“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง
“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”
“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณี
ไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพ
แล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช
“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”
“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน
“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”
“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก
“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”
“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอคอยคำตอบอย่างมีความหวังเพราะเขาเจอหลายคนแล้วที่ปฏิเสธ
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“ไท คิดดี ๆ นะ ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ พี่เข้าใจว่าผลงานของใครก็ต้องอยากใส่ชื่อของตัวเองทั้งนั้น”
“ไม่เป็นไรครับพี่ซัน ผมยังมีโอกาสใส่ชื่อในผลงานอื่นอีกมาก แต่นี่มันงานสุดท้ายของคิวนะครับ”
“ขอบใจมาก แม่ขอบใจมากจริง ๆ” คุณอรณีน้ำตารื้น ไม่คิดเลยว่าจะมีคนทำงานต่อจากลูกชายและยอมให้ใช้ชื่อของลูกชายในผลงาน
แม้จะเป็นเพียงแค่หน้าปกนิยาย แต่เธอก็อยากเห็นชื่อของลูกชายบนปกหนังสืออีกสักครั้ง
พอตกลงกันได้แล้วไทธัชก็ขอให้นักเขียนส่งไฟล์ผลงานครั้งล่าสุดที่เขาได้รับจากอคินทร์ให้ทางเมล์ เพื่อที่เขาจะได้กลับไปทำต่อ
พอนักเขียนกลับไปแล้วอคิราห์ก็ขอตัวกลับ เขาไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้นาน ๆ เพราะไม่อยากเจอพ่อเลี้ยงให้ต้องหงุดหงิด
“ไท เรื่องวาดรูปลองคิดอีกทีนะ ตอนนี้ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว พี่กลัวเราไม่มีเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ คิวเริ่มงานมาเกินครึ่งแล้วผมคิดว่าคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่”
“ไหวแน่นะ”
“แน่ครับ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“เรื่องค่าจ้างเดี๋ยวพี่จ่ายเพิ่มให้นะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมรับจากพี่มามากแล้ว”
“ที่ทำเพราะอยากตอบแทนพี่เหรอ”
“มันตอบแทนกับสิ่งที่พี่ทำให้ผมไม่ได้หรอกนะครับ แต่ที่ผมทำเพราะเข้าใจดีว่าคิวก็คงอยากให้งานของตัวเองสำเร็จ เขามีส่วนให้พี่เจอผม เพราะฉะนั้นผมก็อยากทำอะไรให้เขาบ้าง”
“ขอบใจนะไท”
อคิราห์รู้สึกดีกับสิ่งที่ไทธัชทำให้กับน้องชายของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าอคินทร์จะรับรู้หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ดีใจแทนน้องชาย ที่ไทธัชยอมทำงานต่อโดยยังคงให้เครดิตกับอคินทร์เหมือนเดิม
หลังจากคุยธุระเสร็จแล้วอคิราห์ก็พาเด็กหนุ่มกลับคอนโด “พี่ซัน”
“อือ ว่าไง ง่วงเหรอเดี๋ยวรีบเหยียบเลย”
“ไม่ได้ง่วง แต่คิดว่าผมหิว”
“หิวก็หิวสิ ทำไมต้องคิด”
“ก็ตอนนี้มันยังไม่แน่ใจไงว่าหิวหรือเปล่า แต่คิดว่าอีกสักพักคงหิวแน่เลย พี่หิวไหม”
“เมื่อกี้ไม่หิว แต่พอนายพูดก็หิวแล้ว”
“กินก๋วยเตี๋ยวไหม เดี๋ยวผมเลี้ยง”
“อือ เอาสิ ร้านหน้าคอนโดนะ อยากกินเกี๊ยวอยู่พอดีเลย”
“งั้นพี่จอดส่งผมที่หน้าคอนโดเดี๋ยวผมเดินตามเข้าไป”
“กินที่ร้านเลยจะได้ไม่ต้องล้างให้เหนื่อย ไปถึงก็จะได้รีบนอนเลยพรุ่งนี้นายต้องวาดรูปอีก”
บ่ายวันอาทิตย์
“พี่ไปส่งนะ” อคิราห์คว้ากุญแจรถเตรียมจะออกประตู
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองได้ พี่พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องรีบทำงานแต่เช้า”
“พรุ่งนี้จะเข้ามาตอนไหน มีเรียนอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีเรียน ครับผมคงจะคงมาบ่าย ๆ พี่จะเอาอะไรไหมผมจะแวะซื้อมาให้”
“ไม่มีนะ ถ้านึกออกจะไลน์ไปบอก อ้อ กลับดี ๆ ล่ะ ฝากบอกแม่กับยายด้วยว่าวันพุธจะเข้าไปทานข้าวเย็นด้วย”
“พี่จะกินอะไรบ้างจะได้บอกแม่กับยายถูก”
“อะไรก็ได้ กินได้หมดแหละ บ้านนายทำอะไรก็อร่อย”
“ครับ ผมไปก่อนนะ”
“ไท”
“ครับ”
“ขอบใจอีกครั้งนะเรื่องวาดรูป”
“ถ้าพี่พูดว่าขอบใจอีกครั้งผมจะไม่วาดแล้วนะครับ”
“โอเค ๆ ไม่พูดแล้ว
บ้านหลังเล็กของไทธัช
ไทธัชกลับมาถึงบ้านก็ดูประหลาดใจเพราะนอกจากมารดาและยายแล้วตอนนี้ในบ้านยังมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ด้วย
“แม่ครับ ยายครับผมกลับมาแล้ว” ไทธัชยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปกอดยายมาลัยอย่างประจบ
“คิดถึงยายจัง ไปตั้งหลายวัน ยายคิดถึงผมไหม”
“ไม่คิดถึงจะรีบกลับมาหาเหรอ แล้วเป็นยังไงบ้างกวนพี่เขาหรือเปล่า”
“ไม่กวนครับ ผมเป็นเด็กดียายก็รู้” เขาตอบแล้วก็ต้องหลบตา เพราะมันมากกว่าคำว่ากวนเสียอีก
“ไท มารู้จักกับพี่ฝ้ายก่อนสิลูก พี่เขาเป็นลูกสาวของลุงไม้ ช่วงนี้พี่เขามาหางานที่กรุงเทพก็เลยมาขออยู่บ้านเราสักพัก”
“สวัสดีครับพี่ฝ้าย” ไทธัชจำไม่ได้ว่าตัวเองรู้จักกับพี่ฝ้ายคนนี้มาก่อนหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่มารดาและยายกลับบ้านที่นครสวรรค์เขาก็ไม่ได้ไปด้วย
“สวัสดีจ้ะ ไม่คิดเลยว่าจะมีน้องชายโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว”
“เป็นหนุ่มที่ไหนล่ะ ยายว่าดูยังไงก็ยังเป็นเด็กชายตัวน้อยของยายอยู่ดี”
“ยายครับผมสูง 170 แล้วนะครับ”
“ยายก็ยังเห็นว่าเป็นเด็กอยู่ดีนั่นแหละ”
“แม่กับยายจะเริ่มขายกับข้าววันไหนครับ”
“คงวันมะรืนจะ แม่อยากพักต่ออีกหน่อย แล้วก็จะจัดห้องใหม่ด้วย”
“ให้พี่ฝ้ายนอนห้องผมก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปนอนกับยายเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่นอนตรงไหนก็ได้ นอนห้องรับแขกยังได้เลย”
“ได้ยังไงล่ะ เราน่ะ เป็นสาวเป็นนางจะมานอนกลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง ขืนพ่อเรารู้เข้าน้าได้โดนบ่นหูชาแน่ ๆ เลยว่าดูแลลูกสาวเขาไม่ดี”
“นั่นสิ เดี๋ยวยายไปนอนกับแม่เจ้าไทดีกว่า เพราะยังไงก็ต้องตื่นมาทำกับข้าวพร้อมกัน”
“ยายไม่นอนกับผมเหรอครับ”
“ไม่ดีกว่า ยายไม่อยากกวนเวลาเราอ่านหนังสือ”
“แต่ถ้าจะเปลี่ยนใจก็ได้นะครับยาย เดี๋ยวผมเตรียมไว้เผื่อยายอยากมานอนด้วย”
“เตรียมให้สาว ๆ เถอะ”
“ผมมีสาวที่ไหนล่ะครับยาย”
“ยายก็พูดเผื่อไว้ อีกหน่อยไทก็เข้ามหาลัยแล้วยายว่าหน้าตาหล่อ ๆ อย่างไทคงหาแฟนได้ไม่ยาก”
“ผมไม่อยากมีแฟนครับ อยู่กับแม่กับยายดีกว่า”
“ให้มันจริงเถอะ แม่กลัวว่าอีกหน่อยจะมีแฟนแล้วลืมแม่”
“ใครจะลืมแม่กับยายได้ล่ะครับ” ไทธัชกอดประจบอีกครั้งก่อนจะขอตัวเอาของไปเก็บ แล้วออกทานอาหารเย็นกันอย่างพร้อมหน้า
“กับข้าวฝีมือยายกับน้ามัทอร่อยมากเลยนะคะ” มนัสสรเอ่ยชม
“อร่อยก็ต้องกินเยอะ ๆ เรานะตัวเล็กนิดเดียวเอง”
“ยายค่ะ อย่างฝ้ายนี่ไม่เล็กนะคะ เพื่อนของฝ้ายบางคนตัวผอมกว่าฝ้ายอีกค่ะ”
“น้าไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะรักษาหุ่นไปทำไม”
“ฝ้ายเป็นผู้หญิงนี่คะ ถ้าอ้วนขึ้นมาก็กลัวจะหาแฟนไม่ได้ อีกอย่างงานที่ฝ้ายสมัครไว้ก็เป็นงานประชาสัมพันธ์ขืนปล่อยให้อ้วนฝ้ายคงไม่ได้งานกันพอดี”
“สมัครไว้หลายที่ไหมล่ะลูก” ยายมาลัยถาม
“ก็หลายที่อยู่ค่ะยาย ระหว่างนี้ก็รอเรียกสัมภาษณ์ค่ะ”
“หลานสาวของยายทั้งสวย ทั้งกิริยามารยาทงาม ยายว่ายังไงก็ต้องได้งานเร็ว ๆ นี้แน่”
“ฝ้ายก็หวังอย่างนั้นค่ะ ไม่อยากมารบกวนน้ามัทนาน ๆ”
“ไม่รบกวนเลย เราก็คนกันเองทั้งนั้น”
“ฝ้ายขอบคุณนะคะที่ให้มาอยู่ด้วย”
“จะขอบคงขอบคุณอะไรกันล่ะ ยายว่าเรากินข้าวกันต่อเถอะ เดี๋ยวไทจะได้ท่องหนังสือต่อ” ยายมาลัยหันมายิ้มให้กับหลานชายที่เอาแต่นั่งเงียบฟังผู้หญิงทั้งสามคนคุยกันโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
การมีคนอื่นมาอยู่ร่วมบ้านด้วยทำให้ไทธัชรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขากับพี่ฝ้ายไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่รู้ว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี
เปิดเทอมวันแรกไทธัชไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานเกือบหนึ่งเดือน การอัปเดตข่าวสารของแต่ละคนจึงดังไปทั่วห้องหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้วทุกคนก็คุยกันเสียงดังโหวกเหวกอีกครั้ง ยิ่งเมื่ออาจารย์ที่สอนคาบแรกแจ้งมาในไลน์ว่าให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมกับหัวหน้าสายชั้น เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีกเท่าตัว“แทน มึงมาสายนะ” ไทธัชทักทายเพื่อนสนิทเมื่ออีกคนมาไม่ทันเข้าแถว“กูยังไม่ชิน นอนดึกตื่นสายมาเกือบเดือน เมื่อเช้ากูแทบลุกไม่ขึ้น แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”“กูก็ตื่นเช้าปกติอยู่แล้ว”“กูหมายถึงงานพิเศษ”“อ๋อ กูไปทำงานที่ร้านกาแฟ”“เงินมันจะพอคืนพี่เขาเหรอวะ”“ไม่พอหรอก แต่พี่เขายังไม่เอาเงินตอนนี้ เขารอให้กูเรียนจบก่อนค่อยจ่าย”“พี่ไอ้คิวใจดีฉิบหายเลย กูอยากมีพี่ใจดีแบบนั้นบ้างจัง”“อือ เขาใจดีกับกูมาก จนกูเกรงใจ”“ไหนว่ามึงไม่มีเงินแล้วทำไมถึงซื้อโทรศัพท์ใหม่” แทนคุณตาไวเห็นโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วสอดไว้ใต้โต๊ะเขาเลยต้องเล่าเรื่องเมื่อวานให้กับแทนคุณฟัง“กูกว่ามันก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดคงเสียเงินเป็นแสน หรือบางที่ถ้าเขาเจ็บมาก ๆ
บ่ายวันอาทิตย์ไทธัชมาทำความสะอาดห้องให้กับอคิราห์อย่างเคย แต่วันนี้นอกจากชายหนุ่มเจ้าของห้องจะไม่ลงไปออกกำลังกายแล้ว วันนี้เขายังเอาแต่นั่งจ้องไทธัช จนเด็กหนุ่มอดถามอย่างสงสัยไม่ได้“พี่หมอซันมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ผมเห็นจ้องมานานแล้ว”“ไม่มีอะไรแค่อยากมองก็เท่านั้น”“จะบอกว่าไว้ผมทรงนี้แล้วผมหล่อใช่ไหมล่ะ”“งั้นมั้ง” คุณหมอหนุ่มตอบพร้อมหัวเราะมันก็จริงอย่างที่เจ้าตัวพูดเพราะตอนนี้ผมทรงนักเรียนของไทธัชนั้นยาวขึ้นมากแล้ว แต่เจ้าตัวไม่คิดจะตัดเพราะอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วจากเด็กนักเรียนหัวเกรียนกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีใบหน้าหล่อเหลาจนเขาเผลอนั่งมองอยู่นานพอเห็นว่าอีกคนทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็เรียกให้มานั่งใกล้ ๆ“ไท ถึงแม้จะมีที่เรียนแล้ว แต่ก็ต้องตั้งใจเรียน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองสอบได้แล้วเลยไม่สนใจที่จะเรียน ถ้าเกิดพลาดติด 0 ติด ร ขึ้นมามันคงไม่ดีเท่าไหร่”“ผมไม่ทิ้งการเรียนหรอกครับ อยากให้เกรดออกมาสวย ๆ ว่าแต่ทำไม่วันนี้พี่ดูเครียดจังเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาทิตย์หน้าพี่ก็จะต้องไปเรียนแล้ว”“ไปเรียนอะไร ไปเรียนที่ไหนครับ” เขาถามด้วยความตกใจ“พี่จะไปเรียนเฉพาะทางที่อเมริกา
หลังจากไทธัชออกจากห้องไปแล้วอคิราห์ก็นอนไม่หลับ เขาจึงตรวจดูรายการของที่ไทธัชซื้อมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างได้ครบตามที่สั่งก็เริ่มจัดบางส่วนลงกระเป๋าระหว่างรอเวลาที่จะไปทำงานขณะกำลังจะออกจากประตูก็ต้องยิ้มเมื่อเห็นว่าไทธัชลืมเสื้อแขนยาวตัวเก่งที่ไทธัชใส่อยู่เป็นประจำไว้บนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ปลายเตียงอคิราห์ยัดมันลงไปยังกระเป๋าเดินทางด้านล่างสุด ในเมื่อพาเจ้าของไปด้วยไม่ได้ เขาจะเก็บไว้เป็นตัวแทนยามที่คิดถึงคนที่นอนกอดเมื่อคืนก่อนเดินทางอคิราห์ก็ยุ่งทั้งเตรียมเอกสารและเคลียร์งานที่คั่งค้าง เขาแวะไปทานข้าวที่บ้านของไทธัชเพื่อบอกลามารดาเละยายของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ไปบอกมารดาของตัวเองที่บ้าน นับว่าโชคดีที่พ่อเลี้ยงของเขาไม่อยู่ ชายหนุ่มจึงได้คุยกับมารดานานกว่าทุกครั้งเขาไม่ได้ไปบอกบิดาด้วยตัวเอง เพียงแต่โทรไปแจ้งให้ท่านทราบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าอีกคนงานยุ่งมากแค่ไหนระหว่างกลับจากที่ธุระในเช้าก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน ไทธัชก็โทรมาหาอคิราห์ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“พี่ซัน เห็นเสื้อคลุมของผมไหม น่าจะลืมไว้ที่นั่น” ไทธัชโทรถาม หลังจากที่หาเสื้อตัวโปรดอยู่นาน“สีน้ำเงินใช่ไหม”“ใช่ ๆ มันอยู่
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่อคิราห์มาเรียนที่อเมริกา ชายหนุ่มยังคงโทรศัพท์ไปหาไทธัชอยู่เกือบทุกวันไม่ว่าจะเรียนหนักมากแค่ไหน การได้คุยกับคนที่อยู่อีกฟากโลกหนึ่งทำให้เขามีกำลังใจและหายเหนื่อย“พี่ดูท่าทางเหนื่อยมากเลยนะครับ” เมื่อวิดีโอคอลไปแล้วเห็นว่าอคิราห์ดูใบหน้าโทรมลงไปมาก อีกทั้งขอบตาก็คล้ำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน“อือ เหนื่อย”“ไหวไหมครับ”“ไหวสิ ว่าแต่นายเถอะเป็นไงบ้างทุกอย่างโอเคไหม”“เหมือนเดิมครับ เดือนหน้าก็จะปิดเทอมแล้ว เมื่อวานผมแวะไปที่ร้านพี่ทีท เขาชวนผมไปทำงานช่วงปิดเทอม พี่ว่าผมไปดีไหม”“ถ้าบอกไม่ให้ไปนายก็จะดื้อไปอยู่นี่นั่นแหละ”“ผมไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ช่วยงานแม่กับยายมันก็ไม่นาน มีเวลาเหลืออีกเยอะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำเถอะ”“พี่ซันครับ ดูแลตัวเองด้วย ผมเป็นห่วง”“อือ ขอบใจเดี๋ยวคุยกับนายเสร็จก็จะไปนอนแล้ว”การมาเรียนที่นี่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงแม้เขาจะพอมีประสบการณ์ในห้องผ่าตัดมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเหนื่อยน้อยลง ทุกวันหลังเลิกเรียนชายหนุ่มก็แทบจะหมดแรงพอเข้าเดือนที่สามทุกอย่างก็เริ่มลงตัว แต่เขากับไทธัชกลับได้คุยกันน้อยลงเพราะชายหนุ่มเริ่มเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย