แล้วก็ถึงวันศุกร์ทุกคนต่างดีใจที่จะได้ปิดเทอม ไทธัชก็เหมือนกับคนอื่น แต่ไม่ใช่เพราะจะได้พักผ่อนอยู่บ้านหรือนอนเล่นเกมเหมือนเพื่อน ๆ แต่เพราะในช่วงปิดเทอมนี้เขาวางแผนแล้วว่าจะไปทำงานที่บาร์กับพี่ชายของแทนคุณ ซึ่งบอกว่าที่บาร์ยังต้องการเด็กเสิร์ฟอีกจำนวนมากและให้ไทธัชเข้าไปเริ่มงานได้ทันทีที่พร้อม
หลังออกจากห้องสอบไทธัชก็รีบไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอคินทร์
“มึงจะเอาที่อยู่ของไอ้คิวไปทำไมวะ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจเพราะอคินทร์นั้นเสียชีวิตไปนานนับเดือนแล้ว
“กูมีธุระจะคุยกับพี่ชายของมันนิดหน่อย”
“ถ้ามึงอยากคุยกับพี่ไอ้คิวกูว่ามึงไปหาเขาที่ทำงานดีกว่า พี่ไอ้คิวกับไอ้คิวไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน”
“แล้วเขาทำงานที่ไหน”
เด็กหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอคินทร์บอกชื่อโรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งหนึ่งให้กับไทธัช
“ขอบใจมาก” ไทธัชกล่าวขอบคุณ
เพราะสอบเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ เลยชวนกันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านหมูกระทะที่อยู่ข้างโรงเรียน แต่ไทธัชไม่ได้ไปกับเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะเขามีเรื่องที่ต้องไปจัดการ
ระหว่างที่นั่งรอรถเมล์เด็กหนุ่มก็โทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าเขาอาจจะกลับบ้านค่ำเพราะจะไปกินหมูกระทะกับเพื่อน เด็กหนุ่มรู้สึกผิดที่ต้องพูดโกหกแต่ก็คิดว่ามันคงดีกว่าบอกความจริง
ไทธัชมาถึงโรงพยาบาลที่พี่ชายของอคินทร์ทำงานอยู่ในเวลาห้าโมงเย็น เขาแจ้งประชาสัมพันธ์ว่าขอพบนายแพทย์อคิราห์
“ตอนนี้หมออยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ”
“อีกนานไหมครับถึงจะออกมา”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่เพิ่งเริ่มผ่าตัดไปไม่ถึง 20 นาทีคิดว่าคงอีกนาน คุณมีธุระอะไรด่วนไหมคะ ถ้าด่วนมากฉันจะโทรไปหาเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัด เขาจะแจ้งคุณหมอให้ค่ะ”
“ไม่ด่วนครับ เอาไว้ผมมาวันหลังก็ได้” เสียงนั้นฟังดูผิดหวังเล็กน้อย แม้อยากจะเจอมากแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลางานของผู้มีพระคุณ
“จะทิ้งโน้ตไว้ก็ได้นะคะ ถ้าหมอออกมาฉันจะบอกให้” ประชาสัมพันธ์สาวรู้สึกเห็นใจเพราะดูแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งใจมาพบนายแพทย์อคิราห์เป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
วันรุ่งขึ้นไทธัชก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อไปดักรออคิราห์ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล
มีรถเข้ามาจอดหลายคันแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ตั้งใจมาหา เด็กหนุ่มเพิ่งจะนึกออกว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ เขาไม่รู้ว่าหมอของโรงพยาบาลรัฐบาลจะเข้ามาทำงานวันเสาร์ด้วยหรือเปล่า
ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเรียก ไทธัชรีบหันกลับไปตามเสียง คนที่เรียกคือคนที่เขากำลังอยากเจออยู่พอดี
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่า
“อือ คราวหลังไม่ต้องไหว้ พี่ยังไม่แก่”
“ผมมาขอบคุณที่พี่ช่วยจ่ายค่าเทอมให้แล้วก็อยากคุยด้วยเรื่องจะขอผ่อนเงินคืนให้พี่”
“เอาไงดีล่ะ วันนี้พี่ต้องรีบไปดูคนไข้”
“ผมรอได้ ยังไงผมก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”
“แต่พี่ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน และไม่อยากกังวลว่ามีคนรออยู่ เอางี้นะนายทิ้งเบอร์โทรให้พี่ละกัน เดี๋ยวพี่ว่างตอนไหนจะโทรหาเองดีไหม”
อคิราห์ยื่นโทรศัพท์ให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า
“พี่ต้องโทรหาผมจริงๆ นะ” ขณะกดเบอร์ของตัวเองลงไปในโทรศัพท์ของคุณหมอหนุ่มไทธัชก็พูดไปด้วย เขาไม่อยากรับเงินของใครมาฟรี ๆ จึงอยากคุยกับพี่ชายของเพื่อนคนนี้ให้รู้เรื่อง
“อือ แล้วนี่นายมายังไง”
“นั่งรถเมล์มาครับ”
“กลับดี ๆ ละ พี่ไปก่อนนะ”
“ครับ” ไทธัชมองตามหลังของชายหนุ่มไปพอเห็นเขาเดินหายเข้าไปในตึกแล้วตัวเองก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อรอรถเมล์สายเดิมนั่งกลับไปยังบ้านของตัวเอง
เด็กหนุ่มวัย 18 ปีกลับมาถึงบ้านเกือบจะ 10 โมงเช้า มารดาและยายยังไม่กลับมาจากขายของตลาด เขาจึงเดินเข้าครัวจากนั้นก็เริ่มลงมือทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
มารดาและยายของไทธัชมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ในทุก ๆ เช้าท่านทั้งสองจะตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำกับข้าวไปขายที่ตลาด บางวันที่ตรงกับวันพระยายของเขาก็จะทำขนมหวานไปวางขายด้วย ถึงแม้จะมีรายได้มามากแต่ก็พออยู่ได้โดยไม่ลำบาก
พอขายของเสร็จทั้งสองคนก็จะซื้อของสดที่สำหรับทำกับข้าวในวันรุ่งขึ้นกลับมาด้วย เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาออกไปซื้ออีกครั้ง นอกจากข้าวแกงแล้ว มารดาของเด็กหนุ่มยังทำขนมไปส่งตามร้านกาแฟอีกด้วย
สำหรับไทธัชนั้นมีหน้าที่ช่วยเตรียมวัตถุดิบเพื่อให้มารดากับยายเป็นคนปรุงอีกที
ขณะที่ล้างกระทะใบสุดท้ายเสร็จ เสียงรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่หน้าบ้านพอดี เด็กหนุ่มรีบเดินออกไปช่วยทั้งสองขนของลงจากรถอย่างรู้งาน
“อ้าวไท ไหนว่าจะออกไปข้างนอกไงลูก” ยายมาลัยถามหลานชาย
“ไปแล้วครับยาย แต่เพื่อนมันไม่ว่างผมเลยกลับมาก่อน เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีครับ”
“ไทอยู่บ้านก็ดีแล้วลูก บ่ายนี้แม่มีออเดอร์คุกกี้มาเยอะเลย”
“เจ้าใหม่เหรอครับแม่” เพราะปกติแล้วเจ้าเดิมจะมีกำหนดส่งขนมทุกวันพุธ แต่นี่เพิ่งจะวันเสาร์ไทธัชจึงอดที่จะถามไม่ได้
“ใช่จ้ะ มีร้านกาแฟเปิดใหม่เขากำลังอยากได้ขนมไปลงที่ร้านแม่ก็เลยลองเสนอไป”
“แม่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับ ผมปิดเทอมพอดีจะได้ช่วยแม่กับยายได้อย่างเต็มที่”
“ช่วยแม่กับยายก็ดีอยู่หรอก แต่ไทก็ต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือบ้างนะลูก หน้าที่ของไทตอนนี้คือต้องตั้งใจเรียน เรื่องหาเงินแม่กับยายจะช่วยกันเอง”
“ไม่เป็นไรครับแม่ ช่วยแม่ทำขนมก็เท่ากับได้ผ่อนคลาย”
“หลานยายคนนี้มันน่ารักจริง”
“แม่ครับ ยายครับ ช่วงเย็นๆ ผมอาจต้องไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อนนะครับ อาจจะกลับดึกหรือบางครั้งก็อาจจะค้างที่นั่นเลย”
“อย่างนั้นเหรอลูก แล้วไปติวที่บ้านใครล่ะ”
“ไอ้แทนครับแม่”
“อ๋อ” มัทนาได้ยินอย่างนั้นก็เบาใจเพราะเธอเคยเจอเพื่อนของลูกชายคนนี้อยู่ก็หลายครั้ง ดูท่าทางแล้วไม่ใช่เด็กเกเรให้เธอต้องเป็นกังวล
“ยายภูมิใจนะที่หลานรักของยายเป็นเด็กดี ช่วยยายกับแม่ทำงานที่บ้านและยังขยันเรียนอีก”
คำพูดของยายทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที ถ้าท่านรู้เรื่องที่เขาทำทั้งสองคงเสียใจและผิดหวังมาก
ไทธัชช่วยมารดาทำขนมไปด้วย ในขณะที่หูก็คอยฟังว่าเมื่อไหร่โทรศัพท์ของตัวเองจะมีคนโทรเข้า เขารอจนกระทั่งบ่ายก็ไม่มีการติดต่อมาจากผู้ชายที่ชื่ออคิราห์เลยสักครั้ง
ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงานของคุณหมอหนุ่ม สุดท้ายแล้วไทธัชก็เลิกคิดที่จะให้เขาโทรมา
ในเมื่อรู้แล้วว่าเขาทำงานที่ไหนการไปดักรอเขาก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วครั้งนี้เขาจะต้องคุยกับผู้ชายคนนั้นให้รู้เรื่อง
“ไท เย็นนี้จะออกไปติวกับเพื่อนกี่โมง ให้แม่ไปส่งไหม แม่ต้องเอาขนมไปส่งอยู่แล้วจะได้ไปพร้อมกันเลย”
“มันคนละทางกันครับแม่ ผมว่านั่งรถเมล์ไปดีกว่า”
“แล้วจะกลับยังไง ถ้ามันดึกมากให้แม่ไปรับก็ได้นะลูก”
“คืนนี้ผมว่าจะค้างกับไอ้แทนเลยครับแม่ สาย ๆ จะกลับมานะครับ”
“งั้นก็ตามใจ อ้อ แล้วเอาขนมไปฝากแทนด้วยนะ แม่เตรียมไว้แล้ว”
“แม่ครับ ขอ 2 ถุงได้ไหม”
“แม่เตรียมไว้ 3 ถุงจ้ะ เผื่อหิวตอนติวจะได้แบ่งกันกินนะลูก”
“ขอบคุณครับแม่”
“อย่าลืมกินข้าวก่อนไปนะไท แม่เตรียมกับข้าวไว้แล้ว”
“ครับแม่”
ไทธัชรีบทานข้าวอย่างรวดเร็วเพราะเย็นนี้เขาต้องไปรอพี่ชายของแทนคุณที่บ้านก่อนจะไปทำงานที่บาร์ด้วยกัน ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยโทรไปแล้ว พี่เขตบอกกับเขาว่าคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เจ้าของบาร์รับเด็กพาร์ทไทม์เพิ่ม พอเขาส่งรูปไปให้ทางนั้นก็ยอมให้เข้าไปทำงานทันทีค่าแรงต่อหนึ่งคืนก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วไม่ได้เงินสักบาทเขามาถึงบ้านของแทนคุณตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเย็นบ้านหลังนี้แทนคุณและพี่ชายอยู่กันสองคนส่วนพ่อกับแม่นั้นพักอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานมากกว่า“ไอ้ไท เข้ามาก่อนสิ พี่กูเพิ่งตื่น”“แม่ฝากคุกกี้มามึงกับพี่ด้วยนะ” เขายื่นคุกกี้ให้เพื่อนสองถุง ส่วนอีกถุงเก็บไว้ในเป้เพราะพรุ่งนี้จะแวะไปหาอคิราห์ เลยคิดว่าอยากหาอะไรติดมือไปฝากเขาด้วยนึกถึงชายคนนั้นแล้วไทธัชก็หงุดหงิดเขารอโทรศัพท์ทั้งวันแต่อีกฝ่ายก็เงียบ“กินข้าวมายังวะ” เจ้าของบ้านถาม“กินมาแล้ว มึงล่ะ”“ยังเลยว่าจะไปกินหน้าปากซอย มึงไปด้วยไหม”“อือ ไปสิ” ถึงตัวเองจะกินข้าวมาแล้วแต่ก็ไม่อยากนั่งอยู่คนเดียว แม้จะมาที่นี่หลายครั้งและรู้จักพี่ชายของเพื่อนเป็นอย่างดีแต่ไทธัชก็ไม่กล้านั่งอยู่คนเดียวไ
ห้องพักของอคิราห์ดูหรูหราในแบบที่ไทธัชไม่เคยเห็นมาก่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคา ขนาดห้องกว้างกว่าบ้านเขาทั้งหลังเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าของห้องคงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะห้องที่ดูหรูหรานั้นมันรกกว่าห้องนอนของเขาหลายเท่าเลยทีเดียว“นั่งสิจะได้คุยกัน” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวโตกลางห้องด้วยท่าทางสบาย ๆไทธัชนั่งตามเขาลงไป แต่เว้นระยะห่างพอสมควร“พี่บอกจะมีอะไรให้ผมดู”อคิราห์หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาจากนั้นเสิร์ซเพจของทางร้านก่อนจะส่งให้ไทธัชดูสีหน้าของไทธัชดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย พี่ชายของแทนคุณไม่ได้บอกว่าร้านที่เข้าจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์เกย์และตอนนี้ก็กำลังเปิดรับสมัครเด็กหนุ่มเพื่อมาบริการลูกค้า“แต่ผมไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะครับ”“พอเข้าไปในร้านแล้วนายคิดว่าเลือกได้เหรอว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หน้าตาดีอย่างนายคงเรียกแขกได้มาก” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ“พี่เขาคงไม่โกหกหรอกมั้ง ผมเป็นเพื่อนน้องชายเขาเลยนะ”“นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ เขามีน้องชายแล้วเขาให้น้องชายไปทำงานกับนายด้วยไหมล่ะ”เด็กหนุ่มนิ่ง มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันเพราะพี่ชายของแทนคุณไม่ยอมให้น้องชาย
ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตามใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืดไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิมเด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้นไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วยเรื่องงานที่จะไปทำกับพี
ไทธัชกลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม มารดาและยายกำลังช่วยกันห่อข้าวต้มมัดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระยายมักจะทำขนมหวานไปวางขายที่ตลาดด้วย“ไท กลับค่ำเชียวลูก”“ขอโทษครับยาย ผมคุยเพลินไปหน่อย” เด็กหนุ่มเข้ามากอดยายอย่างประจบ“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มัทนาถามลูกชายที่แม้จะตัวโตแล้วแต่ในสายตาเธอไทธัชก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ“ยังเลยครับ หิวจังมีอะไรเหลือให้ผมกินบ้างครับแม่”“ในตู้เย็นมีแกงส้มเหลืออยู่ ส่วนในตู้กับข้าวมีน้ำพริกกะปิ ชะอมทอดและปลาทูทอด”“ของโปรดเลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วจะมาช่วย”“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกลูก เดี๋ยวข้าวก็ได้ติดคอกันพอดี” ยายมาลัยพูดไล่หลังหลานชายด้วยความเป็นห่วงทานข้าวเสร็จแล้วไทธัชก็มาช่วยมารดาและยายห่อข้าวต้มมัด แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่เขาก็ทำมาตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะทำงานของผู้หญิงระหว่างที่มือทำปากก็ชวนคุยไปเรื่อย เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะบอกมารดาว่าเขารับออเดอร์คุกกี้มาให้มารดาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไทธัชจะเป็นคนเอาไปส่งเองในอีกสองวันข้างหน้า“แม่ครับพรุ่งนี้ไทจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับแม่”“โรงเรียนปิดนี่ลูก ห้องสมุดจะเปิดเหรอ”“ห้องสมุดประชาชนค
กาแฟแก้วเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่รับมาจากมือของไทธัชเมื่อเช้า ส่วนเจ้าของห้องนั้นยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้าอคิราห์จิบกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถูกตามตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพราะต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอในการผ่าตัดเคสที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้หมอศัลยกรรมหลายคนกว่าเขาจะออกมาจากห้องกาแฟแก้วนั้นก็เย็นชืดไปหมดแล้วแก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาจิบแม้มันจะเย็นชืดแต่อคิราห์ก็ไม่คิดจะทิ้งเพราะกาแฟแก้วนี้ไทธัชเป็นคนเลี้ยง เขาจิบทีละนิดจนหมดแก้ว ขณะที่กำลังทิ้งแก้วเปล่าลงถังขยะก็เห็นว่าตรงปลอกแก้วมีอะไรเขียนอยู่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลอเหลาของคุณหมอวัยเกือบจะสามสิบปีเมื่อเห็นข้อความพี่ซันสู้ๆด้านหลังข้อความยังมีรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูนิ้วมือสองนิ้ววาดด้วยปากกาทำให้คนมองรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกมากเขาถึงปลอกแก้วออกมาเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วทิ้งแค่เพียงแก้วลงไปในถังขยะพอได้รับกำลังใจมาแล้วอคิราห์ก็มีแรงเริ่มต้นทำงานในตอนบ่ายอีกครั้งกว่าจะได้กลับไปยังคอนโดก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อคิราห์สั่งอาหารเย็นยังแอปพลิเคชั่นสีเขียวให้ไปส่งที่คอนโด เพราะขี้เกียจจะแวะซื้อชีวิตประจำวันของอคิราห์ว
ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้วเมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”“ได้ครับ”เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”ไทธัชบ
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื
กล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องมีทั้งหมดสามกล่อง ทั้งสองคนช่วยกันแกะและนำของข้างในออกมาวางบนโต๊ะ ซึ่งมีทั้งเคสคอมพิวเตอร์สีดำ จอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วนอกจากนั้นยังมีเมาส์ แผ่นรองเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง รวมไปถึงจอยสติ๊กและกล้องอีกหนึ่งตัวกว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ก็เล่นเอาเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่“คิดว่าสเปกแค่นี้พอไหวไหม” อคิราห์ยื่นใบเสร็จรับเงินซึ่งในนั้นระบุสเปกของอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ด้วย“สุดยอดเลยครับพี่ซัน ซีพียู Ryzen 9 RAM DDR5 32 Gb การ์ดจอ RTA3080Ti 12 Gb แค่ราคาการ์ดจอก็หลายหมื่นแล้ว”“รู้เรื่องคอมพ์เยอะเหมือนกันนะ”“แน่สิ ก็ผมอยากเรียนกราฟิกนี่ครับ ว้าว มีชุดน้ำระบายความร้อนด้วย เจ๋งสุดอะ” เขาหมายถึงระบบระบายความร้อนจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงพัดลมธรรมดาที่แถมมาในกล่องซีพียูเท่านั้น การเพิ่มชุดน้ำระบายความร้อนการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อนแม้จะเปิดใช้งานโดยไม่พักเลยก็ตาม“ถูกใจไหมล่ะ”“มากครับ แต่ผมไม่กล้าใช้ กลัวมันพัง ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มแล้วครับ” ไทธัชมองตาละห้อย เพราะราคาของคอมพิวเตอร์ชุดนี้มันเกื