‘R r r r r r r r…….’
‘R r r r r r r r.............’
เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน
“จี๊ด ๆ”
เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู
[สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ]
ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม
“คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง”
[ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ]
“ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ”
ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ
[เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม
[จะอยู่กับคนพวกนั้นจนอายุครบยี่สิบจริงเหรอครับ] เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนเอ่ยถาม
“ใช่ มันน่าสนุกดี เมื่ออีกฝ่ายคิดว่าฉันอยู่ในกำมือ แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองอยู่ในกำมือใครมากกว่า”
ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มชั่วร้ายแฝงความดำมืดไว้ในแววตา คนพวกนั้นเป็นคนเริ่มก่อน เขาก็ต้องเป็นคนจบ ถ้าไม่ทำให้อีกฝ่ายดิ้นทุรนทุรายอย่างสาสมกับที่มันทำแล้วคงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ เด็ก ๆ แต่ระมัดระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะครับ”
ปลายสายพูดอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ คนฟังนัยน์ตาขุ่นมัว เหยียดยิ้มริมฝีปากชิดจนเป็นเส้นตรง
“ที่ ๆ อันตรายที่สุด คือที่ปลอดภัยที่สุด นายดูแลตัวเองให้ดีเถอะ……”
"อ่า!! ไม่มีสมาธิเลย!!"
อีเลนบ่นอุบอิบพลางขยับตัวหนีเมื่อสัมผัสโดนตัวคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆดวงตาสีแซฟไฟร์เปล่งประกายลอบยิ้มบางก่อนจะกระเถิบตัวตามอย่างแนบชิด
ตอนนี้เด็กชายกำลังนั่งพื้นทำแบบฝึกหัดอยู่บนโต๊ะไม้ตัวแบนสีเนื้ออ่อน โดยมีเคียร์นคอยนั่งสอนชี้ตรงส่วนที่ผิดอยู่ข้างกาย
ลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเป่ารดอยู่บนหัวแทบตลอดเวลา ไหล่กับมือสัมผัสโดนตัวทำให้รู้สึกจั๊กจี้คล้ายถูกไฟช็อตเมื่อคนด้านข้างชอบเอนตัวเข้ามาใกล้ อีเลนอดใจเต้นเเรงไม่ได้เมื่อนึกถึงไออุ่นของอีกฝ่ายเมื่อวาน เขาเผลอขยับตัวหนีโดยอัตโนมัติ
เคียร์นขบขันกับท่าทางน่ารัก ริมฝีปากยกยิ้มอย่างนึกสนุกก่อนเปลี่ยนมาเป็นเจ้าเล่ห์ ยังไม่ทันรู้ตัวอีเลนก็โดนต้อนเรื่อย ๆ จนชิดหัวมุมโต๊ะ มือที่ใช้ยันตัวเองบนพื้นของเขาดันพลาดท่าเสียหลักลื่นล้มนอนหงายหัวเกือบฟาดพื้น
ยังดีที่คนตรงหน้ายื่นฝ่ามือหนามารองรับศีรษะไว้ได้ทัน ตอนนี้อีเลนอยู่ในท่าน่าอาย เขาถูกเคียร์นคร่อมตัวไว้ด้านบน ดวงตาสบกับนัยน์ตาสีแซฟไฟร์เป็นประกายดั่งน้ำทะเลลึกในระยะประชิด
สีหน้าคนข้างบนยิ้มแฝงอะไรบางอย่างไว้ก่อนจะค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดใบหูของคนนอนใต้ร่าง น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูขาวอย่างหยอกล้อ
“ระวังหน่อยสิ”
ทั้งวันนี้และเมื่อวาน อีเลนอยู่ในอ้อมกอดเคียร์นมาแล้วถึงสองครั้งแถมอีกฝ่ายยังเอาแต่พูดคำเดิม ๆ กรอกหูเขาอีก อีเลนคิด
'ต้องระวังอะไร ระวังนายเหรอ’ ตอนนี้คนที่แลดูอันตรายที่สุด ก็เด็กตาน้ำเงินตรงหน้าเขาเนี่ยแหละ
หลังนึกกับตัวเอง อีเลนเผลอกลั้นหายใจ ข้างในอกเต้นรัวอย่างกับกลองชุด เมื่อเคียร์นค่อย ๆ ถอยตัวออกจากใบหูพลางเลื่อนใบหน้ากลับมายังตำแหน่งเดิมที่ปลายจมูกเกือบชนกันแทน
เด็กชายหน้าขึ้นสีแดงแจ๊ดคล้ายลูกมะเขือเทศสีสด เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ในระยะประชิด
เขาพยายามตั้งสติ ปลอบใจตัวเองว่าที่ใจเต้นเกิดมาจากความตกใจเท่านั้นไม่ได้เกิดมาจากเด็กตรงหน้าเด็ดขาด!!
ดวงตาสีแซฟไฟร์หลุบต่ำลงเมื่อเห็นเพื่อนตัวน้อยทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างพึงพอใจ เขาค่อย ๆ ขยับตัวกลับมานั่งดี ๆ ตามเดิมโดยไม่ลืมที่จะประคองคนล้มมาด้วย
อีเลนนั่งก้มหน้าพร้อมพวงแก้มขึ้นสีแดงชาด ตอนนี้หัวใจเขาเต้นเร็วมากเกินไปจนไม่สามารถมองหน้าคนนั่งยิ้มกริ่มข้าง ๆ ได้ เลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาข่มอารมณ์โดยการกำมือไว้ใต้โต๊ะ
เคียร์นลอบหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางน่ารักของอีกฝ่ายก่อนจะยกมือขึ้นสูงลูบผมคนนั่งตัวเกร็งเป็นหิน
“ยังเด็กอยู่เลย”
“นายก็เด็กเหมือนกันแหละ” อีเลนเถียง
เจ้าตัวไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเด็กที่เอาแต่ลูบผมเขาถึงเรียกตัวเองว่าเด็ก แถมยังทำท่าทางเหมือนเอ็นดูอีก ถึงตอนนี้เขาจะเป็นเด็กจริง ๆ แต่อายุก็เท่ากันนี่ มาเรียกว่าเด็กได้ไง ในส่วนลึกของอีเลนคัดค้านอยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านอะไรออกมามาก
“การเรียนเป็นยังไงบ้างลูก”
คุณแม่เอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะนั่งรับประทานอาหารเย็นพร้อมกันสองแม่ลูกหลังจากนั่งติวกับเคียร์นมาทั้งวัน
“พอได้ครับแม่ มีแค่บางส่วนที่ผมยังต้องฝึกอีกหน่อย”
เขาพูดจริง เนื้อหาของเด็กมอต้นเคยผ่านหูผ่านตาในโลกเก่ามาบ้างแล้วจึงใช้เวลาไม่นานมากในการเรียนรู้
ยิ่งหลายวันมานี้นั่งทบทวนบทเรียนด้วยกันกับเคียร์นออกจะบ่อยและอีกฝ่ายเป็นเด็กฉลาดเลยทำให้เรียนรู้ได้เร็ว แม้จะรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้เด็กแต่ก็ต้องยอมรับในความสามารถของเคียร์นอย่างไม่มีข้อกังขา
“ลูกแม่ไม่คิดอยากเรียนกับครูสอนพิเศษบ้างเหรอจ๊ะ”
“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมอยากลองพยายามด้วยตัวเองก่อนมากกว่า”
อีเลนยิ้มตอบผู้เป็นแม่ เขาอยากใช้เวลาในการสนิทกับเคียร์มากกว่ามานั่งติวกับครูสอนพิเศษอย่างเข้มงวด
“น่าเสียดายนะ ลูกเคียร์นไม่ได้มาร่วมกินข้าวกับพวกเราเลย แม่อุตส่าห์ทำไว้ซะเยอะเชียว” คุณแม่พูดน้ำเสียงแลผิดหวังเล็กน้อย เธอน่าจะชอบเด็กร้อยเล่ห์เหลี่ยมมากเป็นพิเศษ อีเลนรู้สึกดีใจกับเรื่องนี้แปลก ๆ
“อีเลน” คุณแม่เรียกเสียงเบา
“ครับแม่”
เด็กชายวางช้อนที่ตักอาหารลงขณะกำลังเอาเข้าปากอย่างสงสัย ผู้เป็นแม่มีสีหน้าลังเลเคร่งเครียดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
“อยากเจอพ่อไหมลูก”
