แชร์

บทที่ 8 ไปทำความดีกันเถอะ

ผู้เขียน: แกะส้ม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 13:39:47

             ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา

             อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา

             เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา

            ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม

             คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย

            ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ

             ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสักหน่อย ดวงตาสีส้มมองหนูตัวขาวลายด่างน้ำตาลนอนร้องจี๊ด ๆ ในกรงเหล็ก ก่อนจัดแจงหยิบยาทาแผลออกมาวางเตรียมทำความสะอาดให้เจ้าตัวน้อย        

            เคียร์นเดินตามมานั่งลงข้าง ๆ คนที่มัวแต่หยดขวดยาลงบนสำลี ในมือเจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ ถือช็อกโกแลตชิ้นเล็กแลน่าทานติดมาด้วย

            “อ้าปากสิ”

            “อร่อย!”

            คนโดนสั่งไม่คิดอะไรมากกินช็อกโกแลตที่อีกฝ่ายป้อนให้ ตั้งแต่เคียร์นรู้ว่าเขาชอบขนมหวานโดยเฉพาะช็อกโกแลตมากแค่ไหน ตลอดเวลาที่เจ้าตัวมาเล่นที่บ้านก็มักจะพกของหวานชนิดนี้ติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ

            เอามาให้ทีก็โดนป้อนทีจะขอกินเองก็ไม่ได้ เลยปล่อยเลยตามเลยอยากป้อนก็ทำไปไม่ติดใจอะไรอยู่แล้ว

            “นายชอบรสนี้ไหม” เคียร์นถามพลางเลียนิ้วที่มีช็อกโกแลตติด

            “ชอบ…….”

            อีเลนมองการกระทำน่าอายของเด็กข้างกาย เดี๋ยวนี้เขารู้สึกใจสั่นกับท่าทางแปลก ๆ ของอีกฝ่ายบ่อยเหลือเกิน ต้องเป็นเพราะเด็กนี่หล่อจนทำให้คนลุ่มหลงได้ แต่ไม่ใช่กับเขาแน่นอนเพราะเขาไม่ชอบเด็ก!!

            ในขณะที่กำลังกระวนกระวายใจกับตัวเอง เคียร์นทำการเลื่อนประตูกรงเหล็กขึ้นพลางยื่นมือไปหาหนูน้อยลายด่างที่นอนคดอยู่ข้างในเมื่อเจ้าตัวเล็กเห็นสิ่งแปลกปลอมยื่นเข้ามา มันทำการดมกลิ่นก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนอนออดอ้อนอยู่บนฝ่ามือของคนตรงหน้า

             ดวงตาสีแซฟไฟร์แสดงความพึงพอใจ ยกมืออีกข้างลูบหัวหนูแฮมสเตอร์ก่อนเริ่มทำบาดแผลให้มัน

            “ทำไมมันดูเชื่องกับนายจัง ฉันเป็นคนช่วยชีวิตมันนะ”

            อีเลนตัดพ้อ แม้ใจจริงจะรู้สึกว่าสมควรแล้วเพราะเขาไม่ช่วยมันตั้งแต่แรก ปล่อยให้โดนกัดก่อนเพราะอยากหาข้อพิสูจน์ให้ตนเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็อดน้อยใจไม่ได้ คนที่พามันไปหาหมอและคอยดูแลมากกว่าใครคือเขานะ ทำไมถึงเชื่องกับเคียร์นแค่คนเดียว!!

            ดวงตาสีแซฟไฟร์เมื่อเห็นคนด้านข้างทำสีหน้าน้อยใจก็เผยรอยยิ้มบางก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวคนงอนสองสามทีแล้วค่อยหันมาทำแผลให้เจ้าหนูน้อยต่อ

             อีเลนนั่งนิ่ง เขาควรรู้สึกยังไงดีที่คนเด็กกว่าชอบปีนเกี้ยว แม้อายุเจ้าของร่างจะเท่ากับเคียร์นก็เถอะแต่อายุจิตใจเขาห่างกันมากโขเลยนะ!!

            “นายเนี่ยชอบทำเหมือนฉันเป็นเด็กจังเลยนะ”

            “แล้วไม่ใช่เหรอ”

            เสียงหัวเราะบางเบาอันทรงเสน่ห์ดังแผ่วไปทั่วห้อง

            อีเลนคิ้วกระตุก รู้สึกว่าทำไมเพื่อนใหม่คนนี้ถึงชอบหาเรื่องจ้องแต่จะแกล้งตนอยู่เรื่อย พลางมองมือคนที่ทำแผลให้เจ้าแฮมสเตอร์จนเสร็จสรรพ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์นำมันกลับเข้าไปไว้ในกรงตามเดิม

            “มาตั้งชื่อให้มันกันไหม”

            อีเลนเสนอไอเดีย เขาคิดอยากหาชื่อเรียกให้มันตั้งแต่รับกลับมาจากคลินิกตั้งนานแล้ว

            “นายจะเลี้ยงมันไว้เหรอ”

            “ทำไงได้ ไม่เลี้ยงไว้แล้วจะปล่อยให้ตายรึไง รู้สึกผิดกันพอดี”

             ดวงตาสีแซฟไฟร์วูบไหวเพียงเสี้ยววิ พลันอมยิ้มเขยิบเข้าไปใกล้

            “งั้นให้ฉันเลี้ยงแทนสิ”

            “ทำไม”

            “นายจะได้มาหาฉันบ่อย ๆ ไง”

            ‘ไอ้เด็กนี่!!’

             คนโดนแกล้งไม่รู้ว่าทำไมเคียร์นชอบพูดเหมือนหยอกจีบตนเองอยู่เรื่อย แต่คงเป็นแค่การกลั่นแกล้งของเด็กน้อยคนหนึ่งแหละ การแกล้งของคนอายุเท่านี้ชอบเล่นอะไรแบบนี้เหรอ

            เขายอมรับว่าชอบใจสั่นกับเด็กหน้าหล่อนี่บ่อยมาก ตั้งแต่ในโลกเก่ายันโลกนิยายยังไม่เคยมีใครมาหยอกแกล้งตัวเองเล่นแบบนี้มาก่อนเลย เป็นธรรมดาที่จะทำตัวไม่ถูก

            ดวงตาสีแซฟไฟร์เห็นการแสดงออกของเจ้าตัวก็ขบขัน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเชิงเอ็นดู

             “ตั้งชื่อว่าอีวาดีไหม”

            “ทำไมต้องอีวา” อีเลนรู้สึกว่าอีกฝ่ายจงใจตั้งชื่อให้เหมือนเขาเลย แกล้งกันอีกรึเปล่าเนี่ย

             “ไม่ดีเหรอ ทั้งขนาดตัว ทั้งสี เหมือนกับนายเลย” เคียร์นพูดพลันเผยรอยยิ้มปรากฏตรงมุมปาก

            ‘เด็กนี่คิดว่าเราเหมือนหนูเหรอ’ เด็กชายอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพูดแกล้งตนจึงคัดค้าน “ไม่เอาหรอก นายจงใจแกล้งฉันอีกรึเปล่าเนี่ย”

            “หึ คิดมากน่า”

            อีเลนหัวจะปวด เขารู้สึกว่าตั้งแต่รู้จักกันมาถึงไม่กี่วันก็เถอะ แต่ตนมักจะถูกคนตรงหน้าคอยปั่นป่วนแกล้งตลอดเวลา ไม่รู้ว่าแกล้งเขามันมีอะไรให้น่าสนุกนัก!

            “งั้นชื่อ อิว แทนไหม ถ้านายไม่ชอบชื่อ อีวา”

            “แต่ฉันว่า คิว ดีกว่า นายอยากรับไปเลี้ยงนี่ ตั้งชื่อคล้ายเจ้าของไม่ดีกว่าเหรอ” อีเลนไม่ยอมแพ้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายตั้งชื่อคล้ายตนเองเพราะรู้สึกว่าถ้าปล่อยไปเด็กคนนี้ต้องหาเรื่องแกล้งอะไรอีกแน่

            เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์มองคนดื้อรั้นไม่ยอมความ เขาไม่ได้ตั้งเพราะอยากแกล้งสักหน่อยแค่มีเหตุผลอื่นนิดหน่อย……

