Home / LGBTQ+ / เด็กดีของพี่หมอ / 11.ความรู้สึกพิเศษที่ต้องเก็บไว้

Share

11.ความรู้สึกพิเศษที่ต้องเก็บไว้

“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ

“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว

“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก

“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”

“แล้วจะไปไหมละ”

“ไม่ดีกว่า อยากพัก”

“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”

“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ

“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”

“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”

“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”

“กร ขอร้องอย่าไป”

“งั้นบอกมาก่อน”

“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”

“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”

“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”

ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน

“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื่อน เย็นนี้คงกลับไปติวให้ไม่ได้”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วพี่ซันจะกลับมาที่ห้องไหม”

“กลับสิ ถ้าไม่กลับจะให้ไปนอนไหนล่ะ นายก็ไม่ต้องกลับไปที่บ้านแม่กับยายไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ นอนห้องเล็กเลยก็ได้”

“ได้ครับ”

พอวางสายแล้วอคิราห์ก็ขับรถตามเพื่อนออกไปยังร้านอาหารกึ่งผับแห้งหนึ่งซึ่งพวกเขามักมานั่งกันเป็นประจำตั้งแต่เรียนจบใหม่

“เล่ามาเลยมันยังไง” ชลกรไม่รอให้เพื่อนได้นั่งพัก พออคิราห์มาถึงก็ถามทันที

“ไม่มีอะไรมาก แค่เห็นว่าน้องเขามีปัญหาก็เลยเข้าไปช่วย”

“ไม่มีอะไรมากก็เล่ามาสิ จะให้ถามเซ้าซี้ทำไม”

ชลกรมองหน้าเพื่อนที่เล่าเรื่องราวไปด้วยรอยยิ้มและแววเป็นประกาย นับตั้งแต่เสียน้องชายไปเขาก็เพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มของเพื่อนก็วันนี้

ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มที่เพื่อนพูดถึงนั้นจะชอบเพื่อนของเขาหรือเปล่า แต่ชลกรก็ไม่อยากถามเพราะเห็นว่าตอนนี้อคิราห์นั้นกำลังมีความสุข

“ซัน นายเห็นเขาเป็นตัวแทนของคิงหรือเปล่า” ชลกรถามอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่นะ ไทกับคิวไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด คือน้องชายคนเดียวของฉัน ส่วนไทก็คือไท”

“แล้วน้องเขาเป็นอะไรสำหรับนาย”

“ก็เป็นน้องไง เป็นคนที่ฉันรู้สึกว่าอยากช่วยเขา อยากดูแลเขา อยากส่งเขาให้ถึงฝั่ง”

“จะส่งเรียนว่างั้น”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่ช่วยได้เท่าที่ช่วย ครอบครัวน้องมันมีแต่ผู้หญิง”

“พ่อพระจังนะเพื่อน แล้วตอนไปเรียนจะเอาไง ถ้าเกินน้องมันมีแฟน”

“ก็ไม่ได้ห้ามนี่ ฉันยอมรับว่ารู้สึกดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาน้องมันมาเป็นแฟนสักหน่อย อีกอย่างดูแล้วมันก็ผู้ชายทั้งแท่ง”

“มันก็ผู้ชายทั้งแท่งเหมือนกันนั่นแหละอยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนเสียบ”

“ชักจะรู้มาก หรือว่าไปแอบเสียบใครมา”

“จะบ้าเหรอ ตอนนี้ฉันยังชอบผู้หญิงอยู่ แต่อนาคตไม่แน่นะ อีกอย่างโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเจอคนที่ใช่ไม่ว่าเพศไหนมันก็คือใช่” ชลกรไม่ได้พูดเพราะอยากเอาใจเพื่อนแต่พูดเพราะเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ

อคิรานั่งดื่มกับเพื่อนถึงสี่ทุ่ม แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าปกติแล้วไทธัชมากจะรอเขากลับและไปส่งที่บ้านพร้อมกับทานอาหารเย็นที่นั่น แต่วันนี้เขาบอกเด็กหนุ่มค้างที่คอนโดไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้ทานอะไรหรือยัง

“กร ฉันนึกได้ว่ามีธุระ”

“อือ งั้นก็กลับพร้อมกันเลยไม่อยากดื่มคนเดียว”

อคิราห์รีบกลับมาที่คอนโด พอเปิดประตูเข้ามาทั้งห้องก็มืดสนิท มือเรียวยาวกดสวิตซ์ไฟที่ข้างประตู มองหาเด็กหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนากับเพื่อนมาตลอดที่นั่งดื่มด้วยกัน

เขาเดินมากลางห้องรับแขกก็เห็นร่างคุ้นตานอนจมอยู่กับโซฟานุ่ม รอบตัวมีกองหนังสือกระจัดกระจาย เจ้าของห้องเก็บมันมาเรียงไว้บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าโซฟา ก่อนจะดึงหนังสือเล่มบางที่ปิดบังใบหน้าเด็กหนุ่มเอาไว้ แล้วจะยกศีรษะคนที่หลับไม่รู้เรื่องขึ้นเล็กน้อยเพื่อสอดหมอนในเล็กเขาไปแทนที่กองหนังสือที่เจ้าตัวใช้หนุนแทนหมอนอยู่

เมื่อเห็นอีกคนหลับสบายอคิราห์ก็ไม่อยากจะปลุกเพราะดูท่าแล้วเจ้าตัวคงง่วงจนเดินไปนอนในห้องไม่ไหว เขาเลยปล่อยให้นอนอยู่แบบนั้นก่อน แต่ถ้าอาบน้ำออกมาแล้วเจ้าตัวยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่อย่างเดิมก็คงต้องปลุกให้เข้าไปนอนในห้อง

อาบน้ำจนสดชื่นไล่ความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ออกจนหมดแล้วอคิราห์ก็เดินกลับมาที่ห้องรับแขก เขานั่งมองหน้าของไทธัชอยู่นานกว่า จากการที่ได้คุยกับชลกรวันนี้ทำให้เขาเริ่มทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้งว่าที่ช่วยไทธัชเพราะอยากช่วยหรือจริง ๆ แล้วเขามีอะไรอื่นแอบแฝง

จริงอยู่ที่เขายื่นมือเข้าไปช่วยเพราะกลัวหนุ่มน้อยคนนี้จะฆ่าตัวตาย แต่หลังจากวันนั้นเขาก็เริ่มเข้าไปในชีวิตของไทธัชมากขึ้น ยิ่งพอได้รู้จัก ได้พูดคุย อคิราห์ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเขารู้สึกพิเศษกับไทธัชมากกว่าที่ใครจะนึกออก ในใจก็แอบกังวลว่าถ้าไทธัชรู้จะถอยห่างจากเขาไหม

อคิราห์เลือกที่จะไม่บอกกับไทธัชว่าเขารู้สึกยังไงเพราะในเมื่ออีกไม่กี่เดือนก็จะต้องไปเรียนต่อแล้ว ระหว่างนี้ขอใช้ชีวิตให้มีความสุขกับคนที่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างน้อยก็จะได้เก็บความรู้สึกช่วงนี้ไว้เป็นกำลังใจในการต้องไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวหลายปี

เมื่อเห็นเปลือกตาคนน้องขยับยุกยิก คนพี่ก็เลิกจ้อง เขาหันมาสนใจโทรศัพท์ในมืออย่างรวดเร็ว

“พี่ กลับมาตอนไหน”

“นานแล้ว หลับสบายเลยนะ ไม่รู้ว่าอ่านหนังสือหรือให้หนังสือมันอ่าน แล้วทำไมไม่ไปนอนในห้อง”

“ผมรอพี่ มีเรื่องจะบอก”

“อือ ว่ามาสิรอฟังอยู่”

“พรุ่งนี้พี่ไม่ต้องติวให้ผมนะ” เดิมทีพรุ่งนี้อคิหาร์จะติววิชาภาษาอังกฤษให้กับไทธัชวันนี้เขาเลยนั่งอ่านวิชานี้ทั้งวันจนเผลอหลับไป

“ทำไมละ”

“ผมลงทะเบียนเรียนการใช้โปรแกรม Illustrator ไว้ครับ” เขาหมายถึงโปรแกรม Adobe Illustrator หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "Illustrator" มันเป็นโปรแกรมวาดรูปหรือออกแบบงานด้านกราฟิก

“แล้วไปเรียนที่ไหนล่ะ ให้พี่ไปส่งไหม”

“เรียนออนไลน์ครับ แต่คงต้องไปที่ร้านเน็ตคาเฟ่”

“ทำไม นายก็มีโน้ตบุ๊กนี่”

“พี่หมอซันครับ โน้ตบุ๊กแต่ละเครื่องก็ใช่ว่าใช้งานได้ทุกอย่างนะครับ การใช้โปรแกรมนี้มันต้องใช้เครื่องที่แรง ๆ หน่อย แรมต้องเยอะการ์ดจอต้องแรง ประมาณว่าคอมของพวกที่ชอบเล่นเกมน่ะครับ”

“อือ งั้นก็ไม่ต้องไปหรอก ใช้ของพี่ก็ได้”

“โน้ตบุ๊กของพี่นะเหรอครับ พี่ก็ต้องใช้ไม่ใช่เหรอ ผมไม่อยากรบกวน”

“เปล่าพี่หมายถึงคอมพ์แบบพีซีพี่เพิ่งซื้อมายังไม่ได้เอาออกจากกล่องเลย พอดีมีเรื่องเสียก่อน” อคิราห์นั้นชอบเล่นเกมเขายกคอมพิวเตอร์ชุดเดิมให้กับชมรมอาสาของมหาวิทยาลัยไปเมื่อเดือนก่อนจากนั้นก็สั่งประกอบขึ้นมาใหม่เพื่อเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะ แต่พอน้องชายเสียชีวิตเขาก็ลืมไปสนิทเลย ว่าตัวเองมีคอมพิวเตอร์อีกชุดที่ยังไม่ได้เอาออกมาจากกล่อง

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”

“เบื่อคำนี้แล้วขอซื้อละกัน พี่ว่านายมาช่วยพี่แกะออกจากกล่องดีกว่า”

ไทธัชเคยเข้ามาเอาหนังสือในห้องนี้หลายครั้งแล้ว เขาเห็นโต๊ะกับเก้าอี้อยู่ชุดหนึ่งที่เหมือนกับเก้าอี้ตามร้านเกมแต่คิดว่าอคิราห์คงเอาไว้นั่งอ่านหนังสือเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะชอบเล่นเกมด้วย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status