“หมอซันคะ อาจารย์หมอวัลลภเรียกให้ไปพบค่ะ”
พยาบาลประจำแผนกศัลยกรรมคนหนึ่งรีบบอกอคิราห์ทันทีเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามายังแผนก
อคิราห์เป็นประจำแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายื่นเรื่องขอลาออกกับทางโรงพยาบาลเพราะวางแผนไว้ว่าจะไปเรียนต่อศัลยกรรมตกแต่งที่ต่างประเทศ อาจารย์หมอคงจะเรียกเขาเข้าไปคุยเรื่องนี้
“สวัสดีครับอาจารย์”
“สวัสดี นั่งก่อนสิ”
“อาจารย์เรียกมาพบเพราะเรื่องที่ผมลาออกใช่ไหม”
“ใช่ ผมคิดว่าคุณควรจะขอลาไปเรียนมากกว่าลาออก” อาจารย์วัยเกือบเกษียณบอกกับคนที่เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ เขาเสียดายชายหนุ่มฝีมือดีที่สอนมาเองกับมือ
“ผมวางแผนไว้ว่าหลังจากเรียนจบแล้วจะหางานที่นั่นสักพักค่อยกลับมาน่ะครับ”
“แสดงว่าจะไปด้วยทุนส่วนตัวใช่ไหม”
“ครับอาจารย์ ทุนของโรงพยาบาลเอาไว้ให้คนอื่นดีกว่า ผมเองก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”
อคิราห์ไม่อยากใช้ทุนของโรงพยาบาลเพราะถ้าเรียนจบก็ต้องรีบกลับมาใช้ทุน ชายหนุ่มไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเพราะครอบครัวพอมีฐานะ นอกจากนั้นยังได้เงินจากการฟ้องหย่าที่บิดาจ่ายให้กับมารดาของเขามากถึงยี่สิบล้าน
แต่เดิมเขาไม่คิดจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพราะต้องดูแลน้องชายซึ่งมีอายุห่างกับเขาถึง 10 ปี แต่ตอนนี้อคิราห์ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว เขาจึงอยากไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบและคิดว่าจะทำงานที่นั่นสักพักค่อยกลับมาทำงานที่เมืองไทย หรือถ้าอยู่ที่นั่นแล้วทุกอย่างมันโอเคเขาก็อาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้
“อีกหลายเดือนกว่าจะถึงวันนี้ ผมหวังว่าคงมีอะไรหรือใครทำให้คุณเปลี่ยนใจนะ จดหมายลาออกของคุณผมจะเก็บไว้ก่อน”
“ครับอาจารย์” อคิราห์เข้าใจว่าอาจารย์หวังดีกับเขา
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องของอาจารย์แล้วกลับไปดูคนไข้ของตัวเองอย่างที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน พอถึงเวลาอาหารกลางวันก็ลงไปทานที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล
อคิราห์สั่งข้าวหมูแดงกับน้ำลำไยหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินถือไปวางบนโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ชล นึกยังมากินข้าวในโรงอาหาร” เขาถามชลหรือชลกรเพื่อนสนิทซึ่งตอนนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่แผนกอายุรกรรม
“ขี้เกียจออกไปข้างนอก”
“ฉันว่านายไม่ได้ขี้เกียจ เพราะได้ข่าวว่านายเลิกกับแฟน”
“ใครบอกมึงวะ ข่าวไวชิป” คนพูดส่ายหัว เขากับแฟนนักศึกษาเพิ่งจะเลิกกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงข่าวก็กระจายไปทั่วอย่างกับมะเร็งระยะรุกราม
“วันก่อนยังเห็นรักกันจะตาย แล้วทำไมมาเลิกกันได้ล่ะ”
“เรื่องเดิม ปัญหาเดิมฉันไม่มีเวลาให้เขา”
“เฮ้อ อาชีพอย่างเราหาคนเข้าใจยาก”
“ฉันเห็นด้วยนะซัน ต่อไปนี้ฉันว่าจะตั้งใจทำงานดีกว่า เก็บเงินไว้ อยากได้ก็ซื้อกิน”
“พูดง่ายนะ แต่ก็ระวังโรคด้วย”
“รู้หรอกน่าว่าถุงยางอนามัยเขาซื้อกันที่ไหน แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง ทำใจได้หรือยัง”
“อือ ก็พอทำใจได้ ฉันไม่ค่อยสนิทกับน้องเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกใจหายที่เขาไม่อยู่แล้ว”
“อือ ฉันเป็นห่วงนายนะ บิวก็ด้วย”
ชื่อของหญิงสาวที่เพื่อนเอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ อคิราห์เงยหน้าขึ้นมองคนพูดด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ชลกรก็ไม่ได้สะทกสะท้าน
“เมื่อไหร่บิวจะเข้าใจสักทีว่าฉันไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“แต่เขาก็ไม่เคยเห็นนายคบผู้ชายนี่หว่า เขาเลยคิดว่านายพูดเล่น” ชลกรพูดตามที่ได้ยินมาจากบิวหรือกีรณาเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่แผนกกุมารเวช
“ก็เพราะเขาไม่เห็นไง แล้วฉันจะต้องไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ด้วยเหรอว่ากำลังคบใคร นอนกับใคร ผู้หญิงนี่แม่งเข้าใจยากจริงๆ”
“ฉันเห็นด้วยกับนายเลยข้อนี้ เข้าใจยากจริง นี่ก็ว่าจะลองเปลี่ยนใจมาคบผู้ชายดู เริ่มจากนายก่อนคนแรกดีไหม”
“ไม่อะ ฉันไม่นิยมผู้ชายแบบนาย”
“ทำไม แบบฉันมันเป็นยังไง นายยังไม่ลองแล้วจะรู้เหรอว่าผู้ชายอย่างฉันก็เด็ดอยู่นะ”
“นายพูดเหมือนอยากให้ฉันลอง”
“กล้าไหมล่ะ”
“นายไม่ต้องมาท้าฉัน ต่อให้หน้ามืดแค่ไหนฉันก็ไม่เอานายมาทำเมียหรอก”
“เอาทำผัวก็ได้นะ สนไหมล่ะ” คุณหมอท่าทางสุภาพพูดออกมาหน้าตาเฉย
“เชิญป้ายหน้านะครับคุณหมอชลกร” อคิราห์ส่ายหัวก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ
หลังจากสอบเสร็จวิชาแรกไทธัชก็วิ่งมายังห้องธุรการเขาอยากรู้ว่าทำไมถึงมีประกาศให้เขาเข้าห้องสอบ เพราะตอนที่มาขอผ่อนผันค่าเทอมอาจารย์แจ้งเขาว่าให้มาสอบวันหลัง
“ครูครับ ทำไมผมถึงได้สอบพร้อมเพื่อนล่ะครับ ผอ.กลับมาแล้วเหรอครับ”
“เปล่าหรอกจ้ะ ผอ. ยังไม่กลับมาแต่มีคนชำระค่าเทอมให้เธอแล้ว”
“ใครครับ”
“ครูนึกว่าเธอรู้แล้วว่าใครเป็นคนจ่ายให้”
“ผมไม่รู้ครับครู หรือว่าแม่มาจ่าย” หัวใจของเขาหล่นไปที่ตาตุ่มถ้าคนที่มาจ่ายเป็นแม่ นั่นก็หมายความว่าท่านรู้เรื่องที่เขาโดนโกงแล้ว
“ไม่ใช่หรอก คนที่จ่ายให้เป็นพี่ชายของอคินทร์ เขาบอกว่ารู้จักนาย”
“แล้วเขาอยู่ไหนครับ ผมอยากคุยกับเขา”
“เขากลับไปแล้ว ครูว่ารีบกลับสอบวิชาต่อไปเถอะ เรื่องค่าเทอมก็มีคนจ่ายให้แล้ว ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”
“ครับ ขอบคุณครับ”
พอได้คำตอบแล้วไทธัชก็เดินกลับไปยังห้องสอบตามเดิม เขายังเหลือวิชาที่ต้องสอบวันนี้อีกถึงสองวิชาจึงยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ ในเมื่อรู้แล้วว่าคนที่จ่ายเงินคือใคร เอาไว้สอบเสร็จในเย็นวันศุกร์ค่อยไปหาชายคนนั้นก็ได้
แม้ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหนเพื่อเอาไปคืนพี่ชายของเพื่อน แต่ก็ไม่คิดจะได้เงินของใครมาฟรี ๆ ถ้าเป็นไปได้ไทธัชอาจต้องหางานพิเศษทำเพื่อเอาเงินไปคืน
“ได้เรื่องไหมวะไท”
“อือ มีคนจ่ายค่าเทอมให้”
“ใครวะ” แทนคุณหรือแทนถาม เขารู้แค่ว่าเพื่อนไม่มีเงินมาจ่ายค่าเทอมแต่ไม่รู้เหตุผลเพราะไทธัชไม่ยอมบอก
“พี่ชายไอ้คิว”
“ไอ้คิว” แทนคุณไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้เท่าไหร่ เพราะแทนคุณเป็นสายกีฬาส่วนอคินทร์เป็นเด็กสายวิชาการ
“เขาทำแบบนั้นทำไมวะ มึงกับไอ้คิวก็ไม่สนิทกันนี่หว่า”
“กูก็ไม่รู้ สอบเสร็จกูจะไปถามเขา จะหาเงินไปคืนเขาด้วย”
“มึงจะหาเงินที่ไหนวะ”
“หางานพิเศษทำ”
“แต่อีกไม่กี่เดือนเราก็จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วนะ มึงจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ”
“ไม่เป็นไรกูคิดว่าแบ่งเวลาได้”
“อือ กูเอาใจช่วยมึงนะ เดี๋ยวกูจะลองถามพี่กูดูว่ามีงานอะไรที่ให้มึงทำได้บ้างไหม” พี่ชายของแทนคุณนั้นเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ในบาร์แห่งหนึ่งแถวถนนสีลม
“ขอบใจนะแทน”
คุยกันได้เพียงเท่านี้ก็ถึงเวลาสอบวิชาต่อไป ไทธัชมีสมาธิกับการทำข้อสอบมากกว่าวิชาแรก เพราะเขารู้ดีว่าการสอบแต่ละครั้งมันมีผลกับชีวิตที่เหลือของตัวเองมากแค่ไหน
เด็กหนุ่มไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพราะฉะนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมาได้
แล้วก็ถึงวันศุกร์ทุกคนต่างดีใจที่จะได้ปิดเทอม ไทธัชก็เหมือนกับคนอื่น แต่ไม่ใช่เพราะจะได้พักผ่อนอยู่บ้านหรือนอนเล่นเกมเหมือนเพื่อน ๆ แต่เพราะในช่วงปิดเทอมนี้เขาวางแผนแล้วว่าจะไปทำงานที่บาร์กับพี่ชายของแทนคุณ ซึ่งบอกว่าที่บาร์ยังต้องการเด็กเสิร์ฟอีกจำนวนมากและให้ไทธัชเข้าไปเริ่มงานได้ทันทีที่พร้อมหลังออกจากห้องสอบไทธัชก็รีบไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอคินทร์“มึงจะเอาที่อยู่ของไอ้คิวไปทำไมวะ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจเพราะอคินทร์นั้นเสียชีวิตไปนานนับเดือนแล้ว“กูมีธุระจะคุยกับพี่ชายของมันนิดหน่อย”“ถ้ามึงอยากคุยกับพี่ไอ้คิวกูว่ามึงไปหาเขาที่ทำงานดีกว่า พี่ไอ้คิวกับไอ้คิวไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน”“แล้วเขาทำงานที่ไหน”เด็กหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอคินทร์บอกชื่อโรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งหนึ่งให้กับไทธัช“ขอบใจมาก” ไทธัชกล่าวขอบคุณเพราะสอบเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ เลยชวนกันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านหมูกระทะที่อยู่ข้างโรงเรียน แต่ไทธัชไม่ได้ไปกับเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะเขามีเรื่องที่ต้องไปจัดการระหว่างที่นั่งรอรถเมล์เด็กหนุ่มก็โทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าเขาอาจจะกลับบ้านค่ำเพราะจะไปกินหมูกระทะกับเพื่อน
ไทธัชรีบทานข้าวอย่างรวดเร็วเพราะเย็นนี้เขาต้องไปรอพี่ชายของแทนคุณที่บ้านก่อนจะไปทำงานที่บาร์ด้วยกัน ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยโทรไปแล้ว พี่เขตบอกกับเขาว่าคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เจ้าของบาร์รับเด็กพาร์ทไทม์เพิ่ม พอเขาส่งรูปไปให้ทางนั้นก็ยอมให้เข้าไปทำงานทันทีค่าแรงต่อหนึ่งคืนก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วไม่ได้เงินสักบาทเขามาถึงบ้านของแทนคุณตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเย็นบ้านหลังนี้แทนคุณและพี่ชายอยู่กันสองคนส่วนพ่อกับแม่นั้นพักอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานมากกว่า“ไอ้ไท เข้ามาก่อนสิ พี่กูเพิ่งตื่น”“แม่ฝากคุกกี้มามึงกับพี่ด้วยนะ” เขายื่นคุกกี้ให้เพื่อนสองถุง ส่วนอีกถุงเก็บไว้ในเป้เพราะพรุ่งนี้จะแวะไปหาอคิราห์ เลยคิดว่าอยากหาอะไรติดมือไปฝากเขาด้วยนึกถึงชายคนนั้นแล้วไทธัชก็หงุดหงิดเขารอโทรศัพท์ทั้งวันแต่อีกฝ่ายก็เงียบ“กินข้าวมายังวะ” เจ้าของบ้านถาม“กินมาแล้ว มึงล่ะ”“ยังเลยว่าจะไปกินหน้าปากซอย มึงไปด้วยไหม”“อือ ไปสิ” ถึงตัวเองจะกินข้าวมาแล้วแต่ก็ไม่อยากนั่งอยู่คนเดียว แม้จะมาที่นี่หลายครั้งและรู้จักพี่ชายของเพื่อนเป็นอย่างดีแต่ไทธัชก็ไม่กล้านั่งอยู่คนเดียวไ
ห้องพักของอคิราห์ดูหรูหราในแบบที่ไทธัชไม่เคยเห็นมาก่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคา ขนาดห้องกว้างกว่าบ้านเขาทั้งหลังเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าของห้องคงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะห้องที่ดูหรูหรานั้นมันรกกว่าห้องนอนของเขาหลายเท่าเลยทีเดียว“นั่งสิจะได้คุยกัน” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวโตกลางห้องด้วยท่าทางสบาย ๆไทธัชนั่งตามเขาลงไป แต่เว้นระยะห่างพอสมควร“พี่บอกจะมีอะไรให้ผมดู”อคิราห์หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาจากนั้นเสิร์ซเพจของทางร้านก่อนจะส่งให้ไทธัชดูสีหน้าของไทธัชดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย พี่ชายของแทนคุณไม่ได้บอกว่าร้านที่เข้าจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์เกย์และตอนนี้ก็กำลังเปิดรับสมัครเด็กหนุ่มเพื่อมาบริการลูกค้า“แต่ผมไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะครับ”“พอเข้าไปในร้านแล้วนายคิดว่าเลือกได้เหรอว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หน้าตาดีอย่างนายคงเรียกแขกได้มาก” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ“พี่เขาคงไม่โกหกหรอกมั้ง ผมเป็นเพื่อนน้องชายเขาเลยนะ”“นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ เขามีน้องชายแล้วเขาให้น้องชายไปทำงานกับนายด้วยไหมล่ะ”เด็กหนุ่มนิ่ง มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันเพราะพี่ชายของแทนคุณไม่ยอมให้น้องชาย
ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตามใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืดไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิมเด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้นไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วยเรื่องงานที่จะไปทำกับพี
ไทธัชกลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม มารดาและยายกำลังช่วยกันห่อข้าวต้มมัดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระยายมักจะทำขนมหวานไปวางขายที่ตลาดด้วย“ไท กลับค่ำเชียวลูก”“ขอโทษครับยาย ผมคุยเพลินไปหน่อย” เด็กหนุ่มเข้ามากอดยายอย่างประจบ“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มัทนาถามลูกชายที่แม้จะตัวโตแล้วแต่ในสายตาเธอไทธัชก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ“ยังเลยครับ หิวจังมีอะไรเหลือให้ผมกินบ้างครับแม่”“ในตู้เย็นมีแกงส้มเหลืออยู่ ส่วนในตู้กับข้าวมีน้ำพริกกะปิ ชะอมทอดและปลาทูทอด”“ของโปรดเลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วจะมาช่วย”“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกลูก เดี๋ยวข้าวก็ได้ติดคอกันพอดี” ยายมาลัยพูดไล่หลังหลานชายด้วยความเป็นห่วงทานข้าวเสร็จแล้วไทธัชก็มาช่วยมารดาและยายห่อข้าวต้มมัด แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่เขาก็ทำมาตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะทำงานของผู้หญิงระหว่างที่มือทำปากก็ชวนคุยไปเรื่อย เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะบอกมารดาว่าเขารับออเดอร์คุกกี้มาให้มารดาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไทธัชจะเป็นคนเอาไปส่งเองในอีกสองวันข้างหน้า“แม่ครับพรุ่งนี้ไทจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับแม่”“โรงเรียนปิดนี่ลูก ห้องสมุดจะเปิดเหรอ”“ห้องสมุดประชาชนค
กาแฟแก้วเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่รับมาจากมือของไทธัชเมื่อเช้า ส่วนเจ้าของห้องนั้นยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้าอคิราห์จิบกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถูกตามตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพราะต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอในการผ่าตัดเคสที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้หมอศัลยกรรมหลายคนกว่าเขาจะออกมาจากห้องกาแฟแก้วนั้นก็เย็นชืดไปหมดแล้วแก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาจิบแม้มันจะเย็นชืดแต่อคิราห์ก็ไม่คิดจะทิ้งเพราะกาแฟแก้วนี้ไทธัชเป็นคนเลี้ยง เขาจิบทีละนิดจนหมดแก้ว ขณะที่กำลังทิ้งแก้วเปล่าลงถังขยะก็เห็นว่าตรงปลอกแก้วมีอะไรเขียนอยู่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลอเหลาของคุณหมอวัยเกือบจะสามสิบปีเมื่อเห็นข้อความพี่ซันสู้ๆด้านหลังข้อความยังมีรูปดวงอาทิตย์กับรูปชูนิ้วมือสองนิ้ววาดด้วยปากกาทำให้คนมองรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกมากเขาถึงปลอกแก้วออกมาเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วทิ้งแค่เพียงแก้วลงไปในถังขยะพอได้รับกำลังใจมาแล้วอคิราห์ก็มีแรงเริ่มต้นทำงานในตอนบ่ายอีกครั้งกว่าจะได้กลับไปยังคอนโดก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อคิราห์สั่งอาหารเย็นยังแอปพลิเคชั่นสีเขียวให้ไปส่งที่คอนโด เพราะขี้เกียจจะแวะซื้อชีวิตประจำวันของอคิราห์ว
ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้วเมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”“ได้ครับ”เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”ไทธัชบ
“ซันเย็นนี้ไปดื่มกันหน่อยไหม” ชลกรตะโกนขณะที่วิ่งตามหลังเพื่อนมาที่ลานจอดรถ“ไม่ไปหาน้องเนยเหรอ” อคิราห์เอ่ยแซวเพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนกับน้องพยาบาลคนนั้นได้เริ่มคบหากันแล้ว“เย็นวันศุกร์น้องเขากลับบ้าน” ชลกรตอบพร้อมสีหน้าเบื่อโลก“พอสาวไม่ว่างเลยนึกถึงเพื่อนนะ”“แล้วจะไปไหมละ”“ไม่ดีกว่า อยากพัก”“อะไรวะ งั้นซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องนายก็ได้”“ไม่ได้” เขารีบบอกด้วยความตกใจ“เฮ้ย ทำไมต้องตกใจ หรือแอบซ่อนใครไว้ที่ห้อง บอกมานะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“จะซ่อนใครที่ไหน ไม่มีหรอก”“นายเป็นคนโกหกไม่เก่งบอกมา แอบมีแฟนเหรอ ไหนว่าไม่อยากมีใครไง”“ก็ไม่มีไง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไรงั้นฉันไปดูเองก็ได้”“กร ขอร้องอย่าไป”“งั้นบอกมาก่อน”“ไม่ได้ซ่อนใครไว้หรอก พอดีช่วงนี้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ เขามาอ่านหนังสือที่ห้องก็เลยไม่อยากกวน”“แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นะ แล้วชายหรือหญิงเล่ามาถ้าไม่อยากให้ฉันบุกไปที่ห้อง”“งั้นไปดื่มก็ได้ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไปรอที่ร้านก่อนเลยขอโทรบอกน้องมันก่อน”ชลกรมองท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าอคิราห์กำลังคิดอะไรกับเด็กคนที่บอกอย่างแน่นอน“ไท พี่จะออกไปดื่มกับเพื