แชร์

บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

ผู้เขียน: แกะส้ม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 13:39:47

           ‘R r r r r r r r…….’

            ‘R r r r r r r r.............’

             เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน

            “จี๊ด ๆ”

             เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู

            [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ]

             ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม

            “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง”

            [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ]

            “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ”

            ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ

            [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม

            [จะอยู่กับคนพวกนั้นจนอายุครบยี่สิบจริงเหรอครับ] เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนเอ่ยถาม

            “ใช่ มันน่าสนุกดี เมื่ออีกฝ่ายคิดว่าฉันอยู่ในกำมือ แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองอยู่ในกำมือใครมากกว่า”

            ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มชั่วร้ายแฝงความดำมืดไว้ในแววตา คนพวกนั้นเป็นคนเริ่มก่อน เขาก็ต้องเป็นคนจบ ถ้าไม่ทำให้อีกฝ่ายดิ้นทุรนทุรายอย่างสาสมกับที่มันทำแล้วคงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

            “ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ เด็ก ๆ แต่ระมัดระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะครับ”

            ปลายสายพูดอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ คนฟังนัยน์ตาขุ่นมัว เหยียดยิ้มริมฝีปากชิดจนเป็นเส้นตรง

          “ที่ ๆ อันตรายที่สุด คือที่ปลอดภัยที่สุด นายดูแลตัวเองให้ดีเถอะ……”

            "อ่า!! ไม่มีสมาธิเลย!!"

             อีเลนบ่นอุบอิบพลางขยับตัวหนีเมื่อสัมผัสโดนตัวคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆดวงตาสีแซฟไฟร์เปล่งประกายลอบยิ้มบางก่อนจะกระเถิบตัวตามอย่างแนบชิด  

            ตอนนี้เด็กชายกำลังนั่งพื้นทำแบบฝึกหัดอยู่บนโต๊ะไม้ตัวแบนสีเนื้ออ่อน โดยมีเคียร์นคอยนั่งสอนชี้ตรงส่วนที่ผิดอยู่ข้างกาย

            ลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเป่ารดอยู่บนหัวแทบตลอดเวลา ไหล่กับมือสัมผัสโดนตัวทำให้รู้สึกจั๊กจี้คล้ายถูกไฟช็อตเมื่อคนด้านข้างชอบเอนตัวเข้ามาใกล้ อีเลนอดใจเต้นเเรงไม่ได้เมื่อนึกถึงไออุ่นของอีกฝ่ายเมื่อวาน เขาเผลอขยับตัวหนีโดยอัตโนมัติ

            เคียร์นขบขันกับท่าทางน่ารัก ริมฝีปากยกยิ้มอย่างนึกสนุกก่อนเปลี่ยนมาเป็นเจ้าเล่ห์ ยังไม่ทันรู้ตัวอีเลนก็โดนต้อนเรื่อย ๆ จนชิดหัวมุมโต๊ะ มือที่ใช้ยันตัวเองบนพื้นของเขาดันพลาดท่าเสียหลักลื่นล้มนอนหงายหัวเกือบฟาดพื้น

            ยังดีที่คนตรงหน้ายื่นฝ่ามือหนามารองรับศีรษะไว้ได้ทัน ตอนนี้อีเลนอยู่ในท่าน่าอาย เขาถูกเคียร์นคร่อมตัวไว้ด้านบน ดวงตาสบกับนัยน์ตาสีแซฟไฟร์เป็นประกายดั่งน้ำทะเลลึกในระยะประชิด

            สีหน้าคนข้างบนยิ้มแฝงอะไรบางอย่างไว้ก่อนจะค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดใบหูของคนนอนใต้ร่าง น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูขาวอย่างหยอกล้อ

            “ระวังหน่อยสิ”

