ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตาม
ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืด
ไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิม
เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำ
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้น
ไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วย
เรื่องงานที่จะไปทำกับพี่เขตแดนนั่นก็อีกเรื่อง เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะไปเจออะไรที่นั่นบ้าง แต่ยอมรับว่าเชื่อที่คุณหมอหนุ่มคนนั้นบอกอยู่ไม่น้อย เพราะลองคิดดูดี ๆ แล้วมันก็มีจุดที่แปลกอยู่บ้าง พี่เขตแดนให้เขาส่งรูปถ่ายแบบเต็มตัวไปให้ จากนั้นก็ตกลงจะให้ตามไปทำงานด้วย ทั้ง ๆ ที่เข้าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และยังไม่ให้น้องชายตัวเองไปทำงานกับเขาอีก
แต่ไทธัชก็ไม่อยากคิดหาคำตอบเรื่องนี้เพราะว่ามันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้เข้าจะลองไปสมัครงานที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลหรือไม่ก็หางานอื่นที่มันไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นอีก
เด็กหนุ่มสัญญากับตัวเองแล้วว่าจากนี้จะใช่ชีวิตให้รอบคอบและระมัดระวังขึ้น เพราะไม่อยากให้มารดาและยายต้องมาเสียใจกับการกระทำของตนเอง
เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงเสียงดังมาจากในครัว เขารีบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนและล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยงานข้างนอกอย่างที่เป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก
“ขอโทษทีครับแม่ ผมตื่นสายไปหน่อย” ไทธัชรีบเข้าไปช่วยมารดาหั่นหมูสำหรับทำแกงเทโพอย่างทะมัดทะแมง
“ไท ไหนว่าไปค้างกับเพื่อนไง แล้วกลับมาตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“กลับมาตอนห้าทุ่มครับแม่”
“คราวหน้าคราวหลังถ้ากลับดึกอย่างนั้นต้องโทรให้แม่ไปรับนะลูก ยายเป็นห่วง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับยาย ผมโตแล้วอีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้เปลี่ยวสักหน่อย”
“โตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กสำหรับยายและแม่นั่นแหละ”
“ครับยาย ต่อไปผมว่าจะไม่กลับดึกอีกแล้วครับ”
“ไม่ต้องติวแล้วเหรอ” คนเป็นมารดาถาม
“ผมว่าจะอ่านเองดีกว่า บ้านไอ้แทนอยู่ไกลผมไม่อยากเสียเวลาเดินทาง”
“อ้อ อย่างนั้นเอง แล้วคณะที่ไทเรียนมันมีที่เรียนพิเศษไหมลูก”
“ไม่ต้องเรียนหรอกครับมา เสียดายตังอันไหนที่ผมไม่เข้าใจก็ไปถามครูที่โรงเรียนก็ได้” ไทธัชไม่อยากให้มารดาต้องเสียเงินไปกับการเรียนของตัวเองมากไปกว่านี้
“ถ้ามันไม่ไหวก็บอกแม่กับยายนะลูก”
“ครับยาย” ไทธัชตอบรับขณะที่มือก็หั่นหมูอย่างชำนาญ
กับข้าวเสร็จเรียบร้อยตอนเกือบจะหกโมงเช้า ไทธัชรีบช่วยมารดายกใส่หลังรถเพื่อไปให้ทันคนมาจ่ายตลาดในตอนเช้า
“แม่ครับ มีคนจะสั่งคุกกี้เหมือนเมื่อวานเพิ่ม ของที่จะเอามาทำยังพอมีไหมครับ”
“น่าจะหมดแล้ว เดี๋ยวพอขายเสร็จแม่จะแวะซื้อให้นะ”
“ครับแม่”
พอรถแล่นออกจากบริเวณบ้านไปแล้ว ไทธัชก็ปิดประตูรั้วก่อนจะกลับมาเก็บล้างทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในห้องครัวจนสะอาดเรียบร้อยจากนั้นก็ไปอาบน้ำและอ่านหนังสือรอมารดาและยายกลับมาทานข้าวมื้อสายด้วยกัน
16.30 น.
“แม่ครับ ผมขอเอาคุกกี้ไปส่งนะครับ” เด็กหนุ่มเตรียมคุกกี้ที่เพิ่งจะอบเสร็จเมื่อตอนบ่ายลงในถุงหิ้วใบใหญ่
“ไปส่งที่ไหน ของเยอะอย่างนั้นแม่ว่าให้แม่เอารถไปส่งดีไหม”
“เยอะที่ไหนกันครับแม่ เอารถยนต์ไปส่งมันไม่คุ้มค่าน้ำมันนะครับ”
“แล้วไทจะเอาไปส่งที่ไหน”
“ที่โรงพยาบาลครับมา”
คำตอบของไทธัชทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อวานที่ผมเอาคุกกี้แม่ไป พอดีว่าเจอพี่ชายของเพื่อนอีกคนเลยแบ่งให้เขาไปถุงหนึ่งครับ เขาติดใจก็เลยอยากสั่งไปกินกับเพื่อน ๆ ครับ” เขารีบบอกก่อนที่มารดาและยายจะงงมากไปกว่านี้
“แม่ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนเรามีพี่ชายทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แม่จำได้ไหมครับที่เดือนก่อนที่ผมขอแม่ไปงานศพเพื่อน”
“จำได้สิลูก เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนคนนั้นเหรอ”
“ครับแม่”
“น่าสงสารครอบครัวของเขาเหมือนกันนะ แล้วไทไปรู้จักได้ยังไงล่ะไหนว่าไม่สนิทกับเพื่อนคนนั้น”
“ผมบังเอิญเจอเขาที่โรงเรียนครับ เขามาเก็บของใช้ของน้องชาย”
“อ้อ ถ้าเป็นคนรู้จักไทก็ลดราคาให้เขาด้วยนะ”
“ครับแม่”
17.15 น.
ไทธัชมาถึงร้านกาแฟที่นัดกับอคิราห์ไว้ก่อนเวลานัดเล็ก
น้อย เขายืนมองป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟที่ติดอยู่หน้าร้าน เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าสมัครงานเองเพราะอยากลองสมัครด้วยตนเองเสียก่อน
ชายวัยกลางคนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรอยิ้มที่ดูใจดี
“สวัสดีครับ” ไทธัชยกมือไหว้
“สวัสดี มาสมัครงานเหรอ” เพราะดูจากเวลาแล้วคงไม่มีใครเข้ามาร้านกาแฟในเวลาที่กำลังจะปิดร้านอย่างนี้
“ครับ ผมมาสมัครงาน”
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณครับ”
ชายตรงหน้าแนะนำว่าเขาชื่อพีรพลหรือพี่พีท พี่พีทเป็นเจ้าของร้านกาแฟและเบเกอร์รี่แห่งนี้ ที่ร้านตอนนี้มีพนักงานทั้งหมด 3 รวมทั้งตัวเจ้าของร้านด้วย แต่เพราะอีกสองคนจะเข้ามาทำงานตอน 10 โมงเช้าพี่พีทเลยอยากหาคนมาช่วยเขาในช่วงเช้าเพราะในชั่วโมงเร่งด่วนบางครั้งเขาทำคนเดียวไม่ทัน
“เรื่องเวลาผมไม่มีปัญหาครับ แต่เรื่องชงกาแฟ ผมชงทำไม่เป็นเลย”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่สอนได้ ถ้าเราตกลงรับงานพี่จะได้ป้ายหน้าร้านออก”
“ผมตกลงครับ” ไทธัชรีบตกลงทันทีเพราะถ้าเจ้าของร้านออกปากว่าจะสอนเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไร
พีรพลเดินไปหน้าร้านเขายังไม่ทันไปเอาป้ายรับสมัครพนักงานออก อคิราห์ก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี
“มาช้าไปนิดนะซัน พี่คงรับเด็กฝากของซันไม่ได้แล้วล่ะ พี่เพิ่งได้พนักงานคนใหม่เมื่อกี้เอง”
อคิราห์ผิดหวังที่เขาไม่สามารถฝากงานให้กับไทธัชได้ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนรุ่นพี่
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ ไหน ๆ มาแล้วก็มาช่วยพี่ชิมกาแฟหน่อยสิ พี่กำลังจะฝึกเด็กใหม่ชงกาแฟพอดี”
“ครับพี่”
พีรพลเปิดทางให้อคิราห์เข้ามาด้านในร้านขณะที่ตัวเองดึงป้ายที่หน้าร้านออกมาทิ้งขยะ
“ไท มาอยู่ที่นี่ยังไง”
“สวัสดีครับพี่ซัน ผมมาสมัครงานครับ”
“อ้าวสองคนนี้รู้จักกันเหรอ” เจ้าของร้านถามอย่างแปลกใจ
“ก็คนนี้แหละที่ผมจะฝากให้ทำงานกับพี่”
“อะ จริงเหรอ พี่ไม่รู้ เห็นเดินมาสมัครคุยถูกคอก็เลยรับไว้ แล้วน้องก็ไม่บอกนะว่าซันแนะนำมา”
“ผมไม่แน่ใจนี่ครับว่าใช่ร้านนี้หรือเปล่าที่พี่ซันบอกหรือเปล่า”
“ได้งานแล้วพี่ดีใจด้วยนะ เห็นไหมมีงานอีกมากที่เหมาะกับนาย”
“ครับ”
“เอาคุกกี้มาด้วยไหม” คนที่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยงถามขึ้น
“เอามาครับ” ไทธัชยื่นถุงคุกกี้ให้กับอคิราห์ที่พอรับไปก็แกะถุงออกมาทานทันที
“หอมจัง เอามาชิมหน่อย” เจ้าของร้านกาแฟดึงถุงในมือของหมอหนุ่มแล้วหยิบคุกกี้ชิ้นเล็กขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยไหมครับ” เจ้าของคุกกี้ถามแล้วก็รอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้น
“อร่อยมาก ทำเองเหรอ”
“แม่ทำครับ ผมแค่เป็นลูกมือ”
“สนใจเอามาวางขายที่นี่ไหม”
“ได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น
“ได้สิ ปกติพี่ก็รับของคนอื่นมาวางขายเพราะทำไม่ไหว”
“แล้วเจ้าอื่นเขาจะมาว่าเอาเหรอครับ”
“ไม่หรอก เพราะพี่ไม่ได้ผูกขาดกับใคร เจอขนมร้านไหนถูกใจก็สั่งมาวางขาย” พีรพลเป็นคนง่ายๆ
“ขอบคุณครับ วันนี้ผมโชคดีมากได้ทั้งงานและยังได้ออเดอร์ขนมไปฝากแม่อีก” ไทธัชยิ้มหน้าบาน
เขาฝึกชงกาแฟอยู่อีกนับชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับเพราะวันนี้ไม่ได้บอกแม่ไว้จะกลับบ้านค่ำ
“พี่ซันต้องกลับไปทำงานอีกเหรอครับ” ไทธัชถามชายหนุ่มขณะที่เดินมาส่งเขาที่ป้ายรถเมล์
“อือ ตอนสองทุ่มมีผ่าตัด”
“อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากออกมาหาผมเลย” พอรู้ว่าอีกคนออกมาจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังมีงานค้างอยู่ก็รู้สึกเกรงใจ
“ไม่ลำบากหรอก พี่อยากแน่ใจด้วยว่างานที่นายทำมันเหมาะกับนายจริง”
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง มีอะไรที่ผมจะทำให้พี่ได้บ้างไหม” ไทธัชถามด้วยสีหน้าจริงจัง ชายตรงหน้าเขานับว่าเป็นผู้มีพระคุณลำดับที่ 3 ของเขาเลยทีเดียว
“ก็อย่างที่บอกไง เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน”
“ครับ”
“รถมาแล้วนายรีบกลับบ้านเถอะแล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาทำงานนะ”
“ครับ พี่ซันก็ตั้งใจทำงานนะครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปยังรถเมล์ที่อัดแน่นเหมือนปลากระป๋อง
ไทธัชกลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม มารดาและยายกำลังช่วยกันห่อข้าวต้มมัดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระยายมักจะทำขนมหวานไปวางขายที่ตลาดด้วย“ไท กลับค่ำเชียวลูก”“ขอโทษครับยาย ผมคุยเพลินไปหน่อย” เด็กหนุ่มเข้ามากอดยายอย่างประจบ“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มัทนาถามลูกชายที่แม้จะตัวโตแล้วแต่ในสายตาเธอไทธัชก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ“ยังเลยครับ หิวจังมีอะไรเหลือให้ผมกินบ้างครับแม่”“ในตู้เย็นมีแกงส้มเหลืออยู่ ส่วนในตู้กับข้าวมีน้ำพริกกะปิ ชะอมทอดและปลาทูทอด”“ของโปรดเลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วจะมาช่วย”“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกลูก เดี๋ยวข้าวก็ได้ติดคอกันพอดี” ยายมาลัยพูดไล่หลังหลานชายด้วยความเป็นห่วงทานข้าวเสร็จแล้วไทธัชก็มาช่วยมารดาและยายห่อข้าวต้มมัด แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่เขาก็ทำมาตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะทำงานของผู้หญิงระหว่างที่มือทำปากก็ชวนคุยไปเรื่อย เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะบอกมารดาว่าเขารับออเดอร์คุกกี้มาให้มารดาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไทธัชจะเป็นคนเอาไปส่งเองในอีกสองวันข้างหน้า“แม่ครับพรุ่งนี้ไทจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับแม่”“โรงเรียนปิดนี่ลูก ห้องสมุดจะเปิดเหรอ”“ห้องสมุดประชาชนค
กาแฟแก้วเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่รับมาจากมือของไทธัชเมื่อเช้า ส่วนเจ้าของห้องนั้นยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้าอคิราห์จิบกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถูกตามตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพราะต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอในการผ่าตัดเคสที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้หมอศัลยกรรมหลายคนกว่าเขาจะออกมาจากห้องกาแฟแก้วนั้นก็เย็นชืดไปหมดแล้วแก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาจิบแม้มันจะเย็นชืดแต่อคิราห์ก็ไม่คิดจะทิ้งเพราะกาแฟแก้วนี้ไทธัชเป็นคนเลี้ยง เขาจิบทีละนิดจนหมดแก้ว ขณะที่กำลังทิ้งแก้วเปล่าลงถังขยะก็เห็นว่าตรงปลอกแก้วมีอะไรเขียนอยู่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลอเหลาของคุณหมอวัยเกือบจะสามสิบปีเมื่อเห็นข้อความพี่ซันสู้ๆด้านหลังข้อความยังมีรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูนิ้วมือสองนิ้ววาดด้วยปากกาทำให้คนมองรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกมากเขาถึงปลอกแก้วออกมาเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วทิ้งแค่เพียงแก้วลงไปในถังขยะพอได้รับกำลังใจมาแล้วอคิราห์ก็มีแรงเริ่มต้นทำงานในตอนบ่ายอีกครั้งกว่าจะได้กลับไปยังคอนโดก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อคิราห์สั่งอาหารเย็นยังแอปพลิเคชั่นสีเขียวให้ไปส่งที่คอนโด เพราะขี้เกียจจะแวะซื้อชีวิตประจำวันของอคิราห์ว
ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้วเมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”“ได้ครับ”เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”ไทธัชบ
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด
“พี่ซันครับ”“ว่าไง” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้อคิราห์ออกจากภวังค์“ช่วยผมเลือกได้ไหม” เขาชูรองเท้ากีฬามือข้างหนึ่งถือรองเท้าดำพื้นขาว ส่วนอีกข้างสีเทา“ถ้าให้พี่เลือกพี่จะเอาสีอะไรครับ”“สีเทา”“ทำไมครับ สีดำก็สวยนะ” ไทธัชนั้นชอบทั้งสองสีแต่พอเขาบอกว่าสีเทาสวยเจ้าตัวเลยคิดว่าสีดำก็สวยเหมือนกัน“งั้นก็เอาสีที่นายชอบ”เด็กหนุ่มมองรองเท้าในมือทั้งสองข้างสลับไปมา เพราะรู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีโอกาสเลือกซื้อให้ตัวเองแน่ ๆ เขาเลยตัดสินใจค่อนข้างยาก“น้องครับเอาสองคู่เลยครับ” อคิราห์พูดตัดบทแล้วส่งเครดิตการ์ดให้กับพนักงานซึ่งรับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม เพราะลูกค้าตัดสินใจเลือกรองเท้าทั้งสองคู่ ราคารวมกันแล้วก็เกือบจะหนึ่งหมื่นบาท“เดี๋ยว ๆ ผมเอาสีดำครับ” เพราะไม่อยากให้อคิราห์ต้องเสียเงินมากเกินไป เด็กหนุ่มจึงรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็ว“ได้ค่ะ” พนักงานหันมายิ้มกับรู้สึกขำกับท่าทางของเด็กหนุ่ม“น้องครับ เอาสีดำเบอร์ 43 ให้พี่คู่หนึ่งครับ” อคิราห์บอกพนักงาน“พี่ก็จะซื้อเหรอครับ”“อือ พี่เล็งสีดำไว้แล้ว”“อ้อ”ได้รองเท้าคนละหนึ่งคู่ กางเกงและเสื้อกีฬาอีกคนละสองชุด จากนั้นก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่
“ไทวาดเป็นเหรอ” อคิราห์หันมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นไทธัชวาดรูปมาก่อนเลยสักครั้ง“ก็พอได้ครับ แต่ก่อนก็เคยรับงานวาดอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้รับมานานแล้ว”“พี่ขอดูผลงานของน้องหน่อยได้ไหม” ธีรธรตื่นเต้น เขาเริ่มมีความหวัง เพราะคิดว่าถ้าผลงานของเด็กคนนี้คล้ายกับอคินทร์ก็คงจะพูดกันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะสนิทกับลูกชายอีกคนของคุณอรณีไทธัชส่งโทรศัพท์ให้กับนักเขียน ในนั้นมีภาพที่เขาวาดเก็บไว้รวมถึงภาพที่เคยทำให้กับนักเขียนคนอื่นอยู่หลายภาพแล้วคนที่นั่งหน้าเครียดก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลายเส้นของไทธัช“ใช้ได้เลย ลายเส้นคล้ายกันมาก”“เคยเห็นผลงานคิวมาก่อนไหม” เขาถามเพราะดูผลงานแล้วเหมือนกับทั้งสองคนมีอาจารย์คนเดียวกัน“ครับ ผมเคยปรึกษาคิวอยู่หลายครั้ง เราปรึกษาอาจารย์คนเดียวกัน”“หนูรู้จักกันด้วยเหรอลูก” คุณอรณีซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่พอใจที่ไทธัชนั่งอยู่ในห้องด้วยก็ตาลุกวาวเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่ลูกชายคนโตพามาด้วยนั้นรู้จักกับลูกชายคนเล็ก“ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”“ถ้าพี่จะให้น้องวาดต่อ แต่ขอเครดิตให้คิว น้องจะโอเคไหม” ธีรธรถามออกไปแล้วก็รอค