เด็กชายชะงักค้าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเจอพ่อของเจ้าของร่าง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของตัวเอง แถมในความทรงจำของอีเลนคนเก่ายังมีเรื่องราวของคนเป็นพ่อเลือนรางด้วย ถ้าต้องเจอกันจริง ๆ เขาจะไม่อึดอัด ทำตัวไม่ถูกแย่เหรอ
พ่อของร่างเดิมมีนิสัยไม่เหมือนแม่ ถ้าแม่อีเลนเป็นฝ่ายมอบความรักอันล้นเหลือพ่ออีเลนคงเป็นคนที่บ้างานและไม่แยแสลูกตัวเอง เจ้าตัวเอาแต่ทำงานไม่ค่อยกลับบ้านมาอยู่กับสองแม่ลูก
ทำให้ภรรยารู้สึกขาดความรักจนต้องทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับลูกชายที่เป็นโรคจิตเวชทดแทน เพราะแบบนั้นนานวันเข้าจิตใจของเธอจึงค่อยเปลี่ยนไปจนไม่ปกติดังเดิม
คนถูกถามนั่งครุ่นคิดเงียบงันอยู่กับตัวเองแบบนั้นจนหญิงมีอายุเป็นกังวล อีเลนเหลือบมองสีหน้าของผู้เป็นแม่ก่อนจะลอบถอนหายใจ
เขาไม่อยากให้หญิงที่ดูแลตัวเองตอนนี้รู้สึกไม่ดี อีกอย่างยังไงสักวันก็ต้องเจอพ่อของเจ้าของร่างอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว สู้สร้างความคุ้นเคยตั้งแต่ตอนนี้เลยคงจะดีกว่า
“เจอก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”
หญิงวัยกลางคนคิดว่าลูกน้อยคงต้องรู้สึกไม่ชินกับผู้เป็นพ่ออยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็หวังอยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตาเท่าที่จะทำได้อยู่ดี แววตาที่เธอมองลูกเต็มไปด้วยความรักพร้อมกล่าวเสียงเบาแต่อบอุ่นทั้งหัวใจ
“ขอบคุณนะลูก”
วันเวลาผ่านไปในที่สุดก็ถึงวันสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด อีเลนเดินเข้าไปรับบัตรสอบใต้อาคารโล่งกว้างพร้อมกับเคียร์น
เหล่าเด็กมัธยมต้นในชุดนักเรียนยืนกันให้ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด บ้างก็นั่งรวมกันอยู่โต๊ะไม้หินอ่อน บ้างก็ยืนรออยู่ใต้อาคารเตรียมสอบ
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างมากราวกับว่าที่นี่คือสนามรบ ถึงแม้จะซีเรียสกันแค่ไหนแต่พวกเด็ก ๆ ในชุดสีขาวก็ยังพากันหันมามองเด็กชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งสองคนอยู่ดี
เมื่อรับบัตรเสร็จอีเลนกับเคียร์นเดินออกมาจากตัวอาคาร พวกเขาก้าวผ่านหน้าเด็กนักเรียนทั้งหลายที่เอาแต่จ้องตาไม่กะพริบ
“แก ๆ ดูสองคนนั้นดิ โคตรหล่อเลย!!!”
เด็กสาวสะกิดแขนเพื่อนหญิงที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ
“แกเอาเวลาไปสนใจกับเรื่องเรียนก่อนเถอะ!!”
คนเป็นเพื่อนไม่สนใจ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเดียวจนคนสะกิดต้องเบะปาก ยื่นมือไปประคองใบหน้าเพื่อนรักจากด้านหลังแล้วจับยกขึ้นบังคับให้ต้องชายตามอง
“เฮ้ย!! ทำอะ…………”
ยังไม่ทันพูดหมดประโยคดีเสียงพลันเลือนหาย คนถูกจับหันหน้าแดงก่ำเธอมองชายสองคนที่เดินเคียงคู่กันมาในชุดนักเรียน
คนหนึ่งยามแสงแดดส่องผมสีขาวปอยเหลืองเปล่งประกายรับกับแสงอาทิตย์ยามเช้าช่างเจิดจ้าจนแสบตา
ส่วนอีกคนตัวสูงกว่าผมสีดำขลับรับกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายแผ่ออร่าติดเย็นชา ให้ความรู้สึกเหมือนพระจันทร์เสี้ยวยามค่ำคืนที่เคียงคู่ดวงอาทิตย์!! เด็กสาวเผลอจ้องไม่วางตาจนเพื่อนเธอร้องทัก
“เป็นไงล่ะ อึ้งเลยสิ” เพื่อนสาวพยักหน้ารัว ๆ ไม่กลัวคอจะหลุด
“ใช่!!! เหมาะสมมาก!!”
” หะ แกว่าไงนะ!”
ขณะรอสอบอีเลนพาเคียร์นมานั่งรออยู่ใต้อาคารร่มไม้แห่งหนึ่งในบริเวณคนไม่เยอะ ถึงแบบนั้นเขาก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องจนทำเอาประหม่าไปหมด จากที่ควรจะตื่นเต้นเรื่องการสอบกลายเป็นอยู่ไม่สุขจากการถูกมองแทน
เคียร์นซึ่งเห็นอีเลนดูไม่ค่อยสงบใจ เขาจึงเอ่ยคำถามเบี่ยงเบนความสนใจ “นายคิดว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันไหม”
อีเลนมองหน้าคนถามที่มีเส้นผมสีดำขลับ นัยน์ตาสีแซฟไฟร์ราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ผิวสีแทนตัดกับดวงตาอันทรงเสน่ห์ สันจมูกคมรับกับริมฝีปากหยักทำให้ใบหน้าดูหล่อเหลาเป็นเท่าตัว
เขานั่งพิจารณาคนตรงหน้า คิดว่าไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่จะมีคนจ้องมองมา ทั้งตัวเองและเด็กเจ้าเล่ห์ต่างมีออร่าและหน้าตาไม่ธรรมดาเพราะเป็นตัวหลักของเรื่องทั้งคู่ไงละ!!
เคียร์นนั่งรออยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบสักที อีเลนมัวแต่เหม่อคิดอะไรในหัวไปเรื่อย จนเจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ฉายแววขี้เล่น ริมฝีปากหนายกมุมปากขึ้นอย่างนึกสนุกก่อนเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังคนใจลอยพลางก้มตัวลงขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้ใบหูขาว
เขาเป่าลมหายใจร้อนผ่าวใส่อย่างจงใจ จนทำให้คนโดนสะดุ้งตัวโหยง!!หลุดออกจากภวังค์ รีบยกมือขึ้นมาปิดหูที่โดนลมอุ่นสัมผัส ใบหน้าพลันเห่อร้อนปนเหวอหันไปมองค้อนคนต้นเรื่อง เคียร์นกล่าวเสียงเบา
“หึ นายใจลอยเองนะ…..”
อีกยี่สิบนาทีจะถึงการสอบ คณะกรรมการดูแลความเรียบร้อยให้เหล่านักเรียนย้ายขึ้นไปรอหน้าห้องตามหมายเลขบัตรประจำตัวเข้าสอบของแต่ละคน
อีเลนถูกจัดให้ไปสอบตึก A ชั้นสาม ส่วนเคียร์นถูกจัดไปสอบตึก B ชั้นสี่ที่อยู่ข้างกัน ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างหน้าตรงจุดกึ่งกลางระหว่างสองอาคาร
“ตั้งใจสอบนะ” เคียร์นพูดพลางกุมมืออีเลนเป็นการให้กำลังใจ
“นายก็เหมือนกัน พวกเราต้องได้อยู่ห้องเดียวกันนะ!”