             ทั้งวันนี้และเมื่อวาน อีเลนอยู่ในอ้อมกอดเคียร์นมาแล้วถึงสองครั้งแถมอีกฝ่ายยังเอาแต่พูดคำเดิม ๆ กรอกหูเขาอีก อีเลนคิด

            'ต้องระวังอะไร ระวังนายเหรอ’ ตอนนี้คนที่แลดูอันตรายที่สุด ก็เด็กตาน้ำเงินตรงหน้าเขาเนี่ยแหละ

            หลังนึกกับตัวเอง อีเลนเผลอกลั้นหายใจ ข้างในอกเต้นรัวอย่างกับกลองชุด เมื่อเคียร์นค่อย ๆ ถอยตัวออกจากใบหูพลางเลื่อนใบหน้ากลับมายังตำแหน่งเดิมที่ปลายจมูกเกือบชนกันแทน

              เด็กชายหน้าขึ้นสีแดงแจ๊ดคล้ายลูกมะเขือเทศสีสด เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ในระยะประชิด

             เขาพยายามตั้งสติ ปลอบใจตัวเองว่าที่ใจเต้นเกิดมาจากความตกใจเท่านั้นไม่ได้เกิดมาจากเด็กตรงหน้าเด็ดขาด!!

            ดวงตาสีแซฟไฟร์หลุบต่ำลงเมื่อเห็นเพื่อนตัวน้อยทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างพึงพอใจ เขาค่อย ๆ ขยับตัวกลับมานั่งดี ๆ ตามเดิมโดยไม่ลืมที่จะประคองคนล้มมาด้วย

            อีเลนนั่งก้มหน้าพร้อมพวงแก้มขึ้นสีแดงชาด ตอนนี้หัวใจเขาเต้นเร็วมากเกินไปจนไม่สามารถมองหน้าคนนั่งยิ้มกริ่มข้าง ๆ ได้ เลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาข่มอารมณ์โดยการกำมือไว้ใต้โต๊ะ

            เคียร์นลอบหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางน่ารักของอีกฝ่ายก่อนจะยกมือขึ้นสูงลูบผมคนนั่งตัวเกร็งเป็นหิน

            “ยังเด็กอยู่เลย”

             “นายก็เด็กเหมือนกันแหละ” อีเลนเถียง

            เจ้าตัวไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเด็กที่เอาแต่ลูบผมเขาถึงเรียกตัวเองว่าเด็ก แถมยังทำท่าทางเหมือนเอ็นดูอีก ถึงตอนนี้เขาจะเป็นเด็กจริง ๆ แต่อายุก็เท่ากันนี่ มาเรียกว่าเด็กได้ไง ในส่วนลึกของอีเลนคัดค้านอยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านอะไรออกมามาก

            “การเรียนเป็นยังไงบ้างลูก”

            คุณแม่เอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะนั่งรับประทานอาหารเย็นพร้อมกันสองแม่ลูกหลังจากนั่งติวกับเคียร์นมาทั้งวัน

            “พอได้ครับแม่ มีแค่บางส่วนที่ผมยังต้องฝึกอีกหน่อย”

            เขาพูดจริง เนื้อหาของเด็กมอต้นเคยผ่านหูผ่านตาในโลกเก่ามาบ้างแล้วจึงใช้เวลาไม่นานมากในการเรียนรู้

            ยิ่งหลายวันมานี้นั่งทบทวนบทเรียนด้วยกันกับเคียร์นออกจะบ่อยและอีกฝ่ายเป็นเด็กฉลาดเลยทำให้เรียนรู้ได้เร็ว แม้จะรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้เด็กแต่ก็ต้องยอมรับในความสามารถของเคียร์นอย่างไม่มีข้อกังขา

            “ลูกแม่ไม่คิดอยากเรียนกับครูสอนพิเศษบ้างเหรอจ๊ะ”

            “ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมอยากลองพยายามด้วยตัวเองก่อนมากกว่า”

