ไทธัชรีบทานข้าวอย่างรวดเร็วเพราะเย็นนี้เขาต้องไปรอพี่ชายของแทนคุณที่บ้านก่อนจะไปทำงานที่บาร์ด้วยกัน ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยโทรไปแล้ว พี่เขตบอกกับเขาว่าคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เจ้าของบาร์รับเด็กพาร์ทไทม์เพิ่ม พอเขาส่งรูปไปให้ทางนั้นก็ยอมให้เข้าไปทำงานทันที
ค่าแรงต่อหนึ่งคืนก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วไม่ได้เงินสักบาท
เขามาถึงบ้านของแทนคุณตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเย็นบ้านหลังนี้แทนคุณและพี่ชายอยู่กันสองคนส่วนพ่อกับแม่นั้นพักอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานมากกว่า
“ไอ้ไท เข้ามาก่อนสิ พี่กูเพิ่งตื่น”
“แม่ฝากคุกกี้มามึงกับพี่ด้วยนะ” เขายื่นคุกกี้ให้เพื่อนสองถุง ส่วนอีกถุงเก็บไว้ในเป้เพราะพรุ่งนี้จะแวะไปหาอคิราห์ เลยคิดว่าอยากหาอะไรติดมือไปฝากเขาด้วย
นึกถึงชายคนนั้นแล้วไทธัชก็หงุดหงิดเขารอโทรศัพท์ทั้งวันแต่อีกฝ่ายก็เงียบ
“กินข้าวมายังวะ” เจ้าของบ้านถาม
“กินมาแล้ว มึงล่ะ”
“ยังเลยว่าจะไปกินหน้าปากซอย มึงไปด้วยไหม”
“อือ ไปสิ” ถึงตัวเองจะกินข้าวมาแล้วแต่ก็ไม่อยากนั่งอยู่คนเดียว แม้จะมาที่นี่หลายครั้งและรู้จักพี่ชายของเพื่อนเป็นอย่างดีแต่ไทธัชก็ไม่กล้านั่งอยู่คนเดียว
ไทธัชเดินตามเพื่อนออกมาหน้าปากซอย เขาสั่งโค้กมากินระหว่างรอ ส่วนแทนคุณสั่งข้าวผัดกะเพรามาทานที่ร้านหนึ่งจานและอีกหนึ่งกล่องสำหรับพี่ชาย
“มึงจะไม่ไปทำกับกูแน่เหรอ”
“กูอยากไปนะ อยากเอาตังมาเติมเกม แต่พี่กูไม่ยอมให้ไปบอกว่าอยากให้กูตั้งใจอ่านหนังสือ”
“มึงลองขออีกทีสิ กูจะได้มีเพื่อน” เพราะไม่เคยทำงานมาก่อนไทธัชก็อยากให้แทนคุณไปทำงานกับตัวเอง แม้จะมีพี่ชายของเพื่อนไปด้วยพี่เขตแดนก็ไม่ได้เป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนกับตัวเอง
“เดี๋ยวกลับกูว่าจะลองขอดู ว่าแต่มึงเถอะ บอกแม่ว่ามาติวบ้านกูใช่ไหม”
“เออสิวะ ขืนบอกว่าไปทำงานมีหวังความแตกกันพอดี”
“แล้วพี่ชายไอ้คิวว่าไงบ้าง เขาจะให้ผ่อนใช้เดือนละเท่าไหร่”
“กูยังไม่ได้คุยกับเขาเลย เมื่อเช้าไปหาเขาที่โรงพยาบาลเขาก็ไม่ว่าง กูทิ้งเบอร์ให้แต่ก็รอตั้งแต่เช้าก็ไม่โทรกลับสักที”
“เป็นกูนะเบี้ยวแม่งเลย ใครอยากมาจ่ายให้ไม่ได้ขอร้องสักหน่อย”
“กูก็เคยคิด แต่ไม่เอาดีกว่ากลัวบาป”
“มึงนี่คนดีจริงๆ นะไอ้ไท สมแล้วที่เป็นลูกรักหลานรักของแม่กับยาย”
“มึงอย่าพูดอย่างนี้สิไอ้แทน กูยิ่งรู้สึกผิดกับสองคนนั้นอยู่”
“เอาน่ามึงอย่าคิดมาก เดี๋ยวมีงานก็มีเงินใช้หนี้เองแหละ” “อือ กูก็คิดอย่างนั้นแหละ”
ระหว่างที่นั่งรอเพื่อนทานข้าว เสียงโทรศัพท์ของไทธัชก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มรีบกดรับทันที
“สวัสดีครับ”
“พี่เอง”
“ครับ ว่างแล้วเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงประชด รอทั้งวันเพิ่งจะโทรมาเอาตอนเกือบจะหกโมงเย็น
“เพิ่งว่าง จะมาคุยไหม”
“ผมไม่ว่างแล้วต้องไปทำงาน เอาไว้คุยวันหลังได้ไหมครับ”
“ทำงานเหรอ”
“ครับทำงาน”
“ที่ไหน นายยังเรียนไม่จบนะ แล้วเวลานี้มันเย็นแล้วมีงานที่ไหนเขาให้เด็กอย่างนายไปทำ”
“มีก็แล้วกันน่า”
“งานอะไร บอกมาก่อนไม่ผิดกฎหมายใช่ไหม”
“ไม่ผิดหรอก อีกอย่างผมก็โตแล้ว”
“โตแล้วแต่ก็ยังเรียนอยู่ หน้าที่ของนายก็คือตั้งใจเรียนไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมพี่ต้องทำเสียงเข้มอย่างนั้นด้วย ผมก็แค่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟเอง ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“เคยทำมาก่อนหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ครับ นี่ครั้งแรก ผมไปกับพี่ชายของเพื่อนไว้ใจได้”
“งั้นก็แล้วไป ว่าแต่ทำที่ไหนเผื่อจะแวะไปใช้บริการไง”
ไทธัชหันมาถามเพื่อนที่นั่งข้างถึงชื่อบาร์ที่เขาจะไปทำคืนนี้จากนั้นก็บอกคนปลายสายไป
“ไม่เคยไปที่นั่นใช่ไหม” อคิราห์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ครับ ก็บอกไปแล้วไงว่าผมเพิ่งจะไปวันแรก”
“พี่ขอสั่งว่าห้ามไปทำงานที่นั่น”
“พี่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม” เขาเริ่มโมโหเพราะดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะก้าวก่ายชีวิตของตนมากเกินไป
“สิทธิ์ของเจ้าหนี้ไง”
“พี่แม่งกวนตีนว่ะ ที่ผมจะไปทำงานก็เพราะอยากหาเงินมาใช้หนี้พี่ แล้วพี่จะมาห้ามผมทำไม”
“พี่มีเหตุผลก็แล้วกัน เรื่องงานพี่จะหาให้ใหม่ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”
“ทำไมผมต้องบอก”
“นายไม่บอกก็ได้ พี่จะไปถามแม่กับยายของนายเองว่านายไปทำงานที่ไหน”
“พี่อย่าเอาสองคนนั้นมาขู่ผมเลย พี่ไม่รู้จักสักหน่อย”
“นายคิดว่าตอนที่พี่จ่ายเงินค่าเทอมให้นายพี่จะได้ขอดูข้อมูลของนายก่อนเหรอ”
“พี่พูดจริงเหรอ” ไทธัชตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้ข้อมูลของตนเอง
“จะโกหกนายทำไม บอกมาว่าอยู่ที่ไหนจะไปรับ”
“ไม่ต้องมารับหรอกพี่จะให้ไปหาที่ไหนผมไปเองได้”
“ได้แน่นะ ถ้าภายใน 45 นาทีนายไม่มาพี่จะไปหาแม่กับยายของนายที่บ้าน”
“ผมบอกว่าจะไปก็ต้องไปสิ พี่แชร์โลเคชั่นมาสิ”
พอวางสายจากอคิราห์แล้วไทธัชก็หน้าเปลี่ยนสี เขาไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเพื่อนยังว่าวันนี้เขาคงไปทำงานไม่ได้แล้ว
“มีไรวะไท หน้ามึงเครียดมาก”
“กูมีธุระด่วน”
“แล้วเรื่องงานล่ะจะให้กูบอกพี่ว่าไง”
“บอกว่ากูขอโทษ กูไม่ทำแล้ว”
“มึงหมายความว่ายังไง”
“เจ้าหนี้กูโทรมา เขาบอกจะช่วยหางานให้”
“มึงหมายถึงพี่ชายไอคิวเหรอ”
“อือ กูไปก่อนนะ พอดีเขารีบ แล้วกูจะโทรหา อย่าลืมบอกพี่มึงนะว่ากูขอโทษ”
ไทธัชรีบวิ่งไปยังป้ายรถเมล์ เขาไม่อยากช้าสักวินาทีเพราะกลัวว่าชายคนนั้นจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
ลงจากรถเมล์แล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ไทธัชไม่กล้าเดินเข้าไปเพราะกลัวจะถูกยามที่อยู่ด้านหน้าไล่ออกมา
เด็กหนุ่มโทรไปบอกอคิราห์ว่าตอนนี้เขามาถึงแล้วและรออยู่ด้านหน้าคอนโดแล้ว
“เข้ามานั่งรอด้านใน เดี๋ยวจะลงไปรับ” เพราะไทธัชไม่มีคีย์การ์ดเขาจึงขึ้นมาชั้นบนไม่ได้
ระหว่างรออีกคนลงมารับเด็กหนุ่มก็ใช้สายตาสำรวจไปทั่ว คอนโดแห่งนี้ราคาคงแพงเอาเรื่อง สังเกตจากคนที่เดินเข้าออกล้วนแต่งตัวดูดี ใช้แต่ของแบรนด์เนมกันทั้งนั้น มองคนอื่นแล้วก็ก้มมองตัวเอง กางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดสีเทารองเท้าผ้าใบเก่า ๆ เทียบไม่ได้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยสักนิด แต่มันก็ไม่แปลกเพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเขา ถ้าคนพวกนี้ลองไปเดินในตลาดสิรับรองได้เลยว่าพวกเขาจะเป็นตัวประหลาดเพราะแต่งตัวดูดีเกินไป
คิดแบบนั้นแล้วก็ต้องยิ้ม เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่คนรวยๆ เหล่านี้จะไปเดินตลาดสดให้ชุดและรองเท้าแพงๆ ของพวกเขาต้องเปรอะเปื้อน
อคิราห์วางสายจากเด็กหนุ่มแล้วก็รีบลงมาหาที่ชั้นล่างของคอนโด
“สวัสดีครับ”
“มาเร็วดีนี่ยังไม่ถึง 45 นาทีเลยนะ” เขาหัวเราะ ส่วนอีกคนก็หน้าบึ้งเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบังคับ
“พี่เรียกผมมาทำไม ผมกำลังจะไปเริ่มงานวันแรกเลยนะ”
“นายจะไปเป็นเด็กเสิร์ฟอย่างเดียวจริงเหรอ” เขาถามด้วยความสงสัยเพราะรู้ดีว่าบาร์ที่เด็กหนุ่มจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์ลักษณะไหน
“จริงสิ พี่ถามอะไรแปลกๆ”
“ก่อนไปทำงานนายไม่เคยไปที่นั่นใช่ไหม”
“ใช่ ผมไม่เคยไปแต่พี่ชายเพื่อนผมเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นั่น เขาไว้ใจได้”
“ขึ้นไปคุยกันบนห้องก่อน มีอะไรจะให้ดู”
“ผมไว้ใจพี่ได้เหรอครับ ถ้าพี่พาผมขึ้นไปบนห้องแล้วฆ่าหั่นศพผมขึ้นมาล่ะ”
“พี่ฆ่านายแล้วพี่จะได้อะไร”
“ไม่รู้สิ บางทีพี่อาจเป็นพวกฆาตกรโรคจิตก็ได้”
“จะมีฆาตกรที่ไหนหน้าตาดีแบบนี้ อย่าเรื่องมากตามขึ้นมาถ้าไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้” ไทธัชเดินตามหลังเขาเข้าไปในลิฟต์อย่างงงๆ
ห้องพักของอคิราห์ดูหรูหราในแบบที่ไทธัชไม่เคยเห็นมาก่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคา ขนาดห้องกว้างกว่าบ้านเขาทั้งหลังเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าของห้องคงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะห้องที่ดูหรูหรานั้นมันรกกว่าห้องนอนของเขาหลายเท่าเลยทีเดียว“นั่งสิจะได้คุยกัน” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวโตกลางห้องด้วยท่าทางสบาย ๆไทธัชนั่งตามเขาลงไป แต่เว้นระยะห่างพอสมควร“พี่บอกจะมีอะไรให้ผมดู”อคิราห์หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาจากนั้นเสิร์ซเพจของทางร้านก่อนจะส่งให้ไทธัชดูสีหน้าของไทธัชดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย พี่ชายของแทนคุณไม่ได้บอกว่าร้านที่เข้าจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์เกย์และตอนนี้ก็กำลังเปิดรับสมัครเด็กหนุ่มเพื่อมาบริการลูกค้า“แต่ผมไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะครับ”“พอเข้าไปในร้านแล้วนายคิดว่าเลือกได้เหรอว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หน้าตาดีอย่างนายคงเรียกแขกได้มาก” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ“พี่เขาคงไม่โกหกหรอกมั้ง ผมเป็นเพื่อนน้องชายเขาเลยนะ”“นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ เขามีน้องชายแล้วเขาให้น้องชายไปทำงานกับนายด้วยไหมล่ะ”เด็กหนุ่มนิ่ง มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันเพราะพี่ชายของแทนคุณไม่ยอมให้น้องชาย
ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตามใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืดไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิมเด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้นไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วยเรื่องงานที่จะไปทำกับพี
ไทธัชกลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม มารดาและยายกำลังช่วยกันห่อข้าวต้มมัดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระยายมักจะทำขนมหวานไปวางขายที่ตลาดด้วย“ไท กลับค่ำเชียวลูก”“ขอโทษครับยาย ผมคุยเพลินไปหน่อย” เด็กหนุ่มเข้ามากอดยายอย่างประจบ“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มัทนาถามลูกชายที่แม้จะตัวโตแล้วแต่ในสายตาเธอไทธัชก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ“ยังเลยครับ หิวจังมีอะไรเหลือให้ผมกินบ้างครับแม่”“ในตู้เย็นมีแกงส้มเหลืออยู่ ส่วนในตู้กับข้าวมีน้ำพริกกะปิ ชะอมทอดและปลาทูทอด”“ของโปรดเลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วจะมาช่วย”“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกลูก เดี๋ยวข้าวก็ได้ติดคอกันพอดี” ยายมาลัยพูดไล่หลังหลานชายด้วยความเป็นห่วงทานข้าวเสร็จแล้วไทธัชก็มาช่วยมารดาและยายห่อข้าวต้มมัด แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่เขาก็ทำมาตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะทำงานของผู้หญิงระหว่างที่มือทำปากก็ชวนคุยไปเรื่อย เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะบอกมารดาว่าเขารับออเดอร์คุกกี้มาให้มารดาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไทธัชจะเป็นคนเอาไปส่งเองในอีกสองวันข้างหน้า“แม่ครับพรุ่งนี้ไทจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับแม่”“โรงเรียนปิดนี่ลูก ห้องสมุดจะเปิดเหรอ”“ห้องสมุดประชาชนค
กาแฟแก้วเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่รับมาจากมือของไทธัชเมื่อเช้า ส่วนเจ้าของห้องนั้นยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้าอคิราห์จิบกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถูกตามตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพราะต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอในการผ่าตัดเคสที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้หมอศัลยกรรมหลายคนกว่าเขาจะออกมาจากห้องกาแฟแก้วนั้นก็เย็นชืดไปหมดแล้วแก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาจิบแม้มันจะเย็นชืดแต่อคิราห์ก็ไม่คิดจะทิ้งเพราะกาแฟแก้วนี้ไทธัชเป็นคนเลี้ยง เขาจิบทีละนิดจนหมดแก้ว ขณะที่กำลังทิ้งแก้วเปล่าลงถังขยะก็เห็นว่าตรงปลอกแก้วมีอะไรเขียนอยู่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลอเหลาของคุณหมอวัยเกือบจะสามสิบปีเมื่อเห็นข้อความพี่ซันสู้ๆด้านหลังข้อความยังมีรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูนิ้วมือสองนิ้ววาดด้วยปากกาทำให้คนมองรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกมากเขาถึงปลอกแก้วออกมาเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วทิ้งแค่เพียงแก้วลงไปในถังขยะพอได้รับกำลังใจมาแล้วอคิราห์ก็มีแรงเริ่มต้นทำงานในตอนบ่ายอีกครั้งกว่าจะได้กลับไปยังคอนโดก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อคิราห์สั่งอาหารเย็นยังแอปพลิเคชั่นสีเขียวให้ไปส่งที่คอนโด เพราะขี้เกียจจะแวะซื้อชีวิตประจำวันของอคิราห์ว
ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้วเมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”“ได้ครับ”เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”ไทธัชบ
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื
ไทธัชเรียนการใช้โปรแกรม illustrator กับอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางโปรแกรมซูมโดยใช้โน้ตบุ๊กของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของอคิราห์ทำตามที่อาจารย์สอนไปด้วยเด็กหนุ่มพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว จึงเรียนรู้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไรแม้จะเป็นเพียงแค่การเรียนครั้งแรกก็ตามเวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไทธัชชัดดาวน์คอมพิวเตอร์และเดินไปปลุกเจ้าของห้องตามที่เขาสั่งไว้ห้องนอนของอคิราห์ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา บนเตียงกว้างตอนนี้มีร่างสูงของคุณหมอหนุ่มนอนหลับสนิทและดูเหมือนว่าเขากำลังฝันดีเพราะสังเกตจากปากรูปกระจับที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย“พี่ซันครับ” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตกใจ“อือ เรียนเสร็จแล้วเหรอ”“ครับ”“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม ง่วงมาก”“ตามสบายครับผมออกไปก่อนนะ”“อย่าเพิ่งไปรอก่อน ขอสิบนาทีนะ” ชายหนุ่มพลิกตะแคงตัวหันหน้ามาทางคนที่เดินมาปลุก มือเรียวยาวคว้าข้อมือของไทธัชไว้ ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งไทธัชไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะรบกวนเวลาสิบนาทีตามที่อคิราห์ขอ เขามองใบหน้าของคุณหมอหนุ่มแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม นอกจากอคิราห์จะเป็นคนจิตใจดีแล้วยังเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา ด