อีเลนเอ่ยอย่างมุ่งมั่นก่อนกุมมือตอบเป็นการให้กำลังใจกลับ เด็กนักเรียนซึ่งเดินผ่านไปมาแถวนั้นต่างเหลือบมองหน้าแดงกันเป็นแถบ
“กูจะสอบเข้าโรงเรียนนี้ให้ได้!! !เพื่ออาหารตา!!”
เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งโวยวายก่อนจะโดนเพื่อนยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกล่าวเสียงดุ!
“กูรู้ว่ามึงคลั่งผู้ชาย แต่ใช่เวลาไหมหะ!!”
เด็กผู้หญิงจับแขนสองข้างด้านหลังเพื่อนรีบลากเข้าตึกไปอย่างรวดเร็ว อีเลนเมื่อรู้ตัวว่าถูกมองพลันหน้าแดงก่อนจะรีบผละมือกับเด็กตรงหน้า น้ำเสียงเลิ่กลั่กเอ่ยขึ้น
“งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ ถ้าสอบเสร็จแล้วค่อยมาเจอกันตรงนี้”
เคียร์นพยักหน้าตอบรับมองอีกฝ่ายรีบวิ่งขึ้นตึกไปอย่างอารมณ์ดี
ระหว่างก้าวเท้าขึ้นบันไดอีเลนสะบัดหัวตนเองไล่ความรู้สึกแปลก ๆ ออกไป ‘เราไม่ได้เขิน แค่อายต่างหาก!! เราจะไปเขินกับเด็กอายุน้อยกว่าตั้งสิบปีได้ไง!!!’ คิดไปขาก้าวขึ้นบันไดจนเดินมาถึงห้องชั้นสามซึ่งเป็นสถานที่นัดเข้าสอบ
ด้านหน้าตรงระเบียงทางที่ไป มีเด็กนักเรียนยืนต่อแถวอยู่หน้าห้องกันให้แซ่ด ภาพด้านหน้าดูวุ่นวายไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่จะยิ่งแลวุ่นมากขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินเสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น
“อะไรกันเนี่ย ในที่นี้ไม่มีใครสง่างามเท่าผมแล้วเหรอครับ น่าเหนื่อยใจจริง ๆ เลย อ๊ะ ๆ แต่นายยังพอได้นะพ่อหนุ่มตี๋”
อีเลนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี เขาค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินทีละก้าวอย่างเชื่องช้า ในใจภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิด
“อย่ามาจับ อย่ามาทัช อย่ามาแตะ ขยะแขยง!!!!”
“นายกำลังดูหมิ่นความงดงามของผมอยู่นะรู้ไหม!!”
เจ้าของผมสีบลอนด์หน้าสวยจอมหลงตัวเองใช้มือสะบัดผมหางม้ามัดเป็นลอนของตน โดยมีเด็กชายอีกคนยืนโต้เถียง หยิบแอลกอฮอล์จากในกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาฉีดตรงบริเวณซึ่งโดนอีกฝ่ายสัมผัส
เด็กแว่นหลังฉีดทำความสะอาดเสร็จ เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางดันแว่นให้เข้ารูปหน้า คนท่าทางอารมณ์เสีย มีสีผิวขาวซีด สวมแว่นตาทรงวงรี ไว้ผมหน้าม้าสีดำตรงแบนเรียบร้อย
“น่ะ นายรู้ไหม!! ทำหน้ารังเกียจแบบนั้นมันจะแย่เอานะ!! แต่เอาอีกสิ รังเกียจผมมากกว่านี้!! มองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีก!!”
เชาว์เริ่มหอบหายใจแรง ใช้สายตามองคนตรงหน้าอย่างคาดหวัง
เด็กแว่นหน้าตาดีมองอีกฝ่ายอย่างเอือมระอาพลางทำสีหน้าขยะแขยง อีเลนสัมผัสฉับไวรีบก้มตัวลงหลบหลังฝูงชนที่ยืนรุมล้อมเชาว์กับเด็กหน้าใหม่
ครั้งนี้เขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายอีกเด็ดขาด!!
สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม
หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล
เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา
เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา
หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล
สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม