กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัว
กว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่
“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย
“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”
“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”
“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม
“ถูกใจไหมล่ะ”
“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกือบจะเป็นเลขหกหลัก
“ใช่ไปเถอะ ของซื้อมาใช้ อีกอย่างทุกชิ้นมันก็มีประกันกันจะกลัวอะไรถ้าเสียก็ส่งเคลม อ้อไดร์ฟ E ยกให้เลยนะ จะได้เอาไว้เก็บงาน”
“มีกี่ไดร์ฟครับ”
“สามไดร์ฟ ไดร์ฟ C เป็น M.2 ไดร์ฟ D และ E เป็น SSD ธรรมดา” เขาหมายถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลซึ่งมีทั้งสองแบบ
ไทธัชพยักหน้า แม้เครื่องที่ตัวเองใช้จะเป็นอุปกรณ์รุ่นเก่าแต่ก็เข้าใจทุกอย่างที่อคิราห์พูดเป็นอย่างดี
“พี่ซันเปิดสิครับ” เมื่อเสียบสายทุกอย่างครบแล้วไทธัชก็อยากให้เจ้าของเป็นคนกดสวิตซ์เปิดเครื่อง
อคิราห์หัวเราะร่วนเมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาย้อนคิดถึงวันที่ตัวเองที่ได้ใช้คอมสเปกแรง ๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับท่าทางของไทธัชตอนนี้เลย
“เปิดไวมาก สมแล้วกับสเปกนี้ ว่าแต่พี่ซันจะลองก่อนไหม” เด็กหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้
“ไม่ละ ยังไม่ได้โหลเกมเลยเอาไว้ว่างค่อยมาโหลด แล้วโปรแกรมที่จะเรียนพรุ่งนี้มีไหม” เขาจำไม่ได้ว่าบอกทางร้านให้ลงโปรแกรมอะไรให้บ้าง
ไทธัชกวาดสายตามองไอคอนที่หน้าจออย่างรวดเร็วก่อนจะตอบ
“มีครับ ทางร้านลงมาให้แล้ว”
“งั้นก็เป็นอันจบ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปที่ร้านเน็ต แล้วเริ่มเรียนกี่โมง”
“บ่ายสองครับ”
“งั้นถ้าพี่กลับมาจากโรงพยาบาลก็ติวอังกฤษสักสองชั่วโมง โอเคไหม”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“งั้นคืนนี้นอนเถอะง่วงเต็มทีแล้ว”
“ได้ครับ” เด็กหนุ่มชัดดาวน์แล้วเก็บทุกอย่างเข้าที่จากนั้นก็ปิดไฟแล้วเดินตามหลังเจ้าของห้องออกมา
“พรุ่งนี้เช้าพี่ไปราวด์คนไข้นะ จะกลับมาสาย ๆ ตอนเช้าลงไปหาอะไรกินเองข้างล่างนะ” เขาหมายถึงร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคอนโด
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องกินพี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก ในตู้มีเสบียงตุนไว้เยอะเลย”
“ไปซื้อมาตอนไหน”
“ตอนเลิกงานครับ พี่พีทให้ค่าจ้างมาแล้ว”
“ก็เลยโชว์ป๋าซื้อของมาให้พี่ซะงั้น”
“แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พี่ให้ผม”
“อย่าเอามาเปรียบเทียบกันแบบนั้น พี่ทำงานแล้ว ส่วนนายยังเรียนอยู่”
“ผมรู้ แต่ก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง”
“แค่ช่วยทำความสะอาดห้องให้ก็ดีมากแล้ว ดูสิไม่รกเหมือนวันแรกที่มาใช่ไหม”
“มันก็แค่นั้นเอง พี่มีอะไรที่จะให้ผมทำให้พี่บอกผมเลยนะ สำหรับพี่ซันผมเต็มใจทำให้ทุกอย่าง หรืออยากได้อะไรบอกผมเลย ผมจะจดไว้ พอทำงานแล้วจะหามาให้พี่เอง”
“ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าอยากได้อะไร ขอติดไว้ก่อนนะ ถ้าคิดออกแล้วจะบอก”
