ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้ว
เมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่
ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล
“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ
“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”
“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”
“ได้ครับ”
เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ
“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา
“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”
ไทธัชบอกอคิราห์ว่าเขาจะบอกความจริงกับมารดาและยายเพราะไม่อยากโกหกท่านทั้งสองอีกต่อไปแล้ว
“ไม่กลัวท่านเสียใจเหรอ”
“กลัวสิครับ แต่ถ้าไม่บอกผมก็อึดอัด มันไม่มีความสุขเลยที่ต้องโกหกคนที่เรารักนะครับ”
“แล้วจะให้พี่ช่วยอะไรล่ะ”
“ผมอยากให้พี่อยู่ด้วยตอนที่ผมบอกแม่กับยาย”
“ทำไม กลัวโดนตีเหรอ”
“สมัยนี้ใครเขาตีกันล่ะครับ ผมแค่กลัวแม่กับยายจะโกรธจนไม่ยอมคุยด้วย ผมอยากให้พี่ช่วยพูดเพราะอย่างน้อยพี่ก็เป็นคนช่วยผมขึ้นมาจากความคิดที่จมดิ่งในวันนั้น”
“ถ้านายคิดดีแล้ว เราก็ไปกันวันนี้เลยไหมล่ะ”
“ก็ได้ครับ พี่ซันไปกินข้าวที่บ้านเลยไหม แต่กับข้าวบ้านเรามันไม่ค่อยหรูนะครับ พี่กินได้ไหม หรือจะหาอะไรกินก่อนไปก็ได้นะครับ”
“พี่เป็นคนกินง่ายขอแค่สะอาดก็กินได้หมดนั่นแหละ”
“แล้วชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ กินเผ็ดได้หรือเปล่า”
“พอได้แต่ต้องไม่เผ็ดมาก”
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าทั้งสองคนจะฝ่ารถติดมาถึงบ้านหลังเล็กของไทธัชซึ่งปกติแล้วระยะทางแค่นี้ขับรถอย่างมากก็ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“แม่ครับ ยายครับ” เขาเปิดประตูรั้วเข้ามาโดยมีผู้ชายตัวสูงเดินตามหลัง
“ไท กลับเย็นเชียวลูก อ้าวแล้วนั่นมาใครมาด้วย” ยายมาลัยมองผู้ชายที่เดินตามหลังหลานรักเข้ามาก็ถามขึ้น
“สวัสดีครับคุณยาย” ชายหนุ่มยกมือไหว้ทักทายผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม
“ไห้วพระเถอะลูก แล้วไปยังไงมายังไงล่ะ มาเข้าบ้านก่อน แม่เขาอยู่ในบ้านน่ะ”
“แม่ครับ ยายครับนี้พี่ชายเพื่อนที่ไทเล่าให้ฟังวันก่อนครับ”
“สวัสดีครับ ผมชื่อซันครับ”
“มา มา นั่งก่อน กินข้าวมาหรือยังล่ะคุณ”
“เรียกผมซันก็ได้ครับแม่” เขาเรียกเธอว่าแม่อยากที่เด็กหนุ่มเรียก
“จ้ะ มากินข้าวด้วยกันนะซัน ไทตักข้าวให้พี่เขาสิ” มัทนารีบบอกลูกชาย
“พอกินได้ไหมล่ะ พ่อหนุ่มกับข้าวบ้านยายก็แบบนี้แหละง่าย ๆ”
“ได้ครับยาย ไข่พะโล้ของโปรดผมเลย”
“งั้นก็ต้องกินเยอะ ๆ นะ ไม่ต้องกลัวหมดเพราะยายทำไว้เยอะของโปรดเจ้าไทเขา” ยายมาลัยหันมาบอก
“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” อคิราห์เห็นกับข้าวบนโต๊ะแล้วเขาก็ไม่อยากเสียเวลาคุยแม้แต่น้อย ทั้งไข่พะโล้ ผัดโป๊ยเซียน แกงจืดลูกรอก นั่นมันของโปรดเขาทั้งนั้น ชายหนุ่มทานข้าวไปถึงสองจากกว่าจะอิ่ม
“อร่อยไหมพี่ซัน” ไทธัชถามผู้ชายที่ตัวโตที่สุดในบ้านหลังจากที่เขารวบช้อนและส้อมไว้บนจาน
“จะถามให้อายใช่ไหม”
“ใครจะคิดอย่างนั้นกันล่ะครับ พี่บอกเองว่าหิวข้าว ผมก็ไม่รู้ว่าที่กินเยอะเพราะหิวหรือเพราะอร่อย”
“กับข้าวบ้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยครับ”
“ถ้าชอบก็แวะมากินบ่อย ๆ นะ หรือจะเอากลับไปกินที่บ้านก็ได้นะ”
“ไม่ต้องถึงกับเอาไปกินที่บ้านหรอกครับยาย เพราะผมอยู่คนเดียวไม่ค่อยมีเวลากินข้าวเท่าไหร่ ถ้าวันไหนว่างผมค่อยมาฝากท้องที่นี่ดีกว่าครับ”
“งั้นก็ตามใจ ถ้าจะมาก็บอกยายก่อนนะจะได้ทำกับข้าวเผื่อ แล้วชอบกินอะไรก็บอกยายเลยเดี๋ยวยายทำให้” ยายมาลัยรู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก
“ยายครับ พี่ซันเขาเป็นหมอคงไม่มีเวลามากินข้าวกับเราบ่อยหรอกครับ”
“เป็นหมอหรอกเหรอ ยายดูไม่ออกเลยนึกว่าเป็นนายแบบ หน้าตาหล่อเชียว”
“ยายก็ชมผมเกินไปแล้วครับ”
พอทุกคนอิ่มแล้วก็ย้ายไปคุยกันต่อที่ห้องรับแขก ขณะที่ไทธัชกำลังล้างจานอยู่ในครัว มือก็ล้างไปตามอัตโนมัติแต่ในสมองกำลังเรียบเรียงคำพูด เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงให้คนฟังตกใจน้อยที่สุด
ไทธัชเดินกลับเขามาที่ห้องรับแขกขณะที่ทั้งสามคนกำลังดูข่าวเกี่ยวกับเด็กฆ่าตัวตายเพราะถูกโกงเงิน
“น่าสงสารพ่อกับแม่เขานะ เลี้ยงลูกมาจนโต ยังไม่ทันได้ชื่นชมความสำเร็จก็มาจากไปก่อนวัยแบบนี้” มาลัยเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกเศร้า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอเองก็คงจะแทบเป็นบ้า เธอหันมามองลูกชายก่อนที่จะพูดต่อ
“ไท ถ้าลูกมีปัญหา อย่างเก็บไว้คนเดียวนะลูก ต้องบอกแม่ บอกยาย เราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ปัญญา”
“แม่ครับ ยายครับผมขอโทษ” อยู่เด็กหนุ่มก็ร้องไห้ ทำเอาคนเป็นมารดาและยายทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“ไทเป็นอะไรลูกค่อย ๆ พูด เป็นอะไร ไหนบอกแม่กับยายมาสิลูก อย่าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้”
แล้วคนที่ต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดก็กลายเป็นอคิราห์เพราะเขาไม่อยากให้มารดาและยายของเด็กหนุ่มต้องร้อนใจไปมากกว่านี้
“ตายจริง แล้วไทติดหนี้คุณหมออยู่เท่าไหร่ แม่จะใช้ให้” มัทนาก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เธอจึงอยากชดใช้เงินทั้งหมดให้กับชายหนุ่ม
“ที่ผมเล่าให้ฟังไม่ใช่เพราะอยากได้เงินคืนครับ แต่เพราะไทบอกว่าไม่สบายใจ อยากบอกความจริงกับแม่และยาย เรื่องเงินผมไม่คิดจะเอาคืนอยู่แล้ว แต่ไทเขาไม่ยอม เลยอยากทำงานเพื่อผ่อนจ่าย ผมห้ามแล้วแต่ก็ยังอยากทำ ผมก็เลยต้องปล่อยไปตามนั้น ที่ผมช่วยเพราะอยากช่วยครับ ผมเสียน้องชายไปแล้วไม่อยากให้ใครต้องมาเสียคนในครอบครัวไปเหมือนผมอีก”
“เรื่องน้องชายแม่ก็พอรู้มาบ้างเสียใจด้วยนะคะ อุบัติเหตุบางครั้งมันก็มาไม่ทันตั้งตัว”
