เวลาผ่านไปอีกหลายชั่วโมง สามหนุ่มใหญ่อัลฟ่านั่งเงียบอยู่ในรถปอร์เช่คาเยนน์สีดำของดอม รถจอดสนิทอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งที่พวกเขาได้ข้อมูลมาจากพนักงานคนหนึ่งของผับบลูว่า ที่นี่เป็นที่พักของเด็กหนุ่มคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักล้วงกระเป๋านั่นเอง
ความคิดที่ตรงกันของสามหนุ่มคือคอนโดนี้ดูดีเกินมาตรฐานรายได้พนักงานเสิร์ฟในผับไปค่อนข้างมาก
และในรถต่างคนต่างเกี่ยงกันทำหน้าที่ที่ไม่มีใครอยากทำ
“มึงควรลงไปนะดอม เพราะมึงเป็นคนไปหาเรื่องน้องเขาก่อน” คิงกล่าวหาเพื่อน
“อ้าวไหงเป็นงั้น ที่กูทำเพราะทวงกระเป๋าตังค์ให้มึงนะไอ้เหี้ยคิง” ดอมที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยไม่ยอมแพ้
คิงจนด้วยเหตุผล เขาพ่นลมหายใจออกแรง ๆ นั่งกัดเล็บ ส่วนดอมก็ใช้สันมือเคาะพวงมาลัยไปมา
จู่ ๆ คิงก็แหกปากร้องจนสองหนุ่มสะดุ้ง
“เฮ้ย ๆ พวก น้องเขาออกมานอกตึกแล้วว่ะ ท่าทางกำลังออกไปข้างนอก” เฟย์บอกบ้าง
“เออ จริง ๆ ด้วย” สองหนุ่มที่เหลือยืดคอขึ้น กดหน้าแทบติดกับกระจกรถ
สามอัลฟ่ารุ่นคุณอาเห็นร่างเล็กบางในชุดขาวกับหมวกแก๊ปเครื่องแบบของร้าน เหมือนกำลังออกไปทำธุระข้างนอกสักอย่าง
“เร็ว ๆ สิวะ ใครจะไปคุยกับน้องเขาก็รีบ ๆ เลย” ดอมลุ้นอยู่หลังพวงมาลัย แต่จู่ ๆ เขาก็ปิ๊งไอเดีย “กูนึกได้แล้ว”
“ไอเดียอะไร” สองคนที่เหลือถามพร้อมกัน
ดอมยักคิ้วให้เพื่อน “ว่าใครควรออกไปคุยกับน้องเขาไง”
+++++
สุดท้ายกลายเป็นเฟย์ ทายาทโรงงานยาหม่องที่แทบถูกถีบกระเด็นออกนอกรถ เหตุผลที่ดอมคิดว่าเฟย์เหมาะที่สุดเพราะเขาคือคนที่ถูกศอกเด็กคนนั้นทิ่มใส่จนเลือดกำเดาไหล
‘อย่างน้อยเด็กนั่นจะได้เกรงใจ ยอมฟังที่มึงพูดไง เพราะเขาทำให้มึงเจ็บตัว’ นี่คือความเห็นของดอมหนุ่มโหด
ส่วนเหตุผลอีกข้อที่ช่วยเป็นแรงเสริมคือคำป้อยอจากคิงที่ว่า
‘มึงอ่ะมีเลือดนักขาย เป็นสุดยอดนักการตลาด เจรจาต่อรองก็เก่ง’
เฟย์ฟังแล้วแอบหน้าบาน นาน ๆ ที่เพื่อนสนิทจะชมซึ่ง ๆ หน้า
ซึ่งที่จริงถ้าเฟย์เก่งเรื่องการเจรจา คิงก็คงเด่นด้านโน้มน้าวอยู่ไม่น้อย เพราะรู้ใจว่าถ้าพูดแบบนี้จะทำให้หนุ่มนักธุรกิจผู้บ้ายอรีบทำอย่างที่เพื่อนขอ
เฟย์วิ่งเหยาะ ๆ ไปยังที่หมาย
“น้อง ๆ เอ้อ น้องครับ”
เด็กหนุ่มหันกลับมามอง แล้วเขาก็สะดุ้งเฮือก ตั้งท่าจะวิ่งหนีกลับเข้าไปในตึก แต่เฟย์ไวกว่า เขาวิ่งไปดักข้างหน้าที่ประตูทางเข้า ก่อนรีบบอกเหตุผลที่มาที่นี่
“น้องไม่ต้องกลัวพี่นะ วันนี้พี่มาดี”
เด็กหนุ่มนั่นยกมือไหว้ “พี่อย่าทำอะไรผมเลย ผมไม่ได้ขโมยของพวกพี่ไปจริง ๆ เมื่อเช้าผมออกมาเงียบ ๆ เพราะเห็นพวกพี่ยังไม่ตื่น แล้วผมก็ไม่ได้หยิบอะไรจากในห้องนั้นมาเลยด้วย”
หนุ่มนักเจรจายกสองมือห้าม “เปล่าครับ คือพี่ไม่ได้จะมาต่อว่าหรือทำอะไรไม่ดีกับเรา พี่มาขอโทษเพราะสำนึกผิดจริง ๆ”
เด็กหนุ่มอึ้งไปกับท่าทีผิดคาด
“แล้วก็มาคุยกับเราด้วย”
“หา”
“พี่รู้แล้วว่าเราไม่ใช่คนทำ ยามไปตรวจกล้องวงจรปิดและเราได้ตัวคนผิดแล้ว”
แทนที่จะมีท่าทีโกรธเคืองหรือโวยวาย เด็กหนุ่มแค่เม้มปาก กับพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงยอมรับคำขอโทษ และท่าทีสงบนิ่งเดาอารมณ์ยากนั่นกลับยิ่งประทับใจคนที่ได้เห็น
เฟย์ถามต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด
“ว่าแต่เราชื่ออะไร”
“ผม…เอ้อ ชื่อหลินครับ”
“โอ้ ชื่อน่ารักจัง ชื่อเหมาะกับคนหน้าตาน่ารัก ๆ อย่างน้องเลย”
“หือ” คิ้วดกเรียวหนานั่นเลิกสูงขึ้นแทบจะชนปีกหมวกสีขาวที่มีตัวหนังสือสีฟ้าที่จะเรืองแสงได้ในความมืดเขียนว่า ‘BLEU’ ตาทรงเม็ดอัลมอนด์สวยเหมือนตากวางยิ่งตราตรึงในแสงแห่งวัน
คนเป็นผู้ใหญ่เห็นภาพนั่นแล้วไม่อาจละสายตาไปทางอื่น แถมพูดติดอ่างขึ้นมาเสียอย่างนั้น “มะ…ไม่เคยมีคนชมว่าน้องน่ารักบ้างเลยเหรอ”
“เอ้อ ก็มีครับ” เด็กหนุ่มชื่อหลินก้มหน้ามองไปด้านข้างอย่างถ่อมตัว ที่น่าประหลาดคือคนชมกลับหน้าแดงเองตอนเห็นแพขนตาหนากระพือช้า ๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่นในหนัง
หัวใจของเฟย์พลันเต้นแรงผิดปกติ
‘เฮ้ย กูเป็นอะไรฟะเนี่ย’
“ว่าแต่พี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
“ก่อนอื่นพี่ว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหมหลิน”
+++++
อีกไม่นานทูตสันถวไมตรีก็กลับมาที่รถ ใบหน้าของเฟย์เรียบสนิทจนเพื่อนสองคนเดาไม่ถูก
“เล่ามาสิมึง ตกลงว่าไง”
“โอ๊ย กูเหนื่อย ร้อน หิวน้ำด้วย ไหนขอน้ำกินหน่อย”
“ลีลาจังนะมึงน่ะ” แต่ดอมก็ส่งขวดน้ำในรถให้
เฟย์จิบน้ำแล้วร้อง “ฮ้า สดชื่น คอค่อยหายแห้งหน่อย”
“ตกลงยังไง”
ทายาทโรงงานยาหม่องยักคิ้วหยอกล้อใส่เพื่อน “ตกลงว่าตกลง”
“โอ๊ย สุดยอดเพื่อน” คิงที่นั่งข้างคนขับแทบจะปีนมาที่เบาะหลังกอดคอเพื่อนรักที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีไม่น่าเชื่อ ส่วนดอมเองก็หน้าบานไม่แพ้กัน
เฟย์ที่ถูกเพื่อนกอดชักสงสัยว่าตกลงพวกเขาสามคนอยากชดเชยความผิดให้เด็กคนนั้นขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทูตเฉพาะกิจก็บอกชื่อของเด็กหนุ่มที่พวกเขาล่วงเกินไปเมื่อคืน
“อื๊อ ชื่อหลินเหรอ ชื่อก็น่ารักตัวก็น่ารัก” คิงทำท่าเคลิ้มอย่างไม่เก็บอาการเพราะอยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิท
“น้องหลิน น้องหลิน ๆ” ส่วนดอมทวนชื่อซ้ำ ๆ เหมือนท่องจำอะไรสักอย่าง
เฟย์เล่าต่อ “กูบอกน้องไปว่า ที่มานี่ไม่ใช่แค่จะมาขอโทษ แต่พวกเราไปทำให้เขาเสียหาย เลยจะมาจ่ายค่าทำขวัญให้”
“แล้วน้องเขาว่าไง”
“ตอนแรกหลินจะไม่เอา บอกว่าพอใจแล้วแค่พวกเรารู้ว่าเขาบริสุทธิ์…” เฟย์หยุดเว้นช่วงเหมือนอยากให้คนฟังคิด
สองหนุ่มเหลือบตามองกับคำพูดกำกวมของคนเล่า
“เฮ้ย พวกมึง อย่าคิดอะไรทะลึ่งสิ อีกอย่าง ถ้าน้องเขาจะไม่บริสุทธิ์ก็เพราะพวกเราสามคนนั่นล่ะ”
คิงห่อปากจนดูตลก “โอ้ นี่ตกลงเราเป็นคนพร่าพรหมจรรย์ของน้องเขาหรือวะ”
เฟย์ยักไหล่แล้วพูด “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ใครจะรู้ว่าน้องเคยผ่านเรื่องแบบนี้ไหม แต่หลินยังดูเด็กอยู่เลย”
“อืม แต่ความคิดว่าพวกเราคือคนแรกของน้องก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” ดอมทำหน้าฝัน ๆ
สุดท้ายเฟย์ก็รำคาญ “ตกลงพวกมึงจะฟังต่อไหมเนี่ย”
“ฟัง ๆ” สองคนรีบพูดพร้อมกัน
“หลินบอกว่าแค่รู้ว่าเขาบริสุทธิ์ก็ดีใจแล้ว แต่กูคะยั้นคะยอเรื่องเงิน เพราะเขาควรได้รับค่าเสียหาย สุดท้ายเขาก็เลยยอมให้กูโอนเงินค่าเสียหายสามแสนเข้าบัญชี”
“ว้าว ดีมากเพื่อน น้องจะได้รู้ด้วยว่าพวกเราใจป๋า แนวแด๊ดดี้ยังไงยังงั้น” ดอมส่งเสียงลั่นอย่างลืมตัว
เพื่อนสองคนเหลือบมองหนุ่มร้ายที่เก็บทรงไม่อยู่ อีกครู่ต่อมาดอมรู้ตัวว่าเพื่อนมองเลยเขิน รีบเบือนหน้ากลับไปมองด้านหน้ารถเหมือนเดิม แถวผิวปากเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
“นี่ ๆ ว่าแต่มึงรู้เลขที่บัญชีของเขาแปลว่ามึงก็รู้ชื่อกับนามสกุลของเขาแล้วนี่” คิงถาม
“ใช่”
“ไหนขอสิ กูจะเอามาหาไอจี”
เฟย์ให้ไป คิงหัวเราะคิก ๆ แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดอมชะโงกหน้ามาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่แล้วคิงก็เบ้หน้า ดอมเองก็ทำหน้าผิดหวังไปด้วย
“หาไม่เจอว่ะ สงสัยเขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้ในโซเชียลมีเดีย”
“โอ๊ย” เฟย์โบกมือ “มึงไม่ต้องหาข้อมูลของน้องเขาให้เสียเวลาหรอก”
“ทำไมล่ะ” คิงถาม ที่จริงเขาควรสงสัยตัวเองมากกว่าทำไมต้องกระตือรือร้นเข้าไปค้นข้อมูลของเด็กคนเมื่อวานด้วย
“ก็เพราะกูยังมีข่าวดีอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกพวกมึงอะสิ” เฟย์เผยไพ่ใบสุดท้าย
“อะไร ๆ คืออะไร” อีกสองคนแทบเก็บอาการไม่อยู่
“พวกมึง แล้วก็มึง…” เฟย์ชี้นิ้วสองครั้งไปหาเพื่อน “เตรียมตัวให้พร้อม ไอ้คิงจัดการจองร้านอาหารร้านเด็ดบรรยากาศดีร้านประจำของพวกเรา ส่วนไอ้ดอมเตรียมรถให้พร้อม…”
“หา นั่นแปลว่า…” สองหนุ่มห่อปากเป็นรูปตัวโออย่างคาดหวัง
“น้องหลินไม่ใช่แค่ยอมรับคำขอโทษแต่ยอมไปดินเนอร์เพื่อรับน้ำใจจากพวกเราด้วยโว้ย หกโมงเย็นเป๊ะคือเวลานัดหมาย”
“โอ้ ว้าว”
“เอาไว้เจอเขาพวกมึงอยากรู้อะไรก็เชิญสัมภาษณ์เขาได้เลย แต่อย่าทำให้เขากลัวละกัน” เฟย์ยิ้มก่อนปิดเท้า
“ไชโย” สองหนุ่มที่รอในรถถึงกับชูกำปั้นด้วยความยินดี จนข้อนิ้วกระแทกเพดานรถ เจ็บมือจนต้องสูดปาก
เฟย์มองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้น
“อะไรเนี่ย พวกมึงเป็นอาราย” เฟย์ส่ายหน้าเพลีย ๆ แต่ก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ ลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าตอนอยู่กับเด็กหนุ่ม ตัวเองก็เสียอาการไม่แพ้กัน
หลินไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าจะหลงคารมของหนึ่งคนในนั้นและตกปากรับคำจะออกมาเที่ยวร่วมกับสามหนุ่มวัยคุณอาที่เขาใจอ่อนเพราะความสุภาพน่ารักของพี่เฟย์ คนที่ดูมีวาทศิลป์ที่สุดในบรรดาทั้งสาม อีกทั้งการชดเชยด้วยเงินสดในทันที กับถ้อยคำหวานที่บอกว่า‘พวกพี่รู้สึกผิดจริง ๆ นะ เลยอยากขอโทษ หวังว่าหลินคงให้โอกาสพวกพี่ได้แก้ตัว...นะครับน้องคนดี’หลินนึกถึงเงินสดจำนวนสามแสนบาทถ้วน มันไม่มากเลยในฐานะผู้เสียหายในเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่น้อยเช่นกันหากนับว่าประสบการณ์ที่ได้กับสามคนนั้น อันที่จริงพวกเขาไม่ได้เป็นชายหนุ่มที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด ถ้าจะให้ยอมรับตรง ๆ ก็คือสามคนนั้นคือหนุ่มใหญ่ที่ดูดีมาก ๆ ทั้งรูปร่างหน้าตาพอคิดถึงตรงนี้หนุ่มน้อยรู้สึกคอแห้งรสชาติของอัลฟ่าร้อนแรงแบบนี้นี่เอง แม้เมื่อคืนจะเป็นเหตุการณ์กึ่งไม่สมยอม แต่หลินยอมรับว่าหลังจากทำกันไปสักพัก ช่วงหลัง ๆ เขาเองก็มีอารมณ์อยู่ไม่น้อยพอมาเจอกันอีกครั้งในคืนนี้ ถึงรู้ว่าทั้งสามคนไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว ยังมีฐานะดีอีกต่างหาก แม้ทั้งสามจะดูมีอายุ แต่ผิวพรรณยังเปล่งปลั่งอย่างผู้ชายที่ดูแ
อีกไม่นานต่อมา ทั้งสี่หนุ่มก็มาถึงที่หมาย ตรงทางเข้าหนุ่มน้อยหลินแหงนหน้ามองอย่างชื่นชมไปที่หลอดไฟนีออนสีชมพูที่ขดเป็นตัวอักษร ‘León’แค่ก้าวแรกในผับก็ให้ความรู้สึกดีเยี่ยม ความมืดและความสว่างผสมผสานกันจนสร้างบรรยากาศอันแปลกตาที่หาไม่ได้จากที่ไหน ราวกับเจ้าของจงใจสร้างโลกใบใหม่ที่มีทั้งความลึกลับ เย้ายวน และน่าตื่นเต้นเด็กหนุ่มโอเมก้าสังเกตเห็นว่า ทันทีที่หนุ่มดุดันกว่าเพื่อนเดินนำ ก็มีพนักงานพากันยกมือไหว้และทำท่านอบน้อมดอมเต็มไปหมด ก่อนนำพวกเขาทั้งสี่ไปยังที่หมายอีกไม่นานเฟย์ทำหน้าที่ชงเหล้าให้ แม้จะอิ่มพุงกางแต่พวกเขายังสั่งของกินเล่นสองสามอย่างมาด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ของที่ลีออนทันสมัย และถูกมิกซ์มาในแบบที่หาฟังจากที่อื่นไม่ได้ พวกหนุ่ม ๆ เพลิดเพลินบนที่นั่งโซฟา โยกหัวไปตามจังหวะหลินมองซ้ายขวาและยิ้มกว้าง เขารื่นรมย์กับบรรยากาศ แอลกอฮอล์ถูกเติมเข้าร่างอย่างต่อเนื่อง จากรอยยิ้มจึงเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะใสร่าเริง ฟันขาวของเขายามมองในแสงแบล็กไลต์ข้างในผับเห็นเป็นสีน้ำเงินดูลึกลับ“ชอบไหมหนู” เฟย์เห็น
การจูบเร่าร้อนแทบทำผับไหม้สะดุดลงเมื่อเด็กหนุ่มเซนเตอร์คือคนแรกที่หยุดเคลื่อนไหวริมฝีปากเขาเอ่ยเสียงแหบ ๆ ว่า “ผมว่าเราไปจากนี่ดีกว่าไหม”“เอ้อ…” สามหนุ่มยังติดพันกับรสชาติ แต่เพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ที่นี่ แค่สองคนจูบกันก็ดูโจ่งแจ้งจะแย่แล้ว นี่เล่นฟัดกันนัวตั้งสี่คนนักท่องราตรีบางคนมองพวกเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิ พอถึงตอนนี้สามหนุ่มอัลฟ่าต่างหน้าแดงด้วยความอับอายและสามหนุ่มแด๊ดดี้ยิ่งรู้สึกแย่ตอนตาสวยเหมือนกวางของเด็กหนุ่มแสดงอารมณ์รู้สึกผิดด้วยเช่นกัน อันเนื่องจากสายตาคนอื่นที่มองมาอย่างกล่าวโทษ‘เมื่อกี้ที่ทำเหมือนพวกกูรุมข่มเหงเด็กเลยว่ะ รู้สึกตัวเองสารเลวอย่างบอกไม่ถูก’เฟย์คิดว่าหลินอยากกลับบ้านแล้ว เขาเลยบอกว่า “เอาสิ หลินอยากให้พวกพี่ไปส่งที่ไหนคราวนี้เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “ไหนบอกจะพาผมไปดูโรงถ่ายของพวกพี่ไม่ใช่เหรอครับ”คำตอบนั่นทำให้สามคนแปลกใจ ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยจะเอาจริงขนาดนี้พอหนุ่มน้อยทวงสัญญา ดอมจึงโทร.เรียกคนขับรถให้นำรถของตัวเองมาส่งที่ผับลีอ
เด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อตัวเองว่าจะยอมทำอะไรเช่นนี้ แต่ในเมื่อเขาเป็นคนเรียกร้องจะทำเรื่องนี้ก่อนเลยช่วยไม่ได้คำพูดที่ดอม แด๊ดดี้อัลฟ่าที่ดูดุดันที่สุดในบรรดาเพื่อน ๆ ขอกับโอเมก้า คือเขาอยากให้หลินถูกปิดตาตลอดช่วงกิจกรรมที่จะเกิดต่อจากนี้และโดยไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบไปตอนนี้หลินมานอนบนเตียงใหญ่ของคิง ถอดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของคิงออกไปแล้ว ด้านล่างของใส่กางเกงในบ๊อกเซอร์ของอัลฟ่านายช่างใหญ่ที่เพิ่งค้นจากตู้มาสวมไว้กันอุจาดเมื่อกี้นี้เองในท่านอนหงายเปลือยท่อนบนเด็กหนุ่มรู้สึกว่าแข้งขามือไม้ของตัวเองดูเป็นส่วนเกินอย่างไรบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามจัดท่าทางให้ตัวเองสบาย เขายกแขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะที่อยู่บนหมอนไว้อีกที จากนั้นก็หลับตาและรอคอยหลินไม่ได้ยินเสียงตอนสามหนุ่มเดินเข้ามา แต่เขาสัมผัสถึงไอของอัลฟ่าที่เข้มข้น ที่ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีถึงสาม และอิทธิพลของมันมากพอจะทำให้เด็กหนุ่มต้องเอามือกุมเป้ากางเกงไว้ทันทีความรุ่มร้อนและเปียกแฉะทำงานอย่างว่องไว นี่แค่ได้กลิ่นเท่านั้นนะปุด ๆพอลืมตาเขาก็เห็นสามหนุ่มอัลฟ่าแด๊ดดี้เปลือยท่อน
ในเมื่อเด็กหนุ่มโอเมก้าตัดสินใจแล้ว เขาจึงทำอย่างไม่กั๊กและไม่ลังเล ตอนแรกแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่พอผ่านไปสักพัก ด้วยการโฟกัสประสาทกลิ่นกับสัมผัส สุดท้ายเขาก็แยกเจ้าของของมันได้ส่วนบรรดาอัลฟ่าต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่อย่างไม่อยากเชื่อ ครั้งนี้อาจนับว่าเป็นการจัดเต็มครั้งแรกจริง ๆ เพราะครั้งก่อนที่ห้องพักในผับบลู พวกเขาทำไปอย่างไม่มีสติเท่าใดนักดุ้นแก่นกายของแต่ละคนแข็ง พุ่งชี้ไปข้างหน้าอย่างท้าทายในขณะที่มันกลืนหายเข้าไปในโพรงปากของเด็กหนุ่ม สลับกันทีละคน ๆ“อา หลิน โอย ทำไมเก่งแบบนี้”ดอมคือคนแรก เขาจิกเส้นผมนุ่มของเด็กหนุ่ม ตามองลง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียงเพื่อทำให้หว่างขาของตัวเองแยกถ่างที่สุด ท่วงท่านั้นราวกับท่วงท่าของรูปปั้นวีรบุรุษผู้กล้าแล้วต่อจากนั้นคือเฟย์และคิง“โอย แม่งดีเป็นบ้าเลย อา อูย”“หลินของเราคือสุดยอด อ๊า”“ลึก ๆ กว่านี้สิ แบบเมื่อกี้ ขออีกทีนะ อ๊าก เสียว”ดอมที่ว่างจากการถูกกลืนกินทำตัวเป็นประโยชน์กับเพื่อน ด้วยการโน้มตัวลงไป ใช้นิ้วแหวกร่อง
แด๊ดดี้เฟย์ถึงกับต้องหยุดขยับเอวทันทีหลังจากดุ้นเข้าไปลึกสุดรูเป็นครั้งแรก เขาหอบลิ้นห้อยเหมือนสุนัข เหงื่อหยดแรกเริ่มไหลลงมาตามขมับ“มึงเสียอาการขนาดนี้เลยหรือวะ” คิงทำหน้าสงสัย ชักอยากสัมผัสความรู้สึกแบบนี้เร็ว ๆ แล้วสิ“เห็นมะเมื่อกี้กูไม่ได้แสดงออกเกินไปนะโว้ย มึงรู้แล้วใช่ป่ะ” ดอมเอ่ย“ถ้าไม่หยุดกูต้องแตกเข้าไปในตัวน้องเขาแน่” หนุ่มมาดรวยบีบตาแน่น แยกเขี้ยวสูดปาด“หยุดเลย! อย่าเพิ่ง มึงจะทำตัวเป็นนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ หรือเป็นเรือล่มตั้งแต่ยังอยู่ปากอ่าวแบบนี้ไม่ได้ เสียชื่อเฟย์เจ้าสำราญหมด” คิงแซวเฟย์อดกระตุกยิ้มไม่ได้ทั้งที่ยังหอบอยู่ “กูได้รับสมญานี้ตั้งแต่เมื่อไร”“กูเพิ่งตั้งให้เมื่อกี้” คิงยิ้มทำหน้าทะเล้นแต่จู่ ๆ ดอมก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขาโน้มตัวมาจูบเพื่อนที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ที่ทำเพราะอยากช่วยให้เฟย์ผ่อนคลายความเครียดนิ้วมือแข็งแรงของดอมยึดที่หลังคอแข็งแรงของเฟย์ คนถูกจูบชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะตอบสนองอีกคนด้วยความร้อนแรงไม่แพ้
เด็กหนุ่มผู้ถูกปิดตาได้ยินคำขออันท้าทายกล้ามเนื้อหูรูดอย่างยิ่งแล้วรู้สึกตื่นตกใจ “อ๊ะ ผมไม่เคยทำถึงขนาดนี้มาก่อนเลย”“พวกพี่ก็ไม่เคยเหมือนกัน” ดอมตอบหน้าตาย“ยังไงซะพวกเราแล้วแต่หลินนะ ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว” คิงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามสไตล์“พวกพี่อยากให้มีความสุขไปด้วยกัน” เฟย์เสริมซึ่งน่าแปลกที่พอโอเมก้าได้ยินเช่นนี้แล้วบังเกิดแรงจูงใจบางอย่าง ความกลัวกึ่งอยากลองก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคิดว่า หากบรรดาแด๊ดดี้หักหาญน้ำใจด้วยการบังคับให้เขาจำยอมแม้แต่นิดเดียว เขาจะปฏิเสธทันที แต่พอทั้งสามคนมีท่าทีแบบนี้ก็เลย…‘คิดซะว่าเป็นการทดลองละกัน’ เด็กหนุ่มให้กำลังใจตัวเองก่อนตัดใจตอบไปว่า“อื้อ งั้นลองดูสักนิดก็ได้ครับ”“ว้าว,โอ้,เย้”“ว่าแต่ของพวกพี่แต่ละคนใหญ้ใหญ่อะ ผมกลัวจังเลย” เด็กหนุ่มใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จบกันเหมือนเครื่องหมายโอเค ก่อนจะแยกนิ้วออก เป็นการกะขนาดว่าถ้าหนึ่งดุ้นเท่านี้ สองดุ้นจะอวบหนาขนาดไหน เหมือนใช้
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น เขาเจ็บแปลบ แต่ก็สุขสมมากด้วย ชั่วขณะที่เฟย์กระแทกดุ้นลำเข้ามาจนสุด ก่อให้เกิดความรู้สึกคล้ายกับร่างของเขาจะฉีกขาด แยกออกเป็นสองส่วน แต่พอดุ้นเขื่องของทายาทโรงงานยาหม่องเคลื่อนออก ความสุขเร้นลับกลับถั่งโถมเข้ามาเต็มร่างแทนและนั่นก่อให้เกิดการเสพติด ทำให้หลินบอกตัวเองว่า ยังทนไหว ๆ เด็กหนุ่มรู้อยู่ลึก ๆ ว่าการอดทนจะทำให้เขาได้ลิ้มรสชาติบางอย่างที่ไม่มีวันลืม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องโหยหวนราวกับสัตว์ตัวเล็กที่เจ็บปวด“อ๊าก อ๊า โอย”แต่ไม่น่าเชื่อว่ายิ่งเด็กหนุ่มร้องดังเท่าไร พวกรุกก็ยิ่งแข็งขึงและยิ่งกระแทกถี่เร็วขึ้นเท่านั้นตับ ๆ“อ๊า อ๊า ไม่ไหวแล้ว อ๊าก” หลินเกิดเจ็บจริงขึ้นมา ศีรษะของเขากระดอนไปข้างหน้า คอตก หมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะชันคอตั้งตรงเมื่อเห็นว่าอีกคนเจ็บจริงเฟย์เลยยอมหยุดให้พักชั่วครู่ อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดหรอกและทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่หลินคาด หลังจากได้พักก็มีครั้งต่อไป และเมื่อครั้งแรกสำเร็จ ครั้งต่อ ๆๆ ไปก็ไม่ใช่เรื่องยากครืด ๆๆ ตับ ๆๆๆหลินครวญคร