            เคียร์นนิ่งเงียบไปสักพักก่อนเผยรอยยิ้มพร้อมเสนอความคิดขึ้นมา

            “งั้นเอาชื่อมารวมกันเลยดีไหม อิวคิว น่ารักดีออก”

            อีเลนรู้สึกเหมือนตนพลาดท่าอะไรสักอย่าง แต่ก็ตอบตกลง “เฮ้อ เอาชื่อนี้ก็ได้”  เจ้าตัวคิดอย่างน้อยชื่อนี้ก็ไม่ได้มีแค่ชื่อที่เหมือนเขาคนเดียว

             ‘อืม….อิวคิวก็น่ารักดี’

            หลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์เจ้าหนูตัวน้อยอาการก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง วิ่งฉลุยบนกงล้อแฮมสเตอร์อยู่ในห้องเคียร์นอย่างเมามัน เมื่ออีเลนไม่มีพันธะผูกมัดอะไรอีกเขาจึงเริ่มดำเนินแผนการธรรมะอีกครั้ง

            เด็กชายขอให้แม่พาตนกับเคียร์นไปบริจาคของให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง

            เขาอยากลองให้คุณชายบ้านรวย ได้สัมผัสประสบการณ์การแบ่งปันและเล่นสนุกเต็มอิ่มไปพร้อมรอยยิ้มของเด็ก ๆ ที่นั่น หวังลึก ๆ ว่าการกระทำเล็ก ๆ จะช่วยให้เพื่อนตัวร้ายเติบโตมาเป็นคนดีของสังคมได้

            รถยนต์คันสีขาวรุ่นใหม่ป้ายแดงขับมาจอดตรงหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่อีเลนละมือจากพวงมาลัยหันข้างมาคุยกับพี่เลี้ยงเด็กอายุวัยกลางคนที่ตนจ้างมาให้ดูแลพวกเด็กน้อยในวันนี้

            “คุณเมย์ พาพวกเด็ก ๆ ลงรถกันไปก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวฉันขอไปทำเรื่องกับทางสถานที่สักครู่”

            “ได้ค่ะคุณนาย งั้นฉันพาพวกเด็กน้อยไปยืนรอที่สนามเด็กเล่นเลยนะคะ” ผู้เป็นแม่พยักหน้า ก่อนจะหันมายิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กน่ารักสองคนที่นั่งตัวติดกันอยู่เบาะหลัง

             “ทำอะไรก็ระวังตัวเองกันดี ๆ ด้วยนะทั้งคู่ อย่าดื้ออย่าซนกับคุณเมย์ละเดี๋ยวแม่มา”

            อีเลนยิ้มเจื่อนพลางคิดว่าแม่เห็นนิสัยที่ผ่านมาเขาดูเป็นเด็กไม่เชื่อฟังขนาดนั้นเลยเหรอ

            “ได้ครับคุณแม่” เคียร์นตอบรับพร้อมส่งรอยยิ้มแสนดีกลับ

             คุณป้าเมย์ถึงกับใจเต้นไปแวบหนึ่งให้กับรอยยิ้มของเด็กตรงหน้า เธอมองหน้าเด็กสองคนที่นั่งแผ่ออร่าหล่อเหลาแม้จะยังวัยเยาว์ คิดว่าสองคนนี้ช่างหน้าตาดีจริง ๆ โตขึ้นมาอีกหน่อยคงหนีไม่พ้นพ่อหนุ่มสุดฮอตขวัญใจของสาว ๆ แน่นอน

            “ฝากด้วยนะคะคุณเมย์”

            แม่อีเลนพูดย้ำอีกครั้งหลังจากทั้งสามคนลงจากรถ เธอกดปุ่มให้กระจกรถเลื่อนขึ้นปิดสนิทก่อนหักพวงมาลัยตรงไปหาที่จอด

            คุณพี่เลี้ยงเดินนำทั้งสองตรงไปยังสนามเด็กเล่นขนาดเล็กพอให้เด็กประมาณสามสิบคนวิ่งเล่นได้ สถานที่นี้มีทั้งชิงช้า ล้อรถถูกผูกติดกับต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น บนพื้นทรายปนดินหยาบมีไม้กระดก สไลเดอร์ ที่ปืนต่ายและของเล่นสำหรับเด็กอยู่ครบ

            ระหว่างทางที่เดิน พวกเขาเห็นเหล่าเด็กขนาดตัวแตกต่างกัน เล่นวิ่งเล่นไล่แปะอย่างสนุกสนาน บ้างก็เล่นซ่อนแอบ เล่นตบแปะแตกต่างกันไป อีเลนมองภาพเบื้องหน้า ในใจหวนนึกถึงวันเก่า ๆ

            ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากับพวกน้อง ๆ มักจะชอบเล่นหาขุมทรัพย์กัน ใครหาขุมทรัพย์ที่คนเอาไปซ่อนเจอได้มากที่สุดคนนั้นจะเป็นผู้ชนะและขึ้นเป็นราชาสามารถสั่งให้คนหนึ่งทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง

            เวลาเล่นเกมนี้เขามักจะโดนพวกน้องงอนเพราะเป็นฝ่ายชนะทุกครั้ง มันสนุกมากแม้จะออกจากสถานรับเลี้ยงมาแล้วใช้ชีวิตวัยทำงาน ก็ยังมีความรู้สึกอยากหวนกลับไปเล่นอีก

            ดวงตาสีแซฟไฟร์มองคนเดินไปเหม่อลอยไป เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองภาพตรงหน้าแล้วคิดอะไรอยู่แต่สีหน้าดูมีความสุขมาก เคียร์นกด รอยยิ้มลึกก่อนยื่นมือไปจับมือคนสติไม่อยู่กับตัว

            “!!”

            อีเลนสะดุ้ง ทำหน้าเหลอหลาพลางมองมือคนที่เกี่ยวประสาน

            “ฉันกลัวหลง ขอจับมือหน่อยได้ไหม” เคียร์นเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

            'กลัวหลงอะไร!!! ป้าเมย์ก็เดินนำอยู่ข้างหน้า'

            อีเลนคิดในใจแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายจับแต่โดยดี เขาคิดเองเออเองว่าเคียร์นคงตื่นสถานที่เพราะพึ่งเคยเจอกับเด็กเยอะ ๆ เป็นครั้งแรก แม้ตนจะรู้สึกทะแม่งอยู่บ้างก็ตาม

            ป้าเมย์เหลือบมองพวกตัวเล็กเช็กว่าตามกันมาทันไหม ก่อนจะหลุดยิ้มเมื่อเห็นเด็กผู้ชายสองคนเดินจับมือกัน คนหนึ่งเดินอมยิ้มส่วนอีกคนเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

            "กรี๊ดดดดดด"

            ในขณะที่ทั้งสามกำลังจะใกล้ไปถึงจุดหมาย ระหว่างทางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงตัวน้อยดังลั่นขึ้นมาเสียก่อน

             อีเลนผละมือจากคนข้างกายรีบวิ่งตามต้นเสียงโดยไว เขาก้าวเท้าเร็วจนมาถึงหลังตึกเปลี่ยวไร้ผู้คน ภาวนาขอให้ไม่เกิดเรื่องเลวร้ายอย่างการลักพาตัวขึ้น!!

            “อย่ามาจับหนูนะ!!เอามือสกปรกของพี่ออกไปเลย!!!”

             เด็กสาวตัวเล็กใส่แว่นถักเปียสองข้าง ตะคอกเสียงใส่ผู้ชายคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่งอย่างรังเกียจ

            “อะไร!! นี่ครอบครัวฉันอุตส่าห์นำของมาบริจาคให้เลยนะ ไม่หัดนึกขอบคุณซะบ้าง งี้แหละไอ้พวกเด็กไม่มีพ่อมีแม่ แค่ให้จับนิดจับหน่อยตอบแทนค่าของทำเป็นหวงตัว สมควรแล้วที่โดนพวกมันทิ้ง!!”

            อีเลนยืนกำหมัดแน่น พยายามข่มอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุของตัวเองอยู่ตรงหลังกำแพง เขามองหัวโจกที่พึ่งเคยมีเรื่องกันไปด้วยความขุ่นเคือง ภายในหัวมีเสียงร้องตะโกนแทนใจดังขึ้น

           

            '” ไอ้เด็กนี่ ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยใช่ไหม!!!"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 9 อยากรู้ไหมใครร้ายกว่ากัน

    “หนูจะไปฟ้องพี่เลี้ยง!! พี่เป็นเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ!!!” เด็กสาวผมเปียโมโหจัด เธอตัวสั่นเทาแต่ยังต่อต้าน พูดเสียงดังใส่เด็กกร่างอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ เด็กไม่มีพ่อแม่อย่างเธอกับลูกตำรวจแบบฉันคิดว่าพวกนั้นจะเข้าข้างใครมากกว่า เผลอ ๆ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนหาว่ามารยา ใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว!!” เด็กสาวตัวน้อยดวงตาแดงก่ำ คำพูดของคนตัวโตกว่าเสียดแทงเข้ามาในใจเธอยังจัง ถูกต้องแล้ว เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าตัวเล็กซึ่งถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จะไปสู้อะไรกับลูกคนใหญ่คนโตได้ “ไม่มีพ่อแม่แล้วไง ถ้าต้องเกิดมาเป็นเด็กสถุลอย่างนายฉันขอไม่เกิดมาแต่แรกเลยดีกว่า ถ้าจะเลี้ยงออกมาได้สันดานเสียขนาดนี้” อีเลนกัดฟันกรอดพูดอย่างขบเคี้ยว เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปซัดเด็กตรงหน้าปรับนิสัยสักสองสามที ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กปานนี้คงโดนกระทืบจมดินไปแล้ว เด็กชายพยายามเว้นระยะห่างออกจากเด็กหัวโจกพอสมควร กลัวใจจะเผลออารมณ์ชั่ววูบ ต่อยหน้าเต็มแรงฟันหลุดสองซี่เหมือนเด็กอ้วนอีก เด็กบ้าอำนาจพอเห็นหน้าอีเลนเข้าดวงตาพลันแข็งค้าง ถลึงตาใส่อี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

    ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’ อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 11 ปัญหาที่ไม่อยากยุ่ง

    "ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!" หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้! แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

    ‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 13 สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้

    สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

    หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

    หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 13 สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้

    สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

    ‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 11 ปัญหาที่ไม่อยากยุ่ง

    "ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!" หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้! แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุ

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

    ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’ อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 9 อยากรู้ไหมใครร้ายกว่ากัน

    “หนูจะไปฟ้องพี่เลี้ยง!! พี่เป็นเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ!!!” เด็กสาวผมเปียโมโหจัด เธอตัวสั่นเทาแต่ยังต่อต้าน พูดเสียงดังใส่เด็กกร่างอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ เด็กไม่มีพ่อแม่อย่างเธอกับลูกตำรวจแบบฉันคิดว่าพวกนั้นจะเข้าข้างใครมากกว่า เผลอ ๆ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนหาว่ามารยา ใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว!!” เด็กสาวตัวน้อยดวงตาแดงก่ำ คำพูดของคนตัวโตกว่าเสียดแทงเข้ามาในใจเธอยังจัง ถูกต้องแล้ว เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าตัวเล็กซึ่งถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จะไปสู้อะไรกับลูกคนใหญ่คนโตได้ “ไม่มีพ่อแม่แล้วไง ถ้าต้องเกิดมาเป็นเด็กสถุลอย่างนายฉันขอไม่เกิดมาแต่แรกเลยดีกว่า ถ้าจะเลี้ยงออกมาได้สันดานเสียขนาดนี้” อีเลนกัดฟันกรอดพูดอย่างขบเคี้ยว เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปซัดเด็กตรงหน้าปรับนิสัยสักสองสามที ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กปานนี้คงโดนกระทืบจมดินไปแล้ว เด็กชายพยายามเว้นระยะห่างออกจากเด็กหัวโจกพอสมควร กลัวใจจะเผลออารมณ์ชั่ววูบ ต่อยหน้าเต็มแรงฟันหลุดสองซี่เหมือนเด็กอ้วนอีก เด็กบ้าอำนาจพอเห็นหน้าอีเลนเข้าดวงตาพลันแข็งค้าง ถลึงตาใส่อี

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 8 ไปทำความดีกันเถอะ

    ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสัก

DMCA.com Protection Status