“น้องชายผมไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุหรอกครับ เขาฆ่าตัวตาย” เสียงที่เล่าฟังดูเศร้าจนคนฟังรู้สึกสงสารและเห็นใจ
“แม่ขอโทษ แม่ไม่รู้เลย”
“เรื่องนี้เราไม่ได้บอกคนอื่นครับ”
“คุณหมอถึงตัดสินใจช่วยหลานชายของยายใช่ไหม”
“ครับ ผมรู้ว่าเด็กคนหนึ่งยังต้องมีอนาคตอีกยาวไกล ไม่อยากให้จบชีวิตเพียงเพราะปัญหาเล็กซึ่งผมพอจะช่วยได้”
“ยายขอบใจมาก ๆ นะลูก ถ้าวันนั้นไม่ได้หมอซัน ป่านนี้ยายกับแม่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
“ไท สัญญากับแม่และยายนะว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
“ผมสัญญาครับ จากนี้เวลามีปัญหาผมจะบอกแม่และยายก่อนเลย”
“ถูกแล้ว มีอะไรก็ต้องบอกกัน แม่และยายอาจช่วยไม่ได้ทุกเรื่องแต่ก็ยังดีว่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว”
“แสดงว่าที่ออกไปทุกวันคือไปทำงาน แล้วจะเอาเวลาไหนอ่านหนังสือ ไทจะเข้ามหาลัยแล้วนะลูก”
“แม่ครับผมชอบทำงานมันสนุกดี ผมคิดว่าแบ่งเวลาได้”
“ให้พี่ช่วยติวไหม”
“อย่าเลยครับ พี่ซันงานยุ่งจะตาย”
“แต่พี่ก็ไม่ได้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงสักหน่อย เลิกงานแล้วก็ไปอ่านที่คอนโดก็ได้ มีอะไรไม่เข้าใจก็ถาม ถ้าตอบได้ก็จะตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะช่วยหาหนังสือ อันที่จริงมีหนังสือ อีกเยอะเลยที่พี่ซื้อเตรียมไว้ให้คิว ร้านหนังสือส่งมาให้แล้ว มันยังอยู่ในกล่องอยู่เลย”
“แม่ไม่อยากให้ไทไปรบกวนหมอซันเลย แค่ทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ว่าง ๆ”
มาลัยเข้าใจว่าเพราะชายหนุ่มยังคงนึกถึงน้องชายและเห็นไทธัชเป็นตัวแทนของน้องชายที่เสียไปเธอจึงยอมตกลงที่จะให้ลูกชายไปติวกับเขา เพราะอย่างน้อยชายคนนี้ก็เป็นผู้มีพระคุณกับครอบครัวเธอ
“แม่ยอมให้ไทไปติวที่ห้องซันก็ได้ แต่ต้องตั้งใจจริง ๆ นะ อย่าทำให้พี่เขาเสียเวลาแล้วไม่ได้อะไรเลย”
“ครับแม่”
เมื่อได้ข้อสรุปที่น่าพอใจแล้วอคิราห์ก็ขอตัวกลับ โดยมีไทธัชเดินมาส่งที่รถ
“อะ คีย์การ์ดใช้ขึ้นลิฟต์และเปิดประตูห้อง เลิกงานแล้วก็ไปรอที่ห้องหรือจะไปรอที่โรงพยาบาลก็แล้วแต่”
“แล้วพี่จะเอาที่ไหนใช้”
“พี่มีอีกใบ”
“ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้พี่ ผมก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง”
“ถ้าทุกครั้งที่นายพูดคำว่าขอบคุณแล้วพี่เก็บเงิน ป่านนี้คงซื้อกาแฟได้หลายแก้วแล้ว”
“ต่อไปพี่ซันห้ามซื้อกาแฟอีก”
“อ้าว ไม่ให้ซื้อแล้วพี่จะทำงานยังไง ปกติพี่ก็ต้องกินทุกเช้า”
“ผมเลี้ยงเอง”
“จะบ้าเหรอเอาค่าแรงมาเลี้ยงพี่หมดแล้วนายจะทำงานไปเพื่ออะไร”
“ก็พี่บอกเองนี่ว่าเงินที่ผมติดหนี้จะใช่ตอนไหนก็ได้ เพราะงั้นผมทำงานแลกกับเอาเงินซื้อกาแฟเลี้ยงพี่ก็คงไม่ผิดอะไร”
“ตามใจนายละกัน ไปล่ะ รีบเข้าบ้านได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ทันจะมาโทษพี่อีก”
“ขับรถดี ๆ นะครับพี่ซัน ถึงแล้วไลน์บอกด้วยนะครับ”
“อือ ไปนะ”
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง