“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ
“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว
“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก
“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”
“แล้วจะไปไหมละ”
“ไม่ดีกว่า อยากพัก”
“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”
“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ
“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”
“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”
“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”
“กร ขอร้องอย่าไป”
“งั้นบอกมาก่อน”
“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”
“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”
“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”
ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน
“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื่อน เย็นนี้คงกลับไปติวให้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วพี่ซันจะกลับมาที่ห้องไหม”
“กลับสิ ถ้าไม่กลับจะให้ไปนอนไหนล่ะ นายก็ไม่ต้องกลับไปที่บ้านแม่กับยายไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ นอนห้องเล็กเลยก็ได้”
“ได้ครับ”
พอวางสายแล้วอคิราห์ก็ขับรถตามเพื่อนออกไปยังร้านอาหารกึ่งผับแห้งหนึ่งซึ่งพวกเขามักมานั่งกันเป็นประจำตั้งแต่เรียนจบใหม่
“เล่ามาเลยมันยังไง” ชลกรไม่รอให้เพื่อนได้นั่งพัก พออคิราห์มาถึงก็ถามทันที
“ไม่มีอะไรมาก แค่เห็นว่าน้องเขามีปัญหาก็เลยเข้าไปช่วย”
“ไม่มีอะไรมากก็เล่ามาสิ จะให้ถามเซ้าซี้ทำไม”
ชลกรมองหน้าเพื่อนที่เล่าเรื่องราวไปด้วยรอยยิ้มและแววเป็นประกาย นับตั้งแต่เสียน้องชายไปเขาก็เพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มของเพื่อนก็วันนี้
ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มที่เพื่อนพูดถึงนั้นจะชอบเพื่อนของเขาหรือเปล่า แต่ชลกรก็ไม่อยากถามเพราะเห็นว่าตอนนี้อคิราห์นั้นกำลังมีความสุข
“ซัน นายเห็นเขาเป็นตัวแทนของคิงหรือเปล่า” ชลกรถามอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่นะ ไทกับคิวไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด คือน้องชายคนเดียวของฉัน ส่วนไทก็คือไท”
“แล้วน้องเขาเป็นอะไรสำหรับนาย”
“ก็เป็นน้องไง เป็นคนที่ฉันรู้สึกว่าอยากช่วยเขา อยากดูแลเขา อยากส่งเขาให้ถึงฝั่ง”
“จะส่งเรียนว่างั้น”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่ช่วยได้เท่าที่ช่วย ครอบครัวน้องมันมีแต่ผู้หญิง”
“พ่อพระจังนะเพื่อน แล้วตอนไปเรียนจะเอาไง ถ้าเกินน้องมันมีแฟน”
“ก็ไม่ได้ห้ามนี่ ฉันยอมรับว่ารู้สึกดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาน้องมันมาเป็นแฟนสักหน่อย อีกอย่างดูแล้วมันก็ผู้ชายทั้งแท่ง”
“มันก็ผู้ชายทั้งแท่งเหมือนกันนั่นแหละอยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนเสียบ”
“ชักจะรู้มาก หรือว่าไปแอบเสียบใครมา”
“จะบ้าเหรอ ตอนนี้ฉันยังชอบผู้หญิงอยู่ แต่อนาคตไม่แน่นะ อีกอย่างโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเจอคนที่ใช่ไม่ว่าเพศไหนมันก็คือใช่” ชลกรไม่ได้พูดเพราะอยากเอาใจเพื่อนแต่พูดเพราะเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ
อคิรานั่งดื่มกับเพื่อนถึงสี่ทุ่ม แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าปกติแล้วไทธัชมากจะรอเขากลับและไปส่งที่บ้านพร้อมกับทานอาหารเย็นที่นั่น แต่วันนี้เขาบอกเด็กหนุ่มค้างที่คอนโดไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้ทานอะไรหรือยัง
“กร ฉันนึกได้ว่ามีธุระ”
“อือ งั้นก็กลับพร้อมกันเลยไม่อยากดื่มคนเดียว”
อคิราห์รีบกลับมาที่คอนโด พอเปิดประตูเข้ามาทั้งห้องก็มืดสนิท มือเรียวยาวกดสวิตซ์ไฟที่ข้างประตู มองหาเด็กหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนากับเพื่อนมาตลอดที่นั่งดื่มด้วยกัน
เขาเดินมากลางห้องรับแขกก็เห็นร่างคุ้นตานอนจมอยู่กับโซฟานุ่ม รอบตัวมีกองหนังสือกระจัดกระจาย เจ้าของห้องเก็บมันมาเรียงไว้บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าโซฟา ก่อนจะดึงหนังสือเล่มบางที่ปิดบังใบหน้าเด็กหนุ่มเอาไว้ แล้วจะยกศีรษะคนที่หลับไม่รู้เรื่องขึ้นเล็กน้อยเพื่อสอดหมอนในเล็กเขาไปแทนที่กองหนังสือที่เจ้าตัวใช้หนุนแทนหมอนอยู่
เมื่อเห็นอีกคนหลับสบายอคิราห์ก็ไม่อยากจะปลุกเพราะดูท่าแล้วเจ้าตัวคงง่วงจนเดินไปนอนในห้องไม่ไหว เขาเลยปล่อยให้นอนอยู่แบบนั้นก่อน แต่ถ้าอาบน้ำออกมาแล้วเจ้าตัวยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่อย่างเดิมก็คงต้องปลุกให้เข้าไปนอนในห้อง
อาบน้ำจนสดชื่นไล่ความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ออกจนหมดแล้วอคิราห์ก็เดินกลับมาที่ห้องรับแขก เขานั่งมองหน้าของไทธัชอยู่นานกว่า จากการที่ได้คุยกับชลกรวันนี้ทำให้เขาเริ่มทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้งว่าที่ช่วยไทธัชเพราะอยากช่วยหรือจริง ๆ แล้วเขามีอะไรอื่นแอบแฝง
จริงอยู่ที่เขายื่นมือเข้าไปช่วยเพราะกลัวหนุ่มน้อยคนนี้จะฆ่าตัวตาย แต่หลังจากวันนั้นเขาก็เริ่มเข้าไปในชีวิตของไทธัชมากขึ้น ยิ่งพอได้รู้จัก ได้พูดคุย อคิราห์ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเขารู้สึกพิเศษกับไทธัชมากกว่าที่ใครจะนึกออก ในใจก็แอบกังวลว่าถ้าไทธัชรู้จะถอยห่างจากเขาไหม
อคิราห์เลือกที่จะไม่บอกกับไทธัชว่าเขารู้สึกยังไงเพราะในเมื่ออีกไม่กี่เดือนก็จะต้องไปเรียนต่อแล้ว ระหว่างนี้ขอใช้ชีวิตให้มีความสุขกับคนที่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างน้อยก็จะได้เก็บความรู้สึกช่วงนี้ไว้เป็นกำลังใจในการต้องไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวหลายปี
เมื่อเห็นเปลือกตาคนน้องขยับยุกยิก คนพี่ก็เลิกจ้อง เขาหันมาสนใจโทรศัพท์ในมืออย่างรวดเร็ว
“พี่ กลับมาตอนไหน”
“นานแล้ว หลับสบายเลยนะ ไม่รู้ว่าอ่านหนังสือหรือให้หนังสือมันอ่าน แล้วทำไมไม่ไปนอนในห้อง”
“ผมรอพี่ มีเรื่องจะบอก”
“อือ ว่ามาสิรอฟังอยู่”
“พรุ่งนี้พี่ไม่ต้องติวให้ผมนะ” เดิมทีพรุ่งนี้อคิหาร์จะติววิชาภาษาอังกฤษให้กับไทธัชวันนี้เขาเลยนั่งอ่านวิชานี้ทั้งวันจนเผลอหลับไป
“ทำไมละ”
“ผมลงทะเบียนเรียนการใช้โปรแกรม Illustrator ไว้ครับ” เขาหมายถึงโปรแกรม Adobe Illustrator หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "Illustrator" มันเป็นโปรแกรมวาดรูปหรือออกแบบงานด้านกราฟิก
“แล้วไปเรียนที่ไหนล่ะ ให้พี่ไปส่งไหม”
“เรียนออนไลน์ครับ แต่คงต้องไปที่ร้านเน็ตคาเฟ่”
“ทำไม นายก็มีโน้ตบุ๊กนี่”
“พี่หมอซันครับ โน้ตบุ๊กแต่ละเครื่องก็ใช่ว่าใช้งานได้ทุกอย่างนะครับ การใช้โปรแกรมนี้มันต้องใช้เครื่องที่แรง ๆ หน่อย แรมต้องเยอะการ์ดจอต้องแรง ประมาณว่าคอมของพวกที่ชอบเล่นเกมน่ะครับ”
“อือ งั้นก็ไม่ต้องไปหรอก ใช้ของพี่ก็ได้”
“โน้ตบุ๊กของพี่นะเหรอครับ พี่ก็ต้องใช้ไม่ใช่เหรอ ผมไม่อยากรบกวน”
“เปล่าพี่หมายถึงคอมพ์แบบพีซีพี่เพิ่งซื้อมายังไม่ได้เอาออกจากกล่องเลย พอดีมีเรื่องเสียก่อน” อคิราห์นั้นชอบเล่นเกมเขายกคอมพิวเตอร์ชุดเดิมให้กับชมรมอาสาของมหาวิทยาลัยไปเมื่อเดือนก่อนจากนั้นก็สั่งประกอบขึ้นมาใหม่เพื่อเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะ แต่พอน้องชายเสียชีวิตเขาก็ลืมไปสนิทเลย ว่าตัวเองมีคอมพิวเตอร์อีกชุดที่ยังไม่ได้เอาออกมาจากกล่อง
“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”
“เบื่อคำนี้แล้วขอซื้อละกัน พี่ว่านายมาช่วยพี่แกะออกจากกล่องดีกว่า”
ไทธัชเคยเข้ามาเอาหนังสือในห้องนี้หลายครั้งแล้ว เขาเห็นโต๊ะกับเก้าอี้อยู่ชุดหนึ่งที่เหมือนกับเก้าอี้ตามร้านเกมแต่คิดว่าอคิราห์คงเอาไว้นั่งอ่านหนังสือเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะชอบเล่นเกมด้วย
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ไทเปิดประตูให้แม่หน่อย”ไทธัชรีบวางไอแพดในมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว“ทำอะไรอยู่ลูก”“วาดรูปอยู่ครับแม่” เมื่อเห็นมารดามีสีหน้าแปลกใจไทธัชก็เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง“ลูกชายแม่โตขึ้นมากเลย แม่ดีใจที่ลูกทำงานต่อให้เพื่อนแล้วไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นชื่อของตัวเอง”“ผมสงสารเขาครับแม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรคิวถึงต้องตัดสินใจจากไปแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็ดูอบอุ่นดี”“เขาก็คงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ ถ้าหมอซันไม่เจอกับไทวันนั้น ไทของแม่ก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นลงไปก็ได้”“นั่นสิครับ พี่ซันเป็นฉุดผมขึ้นมา พอมีโอกาสผมก็เลยอยากทำอะไรให้พี่ซันบ้าง”“คิดดีแล้วล่ะ แล้วไปทำความสะอาดห้องให้พี่เขาดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแบบลวก ๆ นะลูก”“ผมทำเต็มที่เลยครับมารับรองได้ว่าสะอาดกว่าจ้างแม่บ้านอีก”“ดีแล้ว เขามีน้ำใจกับเรา ช่วยเหลือเรา เราก็ควรตอบแทนบ้าง แต่ใช่ว่าทำงานแค่นี้แล้วเราจะไม่ชดใช้เงินเขานะ มันคนละเรื่องกัน”“ผมรู้ครับแม่ แต่ถ้าให้เงินตอนนี้พี่ซันก็ไม่รับอยู่ดี เขาบอกจะรอตอนผมเรียนจบก่อน”“เงินแค่นี้มันคงเล็กน้อยสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วมันก็ถือว่าเยอะอยู่มาก เพราะฉะนั้นอะไรท
“ทำไมวันนี้ยายทำกับข้าวเยอะจังคะ” มนัสสรถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้โต๊ะทานอาหารที่คิดว่าใหญ่กลับขนาดเล็กลงไปในพริบตาเมื่อบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด“วันนี้หมอซันเขาจะมาทานข้าวด้วย”“ใครคือหมอซันค่ะยาย”“หมอซันเขาเป็นรุ่นพี่ของไทจ้ะฝ้าย” มัทนารีบบอก เธอกลัวยายมาลัยจะเผลอเล่าเรื่องราวของไทธัชให้กับหญิงสาวฟัง มัทนาไม่อยากให้เรื่องของลูกชายรู้ไปถึงหูคนอื่น แม้ว่าจะเป็นญาติก็ตามรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ไทธัชเป็นคนเปิดประตูลงมาก่อนจากนั้นคนที่ตามมาก็คืออคิราห์“สวัสดีครับยาย สวัสดีครับแม่”“สวัสดีจ้ะ หิวกันหรือยังยายทำกับข้าวไว้เยอะเลย”“หิวนิดหน่อยครับ”“งานหมอซันยุ่งหรือเปล่า แม่กลัวว่าเจ้าไทจะไปกวนเวลางาน”“ยุ่งเป็นปกติครับแม่ ไทไม่ได้กวนอะไรผมหรอกครับ ดีเสียอีกไปช่วยทำความสะอาดห้อง ผมสบายเลยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน”“ใช้งานได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”“ครับแม่”อคิราห์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีคนที่เขาไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย เขาหันมามองไทธัชพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเชิงถาม“นี่พี่ฝ้าย เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมครับพี่ซัน”“สวัสดีค่ะ พี่ซัน” หญิงสาวทักทายอย่างเป็นกันเอง“สวัส
ไทธัชยกของขึ้นหลังรถกระบะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอรถออกไปพ้นรั้วบ้านเขาก็ปิดประตูแล้วกลับเข้ามานอนต่อ เมื่อคืนกว่าจะลงสีรูปปกนิยายของคุณธีรธรเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาและยายตื่นมาทำกับข้าวพอดีเด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถของมารดาแล่นเข้ามาจอดในเวลาเกือบสิบโมง เขารีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยมารดาและยายยกของลงจากรถ“ผมช่วยครับแม่” ไทธัชรีบเข้ามารับหม้อใส่กับข้าวจากมารดาก่อนจะนำไปเก็บในห้องครัวเพื่อเตรียมล้าง“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ดูหน้าไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”“ครับแม่ เมื่อคืนลงสีรูปเพลินไปหน่อย”“ใกล้จะเสร็จหรือยัง นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ”“เสร็จแล้วครับแม่ เดี๋ยวก็ว่าจะให้พี่ซันช่วยดูอีกทีก่อนจะส่งให้คนจ้างครับ”“ถ้าเขาให้เงินมาก็รับไว้ เพราะอย่างน้อยไทก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ แล้วก็เอาเงินไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เข้าใจไหม”“ครับแม่”“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปนอนต่อได้นะ แม่กับยายจะเก็บล้างเอง แล้วนี่พี่ฝ้ายไปไหน”“ผมยังไม่เห็นเลยครับ สงสัยจะยังไม่ตื่น”มัทนาส่ายหัว ตั้งแต่หลานสาวมาอยู่ด้วยเธอไม่เคยเห็นมนัสสรช่วยหยิบจับอะไรในบ้านเลยสักนิด คนเป็นน้าไม่ได้หวัง
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”“งั้นก็รับจัดการเลย”ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมาเด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกคุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธี