“ท่านเจ้าเมืองอย่าเอาแตงกวาข้า ” “ใครบอกข้าจะเอาแตงกวาเจ้า ข้าต่างหากที่จะมอบแตงกวาของข้าให้แก่เจ้า” บทนำ ลี่หยางที่เจ็บจากความรักที่ถูกหักหลังถูกรถขนปลาชนระหว่างที่รู้ความจริงว่าความรักที่เขามอบให้แฟนหนุ่มคือการหลอกใช้เท่านั้น เขาคิดว่าตัวเองจะตายเพราะถูกชนเข้าอย่างจังแถมยังตกลงสู่ท้องทะเลกว้าง แต่ใครจะไปคิดว่าเขากลับได้ทะลุมิติย้อนเวลากลับไปในยุคโบราณ แถมเขายังมีแม่ที่ต้องเลี้ยงดูฐานะครอบครัวยากจนและท่านแม่ยังไปติดหนี้ท่านใต้เท้าอีกด้วยซ้ำ เมื่อเขาทะลุมิติมาเขาจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในโลกนี้เอง เขาจึงคิดหาทางจะหาเงินไปใช้หนี้แต่ทว่าในบ้านของเขามีเพียงเมล็ดแตงกวาที่เหลืออยู่ ดังนั้นเขาจึงลงมือปลูกแตงกว่าเพื่อขายหาเงินใช้หนี้แต่ระหว่างที่แตงกำลังโตเขากลับถูกใต้เท้ากลั่นแกล้งสารพัด ราวกับสวรรค์เมตตาหรือว่าซ้ำเติมเมื่อท่านเจ้าเมืองที่ย้ายมาใหม่กลับถูกตาต้องใจเขาจนได้ จึงได้จ่ายหนี้ให้ทั้งหมดเพื่อให้เขามาอยู่ข้างกายตนในทุกค่ำคืน ชีวิตใหม่ของลี่หยางจะเป็นอย่างไรติดตามต่อกันได้นะคะ นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากขาดตกบกพร่องหรือติดขัดตรงไหนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
View Moreบทที่ 30 ฮูหยินของท่านเจ้าเมืองรุ่งเช้าวันต่อมา เจียวซิ่งรู้ว่าเรือนของจิ้นหยางถูกวางเพลิงจนไม่เหลือแม้กระทั่งเสาเรือนรีบเดินทางมาที่เรือนของท่านเจ้าเมืองเพื่อกับจิ้นหยาง และเมื่อจิ้นหยางได้ยินรีบไปดูเรือนด้วยความเสียใจ เรือนทั้งหลังมีเพียงขี้เถ้าเท่านั้นและเขาเองก็รู้ดีว่าต้องเป็นฝีมือของใต้เท้ามู่จึงรีบเดินทางไปหาใต้เท้ามู่ที่เรือนเรื่องในครั้งนี้เขาจะไม่น้อยอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป แม้ตายก็ไม่กลัวแต่ทว่าเมื่อมาที่เรือนของใต้เท้ามู่กลับไม่อยู่และรู้มาว่าท่านเจ้าเมืองได้จัดการจับกุมใต้เท้ามู่ไปยังวังหลวงเพื่อรับโทษ จิ้นหยางครุ่นคิดก็นึกออกว่าที่เขาไม่ให้ตนเองไปหาเมื่อคืนนี้เพราะต้องออกมาจัดการใต้เท้ามู่ทำให้จิ้นหยางทราบซึ้งน้ำใจของเขายิ่งนัก กลับเรือนท่านเจ้าเมืองเพื่อรอเขากลับจากวังหลวง ยิ่งเขาทำดีด้วยเท่าไหร่หัวใจของจิ้นหยางยิ่งเจ็บปวดที่ต้องคอยอาศัยท่านเจ้าเมืองอยู่เรื่อย แม้จะไม่มีเรือนให้อยู่แต่ว่าวันนี้เขาจะใช้หนี้ท่านเจ้าเมืองและพาท่านแม่ออกไปอยู่ที่อื่น หากอยู่ที่นี่ต่อมีแต่หัวใจของจิ้นหยางที่ต้องเจ็บปวดเพียงผู้เดียว เรื่องของท่านใต้เท้ามู่ถูกฝ่าบาทตัดสินความผิดให้ค
บทที่ 29 จัดการใต้เท้ามู่ ฝั่งด้านบ่าวรับใช้ของใต้เท้ามู่ที่เตรียมการเดินทางมายังเรือนของจิ้นหยางเพื่อมาทำลายแปลงผักพร้อมเผาเรือนตามคำสั่งของใต้เท้ามู่เมื่อเห็นว่าดวงตะวันตกดินถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงมือจัดการจึงพากันเดินทางมาจัดการตามคำสั่งทันที แต่ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบว่าแตงกวาของจิ้นหยางถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วมีเพียงเรือนที่เงียบสนิท“ทำไมเรือนถึงได้ไร้แสงไฟอย่างนี้นะ ! ” ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้น อีกคนจึงแย้งขึ้นมา“ในเรือนมีเพียงหญิงชรากับบุตรชายไม่ใช่หรือ ? คงเป็นเพราะเก็บแตงเหน็ดเหนื่อยพากันพักผ่อนเร็วล่ะมั่ง รีบจัดการตามคำสั่งของท่านใต้เท้าเถิดจะได้รีบกลับกันหากผู้อื่นมาเห็นเขาจะเป็นเรื่องใหญ่”“นี่เจ้าจะกลัวอันใด ! ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้ใดไม่เกรงกลัวใต้เท้ามู่หรอกและไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอำนาจของท่านหรอกนะ เช่นนั้นเจ้านำไฟนี่ไปโยนใส่หลังคาเรือนสิจะได้รีบกลับ” ชายคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมยื่นโคมไฟให้แก่เขาเพื่อโยนใส่หลังคาที่ทำด้วยฟางเท่านั้น หากโดนไฟเพียงเล็กน้อยก็ลุกไหม้ทันที“ก็ได้จะได้รีบกลับไปพัก” ชายอีกคนคว้าจับโคมไฟโยนใส่กระท่อมของจิ้นหยางเปลวไฟลุกขึ้นโหมกระหน่ำภายในพริบ
บทที่ 28 ข้ารักบุตรชายของท่าน ฝั่งด้านใต้เท้ามู่เมื่อกลับถึงเรือนเขาร้อนใจโมโหโกรธเกรี้ยวที่ถูกท่านเจ้าเมืองชี้ดาบมาหาตนเช่นนี้อีกทั้งยังช่วยเหลือจิ้นหยางที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เขาเสียทั้งเงินทั้งผลประโยชน์ใต้เท้ามู่ไม่อาจจะอยู่นิ่งอีกต่อไป จึงสั่งการให้คนของตนไปจัดการกับเรือนของจิ้นหยางและหาทางกำจัดเจ้าเมืองหลี่ว์ไม่ให้อยู่ที่นี่ได้"เป็นเพียงท่านเจ้าเมืองคิดว่าข้าจะเกรงกลัวหรือไง ไม่ว่ากี่คนต่อกี่คนข้าก็ไม่กลัวและข้าจะทำให้ได้รู้ว่าเข้ามายุ่งกับข้าจะเจอดีอย่างไรน่าเจ็บใจนักที่ข้าไม่ได้แตงกวาของเจ้าจิ้นหยาง ในเมื่อข้าไม่ได้ผู้อื่นจะต้องไม่ได้เช่นกัน ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้"“ขอรับท่านใต้เท้ามีเรื่องอะไรหรือขอรับ”“ข้ามีเรื่องให้เจ้าไปทำเมื่อท้องฟ้าไร้แสงดวงอาทิตย์เมื่อไหร่พาบ่าวรับใช้ไปจัดการแปลงผักของจิ้นหยางให้เสียหายให้หมดและจัดการเผาไฟในเรือนของจิ้นหยางด้วย ข้าเคยเตือนแล้วว่าอย่าได้แข็งข้อกับข้า เมื่อไม่เกรงกลัวจะต้องเจอบทลงโทษเช่นนี้ ”“ได้ขอรับแต่ว่าในเรือนมีหญิงชราอยู่ด้วย จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับ ”“ก็ดีนะสิ ! ให้พวกนั้นตายให้หมดล้วนเป็นเรื่องที่ดีต่อข
บทที่ 27 มาช่วยไว้ทันเสียงของอวิ้นหลี่ว์ดังกึกก้องควบม้ามาด้วยความรวดเร็วดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองจิ้นหยางด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันมามองใต้เท้ามู่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด กระโดดลงจากม้าชักดาบชี้ไปยังหน้าของใต้เท้ามู่อย่างไม่เกรงกลัว โดยมีหลวนเหยาตามมาคอยอารักขาอีกคน เมื่อจิ้นหยางเห็นท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ความหวาดกลัวภายในใจหายไปทันที“อะไรกัน ! ท่านเจ้าเมืองท่านกล้าหันปลายดาบมาทางข้าอย่างนั้นหรือ ? ข้าเพียงแค่สั่งสอนชาวบ้านที่โกงคนอื่นเท่านั้นเอง” ใต้เท้ามู่ใบหน้าถอดสีแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อยแถมยังเอ่ยถามอวิ้นหลี่ว์อย่างไม่ร้อนตัวอีกด้วยซ้ำ“ไม่จริง! ข้าไม่เคยไปโกงอะไรท่านสักอย่าง มีแต่ท่านที่โกงชาวบ้าน ขู่เข็นทำร้ายร่างกาย” จิ้นหยางผลักร่างของบ่าวรับใช้ให้ออกห่างตนเพราะยามนี้มีทั้งอวิ้นหลี่ว์ที่คอยปกป้องยังมีหลวนเหยาอีกคน"ใต้เท้าสิ่งที่ท่านทำอยู่มิใช่สั่งสอนแล้วกระมั่ง เพราะเมื่อครู่ข้าได้ยินคำพูดของท่านทั้งหมดแล้ว " อวิ้นหลี่ว์เอ่ยน้ำเสียงทุ่มต่ำต่อว่าใต้เท้ามู่"ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านสักนิด อย่าได้มาใส่ใจเลยขอรับกลับไปใช้ชีวิตเป็นท่านเจ้าเม
บทที่ 26 ยอมตายดีกว่าผ่านมาหลายวันฝั่งด้านลี่อินเมื่อกลับเรือนวันนั้นได้ไปถามท่านพ่อเกี่ยวกับจิ้นหยางจึงได้รู้ว่าตอนนี้จิ้นหยางไม่ได้เป็นหนี้ท่านพ่อแล้ว จึงไม่รู้จะเข้าหาจิ้นหยางเช่นไรเลย วัน ๆ เอาแต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายจนใต้เท้ามู่เดินผ่านมาเห็น“ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไรไปไม่เห็นจะออกไปเที่ยวเล่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แล้วเจ้าไปพบท่านเจ้าเมืองเป็นเช่นไรบ้างถูกใจเจ้าหรือไม่ ?”“ข้าเบื่อเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ก็หล่อเหลาดีแต่ข้าไม่ชอบเขาเจ้าค่ะ ”“ทำไมล่ะในเมื่อเขาเองก็หล่อเหลาแถมยังมีฐานะเป็นถึงท่านเจ้าเมืองข้าว่าคู่ควรกับเจ้ามากที่สุดในย่านนี้แล้ว ”“ไม่เจ้าค่ะ ข้ามีบุรุษที่หมายตาเอาไว้แล้ว” ใบหน้าของจิ้นหยางโผล่เข้ามาในความคิดของลี่อินนางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมบอกกับบิดาว่ายามนี้ใจของนางมีคนที่หมายเอาไว้แล้ว“ห่ะ! ว่าอะไรนะแล้วเป็นบุตรชายเรือนใต้เท้าผู้ใดกัน หากร่ำรวยพอ ๆ กับตระกูลเราข้าเองก็เห็นด้วย เจ้าลองเอ่ยมา”“จิ้นหยางเจ้าค่ะบุรุษที่ข้าถูกชะตาแม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้เป็นหนี้ท่านพ่อ แถมยังขยันกตัญญูต่อมารดาเพียงเท่านี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ”“เฮ้อ ! ข้าจะเป็นล
บทที่ 25 ประกายพลุช่างงดงามอวิ้นหลี่ว์ลุกขึ้นเดิมตามจิ้นหยางมายืนอยู่ชานของเรือที่สามารถยืนมองบรรยากาศด้านนอกได้อย่างชัดเจน อวิ้นหลี่ว์เดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังฝังจมูกเข้าซอกคอของจิ้นหยางพลางชื่นชม“วันนี้อากาศดีเสียจริง ไม่ว่าจะมองไปที่ใดช่างงดงามไปหมด เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่?”“ไม่เลยขอรับ วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนและมองไปทางใดมีเพียงแสงไฟ ข้าชอบมองดวงจันทร์เสียมากกว่าอีกอย่างท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ปล่อยข้าได้หรือไม่ ? ข้าไม่ชอบที่ท่านมาโอบกอดข้าราวกับคู่รักเช่นนี้ และที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ข้าจะปรนนิบัติท่านได้”“ไม่ข้าไม่ปล่อยเจ้าจะทำไม ข้าแค่อยากกอดเจ้าเช่นนี้นาน ๆ ไม่ได้หรือ? มองไปบนท้องฟ้ายามนี้น่าจะถึงยามที่เขาจะจุดพลุแล้ว เจ้าคงไม่มีเวลามาเที่ยวเพราะต้องทำงานเลี้ยงมารดารู้หรือไม่ว่าข้าเช่าเรือลำนี้เพราะเจ้าเลยนะ ข้าทำเพียงนี้เจ้ายังไม่รู้ใจข้าอีกหรือ ” จิ้นหยางใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองทำเพื่อตนแม้จะไม่อยากคิดไปไกลแต่คำพูดของเขายิ่งตอกย้ำทำให้จิ้นหยางคิดเข้าข้างตนเองไม่สนอะไรอีกต่อไป เขาหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของอวิ้นหลี่ว์สายตาจ้องตาก่อนจะโอบกอดเขาแน่น จู่ ๆ ก็รู้สึกได
บทที่ 24 ร่องเรือจิ้นหยางเดินจนทั่วตลาดไม่ว่าร้านใดก็เป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ไม่รับของจากผู้อื่นส่วนมากจะเป็นของที่ตนเองปลูกและนำมาขายได้ยินมาจากทุกคนว่ามีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้นที่รับซื้อของทุกคนที่นี่คือร้านค้าผักของใต้เท้ามู่ ที่ให้บ่าวคอยดูแลและทำงานให้ไม่เพียงแต่ร่ำรวยเพราะคิดดอกเบี้ยแพงแต่ยังกดราคาของชาวบ้านอีกมากมาย หากไม่ขายของก็เน่าเสีย หากยิ่งเป็นหนี้ยิ่งถูกหักจนแทบไม่เหลือเงินกลับเรือน จิ้นหยางเหน็ดเหนื่อยเดินจนท้อมาหยุดพักที่โรงน้ำชา เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนจะกลับเรือน"เถ้าแก่ข้าขอซาลาเปาสองลูกพร้อมน้ำชาขอรับ" ตั้งแต่ทะลุมิติมาอยู่ที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่จิ้นหยางได้เข้ามานั่งที่โรงน้ำชาผู้คนมากมายมากหน้าหลายตากันพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะได้ยินมาจากปากของชาวบ้านอีกกลุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังของจิ้นหยาง"วันนี้มีงานเทศกาลที่หมู่บ้านฝั่งเหนือเห็นว่าครั้งนี้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ มีการแสดงมากมายแถมยังมีขุนนางใหญ่ ๆ พากันมาร่วมงานด้วยข้าจะไปเที่ยวเล่นพวกเจ้าไม่ไปหรือได้ยินว่าสตรีหมู่บ้านฝั่งนั้นมีแต่ผู้งาม ๆ ไม่แน่ค่ำคืนนี้ข้าได้เมียกลับเรือนกับเขาสักคน ""เอาสิ อย่างนั้นข้าจะต้องรีบ
บทที่ 23 ลี่อินมาเยือน“ดีสิ ยิ่งเตียงเล็กเท่าไหร่ข้าก็จะได้ใกล้ชิดเจ้ามากกว่าเดิม ต่อให้นอนบนโขกหินหากมีเจ้าเคียงข้างข้าก็สามารถหลับได้อย่างสบาย ” อวิ้นหลี่ว์เดินเข้ามาใกล้ใช้มือลูบไล้ใบหน้าของจิ้นหยางพร้อมส่งยิ้มหวานเยิ้มทำให้ใจของจิ้นหยางสั่นไหวใจเต้นแรง วูบวาบรีบปัดมือของท่านเจ้าเมืองออกก่อนจะหันหลังให้“หากท่านเอ่ยมาเช่นนั้นก็เข้าไปรอข้าที่เตียงของข้าเถอะ ข้าจะไปอาบน้ำล้างกายเสียก่อน ”“อาบน้ำหรือ ? ข้าอาบด้วยสิข้ารีบร้อนออกมาจนไม่ได้ล้างเนื้อล้างตัวหากนอนเช่นนี้คงเหนียวตัวแย่ ”“ในเรือนของข้าไม่มีอ่างอาบน้ำนะขอรับ และต้องไปอาบที่คลองด้านหลังนู้น ท่านมั่นใจหรือขอรับ?”“อย่างนั้นข้ายิ่งชอบ อาบน้ำพร้อมกับเจ้าใต้แสงจันทร์เป็นอะไรที่ดีที่สุด คิดไม่ผิดเลยที่ข้ามาในครั้งนี้ ไปเถอะไปอาบน้ำกัน” สายตาเป็นประกายของอวิ้นหลี่ว์พอให้จิ้นหยางได้รู้ว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และแล้วคืนนี้จิ้นหยางเองก็คงต้องปรนนิบัติเขาเช่นอย่างเคยภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เสียงน้ำแข่งกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกระฉ่อนทั้งสองผสานกายเป็นหนึ่งเดียวเมื่อสำเร็จความสุขจิ้นหยางพาอวิ้นหลี่ว์มานอนลงบนเตียงเดียวกับตน
บทที่ 22 ข้ากลัวความมืดลี่อินยืนบิดใบหน้าแดงระเรื่อมองด้านหลังของจิ้นหยางที่เดินจากไปด้วยหัวใจเต้นตึกตัก"คุณหนูทำไมถึงได้ให้เงินชายผู้นั้นไปมากขนาดนั้นกันเจ้าคะ หากนายท่านรู้จะดุเอาได้นะอีกอย่างคุณหนูไม่น่ามายุ่งวุ่นวายกับคนที่เป็นบ่าวเช่นนี้สิเจ้าคะ ท่านเจ้าเมืองทั้งหล่อเหลาทั้งบึกบึนคุณหนูไม่เห็นมีสีหน้าแววตาเช่นกับมองบ่าวคนเมื่อครู่เลย""เจ้าเงียบไปเถอะน่า อีกอย่างท่านพ่อไม่เคยต่อว่าข้าอยู่แล้ว บ่าวเมื่อครู่เพียงข้ามองหัวใจของข้าก็สั่นไหว เป็นบ่าวแล้วอย่างไรข้าไม่สนเพราะตระกูลของข้ารวยอยู่แล้วสิบชาติก็ใช้ไม่หมด ต่อจากนี้ข้าจะไถ่ตัวของจิ้นหยางและคอยสนับสนุนเรื่องเงินให้แก่เขาเอง เมื่อครู่ข้าน่าจะให้ไปเยอะกว่านั้น เพียงแค่สองตำลึงเงินจะพอค่ายามั้ยนะ ! ไม่ได้การพรุ่งนี้ข้าจะนำยาสมุนไพรซื้ออาหารและนำเงินไปให้จิ้นหยางที่เรือนด้วยตัวเอง ข้าทำถึงเพียงนี้เขาคงจะเห็นความดีในตัวของข้าจนตกหลุมรักและมาเป็นสามีสตรีที่ร่ำรวยอย่างข้าราวกับตกถังข้าวสาร แค่คิดก็มีความสุขแล้วรีบกลับเรือนกันเถิดพรุ่งนี้ข้าจะนำเงินไปสักสิบก้วนดีมั้ยนะหรือว่าน้อยไปต้องพกไปสักสิบตำลึงทองถึงจะพอ ฮ่า ฮ่ายิ่งคิดยิ่งตื่น
บทที่ 1 ถูกหักหลัง เมืองหลวงที่กว้างใหญ่ผู้คนกำลังเดินอย่างเร่งรีบเพื่อไปทำงานไม่ต่างอะไรกับ ลี่หยางชายหนุ่มที่กำลังเดินไปด้านหน้าขะมักเขม้น เขาทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรือแม้กระทั่งงานพิเศษเพื่อหาเงินมาให้มาก ๆ ลี่หยางไม่เคยมีครอบครัว เขาเกิดมาเป็นเด็กกำพร้าและเติบโตมาจากสถานที่รับเลี้ยงเด็ก แต่เมื่อมีแฟนเขาจึงรักและเถิดทูลเขามากที่สุด และการทำงานในครั้งนี้เขาตั้งทำงานสารพัดอย่างเพราะครอบครัวของคนรักนั้นเกิดป่วยขึ้นมา เฉินจิ่นหรือแฟนของลี่หยางจึงนำเรื่องที่บ้านมาปรึกษาเพราะไม่รู้ว่าจะหาค่ารักษามาจากไหน ลี่หยางสงสารแฟนสุดหัวใจ เขาจึงได้มอบเงินเก็บให้กับเฉินจิ่น แต่ก็คงไม่พอสำหรับการรักษา ลี่หยางจึงให้คำสัญญาว่าเขาจะหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของเฉินจิ่นจนกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเฉินจิ่นโอบกอดและขอบคุณที่ลี่หยางไม่รังเกียจที่ต้องมาช่วยเหลือเขาแถมยังต้องหาเงินค่ารักษาช่วยเขาอีกด้วย"เหม่อลอยเชียวนะ รู้มั้ยว่าน้ำเต็มกะละมั่งแล้ว" หัวหน้าของลี่หยางได้สะกิดบอก "ขอโทษด้วยครับ ผมจะตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ "ลี่หยางรีบก้มลงขอโทษ เขาทันทีที่ไม่ได้ตั้งใจทำงาน "ฉันยังไม่ได้ว่าอะ...
Comments