“ท่านหงให้พวกเราทุกคนฝังไมโครชิปที่หลังมือ” ดอมเฉลยพร้อมกับยกหลังมือให้เห็น ผิวตรงนั้นมีจุดแดงจาง ๆ เหมือนตุ่มมดกัด“หา? นั่นหมายถึง...” เด็กหนุ่มอ้าปากค้างอย่างพิศวง“ท่านหงบอกว่าถ้าพวกเราอยากมาเจอหลิน ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ายินดีเสียสละเพื่อหลิน ลูกชายคนสุดท้ายของเขาจริง ๆ” ดอมเริ่ม“การฝังชิปเปรียบเหมือนการยอมให้เขาติดตามตัวเราได้ตลอดชีวิต ท่านหงบอกว่า วันใดที่พวกเราทำให้หลินเสียใจ ถ้ามีชิปนี้อยู่ที่ตัว ไม่ว่าจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหน เขาก็จะให้คนออกตามล่าพวกเราจนได้” เฟย์เสริม“และชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ฝังลงไปได้อย่างเดียว เอาออกมาไม่ได้ ถ้าพยายามเอาออก มันจะระเบิด” คิงอธิบายแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกเด็กหนุ่มเอามือปิดปาก แววตาเบิกโพลง “นั่นไง ผมกะแล้วว่าคนอย่างพ่อผมไม่มีทางให้อะไรใครฟรี ๆ แน่ แล้วพวกพี่ยอมได้ยังไง มันคือทั้งชีวิตของพวกพี่เลยนะ!”ดอมผู้มั่นใจยักไหล่ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง “ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่ ยังไงเราก็ไม่คิดจะทิ้งหลินไปไหนอยู่แล้ว”
ที่บ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งริมทะเลสาบธรรมชาติที่จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่เงียบสงบและมีประชากรเบาบาง และกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่จากถนนใหญ่ยังไม่ง่าย ดังนั้นอาจนับได้ว่าบ้านหลังนี้คือเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัยและแทบตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงอย่างไรก็ตามด้วยอำนาจเงินก็ดลบันดาลให้ที่พักแห่งนี้เป็นที่อยู่ที่สะดวกสบายมากแห่งหนึ่งแม้ภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าจะสวยงาม แต่เด็กหนุ่มทายาทมาเฟียชื่อก้องก็ถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในบ้านเขาหดหู่สุดขีด นี่ยังดีที่พอออกมาสู่ธรรมชาติแล้วจิตใจคล้ายถูกเยียวยาขึ้นมาบ้างเด็กหนุ่มจำเป็นต้องอยู่ที่บ้านริมทะเลสาบแห่งนี้ ที่เขาเซ็งสุดขีดเพราะตระหนักได้ว่าสภาพตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากถูกกักขัง สุดท้ายหลังจากพยายามแทบตายก็ต้องกลับมาเป็นเด็กไม่รู้จักโตของคุณพ่ออีกรอบ ไร้อิสระสิ้นดีพ่อบอกให้เขาอยู่ที่นี่ก่อนจนกว่าความคิดจะเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยมาคุยกันเด็กหนุ่มถอนใจอีกรอบ อย่างไรก็ดีคราวนี้หลินไม่มีความคิดที่จะหนีไปไหนอีก ลึก ๆ เขารู้สึกผิดกับครั้งที่แล้วที่หนีออกจากบ้านถัดจากการหนี ก็เจอเรื่องไม่คาดฝัน
ดอมเพิ่งนึกออกว่าตลอดเวลาที่รู้จักกัน หลินไม่เคยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิตของเขา บอกแค่ว่าพ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดและเขาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว เลยต้องหาเงินส่งให้ที่บ้านความตระหนักรู้ในสมองของหนุ่มร้ายส่งเสียงกระดิ่งกริ๊งลั่นในหัว ‘ถ้าพ่อมีลูกน้องตัวใหญ่เป็นยักษ์แถมมีหน้าโหดแบบนี้ พ่อของหลินก็น่าจะเป็น…’ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดได้อย่างเดียวชายตัวใหญ่ที่หลินบอกว่าชื่อวินย่างเข้ามา มือขยับแว่น แต่เหลือบเห็นมือใหญ่ของดอมที่จับข้อมือเล็กของหลินไว้ วินจึงเอ่ยว่า“คุณเอ้อ คือคุณดอมนั่นเอง ได้โปรดปล่อยคุณหลินมากับเราเถอะครับ”“ทำไมต้องปล่อย นายเป็นใครเนี่ย แล้วจะพาหลินไปไหน” ดอมรีบดึงตัวเด็กหนุ่มมาใกล้ แล้วก้าวไปอยู่ข้างหน้าแทนทันทีอย่างปกป้อง“เอ้อคือว่า…” คนชื่อวินใช้นิ้วเขี่ยที่มุมปากอย่างยุ่งยากใจ“แล้วทำไมนายถึงรู้จักฉัน” ดอมส่งเสียงดังข่มขู่“ก็เพราะคุณพ่อของคุณ คุณเด่นชัย เขารู้จักกับนายท่านหง ตั้งแต่ตอนคุณเด่นชัยยังทำงานให้บอสใหญ่ของผม”ดอม
สองหนุ่มนอนกอดก่ายกันในรถ หลินหนุนแขนล่ำของคิง ศีรษะทุยสวยวางพอดีตรงรอยต่อของหัวไหล่กับหน้าอก คิงจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเนียนที่ยังมีเหงื่อชื้นซึม ฝ่ามือใหญ่ลูบเส้นผมอ่อนนุ่มที่ยังเปียกนิดหน่อยตรงปลาย“หิวไหม”“เริ่มหิวแล้วครับ”“งั้นเดี๋ยวแต่งตัวแล้วไปกันเลยดีกว่า”เด็กหนุ่มชูแขนขึ้นด้วยท่าทีน่ารัก “เย้ ปิ้งย่างเกาหลีที่รอคอย”“โอ้ พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เราหิว”หลินแลบลิ้นอย่างล้อเลียน “ไม่หิวขนาดนั้นหรอกพี่” แล้วเขาก็นึกอะไรได้ หนุ่มโอเมก้าจึงรั้งตัวคิงที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งด้วยการบีบเบา ๆ ที่ต้นแขน “ผมมีเรื่องอยากถาม ที่จริงคือผมสงสัยมาแล้วก่อนหน้านี้”“หือ เรื่องอะไร”“พี่รู้เรื่องที่ผมกับเพื่อนพี่อีกสองคนมีอะไรกัน…”คิงชิงพยักหน้าก่อนจะจบประโยคเสียอีก“พวกพี่ไม่เคยปิดบังอะไรกันเลยสินะ”หนุ่มใหญ่หัวเราะอาย ๆหลินทำปากล่างยื่น “พี่ไม่รู้สึกแปลก ๆ เหรอครับ”&ld
ไม่นานเลยหลินก็ฉ่ำเยิ้มไปทั้งร่าง ตอนฝ่ามือใหญ่ของคิงเข้าไปล้วงเข้าไปเล่น เขารู้ทันทีว่าข้างในกางเกงในสีขาวของหลินมีเหลวเหนียวเหนอะเปียกชื้นอยู่ข้างในชัก ๆ“โอ๊ะ พี่ครับ ซี้ด โอย ผมเสียว” เด็กหนุ่มตื่นเร้าอย่างมากมายไม่น่าเชื่อ ทั้งการถูกรุกรานด้วยนิ้ว ทั้งความกังวลว่าจะมีคนผ่านมาเห็นสิ่งที่พวกเขาทำกันโอเมก้าพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคิงถึงโปรดปรานการมีเซ็กซ์แบบเอาต์ดอร์“อึก ขอผมทำพี่บ้างสิ”“มาสิ ก้มลงมาใช้ปากให้พี่หน่อย”คิงรูดกางเกงกับกางในลงไปกองที่ข้อเท้าทันทีพอคนขับเปลือยท่อนล่างแล้ว คนตัวเล็กกว่าก็ตะกายตัว เอาหน้าท้องพาดเกาะกึ่งกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารแล้วปากนุ่ม ๆ ของเด็กหนุ่มก็ครอบทับดุ้นเนื้อของคนขับเข้าไปหลินเบิกตากว้างตอนเห็นนายช่างเอานิ้วจับที่โคนดุ้น ทำให้อวัยวะที่มีเลือดมาคั่งจนแข็งเกร็งนั่นชี้ชูขึ้นฟ้า ทั้งความยาว ความอวบกำลังดี กับส่วนหัวสีแดงก่ำ กระตุ้นกำหนัดที่ด้านหน้าและด้านหลังของเด็กหนุ่มจนร้อนระอุ“อูย ของพี่หัวแดงจัง” หลินใช้นิ้วแตะสัมผัสที
แทนที่จะขึ้นไปออฟฟิศแล้วรีบเก็บของกลับบ้าน หลินกลับเข้าพุ่งตัวเข้าไปในรถเทสลา แล้วขับบึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนกว่าจะรู้ตัวอีกที ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี และพอดับเครื่องรถยนต์หลินก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาเคยมาแล้ว นั่นก็คือโรงถ่ายของ FDK Studio ที่ปทุมธานีนั่นเองวิวตอนเย็นของโรงถ่ายงดงามจนเด็กหนุ่มต้องลงจากรถเดินช้า ๆ สีสันบนท้องฟ้ามีหลากหลายทั้งส้มชมพูม่วงที่ไล่เฉดได้สมบูรณ์แบบชนิดที่ไม่มีจิตรกรคนไหนวาดเทียบเทียมได้ และธรรมชาติอันน่าตะลึงก็ทำให้ความคิดของหลินเรียงตัวเป็นระเบียบเขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยแต่แล้วเด็กหนุ่มก็ตื่นจากภวังค์ เพราะมีเสียงรถยนต์คันใหญ่มุ่งมาทางเขา แล้วก็เห็นรถเอสยูวีอีกคันหนึ่งวิ่งมาจอดเทียบรถเทสลาสีเงินของบริษัท และหลินจำได้ว่านั่นคือรถของคิงหนุ่มใจดีทายาทบริษัทอสังหาออกมาจากรถ แล้วรีบเดินมาที่ตัวเด็กหนุ่มทันที“ทำไมจู่ ๆ ก็หลินหนีพี่มา แถมขับรถเร็วซะด้วย ดีนะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ”“พี่คิง นี่พี่ขับรถตามผมมาถึงนี่เลยเหรอ”“ก็ใช่น่ะสิ คุยกันอยู่
เด็กหนุ่มโอเมก้าทำงานที่บริษัท FDK ได้เกือบสองสัปดาห์และยิ่งรักงานที่นี่ขึ้นทุกวันตอนนี้เขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ออฟฟิศนี้อีกแล้ว เพราะมีทีมงานเขียนบทมาเสริมอีกสามคน ดูเหมือนในช่วงแรกบริษัทนี้จะเน้นการผลิตบทคุณภาพสำหรับโปรเจกต์นิยายวายเรื่องแรกมากกว่าสิ่งอื่นใดนโยบายของผู้บริหาร ซึ่งก็หมายถึงสามหนุ่มแด๊ดดี้นั่นเอง คิดว่าบทเป็นส่วนสำคัญที่สุดของซีรีส์ ส่วนขั้นตอนการผลิต การคัดเลือกตัวแสดง มองว่าให้คนอื่นผลิตก็ได้ ตราบใดที่ผู้ผลิตมีทุนมากพอ จะผลิตละครที่ภาพสวย ใช้นักแสดงดึงดูดหรือเหมาะสมกับบทอย่างไรก็ได้และตอนนี้หลินกับทีมงานเล็ก ๆ ของเขาต่างพยายามปั้นบทซีรีส์วายเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ทีมของเขาเรียกว่า ‘โปรเจกต์เจ้าชาย’ นั่นเพราะเนื้อเรื่องจะเกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเจ้าชายแห่งเมืองสมมุติเมืองหนึ่งกับลูกชายโทนของนายกไทย ฟังแล้วน่าจะเป็นซีรีส์วายที่ลักซัวรี่ไม่เบาแม้เรื่องงานจะสนุกและท้าทาย กระนั้นก็มีบางสิ่งที่เขาไม่สบายใจเย็นวันหนึ่งหลินเพิ่งขับรถของบริษัทกลับจากประชุมข้างนอก น้อง ๆ ในทีมขึ้นมาที
แม้จะทำถึงขนาดนั้นแล้วแต่นายท่านยังไม่สาแก่ใจ จู่ ๆ ดอมก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ให้หลินลงไปนั่งแทน แล้วอีกวินาทีต่อมา โอเมก้าก็สัมผัสถึงแรงกระแทกมาจากด้านข้างจนใบหน้าหันเพียะ ๆที่แท้อีกคนก็ตบหน้าของเขา โดยตั้งใจให้ฝ่ามือกระทบพอดีกับด้านข้าง ตามแนวโหนกแก้มที่ผิวหนังค่อนข้างหนาและแข็งจะได้ไม่เจ็บแล้วหลินก็ได้ยินเสียงขู่กระโชกน่ากลัวว่า “ฮ่า อีเด็กร่าน อย่างแกต้องโดนตบแบบนี้ล่ะถึงจะเหมาะ!”+++++นายท่านจับเด็กหนุ่มลงมาอยู่นั่งบนพื้น โชคดีที่พื้นออฟฟิศที่นี่ปูพรมขนสั้นเลยไม่เจ็บก้นเท่าใดนักในท่านั่งหลินถูกยกต้นขาขึ้น หัวเข่าของเขาแทบชิดหัวไหล่ เด็กหนุ่มรู้ดีว่ากำลังจะโดนทำอะไร“นายท่าน อ๊าก”ดอมหน้ามืดตามัวไปหมด เขาจับข้อเท้าเด็กหนุ่ม แยกถ่างขาออก ผ้าส่วนน้อยของกางเกงในเซ็กซี่ของเด็กหนุ่มแทบปิดบังส่วนนั้นไว้ไม่มิดตอนเห็นขาขาวเนียนเรียวเล็กแต่มีกล้ามเนื้อแบบผู้ชายถ่างออกแล้วความเป็นอัลฟ่าของดอมก็แผดเผาร่างกายตัวเองแทบไหม้‘ความขาวใสที่กูถวิลหาอยู่ตรงหน้าแล้ว&
“คลานเข่ามาหาฉัน!” หัวหน้าของเด็กหนุ่มที่กลายเป็นหนุ่มดอมตัวจริงที่ไม่ใช่ดอมแค่ชื่อ เขานั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะทำงาน เสื้อผ้าของตัวเองยังอยู่ครบหลินพยักหน้าอยู่ในท่าคลานสี่เท้า แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างยิ่งคือ เด็กหนุ่มใส่เสื้อตาข่ายบาง ๆ สีดำที่มีสายรัดไขว้กันเป็นกากบาทเรียงตามแนวดิ่ง ที่ดอมเรียกมันว่า ‘คอร์เซ็ตตาข่าย’ เขาถูกปิดตา มีปลอกคอที่มีห่วงและสายโซ่เส้นเล็ก ๆ โยงออกมา เท่านั้นยังไม่พอเขายังถูกใส่กุญแจมืออีกแต่มีเครื่องแต่งกายเดิมเพียงชิ้นเดียวที่ยังคงไว้บนตัวเด็กหนุ่ม เพราะสิ่งนั้นถูกใจดอมแล้ว นั่นคือกางเกงในเปิดก้นที่เรียกว่าจ๊อกสแตรป ตอนหัวหน้าเห็นยังถึงกับเอ่ยชม‘เพิ่งรู้ว่าหลินชอบใส่แบบนี้’‘เอ้อ บังเอิญว่าผมเหลือกางเกงในสะอาด ๆ แค่ตัวนี้ตัวเดียวน่ะครับ’ หนุ่มโอเมก้าตอบอย่างจริงใจแล้วยิ้มอายดอมทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อ ‘จริงดิ แล้วมีกางเกงในอย่างนี้อีกเยอะไหม ถ้ามีแค่ตัวเดียวเดี๋ยวพี่จะซื้อให้อีก จะได้ใส่มาบ่อย ๆ ใส่ทุกวันได้ยิ่งดี’กลับมาสู่เหตุการณ์ตรงหน้า หลิ