            อีเลนยิ้มตอบผู้เป็นแม่ เขาอยากใช้เวลาในการสนิทกับเคียร์มากกว่ามานั่งติวกับครูสอนพิเศษอย่างเข้มงวด

            “น่าเสียดายนะ ลูกเคียร์นไม่ได้มาร่วมกินข้าวกับพวกเราเลย แม่อุตส่าห์ทำไว้ซะเยอะเชียว” คุณแม่พูดน้ำเสียงแลผิดหวังเล็กน้อย เธอน่าจะชอบเด็กร้อยเล่ห์เหลี่ยมมากเป็นพิเศษ อีเลนรู้สึกดีใจกับเรื่องนี้แปลก ๆ

            “อีเลน” คุณแม่เรียกเสียงเบา

            “ครับแม่”

            เด็กชายวางช้อนที่ตักอาหารลงขณะกำลังเอาเข้าปากอย่างสงสัย ผู้เป็นแม่มีสีหน้าลังเลเคร่งเครียดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม

            “อยากเจอพ่อไหมลูก”

             เด็กชายชะงักค้าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเจอพ่อของเจ้าของร่าง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของตัวเอง แถมในความทรงจำของอีเลนคนเก่ายังมีเรื่องราวของคนเป็นพ่อเลือนรางด้วย ถ้าต้องเจอกันจริง ๆ เขาจะไม่อึดอัด ทำตัวไม่ถูกแย่เหรอ

            พ่อของร่างเดิมมีนิสัยไม่เหมือนแม่ ถ้าแม่อีเลนเป็นฝ่ายมอบความรักอันล้นเหลือพ่ออีเลนคงเป็นคนที่บ้างานและไม่แยแสลูกตัวเอง เจ้าตัวเอาแต่ทำงานไม่ค่อยกลับบ้านมาอยู่กับสองแม่ลูก

             ทำให้ภรรยารู้สึกขาดความรักจนต้องทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับลูกชายที่เป็นโรคจิตเวชทดแทน เพราะแบบนั้นนานวันเข้าจิตใจของเธอจึงค่อยเปลี่ยนไปจนไม่ปกติดังเดิม

            คนถูกถามนั่งครุ่นคิดเงียบงันอยู่กับตัวเองแบบนั้นจนหญิงมีอายุเป็นกังวล อีเลนเหลือบมองสีหน้าของผู้เป็นแม่ก่อนจะลอบถอนหายใจ

            เขาไม่อยากให้หญิงที่ดูแลตัวเองตอนนี้รู้สึกไม่ดี อีกอย่างยังไงสักวันก็ต้องเจอพ่อของเจ้าของร่างอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว สู้สร้างความคุ้นเคยตั้งแต่ตอนนี้เลยคงจะดีกว่า

            “เจอก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”

            หญิงวัยกลางคนคิดว่าลูกน้อยคงต้องรู้สึกไม่ชินกับผู้เป็นพ่ออยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็หวังอยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตาเท่าที่จะทำได้อยู่ดี แววตาที่เธอมองลูกเต็มไปด้วยความรักพร้อมกล่าวเสียงเบาแต่อบอุ่นทั้งหัวใจ

            “ขอบคุณนะลูก”

            วันเวลาผ่านไปในที่สุดก็ถึงวันสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด อีเลนเดินเข้าไปรับบัตรสอบใต้อาคารโล่งกว้างพร้อมกับเคียร์น

             เหล่าเด็กมัธยมต้นในชุดนักเรียนยืนกันให้ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด บ้างก็นั่งรวมกันอยู่โต๊ะไม้หินอ่อน บ้างก็ยืนรออยู่ใต้อาคารเตรียมสอบ

            ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างมากราวกับว่าที่นี่คือสนามรบ ถึงแม้จะซีเรียสกันแค่ไหนแต่พวกเด็ก ๆ ในชุดสีขาวก็ยังพากันหันมามองเด็กชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งสองคนอยู่ดี

            เมื่อรับบัตรเสร็จอีเลนกับเคียร์นเดินออกมาจากตัวอาคาร พวกเขาก้าวผ่านหน้าเด็กนักเรียนทั้งหลายที่เอาแต่จ้องตาไม่กะพริบ

            “แก ๆ ดูสองคนนั้นดิ โคตรหล่อเลย!!!”

             เด็กสาวสะกิดแขนเพื่อนหญิงที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ

            “แกเอาเวลาไปสนใจกับเรื่องเรียนก่อนเถอะ!!”

             คนเป็นเพื่อนไม่สนใจ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเดียวจนคนสะกิดต้องเบะปาก ยื่นมือไปประคองใบหน้าเพื่อนรักจากด้านหลังแล้วจับยกขึ้นบังคับให้ต้องชายตามอง

            “เฮ้ย!! ทำอะ…………”

            ยังไม่ทันพูดหมดประโยคดีเสียงพลันเลือนหาย คนถูกจับหันหน้าแดงก่ำเธอมองชายสองคนที่เดินเคียงคู่กันมาในชุดนักเรียน

            คนหนึ่งยามแสงแดดส่องผมสีขาวปอยเหลืองเปล่งประกายรับกับแสงอาทิตย์ยามเช้าช่างเจิดจ้าจนแสบตา

             ส่วนอีกคนตัวสูงกว่าผมสีดำขลับรับกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายแผ่ออร่าติดเย็นชา ให้ความรู้สึกเหมือนพระจันทร์เสี้ยวยามค่ำคืนที่เคียงคู่ดวงอาทิตย์!! เด็กสาวเผลอจ้องไม่วางตาจนเพื่อนเธอร้องทัก

            “เป็นไงล่ะ อึ้งเลยสิ” เพื่อนสาวพยักหน้ารัว ๆ ไม่กลัวคอจะหลุด

            “ใช่!!! เหมาะสมมาก!!”

            ” หะ แกว่าไงนะ!”

            ขณะรอสอบอีเลนพาเคียร์นมานั่งรออยู่ใต้อาคารร่มไม้แห่งหนึ่งในบริเวณคนไม่เยอะ ถึงแบบนั้นเขาก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องจนทำเอาประหม่าไปหมด จากที่ควรจะตื่นเต้นเรื่องการสอบกลายเป็นอยู่ไม่สุขจากการถูกมองแทน

            เคียร์นซึ่งเห็นอีเลนดูไม่ค่อยสงบใจ เขาจึงเอ่ยคำถามเบี่ยงเบนความสนใจ “นายคิดว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันไหม”

            อีเลนมองหน้าคนถามที่มีเส้นผมสีดำขลับ นัยน์ตาสีแซฟไฟร์ราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ผิวสีแทนตัดกับดวงตาอันทรงเสน่ห์ สันจมูกคมรับกับริมฝีปากหยักทำให้ใบหน้าดูหล่อเหลาเป็นเท่าตัว

            เขานั่งพิจารณาคนตรงหน้า คิดว่าไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่จะมีคนจ้องมองมา ทั้งตัวเองและเด็กเจ้าเล่ห์ต่างมีออร่าและหน้าตาไม่ธรรมดาเพราะเป็นตัวหลักของเรื่องทั้งคู่ไงละ!!

            เคียร์นนั่งรออยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบสักที อีเลนมัวแต่เหม่อคิดอะไรในหัวไปเรื่อย จนเจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ฉายแววขี้เล่น ริมฝีปากหนายกมุมปากขึ้นอย่างนึกสนุกก่อนเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังคนใจลอยพลางก้มตัวลงขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้ใบหูขาว

             เขาเป่าลมหายใจร้อนผ่าวใส่อย่างจงใจ จนทำให้คนโดนสะดุ้งตัวโหยง!!หลุดออกจากภวังค์ รีบยกมือขึ้นมาปิดหูที่โดนลมอุ่นสัมผัส ใบหน้าพลันเห่อร้อนปนเหวอหันไปมองค้อนคนต้นเรื่อง เคียร์นกล่าวเสียงเบา

            “หึ นายใจลอยเองนะ…..”

