หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์
ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย
“เคียร์น มีรายชื่อนายไหม”
อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง
“อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว”
คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้
‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’
เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น
“ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ”
เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร
แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหลั่นกันไปเรื่อย ๆ
“นายแน่ใจนะว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกัน”
อีเลนมองคะแนนสอบของตนเองกับเคียร์นในแถว A เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนเก่งอย่างเจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ห้อง S
“แน่ใจสิ คุณครูจัดเรียงแถวให้ขนาดนี้แล้วจะไม่อยู่ได้ยังไง”
คนยังแคลงใจนึกตามคำพูดของเคียร์น ไล่สายตามองคะแนนก็พบว่าในแต่ละแถวมีรายชื่อเด็กประมาณสามสิบกว่าคนรวม ๆ แล้วก็ได้เด็กนักเรียนพอสำหรับการสอนห้องหนึ่งพอดี
“เคียร์น นายตั้งใจทำข้อสอบแน่นะ
” อีเลนหันหน้ามองคนข้างกาย เขาสงสัยหนักมากว่าทำไมคนที่ดูเก่งไปซะหมดทุกวิชาแบบเขาถึงไม่ติดห้อง S หรือว่าอีกฝ่ายจงใจ
“นายคิดว่าไงล่ะ” เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยื่นมือมาเกี่ยวกระหวัดนิ้วเล็กไว้
“นายจงใจ”
อีเลนพูดเชิงถามเสียงสูงพร้อมเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเด็กตรงหน้าทำแบบนี้ไปทำไม การสอบได้คะแนนเยอะอยู่ห้องดี ๆ มันก็เป็นผลดีกับเจ้าตัวไม่ใช่เหรอ
“ถ้านายคิดงั้น ก็แบบนั้นแหละ”
เด็กตาน้ำเงินเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย มองคนทำหน้าพูดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อ อีเลนคิ้วกระตุกไม่ว่าเมื่อไรเจ้าเด็กนี่ก็เอาแต่แกล้งเขาตลอด แถมยังชอบพูดอะไรกำกวมทำให้เกิดความสงสัยอยากรู้อยากเห็นอยู่เรื่อย!
“ทำแบบนี้ไปทำไมเล่า นายมีเหตุผลที่ต้องลดคะแนนตัวเองด้วยรึไง” ดวงตาสีแซฟไฟร์พราวระยับก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหูคนตัวเล็กกว่า “มีสิ”
เคียร์พูดเสียงแผ่วก่อนจะหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ ทำให้อีเลนต้องเอียงหัวเข้าไปใกล้อย่างต้องการฟังคำตอบ
“นายไง”
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักนักเรียนผู้น่ารัก วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ เพราะงั้นผ่อนคลายไม่ต้องเกร็งกันนะเด็ก ๆ ”
ครูชายอายุวัยกลางคน หัวเถิก สวมแว่นตารูปร่างอวบมีน้ำมีนวลแลดูเป็นคนสบาย ๆ สุภาพนุ่มนิ่มเจ้าธรรมะธัมโมกำลังพูดอยู่หน้าชั้นเรียนในฐานะที่ปรึกษาประจำห้อง
“ผ่อนคลายกว่านี้ก็หลับแล้วครับครู” เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้น พูดขัดทำให้ทั้งห้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“อะแฮ่ม ครูรู้ว่าวันแรกพวกเธอคึก ตื่นเต้น ควบคุมตัวเองไม่อยู่แต่ช่วยเงียบเสียงกันหน่อยเด็ก ๆ เอาละวันนี้พวกเธอแค่มาเรียนปรับพื้นฐานกัน ครูจะไม่เน้นสอนอะไรมาก ใช้เวลานี้โฟกัสทำความรู้จักเพื่อนกันซะนะ”
