กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัว
กว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่
“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย
“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”
“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”
“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม
“ถูกใจไหมล่ะ”
“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกือบจะเป็นเลขหกหลัก
“ใช่ไปเถอะ ของซื้อมาใช้ อีกอย่างทุกชิ้นมันก็มีประกันกันจะกลัวอะไรถ้าเสียก็ส่งเคลม อ้อไดร์ฟ E ยกให้เลยนะ จะได้เอาไว้เก็บงาน”
“มีกี่ไดร์ฟครับ”
“สามไดร์ฟ ไดร์ฟ C เป็น M.2 ไดร์ฟ D และ E เป็น SSD ธรรมดา” เขาหมายถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลซึ่งมีทั้งสองแบบ
ไทธัชพยักหน้า แม้เครื่องที่ตัวเองใช้จะเป็นอุปกรณ์รุ่นเก่าแต่ก็เข้าใจทุกอย่างที่อคิราห์พูดเป็นอย่างดี
“พี่ซันเปิดสิครับ” เมื่อเสียบสายทุกอย่างครบแล้วไทธัชก็อยากให้เจ้าของเป็นคนกดสวิตซ์เปิดเครื่อง
อคิราห์หัวเราะร่วนเมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาย้อนคิดถึงวันที่ตัวเองที่ได้ใช้คอมสเปกแรง ๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับท่าทางของไทธัชตอนนี้เลย
“เปิดไวมาก สมแล้วกับสเปกนี้ ว่าแต่พี่ซันจะลองก่อนไหม” เด็กหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้
“ไม่ละ ยังไม่ได้โหลเกมเลยเอาไว้ว่างค่อยมาโหลด แล้วโปรแกรมที่จะเรียนพรุ่งนี้มีไหม” เขาจำไม่ได้ว่าบอกทางร้านให้ลงโปรแกรมอะไรให้บ้าง
ไทธัชกวาดสายตามองไอคอนที่หน้าจออย่างรวดเร็วก่อนจะตอบ
“มีครับ ทางร้านลงมาให้แล้ว”
“งั้นก็เป็นอันจบ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปที่ร้านเน็ต แล้วเริ่มเรียนกี่โมง”
“บ่ายสองครับ”
“งั้นถ้าพี่กลับมาจากโรงพยาบาลก็ติวอังกฤษสักสองชั่วโมง โอเคไหม”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“งั้นคืนนี้นอนเถอะง่วงเต็มทีแล้ว”
“ได้ครับ” เด็กหนุ่มชัดดาวน์แล้วเก็บทุกอย่างเข้าที่จากนั้นก็ปิดไฟแล้วเดินตามหลังเจ้าของห้องออกมา
“พรุ่งนี้เช้าพี่ไปราวด์คนไข้นะ จะกลับมาสาย ๆ ตอนเช้าลงไปหาอะไรกินเองข้างล่างนะ” เขาหมายถึงร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคอนโด
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องกินพี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก ในตู้มีเสบียงตุนไว้เยอะเลย”
“ไปซื้อมาตอนไหน”
“ตอนเลิกงานครับ พี่พีทให้ค่าจ้างมาแล้ว”
“ก็เลยโชว์ป๋าซื้อของมาให้พี่ซะงั้น”
“แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พี่ให้ผม”
“อย่าเอามาเปรียบเทียบกันแบบนั้น พี่ทำงานแล้ว ส่วนนายยังเรียนอยู่”
“ผมรู้ แต่ก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง”
“แค่ช่วยทำความสะอาดห้องให้ก็ดีมากแล้ว ดูสิไม่รกเหมือนวันแรกที่มาใช่ไหม”
“มันก็แค่นั้นเอง พี่มีอะไรที่จะให้ผมทำให้พี่บอกผมเลยนะ สำหรับพี่ซันผมเต็มใจทำให้ทุกอย่าง หรืออยากได้อะไรบอกผมเลย ผมจะจดไว้ พอทำงานแล้วจะหามาให้พี่เอง”
“ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าอยากได้อะไร ขอติดไว้ก่อนนะ ถ้าคิดออกแล้วจะบอก”
“อือ อย่าลืมนะครับ อยากได้อะไรจากผมบอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” สีหน้าและคำพูดของไทธัชมันจริงใจจนคนฟังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
แม้ครั้งหนึ่งเด็กหนุ่มเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เวลาผ่านยังไม่ถึงเดือนเขาก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
ยิ่งเห็นแบบนี้อคิราห์ก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันถูกต้องที่สุดแล้ว แต่เขาลืมคิดไปว่าถ้าตัวเองไม่อยู่แล้วใครจะช่วยซับพอร์ตจิตใจของไทธัช
แม้ว่าวันนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้านและไม่ต้องตื่นมาช่วยมารดาและยายทำกับข้าวเพราะท่านทั้งสองไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด แต่ไทธัชก็ตื่นนอนแต่เช้าอย่างเคย เขาตื่นมาทำความสะอาดห้องนอนเล็กที่อคิราห์ให้เข้ามาใช้ระหว่างที่มาค้างที่คอนโดแห่งนี้ จากนั้นก็รอให้เจ้าของห้องออกไปทำงานก่อนจะเก็บกวาดห้องนอนของคุณหมอหนุ่มจนเรียบร้อย เมื่อทำงานบ้านเสร็จก็เอาอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเข้าไมโครเวฟเพื่อทานเป็นอาหารเช้า
ไทธัชทำงานที่ร้านกาแฟได้เพียงสองสัปดาห์ก็ต้องเลิกทำเพราะอคิราห์และมารดารวมถึงคุณยายของเขาต่างเห็นตรงกันว่าอยากให้ไทธัชใช้เวลาที่เหลือในช่วงปิดเทอมปิดเทอมเตรียมอ่านหนังสือสอบให้เต็มที่ เพราะเปิดเทอมไปเพียงไม่กี่เดือนก็จะมีการสอบวัดความรู้เพื่อนำคะแนนไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
ระหว่างเจ้าของห้องกลับมาจากที่ทำงานก็เอาข้อสอบมาฝึกทำ หนังสือที่อคิราห์บอกว่าสั่งมาให้น้องชายนั้นมีประโยชน์อย่างมากเพราะทุกเล่มล้วนเต็มไปด้วยข้อสอบใหม่ที่น่าสนใจ ต่างจากหนังสือที่เขายืมของทางโรงเรียน
“คิว ฉันไม่ได้มาแทนที่นายนะ ฉันจะไม่ทำให้พี่ชายของนายลืมว่านายเป็นน้องชายคนเดียวของเขา แต่ฉันจะทำหน้าที่ของฉันคือตั้งใจเรียนจะไม่ทำให้พี่ชายของนายต้องผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันไม่รู้ว่านายต้องเจอกับอะไรบ้างถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่ฉันเคารพการตัดสินใจของนาย และฉันจะไม่ตัดสินนายจากการกระทำนั้น ฉันต้องขอบใจนายที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้เจอกับพี่ซัน ขอบใจจะคิว”
ไทธัชพูดอยู่คนเดียวกลางห้องรับแขก เขาหวังว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปนั้นจะสื่อไปถึงอคินทร์ที่จากโลกนี้ไปแล้ว
อคิราห์กลับมาตอนเกือบเที่ยง เขาแวะซื้ออาหารกลางวันขึ้นมาด้วยเพราะคิดว่าไทธัชคงไม่ลงมาซื้อแน่ เนื่องจากเจ้าตัวตุนอาหารแช่แข็งไว้จนเต็มตู้
“กลับมาแล้วเหรอครับ เหนื่อยไหม มาผมช่วย” ไทธัชรีบลุกจากโซฟามารับกล่องข้าวไปวางบนโต๊ะในส่วนที่เป็นห้องครัว
“ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ไหม”
“ยังครับ ก็พี่ไลน์มาบอกว่าจะซื้อเขามา”
“เหรอโทษที ลืมไปเลย หิวไหมกินก่อนได้นะ พี่ขออาบน้ำก่อน”
“ไม่เป็นไรครับผมยังไม่หิว พี่ไม่ต้องรีบหรอก ผมเพิ่งกินข้าวเช้าไปตอน 10 โมง”
“นายไม่หิวแต่พี่หิว”
แม้จะหิวจนตาลายแค่ไหนแต่อคิราห์ก็ต้องอาบน้ำก่อนเพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองไปเจอเชื้อโรคอะไรมาบ้างระหว่างที่ราวด์ผู้ป่วย
ร่างสูงของคุณหมอหนุ่มเปลี่ยนมาอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงผ้ายึดขาสั้นทำให้เขาดูอ่อนกว่าอายุจริงอยู่หลายปี
“มองอะไร” พอออกมาจากห้องก็เห็นเจ้าเด็กหนุ่มมองตาไม่กะพริบ
“พี่หมอซันเหมือนเด็กมหาลัยเลยครับ” ไทธัชชอบเรียกเขาด้วยชื่อยาว ๆ เวลาที่เจ้าตัวนึกสนุกอยากคุยเรื่องที่ไม่มีสาระ
พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ทำตัวไม่ถูก ไทธัชไมได้แค่พูดเพราะตอนนี้เดินเข้ามาใกล้จนหน้าห่างกันเพียงนิด
“ใกล้พอยัง จะดูให้เห็นเลขเลยหรือไง”
“ก็แค่อยากดู หน้าพี่เด็กมาก พี่ใช่ครีมอะไร”
“อยากลองใช้ไหมในห้อง ไปหยิบมาสิ แต่ครีมอะไรก็ช่วยไม่ได้หรอกถ้าไม่ดูแลร่างกายตัวเอง”
“ยังไง”
“ก็ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่นอนดึกแล้วก็กินน้ำเยอะ ๆ ถ้าจะให้ดีก็ต้องออกกำลังกาย”
“แค่ไม่กินเหล้ากับสูบบุหรี่เท่านั้นที่ผมทำได้”
“ก็ฝึกสิ เย็นนี้เรียนเสร็จแล้วไปวิ่งกันไหม หรือไปฟิตเนสข้างล่างก็ได้”
“เอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ผมไม่ได้เตรียมชุดกับรองเท้ามา”
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วอคิราห์ติววิชาภาษาอังกฤษให้กับไทธัช ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว อคิราห์จึงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
จนกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมงครึ่ง ไทธัชก็ขอตัวไปเตรียมเรียนออนไลน์
“ไท เรียนเสร็จแล้วเข้าไปปลุกพี่ด้วยนะ” อคิราห์อยากนอนพักสักงีบ ก่อนที่จะออกไปซื้อของกับไทธัชในตอนเย็น
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี
เปิดเทอมวันแรกไทธัชไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานเกือบหนึ่งเดือน การอัปเดตข่าวสารของแต่ละคนจึงดังไปทั่วห้องหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้วทุกคนก็คุยกันเสียงดังโหวกเหวกอีกครั้ง ยิ่งเมื่ออาจารย์ที่สอนคาบแรกแจ้งมาในไลน์ว่าให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมกับหัวหน้าสายชั้น เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีกเท่าตัว“แทน มึงมาสายนะ” ไทธัชทักทายเพื่อนสนิทเมื่ออีกคนมาไม่ทันเข้าแถว“กูยังไม่ชิน นอนดึกตื่นสายมาเกือบเดือน เมื่อเช้ากูแทบลุกไม่ขึ้น แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”“กูก็ตื่นเช้าปกติอยู่แล้ว”“กูหมายถึงงานพิเศษ”“อ๋อ กูไปทำงานที่ร้านกาแฟ”“เงินมันจะพอคืนพี่เขาเหรอวะ”“ไม่พอหรอก แต่พี่เขายังไม่เอาเงินตอนนี้ เขารอให้กูเรียนจบก่อนค่อยจ่าย”“พี่ไอ้คิวใจดีฉิบหายเลย กูอยากมีพี่ใจดีแบบนั้นบ้างจัง”“อือ เขาใจดีกับกูมาก จนกูเกรงใจ”“ไหนว่ามึงไม่มีเงินแล้วทำไมถึงซื้อโทรศัพท์ใหม่” แทนคุณตาไวเห็นโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วสอดไว้ใต้โต๊ะเขาเลยต้องเล่าเรื่องเมื่อวานให้กับแทนคุณฟัง“กูกว่ามันก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดคงเสียเงินเป็นแสน หรือบางที่ถ้าเขาเจ็บมาก ๆ
อคิราห์ไปส่งไทธัชเสร็จแล้วก็กลับมาที่คอนโด ขณะกำลังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นก็เห็นไอแพดที่อีกคนลืมไว้เขาถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความที่เพื่อนของไทธัชส่งเข้ามาหลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ไทธัชกำลังถูกคนในคณะเข้าใจผิด เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดทำนองว่าไทธัชเป็นเกย์และตอนนี้กำลังมีเสี่ยใหญ่คนหนึ่งคอยช่วยเหลือเรื่องการเงินอยู่อคิราห์เปิดเข้าไปตามลิงค์ต้นเรื่องก็เห็นคนมาแสดงความคิดเห็นต่อจากเจ้าของโพสต์กันสนุกปาก บ้างก็ว่าเสี่ยที่ดูแลไทธัชอยู่นั้นภรรยาอยู่แล้ว บ้างก็ว่าไทธัชทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินก้อนโต แต่ทำให้อคิราห์โมโหที่สุดก็คือคนที่บอกว่าเสี่ยของไทธัชนั้นทั้งแก่ทั้งอ้วนและยังหัวล้านอีกด้วยแต่ก็มีบางความคิดเห็นที่บอกว่าเป็นเกย์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่รู้จักเลือกคนให้ดี ๆ หน่อยไม่ใช่เห็นแก่เงินจนลืมนึกถึงหน้าตาและอายุ แม้จะมีหลายคนบอกว่าไทธัชไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเคยเห็นแฟนของไทธัชแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เพราะน้อยคนนักที่จะได้เห็นไทธัชกับแฟนอยู่ด้วยกันอคิราห์ไม่รู้ว่าไทธัชเห็นโพสต์นี้แล้วจะเป็นยังไงบ้างชายหนุ่มรีบโทรไปถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู
หลังเลิกเรียนอคิราห์ก็มารับไทธัชตามที่นัดไว้ พอชายหนุ่มเห็นรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที“รอพี่นานไหม” อคิราห์ถามพร้อมกับยื่นชาเขียวให้กับคนรัก“ขอบคุณครับ รอไม่นานเพิ่งลงมาไม่ถึงห้านาที”รถเคลื่อนออกมาได้สักระยะไทธัชก็ถามขึ้น“พี่ซันทำไมไม่บอกผมเรื่องเงิน 25 ล้าน”“พี่นึกว่าแม่บอกไทแล้วนะ เพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้อยู่เมืองไทย”“อยู่ที่ไหนก็บอกได้เหมือนกันนะครับ ผมว่าพี่ตั้งใจปิดมากกว่า”“พี่จะปิดได้ยังไง นั่นมันบัญชีของไทนะ”“แต่ก็น่าจะบอกรู้ไหม ว่าเอาเงินนั้นไปฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยเยอะเลย”“ที่ผ่านมาไม่เคยเอาสมุดบัญชีไปปรับเลยใช่ไหม”“ครับ บัญชีนี้ไม่มีในแอปธนาคารด้วยก็เลยไม่รู้ว่ามีเงินเข้า พอดีวันนี้คุณธีรธรเขาโอนเงินค่ามัดจำเขาก็เลยลองเอาไปปรับดู”“พี่อยากให้ไทเก็บไว้ใช้จ่าย”“ไม่หรอกครับ ผมว่าจะขออนุญาตเอาไปเปิดบัญชีฝากประจำได้ไหมครับ ถ้าได้ดอกเบี้ยค่อยเอามาใช้”“จะขอพี่ทำไท นั้นเงินของไท”“แต่แม่พี่บอกว่าให้พี่ แต่พี่ยกให้ผม”“นั้นไง ก็ยกให้แล้ว ไทจะเอาไปทำอะไรก็ได”“ขอบคุณนะครับ เงินมากขนาดนั้นทั้งชาติผมคงไม่มีโอกาสหาได้”“บอกแล้วไงไทเป็นเด็กดี มีอะไรที่พี่ให้ได้พี่
ไทธัชถูกประคองเดินมาที่เตียงในเวลาเกือบตีสอง ขาเขาสั่นจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากให้อคิราห์อุ้ม เพราะดูแล้วอีกคนก็หมดแรงไม่ต่างจากตัวเองมากนักจากที่คิดจะไปอาบน้ำให้สดชื่น แต่คนพี่ก็อาสาเป็นคนทำความสะอาดช่องทางรักที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่น แต่เพราะคนทำความสะอาดช่ำชองจนเกินไปไทธัชจึงตื่นตัวอีกครั้งและบทรักก็บรรเลงใต้ฝักบัวอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง รู้แต่ทุกครั้งมันเต็มไปด้วยความสุข อคิราห์ส่งผ่านความรักความคิดถึงผ่านทุกสัมผัสจนไทธัชลืมเรื่องน้อยใจไปจนหมดสิ้น“ไทครับ เรียนกี่โมงนะ”“สิบโมงครับ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ไทธัชยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม เขายังคงกอดอคิราห์ไว้อย่างนั้น กลัวเหลือเกินว่าที่ผ่านมาเมื่อคืนมันจะเป็นเพียงความฝัน“แปดโมงครับ นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยววันนี้พี่ขับรถไปส่ง”“ผมไปเองได้ครับ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียวก็ถึงหรือโหนรถเมล์ไปก็ได้”“อย่าดื้อครับ ลองลุกมาก่อนไหม แล้วลองเดินดูว่าตัวเองจะเดินขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้าได้ไหมหรือจะยืนเบียดคนอื่นบนรถเมล์ไหวไหม” อคิราห์มองคนที่นอนจมอยู่บนเตียงนอนแล้วก็รู้สึกสงสา
ก่อนกลับคอนโดไทธัชไลน์ไปถามอคิราห์ว่าเย็นนี้เขาจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อ่าน ชายหนุ่มเลยแวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวที่อคิราห์ชอบกลับไปด้วยเขากลับมาถึงห้องก็ปิดไฟมืด เขาคิดว่าอคิราห์คงนอนอยู่ที่ห้องนอนเล็กเหมือนเดิม แต่เปิดเข้าไปห้องก็ว่างเปล่า ไทธัชเริ่มกังวลหรือว่าภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง ชายหนุ่มรีบเดินมาดูที่ห้องนอนใหญ่แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคืออคิราห์จริงไทธัชไม่อยากกวนเวลานอนจึงกลับมาอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง คิดว่าให้อคิราห์นอนต่อ แต่ก็ทนใจแข็งได้ไม่นานเพราะอยากพูดคุยกับเขาให้หายคิดถึงชายหนุ่มเปิดเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ไม่คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ เขาได้ยินเสียงอาบน้ำ จึงรีบออกมาเตรียมอาหารไว้รอพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปตามอคิราห์อีกครั้งก๊อก ก๊อก ก๊อก“พี่ซันครับ ผมเข้าไปได้ไหม”เงียบ..“ผมเข้าไปแล้วนะ”ไทธัชถามอีกครั้งแต่คนในห้องก็ยังไม่ตอบ เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกจากห้องน้ำก็เลยนั่งรออยู่บนเตียง“ผมมาตามไปกินข้าวครับ ผมไปรอข้างนอกนะครับ” ไทธัชรีบบอกเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ“ทำไมต้องไปรอข้างนอก ไหนว่าคิดถึง
ไทธัชรู้สึกว่าเวลาของตัวเองจะเดินช้ากว่าของคนอื่น ตั้งแต่ปีใหม่ครั้งนั้นอคิราห์ก็ยังไม่กลับมาเมืองไทยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าอีกคนยุ่งทั้งเรียนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาเขาต้องนอนร้องไห้อยู่คอนโดเพราะคิดถึงความทรงจำที่เคยมีด้วยกันกับคนรัก ไหนจะช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาถึงสองครั้งเขาก็เคยได้มีโอกาสฉลอง มีแต่ของขวัญที่ส่งมาทั้งปีใหม่ วาเลนไทน์รวมไปถึงวันเกิด แต่ใครบอกว่าเขาอยากได้ของขวัญมีราคาพวกนั้นแม้จะวิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บอกรักกันทุกวันแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้ที่ชื่ออคิราห์เลยสักนิด“ไท เหนื่อยเหรอท่าทางไม่ดีเลย”“นิดหน่อยครับ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องผมเป็นพี่ปีสามก็เลยเหนื่อยหน่อย พี่ซันล่ะครับ ดูเหมือนช่วงนี้จะร่าเริงเป็นพิเศษนะครับ มีอะไรดีหรือเปล่า”“ก็แค่วันนี้อาจารย์ให้พี่ได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วพี่ก็ทำออกมาได้ดี”“พี่ซันเก่งอยู่แล้ว ผมว่าถ้ากลับมาครั้งนี้คงยุ่งจนไม่มีเวลาให้ผมแน่ ๆ เลย”“ถ้ากลับไปพี่คงพักสักระยะแล้วค่อยเริ่มงาน พี่จะให้เวลาไทเต็มที่เลยดีไหม”“อือ ถ้าพี่กลับมาเราไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ ผมอยากพาแม่กับยายไ
หลังจากที่ส่งหลักฐานให้กับทนายแล้วไทธัชก็หมดหน้าที่ แต่เขาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทางอคิราห์อยู่ทุกวันเรื่องหย่าจบไปตั้งแต่สัปดาห์แรก เพราะคุณตรีวุฒิกลัวว่าเรื่องที่เขาพาเด็กผู้ชายเข้ามานอนในบ้านจะรู้ถึงหูคนอื่น และจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณอรณีถึง 25 บาท แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเซ็นใบหย่าแล้ว เรื่องราวมันจะรุนแรงขึ้นในแบบที่เขาแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมมารดาของอคิราห์ร้องไห้จนเป็นลมเมื่อทราบเรื่องที่ลูกชายโดนพ่อเลี้ยงกระทำชำเรา เธอโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดี และยังพาคนชั่วอย่างตรีวุฒิเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่เธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะได้คุณอรรณพอดีตสามีคอยอยู่ข้าง ๆพอตั้งสติได้คุณอรณีก็เข้มแข็งขึ้น เธอและคุณอรรณพนำคลิปหลักฐานที่นายตรีวุฒิทำกับลูกชาย ภาพถ่าย และคำขู่ที่ฝ่ายนั้นส่งมาคุกคามลูกชายของเขาให้กับตำรวจ เธอก็บอกให้จัดการทุกอย่างตามกฎหมายโดยไม่ต้องห่วงว่าเธอจะรู้สึกยังไง จะเสียชื่อเสียงไหม เธออยากให้ผู้ชายคนนั้นรับโทษจากการกระทำของตัวเองโดยเร็วที่สุดพอมีข่าวว่าตรีวุฒิถูกจับ ก็มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนซึ่งตกเป็นเหยื่อทางอารมร์ของตรีวุฒิเข้ามาแจ้
ไทธัชตื่นนอนมาช่วยมารดาและยายตั้งแต่เช้า พอทั้งสองคนออกไปขายของชายหนุ่มก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปรับมารดาของอคิราห์ที่บ้าน เขาพาเธอไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งตามที่คุณอรรณพแนะนำพอไปถึงก็ต้องแปลกใจ เพราะตอนนี้บิดาของอคิราห์รออยู่ก่อนแล้ว เขามาพร้อมกับทนายความไทธัชยกมือไหว้ผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนเดินเลี่ยงออกไปอีกทางเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้คุยกัน หน้าที่ของเขาคือพาคุณอรณีมาส่งโรงพยาบาลเพราะหลังจากนั้นทนายความจะเป็นคนจัดการทั้งหมด แต่เขาจะยังกลับไม่ได้เพราะอคิราห์สั่งไว้ว่าจะต้องคอยดูแลไม่ให้บิดากับมารดาของเขาทะเลาะกันเองจนเสียเรื่อง“คุณสบายดีนะครับคุณอรณี”“ถ้าฉันสบายดีจะมาโรงพยาบาลไหมล่ะ ถามอะไรไม่คิด”คุณอรรณพไม่ได้ตอบเขาเพียงแต่ยิ้ม ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนคุณอรณีก็ยังไม่เปลี่ยน นิสัยชอบพูดประชดและชอบเอาชนะซึ่งเขาชินเสียแล้ว“ผมว่าเชิญทางนี้ดีกว่านะครับคุณผู้หญิง” คุณทนายรีบเชิญอดีตภรรยาของเจ้านายไปยังห้องตรวจพอคุณอรณีเดินไปกับทนายแล้วบิดาของอคิราห์ก็ชวนไทธัชคุย“ไท พ่อปรึกษาทนายเรื่องนั้นแล้วนะ”“ครับ เขาว่ายังไงบ้าง”“เขาแนะนำให้เราเอาข้อความที่คิวคุยกับเพื่อนให้ทางตำรวจดู จากนั้นตำรวจจะเรียกเขามาสอ
“ไม่ต้องเยอะหรอกครับยาย แม่พี่ซันเขากินคนเดียวนะครับ”“แล้วสามีเขาไม่กินด้วยเหรอ” ยายมาลัยรู้ว่ามารดาของหมออคิราห์นั้นเลิกกับบิดาของเขาแล้วอยู่กับสามีคนใหม่ที่บ้านหลังใหญ่“พี่ซันบอกว่าเขาไม่ค่อยกลับบ้านครับ”“เอาไปเผื่อหน่อยก็ดีนะไท เอาไปน้อยมันกูน่าเกลียด” มัทนาบอกลูกชาย“งั้นก็ได้ครับ ผมเอาไปให้เขาแล้วจะเอารถไปเก็บแล้วคืนนี้จะกลับมานอนที่บ้านนะครับแม่”“ได้สิ ว่าแต่มีตังเติมน้ำมันหรือเปล่า”“ไม่ต้องเติมหรอกครับ ตั้งแต่พี่ซันไปผมก็ไม่เคยขับไปไหน แต่พี่ซันเขาให้ช่วยขับสักอาทิตย์ละครับ ผมเลยคิดว่าจะขับไปที่บ้านเขา เพราะบ้านพี่ซันอยู่ในซอยลึกมาก”“ดีแล้วล่ะ ช่วยพี่เขาดูแลแม่ ดูแลรถ แล้วคอนโดก็อย่าลืมทำความสะอาด”“ครับแม่”ไทธัชขับรถมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่มารดาของอคิราห์อาศัยอยู่ รถเคลื่อนมาจอดหน้ารั้ว ประตูก็เปิดออกทันที ลุงสมคิดคงจะรออยู่แล้วเพราะก่อนเข้ามา เขาก็โทรมาบอกลุงไว้ว่าจะขับรถของอคิราห์มาที่บ้านไทธัชเคยเจอลุงสมคิดอยู่หลายครั้ง เพราะตอนที่อคิราห์ยังอยู่เมืองไทยเขาก็มักจะตามที่บ้านด้วยอยู่เสมอ“สวัสดีครับลุงผมซื้อผลไม้มาฝาก สบายดีไหมครับ” ไทธัชยกมือไว้ผู้อาวุโสพร้อมกับส่งถุง
อีกไม่กี่ชั่วโมงอคิราห์ก็จะต้องแยกจากคนรักอีกครั้ง แต่ความรู้สึกมันต่างจากครั้งก่อนมาก เพราะตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าอีกคนที่อยู่ทางนี้คิดยังไงจะรอเขาไหม แต่ครั้งนี้เขารู้ว่าไทธัชรอเขาอยู่ มันทำให้คุณหมอหนุ่มมีความมุ่งมั่นมากขึ้นและมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อคืนเขากับไทธัชนอนคุยกันจนเกือบเช้า เขาแปลกใจไม่น้อยที่ตัวเองสามารถนอนคุยกับใครคนหนึ่งได้นานขนาดนั้น เขาชอบที่จะฟังอีกคนเล่าเรื่องราวในแต่ละวันที่ผ่านมา ไทธัชถามเขากลับบ้าง มันทำให้รู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างพยายามเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันมากขึ้น การได้นอนกอด ได้พูดคุยโดยไม่มีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องมันอบอุ่นหัวใจจนแทบอยากจะหยุดเวลาเอาให้นานที่สุดเขาตื่นนอนตั้งแต่เช้าทำตัวเหมือนปกติ ชวนไทธัชทานข้าวจากนั้นก็ตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อยอีกครั้ง“พี่ซันครับ ผมจะปิดกระเป๋าแล้วจะเอาอะไรใส่อีกไหมครับ” ไทธัชมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ใส่ของไว้เพียงครึ่งก็ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง“เอาตัวเองใส่ลงไปได้ไหมล่ะ”“ถ้ามันใส่ได้ผมก็คงลงไปตั้งนานแล้วครับ”“แต่ถ้าหั่นเป็นชิ้นก็คงใส่ได้พอดี”“กล้าหั่นเหรอครับ”“ตอนนี้ไม่กล้า แต่ในอนาคตไม่แน่นะครับ ถ้าไททำใ