จากสัมพันธ์ไม่สมยอม กลายเป็นฮาเร็มสุดแซบ? จาก “มึงจะแดกเอง หรือให้กูกรอกปาก เลือกเอา!” กลายเป็น "ขอพี่ลองสองอันหนึ่งรูได้ไหมหนู" ศึกนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มากถึงสาม! เรื่องย่อ เมื่อพอ.ทั้งสามเจ้าของบาร์สุดหรูคิดว่าเด็กเสิร์ฟเป็นมิจจี้ (นอ.) เลยจับนอ.กดเพื่อสั่งสอน?! พอรู้ความจริงก็หน้าแหกเลยเพียรพยายามขอโทษ และด้วยความหื่นและรสนิยมหลากหลายสุดแซ่บก็เล่นเอานอ.อ่วม ใครที่ชอบแนวพอ.มีรสนิยม kink แบบหลากหลายล่ะรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ เพราะจัดให้ทั้งแบบ SM, Fetish, Public และจุดพีคคือตอนเฉลยความลับ ที่อ่านแล้วรับประกันว่ามีร้อง “อะฮ้า” ลั่นห้องแน่นอน! 🔥😆
View Moreที่ผับบลู (Bleu) ย่านทองหล่อ อัลฟ่าหนุ่มใหญ่ชื่อคิงรู้สึกเมามาก และเริ่มอยากอ้วกขึ้นมา เขาเลยลุกขึ้นด้วยร่างโอนเอนจากโซฟาที่เฟย์กับดอม สองเพื่อนซี้ตลอดกาลของเขาที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันนั่งอยู่
ผับแห่งนี้คือที่ที่สามหนุ่มมาเที่ยวด้วยกันอย่างเคย เพราะวันนี้คือวันเสาร์ วันแห่งการแฮงก์เอาต์ของสามหนุ่มโสด
“จาปายหนาย” เฟย์ถามทั้งที่ก็เมาไม่แพ้กัน
“ไปเยี่ยว” คิงตอบห้วน ๆ
“ถ้าจะอ้วกก็อ้วกให้เสร็จนะมึง อย่าเก็บมาอ้วกแถวนี้” ดอม หนุ่มที่มีรอยสักหลายแห่งบนร่างกาย เอ่ยปากแซวเพื่อนพลางเอามือบีบจมูกเป็นเชิงล้อเลียนแล้วโบกมือไล่
คิงเดินไปมือหนึ่งก็ชูนิ้วกลางไปด้วย เพราะสนิทกันมากจึงไม่ต้องหันมาดูก็รู้ว่าดอมต้องทำท่ากวนตีนใส่เขาอยู่แน่ ๆ
ทั้งสามคนโตมาด้วยกัน จนอายุจะสี่สิบแล้วก็ยังเป็นเพื่อนซี้กันอยู่ เป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนทางธุรกิจ ผูกพันกันจนมองตาโดยไม่ต้องพูดก็รู้ใจ
กว่าคิงจะเดินโซเซมาที่โถปัสสาวะก็นานพอดู และใช้เวลาอีกสักครู่กว่าจะรูดซิปแล้วควักเอาคิงน้อยออกมาสำเร็จ
หนุ่มเมาหนักเอาหน้าผากกดบนแขนที่แนบบนกำแพงเหนือโถปัสสาวะพลางหลับตา เสียงจ๊อกเบา ๆ จากสายของเหลวที่ตกลงไปเบื้องล่างฟังราวกับไวต์นอยส์ สติ
สตังหลุดวูบเป็นพัก ๆทันใดนั้นเขาสัมผัสถึงบางอย่างที่อุ่นวาบแต่สบายแถวหลังคอ ก่อนจะตามมาด้วยน้ำหนักจากสันมือที่กระแทกลงบนบ่าดังปั้ก ๆ
