แชร์

3.ก็แค่อยากช่วย

“หมอซันคะ อาจารย์หมอวัลลภเรียกให้ไปพบค่ะ”

พยาบาลประจำแผนกศัลยกรรมคนหนึ่งรีบบอกอคิราห์ทันทีเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามายังแผนก

อคิราห์เป็นประจำแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายื่นเรื่องขอลาออกกับทางโรงพยาบาลเพราะวางแผนไว้ว่าจะไปเรียนต่อศัลยกรรมตกแต่งที่ต่างประเทศ อาจารย์หมอคงจะเรียกเขาเข้าไปคุยเรื่องนี้

“สวัสดีครับอาจารย์”

“สวัสดี นั่งก่อนสิ”

“อาจารย์เรียกมาพบเพราะเรื่องที่ผมลาออกใช่ไหม”

“ใช่ ผมคิดว่าคุณควรจะขอลาไปเรียนมากกว่าลาออก” อาจารย์วัยเกือบเกษียณบอกกับคนที่เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ เขาเสียดายชายหนุ่มฝีมือดีที่สอนมาเองกับมือ

“ผมวางแผนไว้ว่าหลังจากเรียนจบแล้วจะหางานที่นั่นสักพักค่อยกลับมาน่ะครับ”

“แสดงว่าจะไปด้วยทุนส่วนตัวใช่ไหม”

“ครับอาจารย์ ทุนของโรงพยาบาลเอาไว้ให้คนอื่นดีกว่า ผมเองก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”

อคิราห์ไม่อยากใช้ทุนของโรงพยาบาลเพราะถ้าเรียนจบก็ต้องรีบกลับมาใช้ทุน ชายหนุ่มไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเพราะครอบครัวพอมีฐานะ นอกจากนั้นยังได้เงินจากการฟ้องหย่าที่บิดาจ่ายให้กับมารดาของเขามากถึงยี่สิบล้าน

แต่เดิมเขาไม่คิดจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพราะต้องดูแลน้องชายซึ่งมีอายุห่างกับเขาถึง 10 ปี แต่ตอนนี้อคิราห์ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว เขาจึงอยากไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบและคิดว่าจะทำงานที่นั่นสักพักค่อยกลับมาทำงานที่เมืองไทย หรือถ้าอยู่ที่นั่นแล้วทุกอย่างมันโอเคเขาก็อาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้

“อีกหลายเดือนกว่าจะถึงวันนี้ ผมหวังว่าคงมีอะไรหรือใครทำให้คุณเปลี่ยนใจนะ จดหมายลาออกของคุณผมจะเก็บไว้ก่อน”

“ครับอาจารย์” อคิราห์เข้าใจว่าอาจารย์หวังดีกับเขา

ชายหนุ่มเดินออกจากห้องของอาจารย์แล้วกลับไปดูคนไข้ของตัวเองอย่างที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน พอถึงเวลาอาหารกลางวันก็ลงไปทานที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล

อคิราห์สั่งข้าวหมูแดงกับน้ำลำไยหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินถือไปวางบนโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ชล นึกยังมากินข้าวในโรงอาหาร” เขาถามชลหรือชลกรเพื่อนสนิทซึ่งตอนนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่แผนกอายุรกรรม

“ขี้เกียจออกไปข้างนอก”

“ฉันว่านายไม่ได้ขี้เกียจ เพราะได้ข่าวว่านายเลิกกับแฟน”

“ใครบอกมึงวะ ข่าวไวชิป” คนพูดส่ายหัว เขากับแฟนนักศึกษาเพิ่งจะเลิกกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงข่าวก็กระจายไปทั่วอย่างกับมะเร็งระยะรุกราม

“วันก่อนยังเห็นรักกันจะตาย แล้วทำไมมาเลิกกันได้ล่ะ”

“เรื่องเดิม ปัญหาเดิมฉันไม่มีเวลาให้เขา”

“เฮ้อ อาชีพอย่างเราหาคนเข้าใจยาก”

“ฉันเห็นด้วยนะซัน ต่อไปนี้ฉันว่าจะตั้งใจทำงานดีกว่า เก็บเงินไว้ อยากได้ก็ซื้อกิน”

“พูดง่ายนะ แต่ก็ระวังโรคด้วย”

“รู้หรอกน่าว่าถุงยางอนามัยเขาซื้อกันที่ไหน แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง ทำใจได้หรือยัง”

“อือ ก็พอทำใจได้ ฉันไม่ค่อยสนิทกับน้องเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกใจหายที่เขาไม่อยู่แล้ว”

“อือ ฉันเป็นห่วงนายนะ บิวก็ด้วย”

ชื่อของหญิงสาวที่เพื่อนเอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ อคิราห์เงยหน้าขึ้นมองคนพูดด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ชลกรก็ไม่ได้สะทกสะท้าน

“เมื่อไหร่บิวจะเข้าใจสักทีว่าฉันไม่ได้ชอบผู้หญิง”

“แต่เขาก็ไม่เคยเห็นนายคบผู้ชายนี่หว่า เขาเลยคิดว่านายพูดเล่น” ชลกรพูดตามที่ได้ยินมาจากบิวหรือกีรณาเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่แผนกกุมารเวช

“ก็เพราะเขาไม่เห็นไง แล้วฉันจะต้องไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ด้วยเหรอว่ากำลังคบใคร นอนกับใคร ผู้หญิงนี่แม่งเข้าใจยากจริงๆ”

“ฉันเห็นด้วยกับนายเลยข้อนี้ เข้าใจยากจริง นี่ก็ว่าจะลองเปลี่ยนใจมาคบผู้ชายดู เริ่มจากนายก่อนคนแรกดีไหม”

“ไม่อะ ฉันไม่นิยมผู้ชายแบบนาย”

“ทำไม แบบฉันมันเป็นยังไง นายยังไม่ลองแล้วจะรู้เหรอว่าผู้ชายอย่างฉันก็เด็ดอยู่นะ”

“นายพูดเหมือนอยากให้ฉันลอง”

“กล้าไหมล่ะ”

“นายไม่ต้องมาท้าฉัน ต่อให้หน้ามืดแค่ไหนฉันก็ไม่เอานายมาทำเมียหรอก”

“เอาทำผัวก็ได้นะ สนไหมล่ะ” คุณหมอท่าทางสุภาพพูดออกมาหน้าตาเฉย

“เชิญป้ายหน้านะครับคุณหมอชลกร” อคิราห์ส่ายหัวก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ

หลังจากสอบเสร็จวิชาแรกไทธัชก็วิ่งมายังห้องธุรการเขาอยากรู้ว่าทำไมถึงมีประกาศให้เขาเข้าห้องสอบ เพราะตอนที่มาขอผ่อนผันค่าเทอมอาจารย์แจ้งเขาว่าให้มาสอบวันหลัง

“ครูครับ ทำไมผมถึงได้สอบพร้อมเพื่อนล่ะครับ ผอ.กลับมาแล้วเหรอครับ”

“เปล่าหรอกจ้ะ ผอ. ยังไม่กลับมาแต่มีคนชำระค่าเทอมให้เธอแล้ว”

“ใครครับ”

“ครูนึกว่าเธอรู้แล้วว่าใครเป็นคนจ่ายให้”

“ผมไม่รู้ครับครู หรือว่าแม่มาจ่าย” หัวใจของเขาหล่นไปที่ตาตุ่มถ้าคนที่มาจ่ายเป็นแม่ นั่นก็หมายความว่าท่านรู้เรื่องที่เขาโดนโกงแล้ว

“ไม่ใช่หรอก คนที่จ่ายให้เป็นพี่ชายของอคินทร์ เขาบอกว่ารู้จักนาย”

“แล้วเขาอยู่ไหนครับ ผมอยากคุยกับเขา”

“เขากลับไปแล้ว ครูว่ารีบกลับสอบวิชาต่อไปเถอะ เรื่องค่าเทอมก็มีคนจ่ายให้แล้ว ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”

“ครับ ขอบคุณครับ”

พอได้คำตอบแล้วไทธัชก็เดินกลับไปยังห้องสอบตามเดิม เขายังเหลือวิชาที่ต้องสอบวันนี้อีกถึงสองวิชาจึงยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ ในเมื่อรู้แล้วว่าคนที่จ่ายเงินคือใคร เอาไว้สอบเสร็จในเย็นวันศุกร์ค่อยไปหาชายคนนั้นก็ได้

แม้ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหนเพื่อเอาไปคืนพี่ชายของเพื่อน แต่ก็ไม่คิดจะได้เงินของใครมาฟรี ๆ ถ้าเป็นไปได้ไทธัชอาจต้องหางานพิเศษทำเพื่อเอาเงินไปคืน

“ได้เรื่องไหมวะไท”

“อือ มีคนจ่ายค่าเทอมให้”

“ใครวะ” แทนคุณหรือแทนถาม เขารู้แค่ว่าเพื่อนไม่มีเงินมาจ่ายค่าเทอมแต่ไม่รู้เหตุผลเพราะไทธัชไม่ยอมบอก

“พี่ชายไอ้คิว”

“ไอ้คิว” แทนคุณไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้เท่าไหร่ เพราะแทนคุณเป็นสายกีฬาส่วนอคินทร์เป็นเด็กสายวิชาการ

“เขาทำแบบนั้นทำไมวะ มึงกับไอ้คิวก็ไม่สนิทกันนี่หว่า”

“กูก็ไม่รู้ สอบเสร็จกูจะไปถามเขา จะหาเงินไปคืนเขาด้วย”

“มึงจะหาเงินที่ไหนวะ”

“หางานพิเศษทำ”

“แต่อีกไม่กี่เดือนเราก็จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วนะ มึงจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ”

“ไม่เป็นไรกูคิดว่าแบ่งเวลาได้”

“อือ กูเอาใจช่วยมึงนะ เดี๋ยวกูจะลองถามพี่กูดูว่ามีงานอะไรที่ให้มึงทำได้บ้างไหม” พี่ชายของแทนคุณนั้นเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ในบาร์แห่งหนึ่งแถวถนนสีลม

“ขอบใจนะแทน”

คุยกันได้เพียงเท่านี้ก็ถึงเวลาสอบวิชาต่อไป ไทธัชมีสมาธิกับการทำข้อสอบมากกว่าวิชาแรก เพราะเขารู้ดีว่าการสอบแต่ละครั้งมันมีผลกับชีวิตที่เหลือของตัวเองมากแค่ไหน

เด็กหนุ่มไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพราะฉะนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมาได้

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status