            อีกยี่สิบนาทีจะถึงการสอบ คณะกรรมการดูแลความเรียบร้อยให้เหล่านักเรียนย้ายขึ้นไปรอหน้าห้องตามหมายเลขบัตรประจำตัวเข้าสอบของแต่ละคน

            อีเลนถูกจัดให้ไปสอบตึก A ชั้นสาม ส่วนเคียร์นถูกจัดไปสอบตึก B ชั้นสี่ที่อยู่ข้างกัน ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างหน้าตรงจุดกึ่งกลางระหว่างสองอาคาร

            “ตั้งใจสอบนะ” เคียร์นพูดพลางกุมมืออีเลนเป็นการให้กำลังใจ

            “นายก็เหมือนกัน พวกเราต้องได้อยู่ห้องเดียวกันนะ!”

            อีเลนเอ่ยอย่างมุ่งมั่นก่อนกุมมือตอบเป็นการให้กำลังใจกลับ เด็กนักเรียนซึ่งเดินผ่านไปมาแถวนั้นต่างเหลือบมองหน้าแดงกันเป็นแถบ

            “กูจะสอบเข้าโรงเรียนนี้ให้ได้!! !เพื่ออาหารตา!!”

            เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งโวยวายก่อนจะโดนเพื่อนยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกล่าวเสียงดุ!

             “กูรู้ว่ามึงคลั่งผู้ชาย แต่ใช่เวลาไหมหะ!!”

             เด็กผู้หญิงจับแขนสองข้างด้านหลังเพื่อนรีบลากเข้าตึกไปอย่างรวดเร็ว อีเลนเมื่อรู้ตัวว่าถูกมองพลันหน้าแดงก่อนจะรีบผละมือกับเด็กตรงหน้า น้ำเสียงเลิ่กลั่กเอ่ยขึ้น

            “งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ ถ้าสอบเสร็จแล้วค่อยมาเจอกันตรงนี้”

            เคียร์นพยักหน้าตอบรับมองอีกฝ่ายรีบวิ่งขึ้นตึกไปอย่างอารมณ์ดี

            ระหว่างก้าวเท้าขึ้นบันไดอีเลนสะบัดหัวตนเองไล่ความรู้สึกแปลก ๆ ออกไป ‘เราไม่ได้เขิน แค่อายต่างหาก!! เราจะไปเขินกับเด็กอายุน้อยกว่าตั้งสิบปีได้ไง!!!’ คิดไปขาก้าวขึ้นบันไดจนเดินมาถึงห้องชั้นสามซึ่งเป็นสถานที่นัดเข้าสอบ

            ด้านหน้าตรงระเบียงทางที่ไป มีเด็กนักเรียนยืนต่อแถวอยู่หน้าห้องกันให้แซ่ด ภาพด้านหน้าดูวุ่นวายไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่จะยิ่งแลวุ่นมากขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินเสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น

            “อะไรกันเนี่ย ในที่นี้ไม่มีใครสง่างามเท่าผมแล้วเหรอครับ น่าเหนื่อยใจจริง ๆ เลย อ๊ะ ๆ แต่นายยังพอได้นะพ่อหนุ่มตี๋”

            อีเลนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี เขาค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินทีละก้าวอย่างเชื่องช้า ในใจภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิด

            “อย่ามาจับ อย่ามาทัช อย่ามาแตะ ขยะแขยง!!!!”

            “นายกำลังดูหมิ่นความงดงามของผมอยู่นะรู้ไหม!!”

            เจ้าของผมสีบลอนด์หน้าสวยจอมหลงตัวเองใช้มือสะบัดผมหางม้ามัดเป็นลอนของตน โดยมีเด็กชายอีกคนยืนโต้เถียง หยิบแอลกอฮอล์จากในกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาฉีดตรงบริเวณซึ่งโดนอีกฝ่ายสัมผัส

            เด็กแว่นหลังฉีดทำความสะอาดเสร็จ เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางดันแว่นให้เข้ารูปหน้า คนท่าทางอารมณ์เสีย มีสีผิวขาวซีด สวมแว่นตาทรงวงรี ไว้ผมหน้าม้าสีดำตรงแบนเรียบร้อย

            “น่ะ นายรู้ไหม!! ทำหน้ารังเกียจแบบนั้นมันจะแย่เอานะ!! แต่เอาอีกสิ รังเกียจผมมากกว่านี้!! มองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีก!!”

             เชาว์เริ่มหอบหายใจแรง ใช้สายตามองคนตรงหน้าอย่างคาดหวัง

            เด็กแว่นหน้าตาดีมองอีกฝ่ายอย่างเอือมระอาพลางทำสีหน้าขยะแขยง อีเลนสัมผัสฉับไวรีบก้มตัวลงหลบหลังฝูงชนที่ยืนรุมล้อมเชาว์กับเด็กหน้าใหม่

ครั้งนี้เขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายอีกเด็ดขาด!!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 13 สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้

    สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

    หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 1 ผมได้ไปต่างโลก

    หนังสือที่ถูกเปิดหน้าแล้วหน้าเล่า อีกแค่สองสามแผ่นก็ถึงตอนจบของเรื่องราวเสียแล้ว ชายหนุ่มอายุยี่สิบสองปี นั่งกอดนิยายที่ตนพึ่งอ่านจบด้วยความอิ่มเอมใจ “เยี่ยม!! คราวนี้ละ เราต้องเขียนนิยายดี ๆ เหมือนของไอดอลให้ได้!!!” หลังอ่านจบก็มีแรงมุ่งมั่นลุกขึ้นยืนจากที่นอนเต็มความสูง พุ่งตัวไปยังโต๊ะคอมเจ้าประจำตัวโปรดก่อนจะเปิดโปรแกรมขึ้นมาฝึกแต่งนิยาย นาฬิกาติดผนังส่งเสียงร้องไปตามเข็มหน้าปัดบอกเวลาผ่านไปได้แค่ห้านาที บนหน้าจอปรากฏข้อความเพียงแค่สองสามบรรทัด “เฮ้อ อยากจะร้องไห้” คนชะงักนิ้วพิมพ์บนคีย์บอร์ดบ่นพึมพำกับตัวเองพลางเหยียดตัวขึ้น เดินตรงไปหยิบเสื้อคลุมกับกระเป๋าสตางค์แล้วเปิดประตูห้องเช่าสนิมจับออก สองเท้าย้ำไปตามทางเปลี่ยวยามค่ำคืน แสงไฟสลัวติดๆ ดับ ๆ บนท้องถนนให้บรรยากาศคล้ายหนังสยองขวัญ ลมเย็นพัดโชยเส้นผมพลิ้วไหวเหมือนจะรุงแรงมากกว่าวันปกติ “เส้นทางการเป็นนักเขียนคงยังอีกไกลสินะ” ร่างสูงหม่นหมอง เดินคอตกมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ตรงเข้าไปหยิบไอติมแท่งหนึ่งแล้วนำไปจ่ายเงินห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 2 ฉันไม่ใช่นาย

    ชายอายุยี่สิบสองปีในร่างเด็กน้อยวัยสิบสองขวบ นั่งอ้าปากพะงาบ ๆ ในใจอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ถ้อยคำจุกอยู่ที่ลำคอ คนที่อ้างว่าตัวเองเป็นแม่เด็กแสดงอาการเป็นห่วงพลันมองสำรวจร่างน้อยตรงหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพันสั่นระริกฉายแววแตกตื่นระคนแปลกใจก่อนจะตั้งสติรีบพุ่งตรงไปยังโทรศัพท์บ้าน ต่อสายหาคุณหมอประจำตัวลูกชายอย่างรวดเร็ว “คุณหมอคะ อีเลนแสดงอารมณ์ได้แล้วค่ะคุณหมอ!!!” หญิงวัยกลางคนพูดน้ำเสียงดีใจคลอสั่นเครือ ริมฝีปากมีร่องรอยตามอายุเผยรอยยิ้มกว้าง คนถูกเรียกว่าอีเลนสตั๊นมองการกระทำของหญิงไม่คุ้นหน้าพลันสมองนึกย้อนเหตุการณ์ทั้งหมด วันนั้นเป็นวันที่ลมพัดแรงมากจนผิดปกติ เหมือนทั้งโลกพยายามจงใจจะฆ่าเขา จำได้ว่าตนหลีกหนีความตายมาได้อย่างหวุดหวิด นึกว่ารอดแล้วแต่ดันเปิดประตูมาเจอโจรอีก เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นรวดเร็วมากมายเกินไปจนทำให้ขาดสติ ลืมคิดหน้าคิดหลังถอดอีแตะหยิบปาใส่หน้าโจร เตรียมตัวกลั้นใจวิ่งกระโดดอัดขาคู่ ใส่คนสวมไอ้โม่งสีดำตรงหน้า!! ร่างขโมยกระเด็นตัวปลิวทะลุหน้าต่างแตก เขายิ้มดีใจนึกว่าคงเป็นอุปสรรค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 3 พิสูจน์

    เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว ที่ชายหนุ่มเริ่มชินกับร่างกายและกิจวัตรประจำวันของเจ้าของร่าง มีแค่บางสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยกับมันสักทีนั่นคือความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใยของผู้เป็นแม่ ตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่ในร่างอีเลน เขารู้เลยว่าหญิงวัยกลางคนรักและใส่ใจลูกตัวเองมากแค่ไหน พ่อของเด็กชายเป็นทนายชื่อดังขึ้นศาลทุกครั้งชนะทุกรอบ เพราะความมีชื่อเสียงจึงทำให้มีงานยุ่งมากจนไม่มีเวลากลับบ้าน จะกลับมานานทีปีใหม่ไม่ก็วันสำคัญเลย ผู้เป็นภรรยาจึงได้แต่อยู่เฝ้าบ้านพร้อมดูแลลูกชายตัวน้อยเพียงลำพัง อาจเป็นเพราะอาการเหงาจากการไม่ได้เจอสามีนาน ตลอดเวลาเธอจึงเอาใจใส่และให้ความรักมากมายกับลูกน้อยเป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่าลูกป่วยทางจิตยิ่งดูแลหนักขึ้นกว่าเดิม ทุกวันเป็นไปอย่างเงียบสงบ คนเป็นแม่เฝ้ามองลูกชายที่ไม่แสดงอารมณ์ ใด ได้แต่นั่งนิ่งมองท้องฟ้าสีครามไปวัน ๆ หญิงอายุเยอะรู้สึกปวดใจ มีบางครั้งยอมถึงขั้นออกไปซื้อศพหนูกลับมาให้เด็กชายที่เอาแต่นั่งเฉยหน้านิ่งไปวัน ๆ เธอเข้าใจดีว่าการกระทำของตัวเองนั้นผิดมากเพียงใด แต่ขอแค่ได้เห็นใบห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 4 บางคนต้องโดนไม้แข็ง