“ท่านครับ นี่คือผ้าร้อนครับ และน้ำหนักมือเท่านี้พอไหมครับ” ที่แท้เป็นพนักงานชายคนหนึ่งในห้องน้ำชายที่มักถูกเรียกเล่น ๆ ว่า ‘เด็กสับเยี่ยว’ เป็นคนที่คอยยืนอยู่ข้างหลังลูกค้าชายที่ยืนฉี่ก่อนจะใช้สันมือสับเบา ๆ ที่หลังคอเพื่อนวด บางทีก็ผ้าขนหนูร้อนมาโปะที่บ่าหรือหลังคอเพื่อคลายความมึนเมาให้ลูกค้า โดยแลกกับทิปที่ลูกค้าจะให้ ซึ่งลูกค้าบางคนก็หยิบแบงก์ใหญ่ให้แทนแบงก์เล็กเพราะความมึนเมาก็มี
คิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา “ดีมาก…ไอ้น้อง เดี๋ยวพี่หยิบเงิน” แม้สติของคิงจะใกล้หลุด แต่ยังรู้ว่าคว้ากระเป๋าตังค์ยาวที่เหน็บไว้ด้านหลังกางเกง ทว่า…
‘ทำไมไม่มีวะ ปกติมันอยู่ตรงนี้นี่’ แม้จะเมาแต่ยังพอระลึกได้ คิงเป็นคนที่เวลาไปไหนมาไหนพกกระเป๋าตังค์ติดตัวตลอด
เท่านั้นไม่พอน้ำหนักมือที่สับ ๆ ก็หยุดลงดื้อ ๆ แต่คนเมายังอยู่ในท่าเอาซบหน้าผากกับมือค้างอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ คิงอาจหลับคาโถปัสสาวะไปแล้ว
แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดังก้องจากทางเข้าห้องน้ำชาย
“เฮ้ย มึงทำอะไรเพื่อนกูวะ!” ที่แท้คือดอมนั่นเองที่เข้าห้องน้ำด้วยเหมือนกัน หนุ่มหุ้นส่วนของผับดังเห็นสิ่งที่เพิ่งเกิด ที่แท้เด็กสับเยี่ยวคนนั้นฉวยโอกาสขโมยกระเป๋าของคิงแล้วเผ่นแน่บออกจากห้องน้ำทันที
+++++
ดอมที่เป็นหนุ่มเลือดร้อนสุดประจำแก๊งรีบตามไป ในผับบลูคนเยอะแล้วก็มืด พอออกมาจากห้องน้ำเขาหันรีหันขวาง แล้วดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวก็ล็อกไปยังเป้าหมาย
‘นั่นไงเจอตัวแล้ว เสื้อยืดดำ ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ กับหมวกแก๊ปสีขาว เป๊ะเลย’
เสื้อดำกับหมวกขาวนั่นคือเครื่องแบบของพนักงานที่นี่
อย่างไม่รอช้า ดอมตัวใหญ่พุ่งตัวไปคว้าแขนเด็กคนนั้นไว้ทันที
“หยุดนะมึงไอ้น้อง! เอากระเป๋าตังค์เพื่อนกูคืนมา” หนุ่มรวยเลือดร้อนร่างใหญ่คว้าแขนเล็กข้างนั้นไว้ อดแปลกใจไม่ได้ที่ความอบอุ่นจากผิวของนักล้วงทำให้รู้สึกขนลุก แถมยังตื่นตัวแปลก ๆ
“อะไรครับพี่ พี่พูดเรื่องอะไร” นักล้วงหันขวับมาตอบหน้าตาย
“อย่ามาทำไก๋ ในมือยังถือกระเป๋าอยู่เลย” ดอมหรี่ตาเพิ่งมองวัตถุสีดำในมือ
เด็กหนุ่มในหมวกแก๊ปเหลือบมองกระเป๋าเงินแบรนด์เนมราคาแพงสีดำในมือ เขาแก้ตัวว่า “อยู่ ๆ มีใครก็ไม่รู้มาโยนใส่มือผมน่ะ”
“โกหก! เห็นกับตาชัด ๆ ทำเป็นมานวดคอคนมาเที่ยวในห้องน้ำแล้วแกล้งกระเป๋าเพื่อนกู”
“บ้าแล้วพี่ ผมเป็นเด็กเสิร์ฟดูแลลูกค้าตรงนี้อยู่ ผมจะเข้าไปห้องน้ำได้ยังไง”
เรื่องวุ่นไปกว่านั้นเมื่อฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งที่ดอมจำได้ว่าเป็นของเฟย์ ทายาทเจ้าสัวโรงงานยาหม่อง ก็วางหมับบนไหล่บอบบางของเด็กหนุ่มจอมฉกกระเป๋า พร้อมกับส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ
“เฮ้! มีเรื่องอะไรกับเพื่อนพี่เหรอไอ้หนู”
แต่เฟย์คงออกแรงมากไป ทำให้เด็กหนุ่มที่ไม่ทันระวังตกใจ เขามีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการหันหลังไปยังที่มาของเสียงในทันที จนข้อศอกไปถองหนุ่มใหญ่ทายาทยาหม่องเสียงดังพลัก
“โอ๊ก” เฟย์หน้าหงาย เอามือกุมจมูกไว้ทันที คิงที่เฟย์หอบมาด้วยถึงกับเซไปพิงผนังแต่ยังทรงตัวไว้ได้
ดอมรุดเข้ามาดูอาการเพื่อนด้วยความห่วงใย “เฮ้ย เฟย์ มึงเป็นไรเปล่า”
เฟย์เห็นของเหลวสีดำที่ปลายนิ้วที่เพิ่งไปแตะจมูก แต่ดูเหมือนดั้งจมูกของเขายังอยู่ดี ทายาทยาหม่องรีบแหงนหน้าเอานิ้วบีบดั้งจมูกไว้
เด็กหนุ่มตัวต้นเหตุเห็นท่าไม่ดีเลยทำท่าจะโยนกระเป๋าตังค์คืนเจ้าของแล้วรีบเผ่น “ตกลงกระเป๋านี่ของพวกพี่ใช่ไหม เอาคืนไปเลย ยังไงผมก็ไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว”
แต่ดอมผู้เลือดร้อนไม่ปล่อยให้อีกคนลอยนวล เขารีบฉวยหลังคอเสื้อจนเท้าของร่างบางของเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวไปข้างหน้าลอยคว้างกลางอากาศ
พอถึงตอนนี้การ์ดตัวใหญ่ของร้านปรี่เข้ามายังจุดเกิดความวุ่นวาย เขาทำเสียงต่ำ ๆ ถามว่า
“เกิดเรื่องอะ…”
คำพูดยังไม่ทันออกมาครบ การ์ดร่างใหญ่ก็เห็นแววตาถมึงทึงของดอมที่มองมา แล้วร่างใหญ่ก็ห่อตัวลงทันที น้ำเสียงเปลี่ยนจากคุกคามมาเป็นนอบน้อมอย่างรู้งาน
“คุณดอมมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ แล้วเพื่อนคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” การ์ดตัวใหญ่ไม่ได้สนใจสักนิดเกี่ยวกับสวัสดิภาพพนักงานตัวเล็กของคลับที่เห็นก็รู้แล้วว่าตกเป็นเป้าโจมตีของลูกค้า หนุ่มน้อยคนนั้นถูกดอมหิ้วที่หลังคอเสื้อเหมือนลูกแมวตัวหนึ่ง
“ไม่เป็นไร ตรงนี้พวกเราจัดการกันเองได้ไม่มีอะไร” ดอมส่งเสียงเข้ม ๆ
การ์ดคนนั้นรีบล่าถอยไปทันที รู้ดีกว่าหนุ่มเลือดร้อนคนนั้นเป็นถึงหุ้นส่วนคนสำคัญของที่นี่
เฟย์เอาผ้าเช็ดหน้าอุดจมูก เดินไปสมทบกับคิงที่ยังยืนพิงผนัง แล้วเขาก็ออกความเห็นว่า
“มึงอย่ามาคุยกันตรงนี้เลย รบกวนลูกค้าคนอื่น ไปคุยกันในห้องของพี่มาร์คดีกว่า” พี่มาร์คที่เฟย์พูดถึงคือหุ้นส่วนใหญ่ที่คลับบลูแห่งนี้
ดอมแสยะยิ้ม ก่อนจะพูดกรอกหูเด็กหนุ่ม “เราต้องคุยกันหน่อยแล้วไอ้เด็กปากแข็ง!”
แล้วก่อนได้ทำอะไรต่อ เด็กหนุ่มก็ถูกหนึ่งในสามอัลฟ่าร่างใหญ่หิ้วตัวเหมือนหิ้วลูกหมาตัวหนึ่ง ไปยังที่ใดก็สุดจะหยั่งรู้
+++++
หนุ่มน้อยร่างบางถูกกระชากเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง ก่อนจะถูกเหวี่ยงเกือบหัวคะมำหน้าแทบฟาดกับพื้น
“ตกลงจะยอมรับดี ๆ ไหมว่ามึงขโมยกระเป๋าตังค์เพื่อนกู!” ดอมจอมโหดชี้นิ้วแถมยังกระชากเสียงข่มขู่
เด็กหนุ่มหันหน้าหาคนพูดจากท่าจับกบเมื่อกี้ เขาไม่เจ็บเพราะห้องพักส่วนตัวอันหรูหราของเจ้าของคลับแห่งนี้ลาดพรมขนสั้นไว้ทั้งหมด
ท่าทางเด็กคนนี้น่าจะเป็นเด็กปากแจ๋วคนหนึ่ง แทนที่จะกลัวหงอ เขากลับพยายามชี้แจงเหตุผล
“จะยอมรับได้ยังไง ก็ผมไม่ได้ทำจริง ๆ นี่นา” พนักงานร่างบางประท้วง สิ่งที่คิดในใจคือ ‘แม่งเอ๊ย กูเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้แค่สองวัน ต้องเจออะไรอย่างนี้แล้วเหรอวะเนี่ย’
“ยังไม่ยอมสารภาพอีก ทั้ง ๆ ที่หลักฐานคาตาซะขนาดนั้น” เฟย์ที่เดินไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำดื่มในขวดมาให้คิง กับหยิบกระป๋องเบียร์ให้ตัวเองเอ่ยขึ้นบ้าง
“กูว่าต้องมีมาตรการสักอย่างทำให้มันยอมรับแล้วว่ะเฟย์” ดอมทำเสียงเครียด
“จะทำอะไรของมึงอีกล่ะ กระเป๋าของไอ้คิงก็ได้คืนมาแล้วไม่ใช่เรอะ” ทายาทยาหม่องส่ายหน้า กลิ้งกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบบนหน้าผาก พอดีเหลือบเห็นขวดเหล้ายินวางอยู่ที่บาร์ จึงเดินไปหยิบมาเพราะยังอยากดื่มอยู่
“กระเป๋าได้คืนมาแล้ว แต่มันทำจมูกมึงเลือดออกนะเว้ย” ดอมไม่ยอม
“อือ ๆ ก็จริง ๆ” เฟย์รับคำแบบขอไปที เขาดื่มเหล้าจากปากขวดโดยตรงเพราะขี้เกียจหาแก้ว “ทำผิดแล้วยังปากแข็งด้วย”
“พวกมึงคุยอะไรกันเสียงดังวะเนี่ย” คิงที่เพิ่งอาการดีขึ้นหลังดื่มน้ำเข้าไปเป็นขวดเอ่ยทัก
“เด็กคนนี้จิ๊กกระเป๋าตังค์มึงจากในห้องน้ำ” ดอมชี้นิ้วไปที่เด็ก แต่ตามองเพื่อน
“หา? งั้นเหรอ” คิงทำท่าเหลอหลา
ขณะที่สามอัลฟ่ากำลังเสียสมาธินั่นเอง เด็กหนุ่มก็เพ่งไปที่ประตู ‘โอกาสหนีมาถึงแล้ว’
ด้วยความว่องไว ร่างบอบบางเปลี่ยนจากท่านั่งมาเป็นท่าคุกเข่าข้างหนึ่งเหมือนท่าระวังของนักวิ่ง ก่อนจะสปริงเท้าไปยังที่หมาย
แต่คิงที่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเลือดที่จมูกที่ยังไหลซึมนิด ๆ ให้เฟย์ที่ไม่สนใจเอาแต่ดื่มเหล้าจากขวด บังเอิญหันมาเห็นพอดี เลยร้องเสียงดังบอกเพื่อน
“เฮ้ยดอม! มันจะหนีแล้ว”
“ท่านหงให้พวกเราทุกคนฝังไมโครชิปที่หลังมือ” ดอมเฉลยพร้อมกับยกหลังมือให้เห็น ผิวตรงนั้นมีจุดแดงจาง ๆ เหมือนตุ่มมดกัด“หา? นั่นหมายถึง...” เด็กหนุ่มอ้าปากค้างอย่างพิศวง“ท่านหงบอกว่าถ้าพวกเราอยากมาเจอหลิน ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ายินดีเสียสละเพื่อหลิน ลูกชายคนสุดท้ายของเขาจริง ๆ” ดอมเริ่ม“การฝังชิปเปรียบเหมือนการยอมให้เขาติดตามตัวเราได้ตลอดชีวิต ท่านหงบอกว่า วันใดที่พวกเราทำให้หลินเสียใจ ถ้ามีชิปนี้อยู่ที่ตัว ไม่ว่าจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหน เขาก็จะให้คนออกตามล่าพวกเราจนได้” เฟย์เสริม“และชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ฝังลงไปได้อย่างเดียว เอาออกมาไม่ได้ ถ้าพยายามเอาออก มันจะระเบิด” คิงอธิบายแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกเด็กหนุ่มเอามือปิดปาก แววตาเบิกโพลง “นั่นไง ผมกะแล้วว่าคนอย่างพ่อผมไม่มีทางให้อะไรใครฟรี ๆ แน่ แล้วพวกพี่ยอมได้ยังไง มันคือทั้งชีวิตของพวกพี่เลยนะ!”ดอมผู้มั่นใจยักไหล่ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง “ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่ ยังไงเราก็ไม่คิดจะทิ้งหลินไปไหนอยู่แล้ว”
ที่บ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งริมทะเลสาบธรรมชาติที่จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่เงียบสงบและมีประชากรเบาบาง และกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่จากถนนใหญ่ยังไม่ง่าย ดังนั้นอาจนับได้ว่าบ้านหลังนี้คือเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัยและแทบตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงอย่างไรก็ตามด้วยอำนาจเงินก็ดลบันดาลให้ที่พักแห่งนี้เป็นที่อยู่ที่สะดวกสบายมากแห่งหนึ่งแม้ภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าจะสวยงาม แต่เด็กหนุ่มทายาทมาเฟียชื่อก้องก็ถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในบ้านเขาหดหู่สุดขีด นี่ยังดีที่พอออกมาสู่ธรรมชาติแล้วจิตใจคล้ายถูกเยียวยาขึ้นมาบ้างเด็กหนุ่มจำเป็นต้องอยู่ที่บ้านริมทะเลสาบแห่งนี้ ที่เขาเซ็งสุดขีดเพราะตระหนักได้ว่าสภาพตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากถูกกักขัง สุดท้ายหลังจากพยายามแทบตายก็ต้องกลับมาเป็นเด็กไม่รู้จักโตของคุณพ่ออีกรอบ ไร้อิสระสิ้นดีพ่อบอกให้เขาอยู่ที่นี่ก่อนจนกว่าความคิดจะเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยมาคุยกันเด็กหนุ่มถอนใจอีกรอบ อย่างไรก็ดีคราวนี้หลินไม่มีความคิดที่จะหนีไปไหนอีก ลึก ๆ เขารู้สึกผิดกับครั้งที่แล้วที่หนีออกจากบ้านถัดจากการหนี ก็เจอเรื่องไม่คาดฝัน
ดอมเพิ่งนึกออกว่าตลอดเวลาที่รู้จักกัน หลินไม่เคยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิตของเขา บอกแค่ว่าพ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดและเขาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว เลยต้องหาเงินส่งให้ที่บ้านความตระหนักรู้ในสมองของหนุ่มร้ายส่งเสียงกระดิ่งกริ๊งลั่นในหัว ‘ถ้าพ่อมีลูกน้องตัวใหญ่เป็นยักษ์แถมมีหน้าโหดแบบนี้ พ่อของหลินก็น่าจะเป็น…’ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดได้อย่างเดียวชายตัวใหญ่ที่หลินบอกว่าชื่อวินย่างเข้ามา มือขยับแว่น แต่เหลือบเห็นมือใหญ่ของดอมที่จับข้อมือเล็กของหลินไว้ วินจึงเอ่ยว่า“คุณเอ้อ คือคุณดอมนั่นเอง ได้โปรดปล่อยคุณหลินมากับเราเถอะครับ”“ทำไมต้องปล่อย นายเป็นใครเนี่ย แล้วจะพาหลินไปไหน” ดอมรีบดึงตัวเด็กหนุ่มมาใกล้ แล้วก้าวไปอยู่ข้างหน้าแทนทันทีอย่างปกป้อง“เอ้อคือว่า…” คนชื่อวินใช้นิ้วเขี่ยที่มุมปากอย่างยุ่งยากใจ“แล้วทำไมนายถึงรู้จักฉัน” ดอมส่งเสียงดังข่มขู่“ก็เพราะคุณพ่อของคุณ คุณเด่นชัย เขารู้จักกับนายท่านหง ตั้งแต่ตอนคุณเด่นชัยยังทำงานให้บอสใหญ่ของผม”ดอม
สองหนุ่มนอนกอดก่ายกันในรถ หลินหนุนแขนล่ำของคิง ศีรษะทุยสวยวางพอดีตรงรอยต่อของหัวไหล่กับหน้าอก คิงจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเนียนที่ยังมีเหงื่อชื้นซึม ฝ่ามือใหญ่ลูบเส้นผมอ่อนนุ่มที่ยังเปียกนิดหน่อยตรงปลาย“หิวไหม”“เริ่มหิวแล้วครับ”“งั้นเดี๋ยวแต่งตัวแล้วไปกันเลยดีกว่า”เด็กหนุ่มชูแขนขึ้นด้วยท่าทีน่ารัก “เย้ ปิ้งย่างเกาหลีที่รอคอย”“โอ้ พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เราหิว”หลินแลบลิ้นอย่างล้อเลียน “ไม่หิวขนาดนั้นหรอกพี่” แล้วเขาก็นึกอะไรได้ หนุ่มโอเมก้าจึงรั้งตัวคิงที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งด้วยการบีบเบา ๆ ที่ต้นแขน “ผมมีเรื่องอยากถาม ที่จริงคือผมสงสัยมาแล้วก่อนหน้านี้”“หือ เรื่องอะไร”“พี่รู้เรื่องที่ผมกับเพื่อนพี่อีกสองคนมีอะไรกัน…”คิงชิงพยักหน้าก่อนจะจบประโยคเสียอีก“พวกพี่ไม่เคยปิดบังอะไรกันเลยสินะ”หนุ่มใหญ่หัวเราะอาย ๆหลินทำปากล่างยื่น “พี่ไม่รู้สึกแปลก ๆ เหรอครับ”&ld
ไม่นานเลยหลินก็ฉ่ำเยิ้มไปทั้งร่าง ตอนฝ่ามือใหญ่ของคิงเข้าไปล้วงเข้าไปเล่น เขารู้ทันทีว่าข้างในกางเกงในสีขาวของหลินมีเหลวเหนียวเหนอะเปียกชื้นอยู่ข้างในชัก ๆ“โอ๊ะ พี่ครับ ซี้ด โอย ผมเสียว” เด็กหนุ่มตื่นเร้าอย่างมากมายไม่น่าเชื่อ ทั้งการถูกรุกรานด้วยนิ้ว ทั้งความกังวลว่าจะมีคนผ่านมาเห็นสิ่งที่พวกเขาทำกันโอเมก้าพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคิงถึงโปรดปรานการมีเซ็กซ์แบบเอาต์ดอร์“อึก ขอผมทำพี่บ้างสิ”“มาสิ ก้มลงมาใช้ปากให้พี่หน่อย”คิงรูดกางเกงกับกางในลงไปกองที่ข้อเท้าทันทีพอคนขับเปลือยท่อนล่างแล้ว คนตัวเล็กกว่าก็ตะกายตัว เอาหน้าท้องพาดเกาะกึ่งกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารแล้วปากนุ่ม ๆ ของเด็กหนุ่มก็ครอบทับดุ้นเนื้อของคนขับเข้าไปหลินเบิกตากว้างตอนเห็นนายช่างเอานิ้วจับที่โคนดุ้น ทำให้อวัยวะที่มีเลือดมาคั่งจนแข็งเกร็งนั่นชี้ชูขึ้นฟ้า ทั้งความยาว ความอวบกำลังดี กับส่วนหัวสีแดงก่ำ กระตุ้นกำหนัดที่ด้านหน้าและด้านหลังของเด็กหนุ่มจนร้อนระอุ“อูย ของพี่หัวแดงจัง” หลินใช้นิ้วแตะสัมผัสที
แทนที่จะขึ้นไปออฟฟิศแล้วรีบเก็บของกลับบ้าน หลินกลับเข้าพุ่งตัวเข้าไปในรถเทสลา แล้วขับบึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนกว่าจะรู้ตัวอีกที ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี และพอดับเครื่องรถยนต์หลินก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาเคยมาแล้ว นั่นก็คือโรงถ่ายของ FDK Studio ที่ปทุมธานีนั่นเองวิวตอนเย็นของโรงถ่ายงดงามจนเด็กหนุ่มต้องลงจากรถเดินช้า ๆ สีสันบนท้องฟ้ามีหลากหลายทั้งส้มชมพูม่วงที่ไล่เฉดได้สมบูรณ์แบบชนิดที่ไม่มีจิตรกรคนไหนวาดเทียบเทียมได้ และธรรมชาติอันน่าตะลึงก็ทำให้ความคิดของหลินเรียงตัวเป็นระเบียบเขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยแต่แล้วเด็กหนุ่มก็ตื่นจากภวังค์ เพราะมีเสียงรถยนต์คันใหญ่มุ่งมาทางเขา แล้วก็เห็นรถเอสยูวีอีกคันหนึ่งวิ่งมาจอดเทียบรถเทสลาสีเงินของบริษัท และหลินจำได้ว่านั่นคือรถของคิงหนุ่มใจดีทายาทบริษัทอสังหาออกมาจากรถ แล้วรีบเดินมาที่ตัวเด็กหนุ่มทันที“ทำไมจู่ ๆ ก็หลินหนีพี่มา แถมขับรถเร็วซะด้วย ดีนะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ”“พี่คิง นี่พี่ขับรถตามผมมาถึงนี่เลยเหรอ”“ก็ใช่น่ะสิ คุยกันอยู่
เด็กหนุ่มโอเมก้าทำงานที่บริษัท FDK ได้เกือบสองสัปดาห์และยิ่งรักงานที่นี่ขึ้นทุกวันตอนนี้เขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ออฟฟิศนี้อีกแล้ว เพราะมีทีมงานเขียนบทมาเสริมอีกสามคน ดูเหมือนในช่วงแรกบริษัทนี้จะเน้นการผลิตบทคุณภาพสำหรับโปรเจกต์นิยายวายเรื่องแรกมากกว่าสิ่งอื่นใดนโยบายของผู้บริหาร ซึ่งก็หมายถึงสามหนุ่มแด๊ดดี้นั่นเอง คิดว่าบทเป็นส่วนสำคัญที่สุดของซีรีส์ ส่วนขั้นตอนการผลิต การคัดเลือกตัวแสดง มองว่าให้คนอื่นผลิตก็ได้ ตราบใดที่ผู้ผลิตมีทุนมากพอ จะผลิตละครที่ภาพสวย ใช้นักแสดงดึงดูดหรือเหมาะสมกับบทอย่างไรก็ได้และตอนนี้หลินกับทีมงานเล็ก ๆ ของเขาต่างพยายามปั้นบทซีรีส์วายเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ทีมของเขาเรียกว่า ‘โปรเจกต์เจ้าชาย’ นั่นเพราะเนื้อเรื่องจะเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเจ้าชายแห่งเมืองสมมุติเมืองหนึ่งกับลูกชายโทนของนายกไทย ฟังแล้วน่าจะเป็นซีรีส์วายที่ลักซัวรี่ไม่เบาแม้เรื่องงานจะสนุกและท้าทาย กระนั้นก็มีบางสิ่งที่เขาไม่สบายใจเย็นวันหนึ่งหลินเพิ่งขับรถของบริษัทกลับจากประชุมข้างนอก น้อง ๆ ในทีมขึ้นมาที
แม้จะทำถึงขนาดนั้นแล้วแต่นายท่านยังไม่สาแก่ใจ จู่ ๆ ดอมก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ให้หลินลงไปนั่งแทน แล้วอีกวินาทีต่อมา โอเมก้าก็สัมผัสถึงแรงกระแทกมาจากด้านข้างจนใบหน้าหันเพียะ ๆที่แท้อีกคนก็ตบหน้าของเขา โดยตั้งใจให้ฝ่ามือกระทบพอดีกับด้านข้าง ตามแนวโหนกแก้มที่ผิวหนังค่อนข้างหนาและแข็งจะได้ไม่เจ็บแล้วหลินก็ได้ยินเสียงขู่กระโชกน่ากลัวว่า “ฮ่า อีเด็กร่าน อย่างแกต้องโดนตบแบบนี้ล่ะถึงจะเหมาะ!”+++++นายท่านจับเด็กหนุ่มลงมาอยู่นั่งบนพื้น โชคดีที่พื้นออฟฟิศที่นี่ปูพรมขนสั้นเลยไม่เจ็บก้นเท่าใดนักในท่านั่งหลินถูกยกต้นขาขึ้น หัวเข่าของเขาแทบชิดหัวไหล่ เด็กหนุ่มรู้ดีว่ากำลังจะโดนทำอะไร“นายท่าน อ๊าก”ดอมหน้ามืดตามัวไปหมด เขาจับข้อเท้าเด็กหนุ่ม แยกถ่างขาออก ผ้าส่วนน้อยของกางเกงในเซ็กซี่ของเด็กหนุ่มแทบปิดบังส่วนนั้นไว้ไม่มิดตอนเห็นขาขาวเนียนเรียวเล็กแต่มีกล้ามเนื้อแบบผู้ชายถ่างออกแล้วความเป็นอัลฟ่าของดอมก็แผดเผาร่างกายตัวเองแทบไหม้‘ความขาวใสที่กูถวิลหาอยู่ตรงหน้าแล้ว&
“คลานเข่ามาหาฉัน!” หัวหน้าของเด็กหนุ่มที่กลายเป็นหนุ่มดอมตัวจริงที่ไม่ใช่ดอมแค่ชื่อ เขานั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะทำงาน เสื้อผ้าของตัวเองยังอยู่ครบหลินพยักหน้าอยู่ในท่าคลานสี่เท้า แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างยิ่งคือ เด็กหนุ่มใส่เสื้อตาข่ายบาง ๆ สีดำที่มีสายรัดไขว้กันเป็นกากบาทเรียงตามแนวดิ่ง ที่ดอมเรียกมันว่า ‘คอร์เซ็ตตาข่าย’ เขาถูกปิดตา มีปลอกคอที่มีห่วงและสายโซ่เส้นเล็ก ๆ โยงออกมา เท่านั้นยังไม่พอเขายังถูกใส่กุญแจมืออีกแต่มีเครื่องแต่งกายเดิมเพียงชิ้นเดียวที่ยังคงไว้บนตัวเด็กหนุ่ม เพราะสิ่งนั้นถูกใจดอมแล้ว นั่นคือกางเกงในเปิดก้นที่เรียกว่าจ๊อกสแตรป ตอนหัวหน้าเห็นยังถึงกับเอ่ยชม‘เพิ่งรู้ว่าหลินชอบใส่แบบนี้’‘เอ้อ บังเอิญว่าผมเหลือกางเกงในสะอาด ๆ แค่ตัวนี้ตัวเดียวน่ะครับ’ หนุ่มโอเมก้าตอบอย่างจริงใจแล้วยิ้มอายดอมทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อ ‘จริงดิ แล้วมีกางเกงในอย่างนี้อีกเยอะไหม ถ้ามีแค่ตัวเดียวเดี๋ยวพี่จะซื้อให้อีก จะได้ใส่มาบ่อย ๆ ใส่ทุกวันได้ยิ่งดี’กลับมาสู่เหตุการณ์ตรงหน้า หลิ
Comments