นักเรียนบางคนได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการกระดี๊กระด๊า บางคนนั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เพราะเขินอายไม่รู้จักใครเลย
ระหว่างที่คุณครูกำลังยืนดูนักเรียนที่เข้ามาใหม่นั่งหัวเราะคุยกันอย่างอิ่มเอมใจพลันคิดว่าปีการศึกษานี้ตนคงได้ดูแลห้องเรียนที่สงบนักเรียนที่เสงี่ยมเหมือนเดิมแน่ ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องฝันสลายเมื่อมีเด็กนักเรียนสองคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง A
เด็กหน้าสวยผมบลอดน์ มัดหางม้าลอนยาวเดินเข้ามาพร้อมใช้มือสะบัดปลายมัดในห้องโชว์ไปหนึ่งที
“ทุกโค๊นนน จงมองมาที่ความงดงามของผมซะ เห็นละอองดอกกุหลาบบนตัวผมไหม จะมีใครงดงามเปี่ยมเสน่ห์ ได้เท่ากับผมอีก” เชาว์พูดพร้อมทำท่าโพสต์พรีเซนต์ตัวเองเต็มที่
เด็กนักเรียนในห้องต่างหยุดบทสนทนาลงทันที พากันจ้องมองคนโอ้อวดเป็นตาเดียวพร้อมสีหน้าไอ้หมอนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า
“แก๊รร ฉันว่าเขาสวยอยู่นะ ดูใบหน้านั่นสิ!!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดพลางสะกิดแขนเพื่อนตนอย่างระริกระรี้
“เออ สวยก็สวยเถอะแก แต่ฉันไม่ชอบของแปลก!!” เพื่อนสาวสวนกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา พร้อมหลบตาไปทางอื่น เธอรู้สึกอายแทนจนนั่งมองคนหมั่นหน้าตรง ๆ ไม่ได้
"คือ…นักเรียน เธอต้องเข้ามาอย่างสงบและเรียบร้อ…" ยังไม่ทันคุณครูที่ปรึกษาพูดจบ เพิร์ซ ซึ่งพึ่งเดินเข้ามาใหม่ดันชิงตัดหน้าเสียก่อน
“จะเดินก็เดินเร็ว ๆ ดิ ยืนขวางทางเป็นมลพิษอยู่ได้”
เด็กแว่นส่งสายตามองเชาว์อย่างรับไม่ได้กับท่าทางของเจ้าตัว ก่อนจะหยิบสเปรย์ปรับอากาศขึ้นมาฉีดไล่กลิ่นน้ำหอมกุหลาบให้จางลง
“นักเรียน เธอพกสเปรย์ปรับอากาศมาด้ว…”
“อะไรกันเล่าหนุ่มตี๋!! ใช้สายตามองผมแบบนั้นเดี๋ยวจะยุ่งเอาน่า” เชาว์เริ่มหอบหายใจ ออกอาการทางจิตใส่คนยืนซ้อนหลังอย่างไม่เกรงกลัว
เพิร์ซทำหน้าแหยง คิดว่าทำไมตัวเองต้องได้อยู่ห้องเดียวกับคนโรคจิตแบบนี้ด้วย!!
ทั้งครูทั้งนักเรียนตอนนี้ เอาแต่เฝ้ามองสถานการณ์กันตาปริบ ๆ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมาสักอย่างเพราะต่างคนต่างพูดไม่ออก
“ผมชอบที่สายตานายจ้องมาแบบนั้นนะหนุ่มตี๋ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกย้ำยี!!” เชาว์หอบหายใจแรงขึ้นพลางทำท่ากอดตัวเองก่อนช้อนสายตาหวานหยดย้อยมองเป้าหมายตรงหน้า
“นายเรียกใครว่าหนุ่มตี๋ ฉันชื่อเพิร์ซ!!” เด็กชายเริ่มออกอาการเบื่อหน่ายเต็มที เขาส่งสายตาเย็นชาอย่างไม่ปรานี
“แก๊รรร ฉันว่าสองคนนั้นเหมาะสมกันดีนะ!!” เด็กนักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งพูดขึ้น
“ฉันว่าคนใส่แว่นรุก ส่วนคนนั้นที่ดูเป็นสายเอ็มรับ!” เด็กผู้หญิงด้านข้างพูดพินิจวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แก!! จะไปจับเขามาจิ้นกันไม่ได้มันเสียมารยาท!! ว่าแต่เด็กแว่นต้องรับดิฉันโพเมะหน้าสวยโว้ย!!”