    ยามมองสัตว์ผู้โชคร้ายนอนแน่นิ่ง ร่างกายเล็กเกิดสั่นเทาเล็กน้อยเพราะตนไม่ถูกกับเลือด อีเลนกลั้นใจก่อนเดินเข้าไปสำรวจอาการว่ามันมีโอกาสรอดหรือไม่ หนูแฮมสเตอร์ตัวกลมสีขาวลายด่างน้ำตาลร้องจี๊ด ๆ สายตาพลันสบกับดวงตาสีส้มเฉดเหลืองคล้ายอ้อนวอนขอชีวิต อีเลนรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที คิดว่าตนไม่น่าทดลองกับสิ่งมีชีวิตเลย ทั้งที่มันก็เจ็บเป็นและมีหัวใจเหมือนกัน “ขอโทษนะ ที่ฉันไม่ช่วยแกให้เร็วกว่านี้” กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพลันรู้สึกกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่ามันอยู่ในสภาพใกล้หมดแรงเต็มที อีเลนสีหน้าไม่สู้ดี ยืนคิดอยู่สักพักว่าควรทำยังไงก่อนตัดสินใจรีบพุ่งตัวเข้าไปในบ้าน หยิบผ้าผืนเล็กสีขาวสะอาดเข้ามาโอบอุ้มเจ้าหนูลายด่างไว้ในอุ้มมือ เขามองเลือดที่ซึมไปกับผืนผ้าสีขาวเล็กน้อย ในใจหวาดผวาเกิดอาการมือสั่น ยังดีที่หนูแฮมสเตอร์เลือดออกไม่มาก ถ้าเกิดเยอะกว่านี้คงกลั้นใจอุ้มมันขึ้นมาไม่ได้แน่ ๆ “ดีละ!!” คนตัวเล็กตัดสินใจเดินไปยังคลินิกสัตวแพทย์ซึ่งอยู่แถวบ้าน เขาคิดว่าถ้ามัวแต่นั่งรอจนกว่าแม่จะกลับเหยื่อผู้น่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

    หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 13 สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้

    สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

    ‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 11 ปัญหาที่ไม่อยากยุ่ง

    "ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!" หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้! แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุ

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

    ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’ อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 9 อยากรู้ไหมใครร้ายกว่ากัน

    “หนูจะไปฟ้องพี่เลี้ยง!! พี่เป็นเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ!!!” เด็กสาวผมเปียโมโหจัด เธอตัวสั่นเทาแต่ยังต่อต้าน พูดเสียงดังใส่เด็กกร่างอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ เด็กไม่มีพ่อแม่อย่างเธอกับลูกตำรวจแบบฉันคิดว่าพวกนั้นจะเข้าข้างใครมากกว่า เผลอ ๆ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนหาว่ามารยา ใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว!!” เด็กสาวตัวน้อยดวงตาแดงก่ำ คำพูดของคนตัวโตกว่าเสียดแทงเข้ามาในใจเธอยังจัง ถูกต้องแล้ว เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าตัวเล็กซึ่งถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จะไปสู้อะไรกับลูกคนใหญ่คนโตได้ “ไม่มีพ่อแม่แล้วไง ถ้าต้องเกิดมาเป็นเด็กสถุลอย่างนายฉันขอไม่เกิดมาแต่แรกเลยดีกว่า ถ้าจะเลี้ยงออกมาได้สันดานเสียขนาดนี้” อีเลนกัดฟันกรอดพูดอย่างขบเคี้ยว เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปซัดเด็กตรงหน้าปรับนิสัยสักสองสามที ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กปานนี้คงโดนกระทืบจมดินไปแล้ว เด็กชายพยายามเว้นระยะห่างออกจากเด็กหัวโจกพอสมควร กลัวใจจะเผลออารมณ์ชั่ววูบ ต่อยหน้าเต็มแรงฟันหลุดสองซี่เหมือนเด็กอ้วนอีก เด็กบ้าอำนาจพอเห็นหน้าอีเลนเข้าดวงตาพลันแข็งค้าง ถลึงตาใส่อี

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 8 ไปทำความดีกันเถอะ

    ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสัก

DMCA.com Protection Status