แชร์

บทที่ 4 บางคนต้องโดนไม้แข็ง

ผู้เขียน: แกะส้ม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 13:39:47

           ยามมองสัตว์ผู้โชคร้ายนอนแน่นิ่ง ร่างกายเล็กเกิดสั่นเทาเล็กน้อยเพราะตนไม่ถูกกับเลือด อีเลนกลั้นใจก่อนเดินเข้าไปสำรวจอาการว่ามันมีโอกาสรอดหรือไม่

            หนูแฮมสเตอร์ตัวกลมสีขาวลายด่างน้ำตาลร้องจี๊ด ๆ สายตาพลันสบกับดวงตาสีส้มเฉดเหลืองคล้ายอ้อนวอนขอชีวิต อีเลนรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที คิดว่าตนไม่น่าทดลองกับสิ่งมีชีวิตเลย ทั้งที่มันก็เจ็บเป็นและมีหัวใจเหมือนกัน

            “ขอโทษนะ ที่ฉันไม่ช่วยแกให้เร็วกว่านี้”

            กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพลันรู้สึกกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่ามันอยู่ในสภาพใกล้หมดแรงเต็มที

             อีเลนสีหน้าไม่สู้ดี ยืนคิดอยู่สักพักว่าควรทำยังไงก่อนตัดสินใจรีบพุ่งตัวเข้าไปในบ้าน หยิบผ้าผืนเล็กสีขาวสะอาดเข้ามาโอบอุ้มเจ้าหนูลายด่างไว้ในอุ้มมือ

             เขามองเลือดที่ซึมไปกับผืนผ้าสีขาวเล็กน้อย ในใจหวาดผวาเกิดอาการมือสั่น ยังดีที่หนูแฮมสเตอร์เลือดออกไม่มาก ถ้าเกิดเยอะกว่านี้คงกลั้นใจอุ้มมันขึ้นมาไม่ได้แน่ ๆ

            “ดีละ!!”

             คนตัวเล็กตัดสินใจเดินไปยังคลินิกสัตวแพทย์ซึ่งอยู่แถวบ้าน เขาคิดว่าถ้ามัวแต่นั่งรอจนกว่าแม่จะกลับเหยื่อผู้น่าสงสารคงได้ขึ้นสวรรค์ไปก่อนแน่นอน

            ระหว่างทางอุ้มหนูตัวอ้วนพาไปหาหมอ สองเท้าน้อยเดินผ่านถนนหน้าสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลบ้าน เขาเห็นรถยนต์หรูสไตล์ผู้ดีอังกฤษสีดำขลับกำลังวิ่งสวนเลนมาทางฝั่งตรงข้ามพอดี

            นัยน์ตาสีส้มมองตัวรถยนต์ตาเป็นประกาย ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยเห็นรถหรูขนาดนี้เป็นครั้งแรก สายตาพลันเหลือบมองไปยังกระจกที่นั่งด้านหลังซึ่งถูกเปิดแง้มไว้เพียงน้อยนิด

            เขาเผลอสบตาเข้ากับเด็กชายผู้มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มหยั่งลึกแค่เพียงไม่กี่วินาที เวลานั้นชายหนุ่มคิดเพียงแค่ว่าดวงตาของเด็กคนนี้สีสวยดี เหมือนกับอัญมณีบลูแซฟไฟร์ที่เคยเห็นตามร้านขายเครื่องประดับชื่อดัง ก่อนจะเลิกสนใจรีบมุ่งหน้าตรงไปยังจุดมุ่งหมายต่อ

            ในขณะนั้นรถหรูที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกห่างไป เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินดั่งน้ำทะเลลึกมองไล่หลังเด็กหนุ่มซึ่งอุ้มแฮมสเตอร์ไว้ในอุ้มมือ ในหัวครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะละสายตากลับมาวางไว้ที่เดิม…..

            ร่างน้อยเดินไปตามเส้นทางภายในความทรงจำ เขาก้าวเท้าเล็กเข้าไปในซอยหนึ่ง ซึ่งทะลุผ่านทางนี้แล้วเลี้ยวขวาก็พบคลินิกสัตวแพทย์แล้ว

            ประตูกระจกใสถูกผลักออก คุณหมอหนุ่มท่าทางใจดีมองผู้มาเยือนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยความสับสนมึนงง ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ เผยรอยยิ้มมุมปากน้อย ๆ ให้เด็กชายที่พึ่งมาใหม่อย่างอ่อนโยน

            “สวัสดีครับเจ้าตัวน้อย มีอะไรให้พี่หมอช่วยเหลือครับ”

            คุณหมอไม่พูดเปล่า เดินเข้ามาก้มตัวเอามือชันเข่าคุยกับเด็กตรงหน้า สายตาเหลือบมองหนูแฮมสเตอร์ที่นอนคดอยู่ในมือเล็กด้วยความแปลกใจ

            “ผมเอาเจ้าหนูนี่มาให้รักษาครับ”

            อีเลนยื่นผ้าที่ห่อหุ้มสัตว์ตัวจ้อยให้คุณหมอท่าทางใจดีดู คุณหมอยื่นมือมารับไป สีหน้ายังคงไม่ลดความสงสัย

            “มันโดนอะไรมาเหรอครับ” คุณหมอถามด้วยความเป็นมิตร

            “มันโดนแมวตะปบเอาครับ คุณหมอช่วยรักษาให้ก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมให้แม่มาจ่ายเงินทีหลัง”

            “แล้วคุณแม่เราไปไหนครับ”

            “แม่ผมไปทำธุระครับ คุณหมอไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะครับผมไม่เบี้ยวแน่นอน แต่ถ้าคุณหมอไม่เชื่อเอาเบอร์แม่ผมไว้ก่อนก็ได้ครับ”

            อีเลนเป็นคนความจำดี เขามักจำรายละเอียดสำคัญ ๆ ไว้เสมอ ไม่ว่าชาติก่อนจะเป็นเบอร์ที่ทำงานหรือรายละเอียดลูกค้า ไม่ว่าเรื่องอะไรเขามักจำเอาไว้หมด

            ยิ่งเบอร์คนเป็นแม่ยิ่งมีความสำคัญไม่แปลกที่จะไปขอมาจำไว้ เผื่อเกิดเรื่องอะไรจะได้ขอความช่วยเหลือได้ทัน

            คุณหมอมองเด็กน้อยหน้าตาหล่อเหลา สายตาแน่วแน่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับคนโตแล้ว ในใจคิดว่าเด็กคนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากจริง ๆ

             ตั้งแต่อีเลนเปิดประตูเข้ามาเขาก็จำเด็กชายได้ทันที ดวงตาสีส้มอมเหลือง ผมสีขาวปอยเหลืองเด่นสะดุดตายังคงชัดเจนในความทรงจำ

            เมื่อสองปีก่อนมีคุณผู้หญิงอุ้มสุนัขพันธุ์โกลเด้นตัวเล็กเข้ามาในคลินิก เธอมาพร้อมกับลูกชายหน้านิ่งดวงตาว่างเปล่าไม่เหมือนคนมีชีวิต ผิดกับผู้เป็นแม่ซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดกระวนกระวายที่ลูกสุนัขล้มป่วย

            คุณหมอนำสุนัขมาตรวจโรค อุ้มชั่งน้ำหนัก เอกซเรย์ปอดและช่องท้อง ก่อนเจาะเข็มฉีดยาดูดเลือดออกเพื่อมาตรวจวินิจฉัย เขายังจำสายตาที่จับจ้องมายังเข็มฉีดยาได้

            เด็กชายไร้ชีวิตกำลังยืนมองหลอดเลือดตัวนิ่งไม่ขยับ นัยน์ตาคล้ายมีประกายดาวระยับจนน่าขนลุก

            ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน

             คุณหมอมองไปยังดวงตาคู่นั้นที่เคยเห็นของเด็กตรงหน้า ตอนนี้ให้ความรู้สึกถึงประกายชีวิตไม่เหมือนแต่ก่อนที่เคยสัมผัส

             เขาคิดว่าเด็กคนนี้คงโตมาด้วยความรักและความเอาใจใส่มากมาย รู้สึกนับถือคุณผู้หญิงที่สั่งสอนลูกให้โตมาดีกว่าเดิมมากขนาดนี้

             เมื่อย้อนเรื่องราวสมัยก่อน คุณหมอพลันนึกถึงเจ้าลูกหมาโกลเด้นขึ้นมาจึงถามออกไป

            “ตอนนี้ลูกหมาตัวน้อยเป็นไงบ้างครับ”

            “ครับ?”

            ชายหนุ่มสตั๊นกับคำถาม เขาเกิดข้อสงสัยว่าอีเลนคนเก่าเคยเลี้ยงหมาด้วยเหรอ ก่อนจะลองหลับตานึกย้อนความทรงจำดี ๆ ภาพเศษเสี้ยวบางอย่างคล้ายค่อย ๆ ผุดขึ้นมาทีละนิด เหมือนอีเลนจะเคยเลี้ยงลูกสุนัขตัวหนึ่ง เพราะทางบ้านไม่ค่อยมีเวลาสนใจมันจึงส่งต่อให้ญาติทางบ้านไป            “ตอนนี้ให้ญาติรับไปดูแลแล้วครับ”

             เด็กชายตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม สายตาเหลือบมองแฮมสเตอร์ ในมือของคุณหมออย่างเป็นห่วง

            “งั้นเหรอครับ นี่คงเป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเราสินะ เดี๋ยวพี่หมอตรวจดูอาการให้เสร็จแล้วจะออกมาบอกให้เราฟังนะครับ รอพี่หมออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”

            “ครับ”

            อีเลนรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เขาเดินไปนั่งรอบนที่นั่งอย่างเรียบร้อย คุณหมอมองมาที่เด็กชายรู้สึกชื่นชมในความสงบและเชื่อฟังของเจ้าตัว ก่อนจะเดินเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเองในห้องหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ

            เวลาล่วงเลยไปสักพัก ชายสวมชุดขาวก้าวออกมาพร้อมบอกอาการของแฮมสเตอร์ด้วยสีหน้าไร้กังวลใด ๆ

            “เจ้าหนูน้อยไม่เป็นไรมากครับ พี่หมอทำความสะอาดแผลและฉีดวัคซีนให้แล้ว ที่เหลือต้องรอดูอาการไปอีกสักระยะ ไว้เราค่อยกลับมาดูเจ้าตัวเล็กใหม่พร้อมคุณแม่สักตอนห้าโมงเย็นดีไหมครับ”

            คนตัวเล็กพยักหน้า ถึงอยู่ไปก็คงได้แต่นั่งรอเฉย ๆ ตอนนี้กลับไปรอที่บ้านก่อนดีกว่า ในขณะคิดพลันเหลือบมองนาฬิกาติดผนัง

             ตั้งแต่ออกจากบ้านมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็ปาไปบ่ายโมงแล้ว อีเลนกลัวว่าถ้าแม่กลับมาไวไม่เห็นตัวเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งเธอมีนิสัยให้ความสำคัญกับลูกชายมากเกินไปอีกด้วย

            ใจจริงเขาอยากลองเดินสำรวจสถานที่รอบ ๆ เพราะตั้งแต่เข้ามาในนิยายก็ได้อยู่แต่ในบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาโลกภายนอกแบบนี้

             แม้ใจจะอยากออกไปมากเพียงไรแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะตัดใจ เขาไม่อยากทำให้หญิงซึ่งดูแลตัวเองนั้นเป็นห่วง

            สองขาเล็กย้ำเท้ากลับทางเดิมด้วยความรู้สึกอดเสียดายไม่ได้ เขาก้าวผ่านทางสวนสาธารณะ พอเดินไปอีกนิดพึ่งสังเกตเห็นว่าใกล้ ๆ บ้านตนมีสนามเด็กเล่นด้วย

            ร่างน้อยเหม่อมองเด็กคนหนึ่งซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนชิงช้าท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นไร้ผู้คนเพียงลำพัง พอจ้องมองแล้วก็ทำให้อดนึกถึงเรื่องสมัยวัยเยาว์ ไม่ได้ ก่อนเข้ามาสิงร่างนี้ ตัวจริงเขาเป็นเด็กกำพร้าอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กใกล้ชุมชนหนึ่ง ที่นั่นก็มีสนามเด็กเล่นเหมือนกัน

            เขาอยากพาพวกน้อง ๆ ในสถานรับเลี้ยงไปเล่นชิงช้ามาก แต่กลับถูกพวกเด็กในชุมชนขัดขวางกลั่นแกล้งเพียงเพราะพวกเขาไม่มีพ่อแม่คอยดูแลเหมือนเด็กคนอื่นยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที อีเลนหยุดยืนมองชิงช้าที่แกว่งไปมานิ่ง ในใจคิดว่าจะลองไปนั่งเล่นดูสักครั้งดีไหม

            ยังไงตอนนี้ตนก็อยู่ในร่างเด็ก ไปลองใช้ชีวิตให้สมกับอายุวัยนี้ดูบ้างคงไม่เสียหายอะไร แต่ถึงจะอยากไปนั่งสักเพียงไรเขาก็ต้องกลับไปขออนุญาตแม่ก่อนเพื่อไม่ให้เป็นห่วงอยู่ดี

            ในตอนที่กำลังจะหันตัวกลับสายตาพลันสบเข้ากับดวงตาสีแซฟไฟร์อย่างไม่ได้ตั้งใจ โลกทั้งโลกคล้ายหยุดหมุนไปชั่วขณะ

             ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายท่ามกลางแสงสีส้มทอระยับดูเด่นชัดแม้จะอยู่ที่ห่างไกล

            เด็กชายตกตะลึงในความสวยงามของดวงตาคู่นั้นเมื่อมองเห็นได้เต็มสองลูกตา ก่อนตั้งสติได้ว่าตนเผลอใจลอยจ้องคนตรงหน้าไปแล้วไม่รู้กี่วินาทีดั่งต้องมนต์สะกด

            'เด็กนั่นเป็นเด็กที่นั่งอยู่ในรถหรูนี่ เขามาทำอะไรที่นี่คนเดียว….'

            ขณะคิดหาคำตอบในหัวให้ตัวเองอยู่ กลุ่มเด็กสามคนแลดูอันธพาลอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเดินเข้ามาในสนามเด็กเล่น ปรี่ตรงไปหาเจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ ซึ่งนั่งอยู่บนชิงช้า

            “หัวหน้า มีคนมาแย่งที่เราครับ” เด็กอ้วนลูกสมุนตัวน้อยพูดขึ้น

            “ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแกโดนเตะร้องเสียงหลงแน่ไอ้น้อง” เด็กตัวเล็กสุดในกลุ่มวางท่าทีอวดเบ่งด้วยน้ำเสียงขึงขัง

            “เออ!! ไม่รู้เหรอว่านี่ถิ่นใคร กลับบ้านไปร้องแง ๆ หาแม่ไปชิ่ว ๆ”

            เมื่อหัวโจกพูดเสร็จทั้งสามคนก็หัวเราะกันเสียงดัง เด็กอ้วนส่ายก้นไปมาก่อนจะตีแปะๆ ลงที่บั้นท้ายตัวเองเป็นเชิงหยอกล้อ

            “ร้องไห้วิ่งไปฟ้องแม่เลยไปไอ้ลูกแหง่”

            เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มนิ่งสงบ ก่อนจะค่อยหยันตัวลุกขึ้นคิดเดินจากไปเงียบๆ ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะยืนขึ้นจนสุด พลันรู้สึกหนักอึ้งบริเวณลาดไหล่ทั้งสองข้าง

            เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาพบกับเด็กชายผมสีขาวปอยเหลือง ดวงตาสีส้มอมเหลืองเปล่งประกายสะท้อนรับแสงอาทิตย์ยามเย็น มันส่องสว่างเหมือนยกทั้งพระอาทิตย์เข้ามาไว้นัยน์ตาคู่นั้น

             เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ยังไม่ทันตั้งตัวดี ก็ถูกกดให้นั่งลงตามเดิม เสียงโซ่คล้องชิงช้ากระทบกันท่ามกลางความวุ่นวาย

            “ทำไรวะ ไอ้เด็กผิดปกตินี่!!” เด็กอ้วนพูดขึ้นอย่างโมโหพลางผลักตัวอีเลนจนเซไปข้างหลังเล็กน้อย

            “นั่นมันลูกชายของบ้านทนายนี่หัวหน้า พ่อผมบอกว่าอย่าไปยุ่งกับเด็กบ้านนี้ด้วย!!” เด็กตัวเล็กสุดกระซิบกระซาบให้ผู้นำตนเองฟัง

            “ลูกทนายแล้วไง พ่อกูก็เป็นตำรวจเหมือนกัน อย่าไปกลัวมัน!!” หัวหน้าแก๊งตอบกลับไปด้วยความภาคภูมิในอำนาจของพ่อบังเกิดเกล้า

            “ใช่หัวหน้า มันเป็นแค่เด็กจิตผิดปกติ วันนี้เห็นแม่ผมคุยกับยายแจนข้างบ้านให้ฟังว่าแม่ไอ้เด็กนี่ไปหาหมอด้วย แม่มันต้องเป็นบ้าตามลูกมันแน่”  เด็กอ้วนปากคอเรอะรายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

            อีเลนซึ่งพยายามข่มจิตใจให้นิ่งสงบมาโดยตลอด เขาฟังถ้อยคำถากถางผ่าน ๆ บัดนี้ในใจเกิดเดือดพล่าน

             คิดว่าถึงตนจะอยู่ในร่างเด็กแต่จริง ๆ แล้วเขาก็เป็นผู้ใหญ่อายุยี่สิบสองมีวุฒิภาวะมากกว่า ย่อมต้องสงบใจใช้เหตุผลในการหยิบยกมาอธิบายว่าทำแบบนี้มันไม่ดี ใช่เขาต้องเป็นแบบนั้น ใช่แล้ว อดทนไว้!!

            ซัดหน้าแม่ง!!

            คิดแล้วได้อะไรล่ะ ในเมื่อตอนนี้เขาก็เป็นเด็กอายุสิบสองปีเหมือนเด็กหัวโปกพวกนั้น จะต่อยตีแบบเด็กเขาเล่นกันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

            กำปั้นเล็กไปเร็วกว่าความคิดง้างสุดไรสุดต่อยหน้าเด็กอ้วนหันจนตัวหมุนล้มก้นกระเเทกพื้นฟันหลุดไปสองซี่

            เด็กตัวกลมมองฟันตัวเองที่ร่วงออกมาเริ่มร้องไห้เสียงดังลั่น อีเลนสะบัดมือแก้เมื่อยเบาๆ สองที

             ตามจริงเขาไม่อยากจะใช้ความรุงแรงกับเด็กหรอก แต่ถ้าปล่อยไว้ให้ได้ใจคงมีเหยื่อเคราะห์ร้ายเพิ่มขึ้นอีกจากการกลั่นแกล้ง

             บางทีคนบางคนก็ควรโดนไม้แข็งมากกว่าไม้อ่อน อีกอย่างเขาไม่ชอบที่มาว่าเจ้าของร่างคนเก่ากับหญิงที่คอยดูแลเขาด้วยความรักเสีย ๆ หาย ๆ ใครจะอยากไม่ปกติกันล่ะ!!

            ในขณะเดียวกันที่อีเลนจัดการพวกเด็กเหลือขอ ดวงตาสีแซฟไฟร์นั่งนิ่งมองการกระทำของคนตรงหน้า

          ริมฝีปากหยักปรากฏรอยยิ้มแลอ่านออกยากเพียงเสี้ยววินาที

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 5 เด็กคนนั้นแปลก

    เสียงร้องไห้ของเด็กอ้วนดังไปทั่วสนามเด็กเล่น อีเลนกะพริบตาสองสามที เขามองคนที่นั่งฟันหลุด ใจจริงไม่ได้กะต่อยแรงขนาดนั้นแค่เผลอออกแรงมากเกินไปเพราะเห็นภาพซ้อนทับกับเด็กเกเรที่ชอบแกล้งเหล่าน้อง ๆ ในอดีตของตนจนบาดเจ็บเป็นประจำ อีเลนเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูอาการเด็กน้ำมูกน้ำตาไหลที่ดูแทบไม่ได้ มือหนึ่งยื่นไปให้จับหวังช่วยพยุงตัวขึ้น “เป็นไรไหม” เขาถามออกไปอย่างเป็นห่วงเพราะรู้สึกผิดที่ตนทำเกินกว่าเหตุ แม้ภายในลึก ๆ จะอยากให้เด็กคนนี้จำฝังใจว่าไม่ควรไปหาเรื่องใครแบบนี้อีก “แงงงงงง แม่จ๋า” เด็กน้อยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด เอาแต่นั่งร้องไห้ โหวกเหวกท่าเดียวและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ด้วย “เฮ้ย!! มึงทำเพื่อนกูแล้วอย่าคิดว่าจะรอดไปได้นะเว้ย พ่อกูเป็นตำรวจ จะสั่งให้จับพวกมึงให้หมดเลย พวกมึงไม่รอดแน่ พ่อแม่มึงต้องถูกจับ บ้านมึงต้องถูกยึด โทษฐานมาหาเรื่องกับกู ไอ้เชี่ย!!" เด็กหัวโจกหน้าดำหน้าแดงควันออกหู โกรธจัดที่มีคนกล้าท้าทายอำนาจ ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้าขัดใจเขาเลยสักครั้ง แค่มีพ่อเป็นตำรวจไม่ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 6 บทเรียนคนดี

    เรื่องราวในนิยายเล่าถึงช่วงเวลาสมัยเด็กของพระเอกและนางเอกไว้ไม่กี่บท ทั้งคู่ได้เจอกัน เกิดมาจากโรคจิตเวชของอีเลนคนเก่ากำเริบ วันหนึ่งคุณแม่ของเด็กชายออกไปรับของทางไปรษณีย์ข้างนอกโดยใช้เวลาไม่ถึงห้านาที พอกลับมาพัสดุยังไม่ทันวางพลันร่วงหลุดมือ เมื่อเธอเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยืนถือมีดปอกผลไม้ ที่แขนเล็กตรงข้อพับมีรอยกรีดลึกยาว เลือดสีเข้มไหลซึมออกมาทีละหยดสองหยด ผู้เป็นแม่แข้งขาอ่อนแรง ทรุดฮวบลงกับพื้นทันที หญิงวัยกลางคนมีอาการตัวสั่นหน้าซีดเผือด ตกตะลึงกับการกระทำของลูกน้อย หลังจากนั้นไม่นานเสียงทะเลาะปนสะอื้นไห้ดังแซดไปทั่วบ้าน เธอต่อสายถกเถียงกับสามีเรื่องลูกชายของตน กล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้ กล่าวว่าสามีที่ไม่มีเวลาให้ลูกบ้างก็ดี กล่าวว่าตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดีบ้างก็ดี ผู้เป็นสามีเคร่งเครียดถอนหายใจดังลั่นจนปลายสายได้ยินเสียง ‘เฮ้อ’ “งั้นเอางี้ คุณย้ายบ้านไปอยู่เมืองหลวงซะ ที่นั่นมีหมอเก่งด้านจิตเวช เดี๋ยวผมส่งเขาไปเป็นหมอประจำตัวอีเลนให้” พูดจบก็วางสายไป คนเป็นแม่สะอื้นไห้โผเข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 7 บทเรียนคนดี (2)

    หน้าจอฉายภาพเคลื่อนไหวสลับตัดช่วงกับโฆษณา อีเลนนั่งดูเกี่ยวกับพวกหนังคุณธรรมจริยธรรมมาได้ครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว เขาหวังพึ่งเล็กน้อยว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้เคียร์นเดินรอยตาม แม้ในใจจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการต้องมาดูแต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อตัดสินใจอยากให้ตัวร้ายกลายเป็นคนดีก็มีแต่ต้องอดทนเท่านั้น!! ดวงตาสีแซฟไฟร์สายตาไม่ได้จับจ้องที่หน้าจอเลยตลอดระยะเวลาครึ่งชั่วโมง เขาเอาแต่ลอบสังเกตคนที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ด้านข้างและก็พบว่ามันน่าสนใจกว่าสิ่งที่เปิดให้ดูบนหน้าจอเสียอีก เคียร์นพอเดาสาเหตุที่อีเลนเปิดของพวกนี้ให้ดูได้ แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันถึงสนใจปลูกฝังจิตใจใฝ่ดีให้คนอื่นมากกว่าชวนออกไปเล่นสนุกเหมือนเด็กทั่วไปนัก หลังจากนั่งมองมาได้สักพัก เคียร์นพบว่าเพื่อนใหม่ชอบน้ำตาคลอก็ต่อเมื่อถึงช่วงเรื่องราวท้าย ๆ แล้วมีดนตรีบรรเลงประกอบฉากขึ้นมา 'สรุปซึ้งเพราะเนื้อเรื่องหรือเพราะดนตรีกันแน่' เด็กชายตั้งคำถามกับตัวเอง พร้อมดูสีหน้าเพื่อนใหม่อย่างสนอกสนใจ ยิ่งเป็นช่วงโฆษณาไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 8 ไปทำความดีกันเถอะ

    ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 9 อยากรู้ไหมใครร้ายกว่ากัน

    “หนูจะไปฟ้องพี่เลี้ยง!! พี่เป็นเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ!!!” เด็กสาวผมเปียโมโหจัด เธอตัวสั่นเทาแต่ยังต่อต้าน พูดเสียงดังใส่เด็กกร่างอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ เด็กไม่มีพ่อแม่อย่างเธอกับลูกตำรวจแบบฉันคิดว่าพวกนั้นจะเข้าข้างใครมากกว่า เผลอ ๆ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนหาว่ามารยา ใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว!!” เด็กสาวตัวน้อยดวงตาแดงก่ำ คำพูดของคนตัวโตกว่าเสียดแทงเข้ามาในใจเธอยังจัง ถูกต้องแล้ว เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าตัวเล็กซึ่งถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จะไปสู้อะไรกับลูกคนใหญ่คนโตได้ “ไม่มีพ่อแม่แล้วไง ถ้าต้องเกิดมาเป็นเด็กสถุลอย่างนายฉันขอไม่เกิดมาแต่แรกเลยดีกว่า ถ้าจะเลี้ยงออกมาได้สันดานเสียขนาดนี้” อีเลนกัดฟันกรอดพูดอย่างขบเคี้ยว เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปซัดเด็กตรงหน้าปรับนิสัยสักสองสามที ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กปานนี้คงโดนกระทืบจมดินไปแล้ว เด็กชายพยายามเว้นระยะห่างออกจากเด็กหัวโจกพอสมควร กลัวใจจะเผลออารมณ์ชั่ววูบ ต่อยหน้าเต็มแรงฟันหลุดสองซี่เหมือนเด็กอ้วนอีก เด็กบ้าอำนาจพอเห็นหน้าอีเลนเข้าดวงตาพลันแข็งค้าง ถลึงตาใส่อี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

    ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’ อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 11 ปัญหาที่ไม่อยากยุ่ง

    "ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!" หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้! แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

    ‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

    หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 13 สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้

    สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

    ‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 11 ปัญหาที่ไม่อยากยุ่ง

    "ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!" หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้! แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุ

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

    ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’ อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 9 อยากรู้ไหมใครร้ายกว่ากัน

    “หนูจะไปฟ้องพี่เลี้ยง!! พี่เป็นเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ!!!” เด็กสาวผมเปียโมโหจัด เธอตัวสั่นเทาแต่ยังต่อต้าน พูดเสียงดังใส่เด็กกร่างอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ เด็กไม่มีพ่อแม่อย่างเธอกับลูกตำรวจแบบฉันคิดว่าพวกนั้นจะเข้าข้างใครมากกว่า เผลอ ๆ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนหาว่ามารยา ใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว!!” เด็กสาวตัวน้อยดวงตาแดงก่ำ คำพูดของคนตัวโตกว่าเสียดแทงเข้ามาในใจเธอยังจัง ถูกต้องแล้ว เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าตัวเล็กซึ่งถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จะไปสู้อะไรกับลูกคนใหญ่คนโตได้ “ไม่มีพ่อแม่แล้วไง ถ้าต้องเกิดมาเป็นเด็กสถุลอย่างนายฉันขอไม่เกิดมาแต่แรกเลยดีกว่า ถ้าจะเลี้ยงออกมาได้สันดานเสียขนาดนี้” อีเลนกัดฟันกรอดพูดอย่างขบเคี้ยว เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปซัดเด็กตรงหน้าปรับนิสัยสักสองสามที ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กปานนี้คงโดนกระทืบจมดินไปแล้ว เด็กชายพยายามเว้นระยะห่างออกจากเด็กหัวโจกพอสมควร กลัวใจจะเผลออารมณ์ชั่ววูบ ต่อยหน้าเต็มแรงฟันหลุดสองซี่เหมือนเด็กอ้วนอีก เด็กบ้าอำนาจพอเห็นหน้าอีเลนเข้าดวงตาพลันแข็งค้าง ถลึงตาใส่อี

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 8 ไปทำความดีกันเถอะ

    ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสัก

DMCA.com Protection Status