“อือ อย่าลืมนะครับ อยากได้อะไรจากผมบอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” สีหน้าและคำพูดของไทธัชมันจริงใจจนคนฟังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
แม้ครั้งหนึ่งเด็กหนุ่มเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เวลาผ่านยังไม่ถึงเดือนเขาก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
ยิ่งเห็นแบบนี้อคิราห์ก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันถูกต้องที่สุดแล้ว แต่เขาลืมคิดไปว่าถ้าตัวเองไม่อยู่แล้วใครจะช่วยซับพอร์ตจิตใจของไทธัช
แม้ว่าวันนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้านและไม่ต้องตื่นมาช่วยมารดาและยายทำกับข้าวเพราะท่านทั้งสองไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด แต่ไทธัชก็ตื่นนอนแต่เช้าอย่างเคย เขาตื่นมาทำความสะอาดห้องนอนเล็กที่อคิราห์ให้เข้ามาใช้ระหว่างที่มาค้างที่คอนโดแห่งนี้ จากนั้นก็รอให้เจ้าของห้องออกไปทำงานก่อนจะเก็บกวาดห้องนอนของคุณหมอหนุ่มจนเรียบร้อย เมื่อทำงานบ้านเสร็จก็เอาอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเข้าไมโครเวฟเพื่อทานเป็นอาหารเช้า
ไทธัชทำงานที่ร้านกาแฟได้เพียงสองสัปดาห์ก็ต้องเลิกทำเพราะอคิราห์และมารดารวมถึงคุณยายของเขาต่างเห็นตรงกันว่าอยากให้ไทธัชใช้เวลาที่เหลือในช่วงปิดเทอมปิดเทอมเตรียมอ่านหนังสือสอบให้เต็มที่ เพราะเปิดเทอมไปเพียงไม่กี่เดือนก็จะมีการสอบวัดความรู้เพื่อนำคะแนนไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
ระหว่างเจ้าของห้องกลับมาจากที่ทำงานก็เอาข้อสอบมาฝึกทำ หนังสือที่อคิราห์บอกว่าสั่งมาให้น้องชายนั้นมีประโยชน์อย่างมากเพราะทุกเล่มล้วนเต็มไปด้วยข้อสอบใหม่ที่น่าสนใจ ต่างจากหนังสือที่เขายืมของทางโรงเรียน
“คิว ฉันไม่ได้มาแทนที่นายนะ ฉันจะไม่ทำให้พี่ชายของนายลืมว่านายเป็นน้องชายคนเดียวของเขา แต่ฉันจะทำหน้าที่ของฉันคือตั้งใจเรียนจะไม่ทำให้พี่ชายของนายต้องผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันไม่รู้ว่านายต้องเจอกับอะไรบ้างถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่ฉันเคารพการตัดสินใจของนาย และฉันจะไม่ตัดสินนายจากการกระทำนั้น ฉันต้องขอบใจนายที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้เจอกับพี่ซัน ขอบใจจะคิว”
ไทธัชพูดอยู่คนเดียวกลางห้องรับแขก เขาหวังว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปนั้นจะสื่อไปถึงอคินทร์ที่จากโลกนี้ไปแล้ว
อคิราห์กลับมาตอนเกือบเที่ยง เขาแวะซื้ออาหารกลางวันขึ้นมาด้วยเพราะคิดว่าไทธัชคงไม่ลงมาซื้อแน่ เนื่องจากเจ้าตัวตุนอาหารแช่แข็งไว้จนเต็มตู้
“กลับมาแล้วเหรอครับ เหนื่อยไหม มาผมช่วย” ไทธัชรีบลุกจากโซฟามารับกล่องข้าวไปวางบนโต๊ะในส่วนที่เป็นห้องครัว
“ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ไหม”
“ยังครับ ก็พี่ไลน์มาบอกว่าจะซื้อเขามา”
“เหรอโทษที ลืมไปเลย หิวไหมกินก่อนได้นะ พี่ขออาบน้ำก่อน”
“ไม่เป็นไรครับผมยังไม่หิว พี่ไม่ต้องรีบหรอก ผมเพิ่งกินข้าวเช้าไปตอน 10 โมง”
“นายไม่หิวแต่พี่หิว”
แม้จะหิวจนตาลายแค่ไหนแต่อคิราห์ก็ต้องอาบน้ำก่อนเพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองไปเจอเชื้อโรคอะไรมาบ้างระหว่างที่ราวด์ผู้ป่วย
ร่างสูงของคุณหมอหนุ่มเปลี่ยนมาอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงผ้ายึดขาสั้นทำให้เขาดูอ่อนกว่าอายุจริงอยู่หลายปี
“มองอะไร” พอออกมาจากห้องก็เห็นเจ้าเด็กหนุ่มมองตาไม่กะพริบ
“พี่หมอซันเหมือนเด็กมหาลัยเลยครับ” ไทธัชชอบเรียกเขาด้วยชื่อยาว ๆ เวลาที่เจ้าตัวนึกสนุกอยากคุยเรื่องที่ไม่มีสาระ
พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ทำตัวไม่ถูก ไทธัชไมได้แค่พูดเพราะตอนนี้เดินเข้ามาใกล้จนหน้าห่างกันเพียงนิด
“ใกล้พอยัง จะดูให้เห็นเลขเลยหรือไง”
“ก็แค่อยากดู หน้าพี่เด็กมาก พี่ใช่ครีมอะไร”
“อยากลองใช้ไหมในห้อง ไปหยิบมาสิ แต่ครีมอะไรก็ช่วยไม่ได้หรอกถ้าไม่ดูแลร่างกายตัวเอง”
“ยังไง”
“ก็ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่นอนดึกแล้วก็กินน้ำเยอะ ๆ ถ้าจะให้ดีก็ต้องออกกำลังกาย”
“แค่ไม่กินเหล้ากับสูบบุหรี่เท่านั้นที่ผมทำได้”
“ก็ฝึกสิ เย็นนี้เรียนเสร็จแล้วไปวิ่งกันไหม หรือไปฟิตเนสข้างล่างก็ได้”
“เอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ผมไม่ได้เตรียมชุดกับรองเท้ามา”
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วอคิราห์ติววิชาภาษาอังกฤษให้กับไทธัช ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว อคิราห์จึงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
จนกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมงครึ่ง ไทธัชก็ขอตัวไปเตรียมเรียนออนไลน์
“ไท เรียนเสร็จแล้วเข้าไปปลุกพี่ด้วยนะ” อคิราห์อยากนอนพักสักงีบ ก่อนที่จะออกไปซื้อของกับไทธัชในตอนเย็น
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี
เปิดเทอมวันแรกไทธัชไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานเกือบหนึ่งเดือน การอัปเดตข่าวสารของแต่ละคนจึงดังไปทั่วห้องหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้วทุกคนก็คุยกันเสียงดังโหวกเหวกอีกครั้ง ยิ่งเมื่ออาจารย์ที่สอนคาบแรกแจ้งมาในไลน์ว่าให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมกับหัวหน้าสายชั้น เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีกเท่าตัว“แทน มึงมาสายนะ” ไทธัชทักทายเพื่อนสนิทเมื่ออีกคนมาไม่ทันเข้าแถว“กูยังไม่ชิน นอนดึกตื่นสายมาเกือบเดือน เมื่อเช้ากูแทบลุกไม่ขึ้น แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”“กูก็ตื่นเช้าปกติอยู่แล้ว”“กูหมายถึงงานพิเศษ”“อ๋อ กูไปทำงานที่ร้านกาแฟ”“เงินมันจะพอคืนพี่เขาเหรอวะ”“ไม่พอหรอก แต่พี่เขายังไม่เอาเงินตอนนี้ เขารอให้กูเรียนจบก่อนค่อยจ่าย”“พี่ไอ้คิวใจดีฉิบหายเลย กูอยากมีพี่ใจดีแบบนั้นบ้างจัง”“อือ เขาใจดีกับกูมาก จนกูเกรงใจ”“ไหนว่ามึงไม่มีเงินแล้วทำไมถึงซื้อโทรศัพท์ใหม่” แทนคุณตาไวเห็นโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วสอดไว้ใต้โต๊ะเขาเลยต้องเล่าเรื่องเมื่อวานให้กับแทนคุณฟัง“กูกว่ามันก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดคงเสียเงินเป็นแสน หรือบางที่ถ้าเขาเจ็บมาก ๆ