ตอนนี้เด็กผู้ชายในห้องที่นั่งอยู่ข้างหลังเด็กผู้หญิงสองคนหน้าซีดเผือด พลางคิดว่าเพื่อนหญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าตนนั้นน่ากลัว
คุณครูที่ปรึกษาลมแทบจับ เมื่อไม่สามารถควบคุมเด็กนักเรียนให้อยู่ในความดูแลของตนได้ ตลอดชีวิตที่เริ่มเข้ามาทำงานในฐานะครูที่ปรึกษาของโรงเรียนชื่อดังไม่เคยมีปีไหนเลยที่ตนไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข
ส่วนมากเด็กนักเรียนห้อง A มักเป็นเด็กเรียบร้อย เรียนดี กีฬาเด่น แม้จะเป็นรองแค่เด็กห้อง S แต่เขาก็ภาคภูมิใจที่ได้สอนนักเรียนห้องนี้
เมื่อคุณครูที่ปรึกษาซึ่งดูแลนักเรียนห้อง A มาครึ่งชีวิต ไม่เคยรับมือกับความวุ่นวายของเด็กนักเรียนที่เกิดขึ้นเลยทำให้เขาเหงื่อแตกพลั่ก
ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
อีเลนถือกระดาษใบรายชื่อเด็กนักเรียนในห้องตน เดินออกมาจากห้องพักครูพร้อมกับเคียร์นเพื่อตรงกลับไปยังคลาสเรียน
เหตุการณ์ก่อนหน้าที่พวกเชาว์จะมาถึง พวกเขาถูกครูที่ปรึกษาไล่ให้ออกไปเอาใบรายชื่อมา เพื่อคงความสงบในห้องเรียนและให้เด็กนักเรียนหญิงสนใจที่ตนพูดมากกว่าเอาแต่เหลือบมองหน้าเด็กผู้ชายจนหน้าแดง
ทั้งสองเดินข้างกันไปตามทางระเบียง ระหว่างผ่านหน้าประตูห้องเรียนแต่ละห้อง เด็กผู้หญิงรวมทั้งเด็กผู้ชายที่นั่งฟังครูพูดอยู่ข้างในต่างหันตัวเหลียวมองกันเป็นแถว
หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไปอัพภาพลงโซเชียลแท็กเพจโรงเรียนพร้อมแคปชั่นกันให้จ้าระหวั่น
[เด็กใหม่มอหนึ่งปีนี้ งานดีมาก!!]
เรียกยอดไลค์รัวปุ่มกดหัวใจกันอย่างถล่มทลาย
คงเพราะรูปร่างที่โตขึ้นกว่าแต่ก่อนกับโครงหน้าเริ่มเห็นสันอยู่หน่อย ทำให้ทั้งสองไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มีแต่คนจับตามอง
อีเลนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเพราะตนไม่เคยถูกจ้องมองแบบนี้มาก่อน ผิดกับเคียร์นที่มีท่าทางสบาย ๆ อยากจ้องก็จ้องไปเขาไม่ได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว นอกจากเพื่อนตัวน้อยข้างกาย
เมื่อพากันเดินมาถึงหน้าห้อง A อีเลนยื่นมือไปเปิดประตูบานเลื่อนออก สายตาเหลือบมองภาพด้านในอย่างสตั๊น พอเห็นใบหน้าคนสองคนที่ตนไม่อยากเจอมากที่สุด
“……..”
เชาว์และเพิร์ซตอนนี้กำลังยืนเถียงกันอยู่โดยมีเด็กนักเรียนนั่งรับชมเรื่องน่าสนุกกันอย่างเมามัน ครูประจำชั้นยืนดูด้วยใบหน้าไร้สีเหนื่อยหน่ายใจ
เคียร์นซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ริมฝีปากหยักเผยรอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าก่อนจะเผลอหลุดคำหนึ่งออกมา
“เรื่องน่าสนุก”
อีเลนได้ยินดังนั้นเจ้าตัวก็คิดในใจ ‘เรื่องน่าปวดหัวสิไม่ว่า’ ก่อนที่เขาจะจำใจเดินเข้าไปยื่นสมุดรายชื่อนักเรียนให้คุณครูแบบไม่เต็มใจนัก ถ้าไม่เดินเอาไปให้สถานการณ์ตอนนี้ก็คงไม่ไปไหนสักที
เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางหมุนตัวเข้าประจันหน้ากับเด็กสองคนที่ทำตาเป็นกายจ้องมองเขาอยู่ตั้งแต่เดินเข้ามา
“ลูกพี่!! ลูกพี่!! สอบติดห้องเรียนเดียวกับผมด้วยเหรอครับ!!”
เพิร์ซดวงตาวิบวับ มองอีเลนด้วยความรู้สึกดีใจปนตื่นเต้นออกหน้าออกตาเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเเรกที่มองเขาด้วยความเป็นห่วงต่างจากเด็กคนอื่น ที่มองด้วยแววตาไม่ชอบใจ
เด็กแว่นรู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับอีเลนมากจริง ๆ ตั้งแต่อีกฝ่ายเก็บของสำคัญมาคืนให้ แต่ไม่รู้จะเริ่มด้วยยังไงดีจึงจับพลัดจับผลูยกอีเลนเป็นลูกพี่ของตนแทนซะงั้น
อีเลนมองเด็กท่าทางเหมือนลูกสุนัขตรงหน้าพลางยิ้มเจื่อน ตั้งแต่วันที่เอากันดั้มให้เจ้าตัวเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ข้องแวะกับเด็กแว่นอีก ลางสังหรณ์เขามันบอกว่าถ้ายุ่งต้องวุ่นวายไม่ต่างกับตอนเจอเชาว์แน่นอน จึงทำให้รีบปฏิเสธติดเกียร์ถอยหนีเด็กชายเหมือนเด็กหน้าสวยไปด้วยอีกคน แต่ดีหน่อยที่อีกฝ่ายไม่วิ่งไล่ตาม
“ว่าไง เจอกันอีกแล้วนะ พ่อกรงทองของฉัน”
เชาว์ยิ้มพราวเสน่ห์พลางขยิบตาให้อีเลน เพิร์ซซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับทำหน้าแหยงขึ้นมาทันที
เคียร์นที่ยืนมองอีเลนอยู่มาสักพัก มุมปากเขายกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวคนทำหน้าไม่รู้จะเอาไงดี พร้อมทำท่าพูดเสียงเบาแต่เบาแบบได้ยินกันทั้งห้อง
“อีเลนของฉันต่างหาก”
สิ้นสุดประโยค เด็กนักเรียนหญิงที่นั่งดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบเฉียบกันมาตลอดพลันแตกฮือ ส่งเสียงวี้ดว้ายจนเพื่อนผู้ชายในห้องต้องยกมือขึ้นมาปิดหู สับสนว่าเพื่อนนักเรียนหญิงพวกนี้เป็นอะไรกัน
ด้วยรูปร่างหน้าตาดีพร้อมบรรยากาศและน้ำเสียงของเคียร์นกับอีเลน ทำให้นักเรียนหญิงบางส่วนในห้องถึงกับตั้งกลุ่มไลน์คู่จิ้นขึ้นมาอย่างลับ ๆ
ชื่อกลุ่ม: [จันทร์กลืนดวง]
จันทร์ที่แปลว่าดวงจันทร์ กลืนที่แปลว่ากลืนดวงอาทิตย์
‘R r r r r r r r r r r r r r r’
‘R r r r r r r r r r r………’
ในขณะเดียวกันท่ามกลางความวุ่นวาย คุณครูสีหน้าซีดเป็นไก่ต้มได้หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาผู้อำนวยการโรงเรียนเงียบ ๆ ท่ามกลางความวุ่นวาย
[มีอะไรเหรอครับครู อัน]
ผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างใจเย็น ผิดกับครูอันซึ่งพูดขึ้นเสียงต่างกับคาแรคเตอร์นิ่งสงบดั่งธรรมชาติของเจ้าตัวทุกที
“ผมอยากเปลี่ยนห้อง!!!!” ผู้อำนวยการที่รู้จักครูอันดีมาตลอดหลายปี ถึงกับตาโต รู้สึกฉงนใจว่าเพราะอะไรถึงทำให้ครูที่เยือกเย็นที่สุดในโรงเรียนถึงกับสติแตกได้…..
