร้อมหัวเราะมันก็จริงอย่างที่เจ้าตัวพูดเพราะตอนนี้ผมทรงนักเรียนของไทธัชนั้นยาวขึ้นมากแล้ว แต่เจ้าตัวไม่คิดจะตัดเพราะอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วจากเด็กนักเรียนหัวเกรียนกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีใบหน้าหล่อเหลาจนเขาเผลอนั่งมองอยู่นานพอเห็นว่าอีกคนทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็เรียกให้มานั่งใกล้ ๆ“ไท ถึงแม้จะมีที่เรียนแล้ว แต่ก็ต้องตั้งใจเรียน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองสอบได้แล้วเลยไม่สนใจที่จะเรียน ถ้าเกิดพลาดติด 0 ติด ร ขึ้นมามันคงไม่ดีเท่าไหร่”“ผมไม่ทิ้งการเรียนหรอกครับ อยากให้เกรดออกมาสวย ๆ ว่าแต่ทำไม่วันนี้พี่ดูเครียดจังเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาทิตย์หน้าพี่ก็จะต้องไปเรียนแล้ว”“ไปเรียนอะไร ไปเรียนที่ไหนครับ” เขาถามด้วยความตกใจ“พี่จะไปเรียนเฉพาะทางที่อเมริกา
หลังจากไทธัชออกจากห้องไปแล้วอคิราห์ก็นอนไม่หลับ เขาจึงตรวจดูรายการของที่ไทธัชซื้อมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างได้ครบตามที่สั่งก็เริ่มจัดบางส่วนลงกระเป๋าระหว่างรอเวลาที่จะไปทำงานขณะกำลังจะออกจากประตูก็ต้องยิ้มเมื่อเห็นว่าไทธัชลืมเสื้อแขนยาวตัวเก่งที่ไทธัชใส่อยู่เป็นประจำไว้บนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ปลายเตียงอคิราห์ยัดมันลงไปยังกระเป๋าเดินทางด้านล่างสุด ในเมื่อพาเจ้าของไปด้วยไม่ได้ เขาจะเก็บไว้เป็นตัวแทนยามที่คิดถึงคนที่นอนกอดเมื่อคืนก่อนเดินทางอคิราห์ก็ยุ่งทั้งเตรียมเอกสารและเคลียร์งานที่คั่งค้าง เขาแวะไปทานข้าวที่บ้านของไทธัชเพื่อบอกลามารดาเละยายของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ไปบอกมารดาของตัวเองที่บ้าน นับว่าโชคดีที่พ่อเลี้ยงของเขาไม่อยู่ ชายหนุ่มจึงได้คุยกับมารดานานกว่าทุกครั้งเขาไม่ได้ไปบอกบิดาด้วยตัวเอง เพียงแต่โทรไปแจ้งให้ท่านทราบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าอีกคนงานยุ่งมากแค่ไหนระหว่างกลับจากที่ธุระในเช้าก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน ไทธัชก็โทรมาหาอคิราห์ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“พี่ซัน เห็นเสื้อคลุมของผมไหม น่าจะลืมไว้ที่นั่น” ไทธัชโทรถาม หลังจากที่หาเสื้อตัวโปรดอยู่นาน“สีน้ำเงินใช่ไหม”“ใช่ ๆ มันอยู่
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่อคิราห์มาเรียนที่อเมริกา ชายหนุ่มยังคงโทรศัพท์ไปหาไทธัชอยู่เกือบทุกวันไม่ว่าจะเรียนหนักมากแค่ไหน การได้คุยกับคนที่อยู่อีกฟากโลกหนึ่งทำให้เขามีกำลังใจและหายเหนื่อย“พี่ดูท่าทางเหนื่อยมากเลยนะครับ” เมื่อวิดีโอคอลไปแล้วเห็นว่าอคิราห์ดูใบหน้าโทรมลงไปมาก อีกทั้งขอบตาก็คล้ำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน“อือ เหนื่อย”“ไหวไหมครับ”“ไหวสิ ว่าแต่นายเถอะเป็นไงบ้างทุกอย่างโอเคไหม”“เหมือนเดิมครับ เดือนหน้าก็จะปิดเทอมแล้ว เมื่อวานผมแวะไปที่ร้านพี่ทีท เขาชวนผมไปทำงานช่วงปิดเทอม พี่ว่าผมไปดีไหม”“ถ้าบอกไม่ให้ไปนายก็จะดื้อไปอยู่นี่นั่นแหละ”“ผมไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ช่วยงานแม่กับยายมันก็ไม่นาน มีเวลาเหลืออีกเยอะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำเถอะ”“พี่ซันครับ ดูแลตัวเองด้วย ผมเป็นห่วง”“อือ ขอบใจเดี๋ยวคุยกับนายเสร็จก็จะไปนอนแล้ว”การมาเรียนที่นี่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงแม้เขาจะพอมีประสบการณ์ในห้องผ่าตัดมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเหนื่อยน้อยลง ทุกวันหลังเลิกเรียนชายหนุ่มก็แทบจะหมดแรงพอเข้าเดือนที่สามทุกอย่างก็เริ่มลงตัว แต่เขากับไทธัชกลับได้คุยกันน้อยลงเพราะชายหนุ่มเริ่มเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
วันหยุดยาวไทธัชโทรไปหามารดา เพื่อบอกว่าสัปดาห์นี้เขาจะติวหนังสือกับรุ่นพี่จึงไม่กลับบ้านอย่างที่ได้บอกไว้ มารดาของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะลูกชายเป็นเด็กดีมาตลอดชายหนุ่มนัดกันมาติวที่หอของรุ่นพี่ แต่พอมาถึงกลับพบว่าตอนนี้มีแค่เขากับวีริญารุ่นพี่ที่เขาเริ่มคบหาได้เกือบหนึ่งเดือน เพียงแค่สองคนเท่านั้น“สงสัยคนอื่นกลับบ้านกันหมดแล้วแน่เลย”“นั่นสิ ผมก็ลืมคิดว่าเป็นวันหยุดยาว”“ไม่เป็นไรริญาติวให้ไทคนเดียวก็ได้ส่วนคนที่เหลือก็ค่อยเอาไว้วันหลัง”“งั้นริญาก็ต้องเหนื่อยสองรอบนะครับ ผมว่ารอพร้อมกันดีกว่า วันนี้ผมกลับก่อนก็ได้”“เดี๋ยวสิไท อยู่เป็นเพื่อนริญาก่อน หยุดยาวที่หอเงียบมาก ริญาไม่อยากอยู่คนเดียว”“เราออกไปดูหนังกันดีไหม”“ไท” วีริญาขยับเข้าใกล้จนไทธัชได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ“เราไม่ต้องนั่งชิดขนาดนี้ก็ได้”“ไทรังเกียจริญาเหรอ หรือเพราะริญากับพี่เข้มเคยเป็นแฟนกันมาก่อน” หญิงสาวหมายถึงเขมทัตรุ่นพี่ปีสามที่เธอเพิ่งเลิกกับเข้าได้ไม่ถึงสองเดือน“เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย”“แต่ไทไม่เคยจับมือ ไม่เคยจูบริญาเลยสักครั้ง” หญิงสาวทำท่าทางน้อยใจเหมือนกำลังจะร้องไห้ ไทธัชจึงต้องรีบปลอบ“ผมไม่ได้รัง
ตั้งแต่คืนวันนั้นอคิราห์ก็ไม่ได้เจอกับไมค์อีกเลย ชายหนุ่มกลับมาทุ่มเทกับการเรียนและการฝึกทักษะอย่างหนัก เขาอยากเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด พอวันหยุดก็ไปช่วยงานอาจารย์คลินิกในช่วงวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้เขาคิดว่าจะกลับประเทศไทยเพื่อจัดการอะไรให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนี้เขาคิดว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาอีกหลายปีเรื่องนี้เขายังไม่ได้บอกใครแม้กระทั่งไทธัช เพราะหลังจากวันที่ชายหนุ่มส่งรูปมาให้ดูอคิราห์ก็ยังไม่ได้คุยกับเจ้าตัวอีกเลย แต่ก็ยังคงมีข้อความส่งถึงกันอยู่เหมือนเดิมอคิราห์ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับชายหนุ่ม แม้อยากจะได้ยินเสียงอยากเห็นหน้าอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม เขากลัวว่าตัวเองจะทนฟังเรื่องราวของไทธัชกับแฟนรุ่นพี่ไม่ได้ เพราะรู้ว่าอีกคนคงต้องเล่าทุกเรื่องให้ฟังอย่างที่มักทำเป็นประจำแน่นอนเขาเห็นสายที่ไม่ได้รับจากไทธัชอยู่หลายสาย แต่ก็ไม่ได้โทรกลับ อคิราห์ส่งไลน์กลับไปบอกแค่ว่าถ้าว่างแล้วจะโทรหาแต่ผ่านมาหลายวันแล้วเขาก็ยังไม่โทรกลับ อคิราห์อยากขอเวลาทำใจอีกนิดก่อนที่จะคุยกับไทธัชอีกครั้งวันนี้พอมีเวลาว่างอคิราห์เลยถือโอกาสมานั่งดื่มที่บาร์แห่งเดิม