ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วย
เด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตาม
เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้
ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ
“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”
“ครับ”
“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”
“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”
“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้ง
ไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ดูดีไปทุกมุม ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังอดที่จะมองไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิง
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าคนที่กำลังนอนหลับอยู่นั้นมีแฟนหรือยัง เพราะเท่าที่ได้รู้จักมาเกือบเดือนก็ยังไม่เคยเห็นอคิราห์อยู่กับผู้หญิงคนไหน ไม่มีแม้กระทั่งการคุยโทรศัพท์กับใครนาน ๆ เหมือนอย่างพวกเพื่อนของเขาตอนที่โทรคุยกับแฟน
ไทธัชนั่งมองใบหน้านั้นอยู่นานจนกระทั่งครบเวลาตามที่เจ้าของห้องบอก
“พี่ซันครับ”
เงียบ ไม่ขยับ
“พี่หมอครับ”
“อือ”
“พี่หมอซันครับ ผมว่ามันครบสิบนาทีแล้ว ถ้าพี่ยังหลับต่อคืนนี้คงได้นอนไม่หลับแน่” เขาพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“รู้แล้ว ๆ แต่ตอนนี้เป็นเหน็บ ขยับไม่ได้” เขาเปลี่ยนเป็นนอนหงายลืมตามองไทธัชอย่างขอร้อง
“ไท นวดแขนหน่อย”
ไทธัชนวดแขนข้างที่เขาบอกอย่างคนชำนาญเพราะเขารับหน้าที่นวดให้กับยายและมารดามาตั้งแต่จำความได้
“อืม ดีจัง นวดให้แม่บ่อยเหรอ” คนที่นอนชวนคุย
“ครับ ผมเป็นหมอนวดมือหนึ่งประจำบ้านเลยนะครับ”
“แล้วมือสองล่ะใคร”
“ไม่มีครับทั้งบ้านผมนวดอยู่คนเดียว” พูดจบเด็กหนุ่มก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงเวลาที่ตัวเองเป็นคนนวดให้กับผู้มีพระคุณทั้งสองและตอนนี้เขาก็กำลังนวดให้กับผู้มีพระคุณคนที่สามอย่างเต็มใจ
“ว่าแล้วเชียว พี่ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวออกไปซื้อของกันนะ แล้วก็หาอะไรกินเข้ามาเลย”
“พี่ซันจะไปซื้อของที่ไหน ผ่านร้านหนังสือไหมครับผมว่าจะไปซื้อหนังสือด้วย”
“มันก็ต้องผ่านอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ผ่านสั่งออนไลน์เอาก็ได้”
“ผมว่าไปเลือกเองดีกว่า”
“งั้นก็ตามใจ พี่ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนะ”
“ผมไปรอข้างนอกนะครับ”
“รอในนี้ก็ได้จะอายทำไมผู้ชายเหมือนกัน” อคิราห์พูดพร้อมกับถอดเสื้อยืดออกแล้วโยนลงตะกร้าที่อยู่มุมห้อง
“ผมว่ารอข้างนอกดีกว่า” เด็กหนุ่มรีบเดินออกจากห้องเพราะกลัวว่าพี่หมอจะไม่มีความเป็นส่วนตัว
ทั้งสองออกมาจากคอนโดในเวลาเกือบสี่โมงเย็น อคิราห์พาไทธัชไปที่ร้านหนังสือก่อน เพราะเขาเองก็มีหนังสือบางเล่มที่อยากได้
ใช้เวลาอยู่ในร้านหนังสือเกือบชั่วโมงจากนั้นก็เดินขึ้นมาอีกชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านขายฟิกเกอร์และโมเดลขนาดใหญ่ร้านหนึ่ง
ด้านในมีฟิกเกอร์จากการ์ตูนดังระดับโลกอยู่มากมาย ซึ่งดูแล้วแต่ละตัวราคาของมันคงแพงไม่น้อย เพราะบางตัวนั้นก็เป็นตัวที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัด อีกทั้งของในร้านก็เป็นของแท้ทุกชิ้น
“อยากได้ตัวไหนไหม” อคิราห์เห็นไทธัชจ้องอยู่หน้าตู้โชว์ตัวหนึ่งอยู่นาน
“ไม่ดีกว่าครับ” ไทธัชรีบส่ายหัว แม้จะมีตัวการ์ตูนที่ตัวเองชอบแต่ก็ไม่คิดอยากจะซื้อ ราคาของมันค่อนข้างสูงอีกทั้งมันยังไม่ใช่สิ่งของที่จำเป็นขนาดที่ต้องเอาเงินหลายพันมาซื้อ
“ดูไปก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปเอาของที่สั่งไว้” อคิราห์เดินเข้าไปในร้านขณะที่ไทธัชนั้นยืนรออยู่ด้านนอก
เขาเดินดูอยู่ไม่นานอคิราห์ก็กลับมาพร้อมกับถุงใบย่อมในมือ
“พี่ซันซื้ออะไรครับ” เขาอดถามไม่ได้
“ฟิกเกอร์โคนันกับอามุโร่” พูดพร้อมหยิบกล่องฟิกเกอร์ออกมาจากถุง
“ชอบโคนันเหรอครับ ผมก็ชอบนะ” เขามองยอดนักสืบจิ๋วที่อยู่ในมือของอคิราห์ด้วยท่าทางสนใจ
“จริงเหรอแล้วมีตัวไหนอยากได้ไหม พี่จะซื้อให้” คุณหมอหนุ่มดีใจที่มีคนชอบเหมือนตัวเอง
“ไม่ดีกว่ามันแพง”
“ไม่แพงหรอกพี่รู้จักเจ้าของร้าน ไทชอบตัวไหนล่ะ”
“ผมชอบอากาอิ ชูอิจิครับ แต่พี่วันไม่ต้องซื้อให้นะครับ ผมชอบก็ไม่ได้หมายความว่าอยากได้” เขาบอกชื่อตัวการ์ตูนที่ตัวเองชอบในเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน
อคิราห์เข้าใจความรู้สึกของไทธัชดี เพราะแต่ก่อนตัวเองก็ไม่กล้าซื้อของแพงแบบนี้
“ผลสอบออกตอนไหน” จู่ ๆ ชายหนุ่มคนพี่ก็หันมาถาม
“ครูจะแจ้งตอนเปิดเทอมครับ”
“เอางี้ ถ้าเกรดของเทอมนี้ได้มากกว่า 3.2 จะซื้อให้ เลือกมาได้เลยจะเอากี่ตัวก็ได้” เขาเคยเห็นเกรดของเด็กหนุ่มมาแล้วจึงคิดว่าเทอมนี้ไทธัชก็คงต้องได้มากกว่านั้นแน่นอน
“อย่าเลยครับ ผมว่ามันแพงเกินไป”
“เอาตัวเล็ก ๆ ของพวกนี้สะสมไว้มันดีต่อใจนะ”
“พี่หมอเหมือนเด็กเลยนะครับ”
“ใช่พี่คนเดียวที่ไหน ในดูในร้านสิ บางคนอายุมากกว่าพี่ยังมาซื้อเลย บางคนก็อ้างว่าซื้อไปให้ลูก แต่พี่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าซื้อให้ตัวเองชัด ๆ”
“เขาก็คงอายละมั้งครับ”
“พี่ไม่เห็นอายเลย อีกอย่างนะ ตอนเราเด็กยังไม่มีเงินเราก็อยากได้ แต่พอโตแล้วมีเงินแล้วก็แค่อยากทำความฝันตอนเด็กให้เป็นจริงก็แค่นั้นเอง”
“ผมเข้าใจแล้ว ถ้างั้นผมจะดูไว้ก้อน พอทำงานมีเงินก็ค่อยมาซื้อ”
“แต่บางตัวมันอาจไม่มีขายอีกแล้วนะ เอาน่าอย่างคิดอะไรให้มากเลย พี่จะซื้อให้ถือว่าเป็นรางวัลถ้าผลสอบของนายออกมาดี”
“งั้นก็ได้ครับ แต่ตัวเดียวก็พอนะครับ” เขาต่อรองเพราะมั่นใจว่าเกรดของตัวเองต้องออกมากกว่า 3.2 อย่างแน่นอน
“อือ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีนะ”
ออกจากร้านขายฟิกเกอร์ไทธัชก็ตามอคิราห์ไปยังร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา
“ไปเลือกเลยทั้งชุดและรองเท้าจะได้ไม่ต้องอ้างว่าไม่มีชุด”
“ผมไม่ได้อ้างนะ รองเท้าผมมีอยู่แล้วที่บ้าน”
“ซื้อใหม่เถอะพี่อยากซื้อให้ พี่เพิ่งได้เงินตกเบิกมาก้อนหนึ่ง”
“เงินตกเบิกคืออะไรครับ” ไทธัชไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน
“มันก็เหมือนเงินเดือนนั่นแหละแต่ว่ามันจ่ายให้ย้อนหลัง มันได้มากกว่าที่คิดไว้ก็เลยอยากเอาใช้สักหน่อย” เขาอธิบายให้ไทธัชฟังอย่างง่าย ๆ
“ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมคงคิดว่าพี่กำลังจีบผมอยู่แน่ ๆ เลย” ไทธัชหัวเราะก่อนจะเดินตามพนักงานไปเลือกรองเท้าที่อยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน
คำพูดที่ดูเหมือนไม่คิดอะไรของเด็กหนุ่มนั้นทำให้คนฟังต้องอมยิ้ม ใช่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองกำลังจีบอยู่ แม้ว่าไทธัชจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ตาม
มันคงแปลกในสายตาเด็กมัธยมปลายอย่างเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ เพราะในสังคมของไทธัชอาจจะยังไม่เจอกับความรักในรูปแบบที่หลากหลาย
อคิราห์ไม่คิดเห็นแก่ตัวด้วยการยัดเยียดความรู้สึกที่ตัวเองมีให้กับคนที่มองเขาด้วยสายตาชื่นชม เพราะกลัวว่าจะเสียเด็กหนุ่มนิสัยดีคนนี้ไป
เขาจะปล่อยให้ไทธัชได้ใช้ชีวิตในแบบที่วัยรุ่นทั่วไปใช้กัน ให้เด็กหนุ่มได้เติบโตและเรียนรู้โลกกว้างอย่างเต็มที่ หากวันหนึ่งไทธัชมีแฟนเป็นผู้หญิงเขาก็จะไม่เสียใจเลยสักนิด เพราะอคิหาร์ไม่ได้คาดหวังว่าไทธัชจะเป็นผู้ชายในแบบที่เขาอยากให้เป็น ในเมื่อไม่คาดหวังเขาก็จะไม่ผิดหวัง คุณหมอหนุ่มพยายามบอกกับตัวเองแบบนี้ แต่บางครั้งก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าสายตาที่เด็กหนุ่มมองเขานั้นมันมากกว่าพี่ชาย มากกว่าผู้มีพระคุณที่เจ้าตัวบอกอยู่เสมอ เขาเห็นอะไรบางอย่างในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
ถ้าสักวันเวลาที่เหมาะสมมาถึงเขาจะบอกทุกอย่างกับไทธัชอย่างไม่มีปิดบัง แต่นั่นต้องเป็นตอนที่เขาพร้อมแล้วที่จะยอมรับกับเรื่องราวทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นหลังจากบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี
เปิดเทอมวันแรกไทธัชไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานเกือบหนึ่งเดือน การอัปเดตข่าวสารของแต่ละคนจึงดังไปทั่วห้องหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้วทุกคนก็คุยกันเสียงดังโหวกเหวกอีกครั้ง ยิ่งเมื่ออาจารย์ที่สอนคาบแรกแจ้งมาในไลน์ว่าให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมกับหัวหน้าสายชั้น เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้นอีกเท่าตัว“แทน มึงมาสายนะ” ไทธัชทักทายเพื่อนสนิทเมื่ออีกคนมาไม่ทันเข้าแถว“กูยังไม่ชิน นอนดึกตื่นสายมาเกือบเดือน เมื่อเช้ากูแทบลุกไม่ขึ้น แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”“กูก็ตื่นเช้าปกติอยู่แล้ว”“กูหมายถึงงานพิเศษ”“อ๋อ กูไปทำงานที่ร้านกาแฟ”“เงินมันจะพอคืนพี่เขาเหรอวะ”“ไม่พอหรอก แต่พี่เขายังไม่เอาเงินตอนนี้ เขารอให้กูเรียนจบก่อนค่อยจ่าย”“พี่ไอ้คิวใจดีฉิบหายเลย กูอยากมีพี่ใจดีแบบนั้นบ้างจัง”“อือ เขาใจดีกับกูมาก จนกูเกรงใจ”“ไหนว่ามึงไม่มีเงินแล้วทำไมถึงซื้อโทรศัพท์ใหม่” แทนคุณตาไวเห็นโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วสอดไว้ใต้โต๊ะเขาเลยต้องเล่าเรื่องเมื่อวานให้กับแทนคุณฟัง“กูกว่ามันก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดคงเสียเงินเป็นแสน หรือบางที่ถ้าเขาเจ็บมาก ๆ
บ่ายวันอาทิตย์ไทธัชมาทำความสะอาดห้องให้กับอคิราห์อย่างเคย แต่วันนี้นอกจากชายหนุ่มเจ้าของห้องจะไม่ลงไปออกกำลังกายแล้ว วันนี้เขายังเอาแต่นั่งจ้องไทธัช จนเด็กหนุ่มอดถามอย่างสงสัยไม่ได้“พี่หมอซันมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ผมเห็นจ้องมานานแล้ว”“ไม่มีอะไรแค่อยากมองก็เท่านั้น”“จะบอกว่าไว้ผมทรงนี้แล้วผมหล่อใช่ไหมล่ะ”“งั้นมั้ง” คุณหมอหนุ่มตอบพร้อมหัวเราะมันก็จริงอย่างที่เจ้าตัวพูดเพราะตอนนี้ผมทรงนักเรียนของไทธัชนั้นยาวขึ้นมากแล้ว แต่เจ้าตัวไม่คิดจะตัดเพราะอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วจากเด็กนักเรียนหัวเกรียนกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีใบหน้าหล่อเหลาจนเขาเผลอนั่งมองอยู่นานพอเห็นว่าอีกคนทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็เรียกให้มานั่งใกล้ ๆ“ไท ถึงแม้จะมีที่เรียนแล้ว แต่ก็ต้องตั้งใจเรียน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองสอบได้แล้วเลยไม่สนใจที่จะเรียน ถ้าเกิดพลาดติด 0 ติด ร ขึ้นมามันคงไม่ดีเท่าไหร่”“ผมไม่ทิ้งการเรียนหรอกครับ อยากให้เกรดออกมาสวย ๆ ว่าแต่ทำไม่วันนี้พี่ดูเครียดจังเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาทิตย์หน้าพี่ก็จะต้องไปเรียนแล้ว”“ไปเรียนอะไร ไปเรียนที่ไหนครับ” เขาถามด้วยความตกใจ“พี่จะไปเรียนเฉพาะทางที่อเมริกา