"เซน ดูนี่สิ นี่มันลูกพี่ลูกน้องของเซนไม่ใช่เหรอ"
เด็กชายจิ้มลิ้มคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนเอาโทรศัพท์ที่มีภาพเคียร์นในเพจโรงเรียนขึ้นมาให้เด็กผมตั้งหางตาชี้เหมือนนักเลงดู
“เออว่ะ แม่ง!! มาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันก็น่าจะบอก จะได้ไปทักทายสักหน่อย!!” เด็กผมตั้งพูดขึ้นด้วยความรู้สึกขัดใจ
“เซนดูดิ ผู้หญิงในโรงเรียนกรี๊ดกันใหญ่เลย จะว่าไปญาติเซนก็ดูดีเหมือนกันนะ” เด็กหน้าตาจิ้มลิ้มมองรูปคนที่ถูกแท็กไปยังเพจโรงเรียนด้วยความสนอกสนใจ
“ทำไม มึงเห็นว่ามันหล่อเหรอ ฮึ ก็ดูดีแค่ภายนอก ตอนอยู่ต่อหน้ากูแม่งใสซื่ออ่อนหัดจะตาย”
“อยากรู้ว่าใสซื่อจริงไหมอ่ะ”
“รอไปก่อน ตอนนี้ญาติกูประคบประหงมมันอยู่ รอได้โอกาสก่อนเถอะ กูเล่นมันแน่”
เด็กห้อง S สองคนนั่งหัวเราะกันอยู่ตรงทางขึ้นบันไดลับตาคน
เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
หนังสือที่ถูกเปิดหน้าแล้วหน้าเล่า อีกแค่สองสามแผ่นก็ถึงตอนจบของเรื่องราวเสียแล้ว ชายหนุ่มอายุยี่สิบสองปี นั่งกอดนิยายที่ตนพึ่งอ่านจบด้วยความอิ่มเอมใจ “เยี่ยม!! คราวนี้ละ เราต้องเขียนนิยายดี ๆ เหมือนของไอดอลให้ได้!!!” หลังอ่านจบก็มีแรงมุ่งมั่นลุกขึ้นยืนจากที่นอนเต็มความสูง พุ่งตัวไปยังโต๊ะคอมเจ้าประจำตัวโปรดก่อนจะเปิดโปรแกรมขึ้นมาฝึกแต่งนิยาย นาฬิกาติดผนังส่งเสียงร้องไปตามเข็มหน้าปัดบอกเวลาผ่านไปได้แค่ห้านาที บนหน้าจอปรากฏข้อความเพียงแค่สองสามบรรทัด “เฮ้อ อยากจะร้องไห้” คนชะงักนิ้วพิมพ์บนคีย์บอร์ดบ่นพึมพำกับตัวเองพลางเหยียดตัวขึ้น เดินตรงไปหยิบเสื้อคลุมกับกระเป๋าสตางค์แล้วเปิดประตูห้องเช่าสนิมจับออก สองเท้าย้ำไปตามทางเปลี่ยวยามค่ำคืน แสงไฟสลัวติดๆ ดับ ๆ บนท้องถนนให้บรรยากาศคล้ายหนังสยองขวัญ ลมเย็นพัดโชยเส้นผมพลิ้วไหวเหมือนจะรุงแรงมากกว่าวันปกติ “เส้นทางการเป็นนักเขียนคงยังอีกไกลสินะ” ร่างสูงหม่นหมอง เดินคอตกมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ตรงเข้าไปหยิบไอติมแท่งหนึ่งแล้วนำไปจ่ายเงินห
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา
เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา
หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล
สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม