แชร์

บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

ผู้เขียน: แกะส้ม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 13:39:47

            หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์

            ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย

            “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม”

             อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง

            “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว”

             คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้

             ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’

            เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น

            “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ”

            เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร

            แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหลั่นกันไปเรื่อย ๆ

            “นายแน่ใจนะว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกัน”

             อีเลนมองคะแนนสอบของตนเองกับเคียร์นในแถว A เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนเก่งอย่างเจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ห้อง S

            “แน่ใจสิ คุณครูจัดเรียงแถวให้ขนาดนี้แล้วจะไม่อยู่ได้ยังไง”

            คนยังแคลงใจนึกตามคำพูดของเคียร์น ไล่สายตามองคะแนนก็พบว่าในแต่ละแถวมีรายชื่อเด็กประมาณสามสิบกว่าคนรวม ๆ แล้วก็ได้เด็กนักเรียนพอสำหรับการสอนห้องหนึ่งพอดี

            “เคียร์น นายตั้งใจทำข้อสอบแน่นะ

            ” อีเลนหันหน้ามองคนข้างกาย เขาสงสัยหนักมากว่าทำไมคนที่ดูเก่งไปซะหมดทุกวิชาแบบเขาถึงไม่ติดห้อง S หรือว่าอีกฝ่ายจงใจ

            “นายคิดว่าไงล่ะ” เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยื่นมือมาเกี่ยวกระหวัดนิ้วเล็กไว้

            “นายจงใจ”

             อีเลนพูดเชิงถามเสียงสูงพร้อมเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเด็กตรงหน้าทำแบบนี้ไปทำไม การสอบได้คะแนนเยอะอยู่ห้องดี ๆ มันก็เป็นผลดีกับเจ้าตัวไม่ใช่เหรอ

            “ถ้านายคิดงั้น ก็แบบนั้นแหละ”

            เด็กตาน้ำเงินเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย มองคนทำหน้าพูดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อ อีเลนคิ้วกระตุกไม่ว่าเมื่อไรเจ้าเด็กนี่ก็เอาแต่แกล้งเขาตลอด แถมยังชอบพูดอะไรกำกวมทำให้เกิดความสงสัยอยากรู้อยากเห็นอยู่เรื่อย!

            “ทำแบบนี้ไปทำไมเล่า นายมีเหตุผลที่ต้องลดคะแนนตัวเองด้วยรึไง” ดวงตาสีแซฟไฟร์พราวระยับก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหูคนตัวเล็กกว่า          “มีสิ”

             เคียร์พูดเสียงแผ่วก่อนจะหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ ทำให้อีเลนต้องเอียงหัวเข้าไปใกล้อย่างต้องการฟังคำตอบ

            “นายไง”

            “สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักนักเรียนผู้น่ารัก วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ เพราะงั้นผ่อนคลายไม่ต้องเกร็งกันนะเด็ก ๆ ”

            ครูชายอายุวัยกลางคน หัวเถิก สวมแว่นตารูปร่างอวบมีน้ำมีนวลแลดูเป็นคนสบาย ๆ สุภาพนุ่มนิ่มเจ้าธรรมะธัมโมกำลังพูดอยู่หน้าชั้นเรียนในฐานะที่ปรึกษาประจำห้อง

            “ผ่อนคลายกว่านี้ก็หลับแล้วครับครู” เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้น พูดขัดทำให้ทั้งห้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

            “อะแฮ่ม ครูรู้ว่าวันแรกพวกเธอคึก ตื่นเต้น ควบคุมตัวเองไม่อยู่แต่ช่วยเงียบเสียงกันหน่อยเด็ก ๆ เอาละวันนี้พวกเธอแค่มาเรียนปรับพื้นฐานกัน ครูจะไม่เน้นสอนอะไรมาก ใช้เวลานี้โฟกัสทำความรู้จักเพื่อนกันซะนะ”

            นักเรียนบางคนได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการกระดี๊กระด๊า บางคนนั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เพราะเขินอายไม่รู้จักใครเลย

            ระหว่างที่คุณครูกำลังยืนดูนักเรียนที่เข้ามาใหม่นั่งหัวเราะคุยกันอย่างอิ่มเอมใจพลันคิดว่าปีการศึกษานี้ตนคงได้ดูแลห้องเรียนที่สงบนักเรียนที่เสงี่ยมเหมือนเดิมแน่ ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องฝันสลายเมื่อมีเด็กนักเรียนสองคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง A

            เด็กหน้าสวยผมบลอดน์ มัดหางม้าลอนยาวเดินเข้ามาพร้อมใช้มือสะบัดปลายมัดในห้องโชว์ไปหนึ่งที

            “ทุกโค๊นนน จงมองมาที่ความงดงามของผมซะ เห็นละอองดอกกุหลาบบนตัวผมไหม จะมีใครงดงามเปี่ยมเสน่ห์ ได้เท่ากับผมอีก” เชาว์พูดพร้อมทำท่าโพสต์พรีเซนต์ตัวเองเต็มที่

            เด็กนักเรียนในห้องต่างหยุดบทสนทนาลงทันที พากันจ้องมองคนโอ้อวดเป็นตาเดียวพร้อมสีหน้าไอ้หมอนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า

            “แก๊รร ฉันว่าเขาสวยอยู่นะ ดูใบหน้านั่นสิ!!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดพลางสะกิดแขนเพื่อนตนอย่างระริกระรี้

            “เออ สวยก็สวยเถอะแก แต่ฉันไม่ชอบของแปลก!!” เพื่อนสาวสวนกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา พร้อมหลบตาไปทางอื่น เธอรู้สึกอายแทนจนนั่งมองคนหมั่นหน้าตรง ๆ ไม่ได้

            "คือ…นักเรียน เธอต้องเข้ามาอย่างสงบและเรียบร้อ…" ยังไม่ทันคุณครูที่ปรึกษาพูดจบ เพิร์ซ ซึ่งพึ่งเดินเข้ามาใหม่ดันชิงตัดหน้าเสียก่อน

            “จะเดินก็เดินเร็ว ๆ ดิ ยืนขวางทางเป็นมลพิษอยู่ได้”

            เด็กแว่นส่งสายตามองเชาว์อย่างรับไม่ได้กับท่าทางของเจ้าตัว ก่อนจะหยิบสเปรย์ปรับอากาศขึ้นมาฉีดไล่กลิ่นน้ำหอมกุหลาบให้จางลง

             “นักเรียน เธอพกสเปรย์ปรับอากาศมาด้ว…”

            “อะไรกันเล่าหนุ่มตี๋!! ใช้สายตามองผมแบบนั้นเดี๋ยวจะยุ่งเอาน่า” เชาว์เริ่มหอบหายใจ ออกอาการทางจิตใส่คนยืนซ้อนหลังอย่างไม่เกรงกลัว

            เพิร์ซทำหน้าแหยง คิดว่าทำไมตัวเองต้องได้อยู่ห้องเดียวกับคนโรคจิตแบบนี้ด้วย!!

             ทั้งครูทั้งนักเรียนตอนนี้ เอาแต่เฝ้ามองสถานการณ์กันตาปริบ ๆ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมาสักอย่างเพราะต่างคนต่างพูดไม่ออก

            “ผมชอบที่สายตานายจ้องมาแบบนั้นนะหนุ่มตี๋ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกย้ำยี!!” เชาว์หอบหายใจแรงขึ้นพลางทำท่ากอดตัวเองก่อนช้อนสายตาหวานหยดย้อยมองเป้าหมายตรงหน้า

            “นายเรียกใครว่าหนุ่มตี๋ ฉันชื่อเพิร์ซ!!” เด็กชายเริ่มออกอาการเบื่อหน่ายเต็มที เขาส่งสายตาเย็นชาอย่างไม่ปรานี

            “แก๊รรร ฉันว่าสองคนนั้นเหมาะสมกันดีนะ!!” เด็กนักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งพูดขึ้น

            “ฉันว่าคนใส่แว่นรุก ส่วนคนนั้นที่ดูเป็นสายเอ็มรับ!” เด็กผู้หญิงด้านข้างพูดพินิจวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “แก!! จะไปจับเขามาจิ้นกันไม่ได้มันเสียมารยาท!! ว่าแต่เด็กแว่นต้องรับดิฉันโพเมะหน้าสวยโว้ย!!”

            ตอนนี้เด็กผู้ชายในห้องที่นั่งอยู่ข้างหลังเด็กผู้หญิงสองคนหน้าซีดเผือด พลางคิดว่าเพื่อนหญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าตนนั้นน่ากลัว

            คุณครูที่ปรึกษาลมแทบจับ เมื่อไม่สามารถควบคุมเด็กนักเรียนให้อยู่ในความดูแลของตนได้ ตลอดชีวิตที่เริ่มเข้ามาทำงานในฐานะครูที่ปรึกษาของโรงเรียนชื่อดังไม่เคยมีปีไหนเลยที่ตนไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข

             ส่วนมากเด็กนักเรียนห้อง A มักเป็นเด็กเรียบร้อย เรียนดี กีฬาเด่น แม้จะเป็นรองแค่เด็กห้อง S แต่เขาก็ภาคภูมิใจที่ได้สอนนักเรียนห้องนี้

            เมื่อคุณครูที่ปรึกษาซึ่งดูแลนักเรียนห้อง A มาครึ่งชีวิต ไม่เคยรับมือกับความวุ่นวายของเด็กนักเรียนที่เกิดขึ้นเลยทำให้เขาเหงื่อแตกพลั่ก

             ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี

            อีเลนถือกระดาษใบรายชื่อเด็กนักเรียนในห้องตน เดินออกมาจากห้องพักครูพร้อมกับเคียร์นเพื่อตรงกลับไปยังคลาสเรียน

            เหตุการณ์ก่อนหน้าที่พวกเชาว์จะมาถึง พวกเขาถูกครูที่ปรึกษาไล่ให้ออกไปเอาใบรายชื่อมา เพื่อคงความสงบในห้องเรียนและให้เด็กนักเรียนหญิงสนใจที่ตนพูดมากกว่าเอาแต่เหลือบมองหน้าเด็กผู้ชายจนหน้าแดง

            ทั้งสองเดินข้างกันไปตามทางระเบียง ระหว่างผ่านหน้าประตูห้องเรียนแต่ละห้อง เด็กผู้หญิงรวมทั้งเด็กผู้ชายที่นั่งฟังครูพูดอยู่ข้างในต่างหันตัวเหลียวมองกันเป็นแถว

            หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไปอัพภาพลงโซเชียลแท็กเพจโรงเรียนพร้อมแคปชั่นกันให้จ้าระหวั่น

          [เด็กใหม่มอหนึ่งปีนี้ งานดีมาก!!]

          เรียกยอดไลค์รัวปุ่มกดหัวใจกันอย่างถล่มทลาย

            คงเพราะรูปร่างที่โตขึ้นกว่าแต่ก่อนกับโครงหน้าเริ่มเห็นสันอยู่หน่อย ทำให้ทั้งสองไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มีแต่คนจับตามอง

            อีเลนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเพราะตนไม่เคยถูกจ้องมองแบบนี้มาก่อน ผิดกับเคียร์นที่มีท่าทางสบาย ๆ อยากจ้องก็จ้องไปเขาไม่ได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว นอกจากเพื่อนตัวน้อยข้างกาย

            เมื่อพากันเดินมาถึงหน้าห้อง A อีเลนยื่นมือไปเปิดประตูบานเลื่อนออก สายตาเหลือบมองภาพด้านในอย่างสตั๊น พอเห็นใบหน้าคนสองคนที่ตนไม่อยากเจอมากที่สุด

            “……..”

            เชาว์และเพิร์ซตอนนี้กำลังยืนเถียงกันอยู่โดยมีเด็กนักเรียนนั่งรับชมเรื่องน่าสนุกกันอย่างเมามัน ครูประจำชั้นยืนดูด้วยใบหน้าไร้สีเหนื่อยหน่ายใจ

             เคียร์นซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ริมฝีปากหยักเผยรอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าก่อนจะเผลอหลุดคำหนึ่งออกมา

            “เรื่องน่าสนุก”

            อีเลนได้ยินดังนั้นเจ้าตัวก็คิดในใจ ‘เรื่องน่าปวดหัวสิไม่ว่า’ ก่อนที่เขาจะจำใจเดินเข้าไปยื่นสมุดรายชื่อนักเรียนให้คุณครูแบบไม่เต็มใจนัก ถ้าไม่เดินเอาไปให้สถานการณ์ตอนนี้ก็คงไม่ไปไหนสักที

            เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางหมุนตัวเข้าประจันหน้ากับเด็กสองคนที่ทำตาเป็นกายจ้องมองเขาอยู่ตั้งแต่เดินเข้ามา

            “ลูกพี่!! ลูกพี่!! สอบติดห้องเรียนเดียวกับผมด้วยเหรอครับ!!”

            เพิร์ซดวงตาวิบวับ มองอีเลนด้วยความรู้สึกดีใจปนตื่นเต้นออกหน้าออกตาเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเเรกที่มองเขาด้วยความเป็นห่วงต่างจากเด็กคนอื่น ที่มองด้วยแววตาไม่ชอบใจ

            เด็กแว่นรู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับอีเลนมากจริง ๆ ตั้งแต่อีกฝ่ายเก็บของสำคัญมาคืนให้ แต่ไม่รู้จะเริ่มด้วยยังไงดีจึงจับพลัดจับผลูยกอีเลนเป็นลูกพี่ของตนแทนซะงั้น

             อีเลนมองเด็กท่าทางเหมือนลูกสุนัขตรงหน้าพลางยิ้มเจื่อน ตั้งแต่วันที่เอากันดั้มให้เจ้าตัวเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ข้องแวะกับเด็กแว่นอีก ลางสังหรณ์เขามันบอกว่าถ้ายุ่งต้องวุ่นวายไม่ต่างกับตอนเจอเชาว์แน่นอน จึงทำให้รีบปฏิเสธติดเกียร์ถอยหนีเด็กชายเหมือนเด็กหน้าสวยไปด้วยอีกคน แต่ดีหน่อยที่อีกฝ่ายไม่วิ่งไล่ตาม

            “ว่าไง เจอกันอีกแล้วนะ พ่อกรงทองของฉัน”

            เชาว์ยิ้มพราวเสน่ห์พลางขยิบตาให้อีเลน เพิร์ซซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับทำหน้าแหยงขึ้นมาทันที

             เคียร์นที่ยืนมองอีเลนอยู่มาสักพัก มุมปากเขายกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวคนทำหน้าไม่รู้จะเอาไงดี พร้อมทำท่าพูดเสียงเบาแต่เบาแบบได้ยินกันทั้งห้อง

            “อีเลนของฉันต่างหาก”

            สิ้นสุดประโยค เด็กนักเรียนหญิงที่นั่งดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบเฉียบกันมาตลอดพลันแตกฮือ ส่งเสียงวี้ดว้ายจนเพื่อนผู้ชายในห้องต้องยกมือขึ้นมาปิดหู สับสนว่าเพื่อนนักเรียนหญิงพวกนี้เป็นอะไรกัน

            ด้วยรูปร่างหน้าตาดีพร้อมบรรยากาศและน้ำเสียงของเคียร์นกับอีเลน ทำให้นักเรียนหญิงบางส่วนในห้องถึงกับตั้งกลุ่มไลน์คู่จิ้นขึ้นมาอย่างลับ ๆ

          ชื่อกลุ่ม: [จันทร์กลืนดวง]

           จันทร์ที่แปลว่าดวงจันทร์ กลืนที่แปลว่ากลืนดวงอาทิตย์

            ‘R r r r  r r r r r r r r r r r’

          ‘R r r r r r r r r r r………’

            ในขณะเดียวกันท่ามกลางความวุ่นวาย คุณครูสีหน้าซีดเป็นไก่ต้มได้หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาผู้อำนวยการโรงเรียนเงียบ ๆ ท่ามกลางความวุ่นวาย

            [มีอะไรเหรอครับครู อัน]

            ผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างใจเย็น ผิดกับครูอันซึ่งพูดขึ้นเสียงต่างกับคาแรคเตอร์นิ่งสงบดั่งธรรมชาติของเจ้าตัวทุกที

            “ผมอยากเปลี่ยนห้อง!!!!” ผู้อำนวยการที่รู้จักครูอันดีมาตลอดหลายปี ถึงกับตาโต รู้สึกฉงนใจว่าเพราะอะไรถึงทำให้ครูที่เยือกเย็นที่สุดในโรงเรียนถึงกับสติแตกได้…..

            "เซน ดูนี่สิ นี่มันลูกพี่ลูกน้องของเซนไม่ใช่เหรอ"

            เด็กชายจิ้มลิ้มคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนเอาโทรศัพท์ที่มีภาพเคียร์นในเพจโรงเรียนขึ้นมาให้เด็กผมตั้งหางตาชี้เหมือนนักเลงดู

            “เออว่ะ แม่ง!! มาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันก็น่าจะบอก จะได้ไปทักทายสักหน่อย!!” เด็กผมตั้งพูดขึ้นด้วยความรู้สึกขัดใจ

            “เซนดูดิ ผู้หญิงในโรงเรียนกรี๊ดกันใหญ่เลย จะว่าไปญาติเซนก็ดูดีเหมือนกันนะ” เด็กหน้าตาจิ้มลิ้มมองรูปคนที่ถูกแท็กไปยังเพจโรงเรียนด้วยความสนอกสนใจ

            “ทำไม มึงเห็นว่ามันหล่อเหรอ ฮึ ก็ดูดีแค่ภายนอก ตอนอยู่ต่อหน้ากูแม่งใสซื่ออ่อนหัดจะตาย”

            “อยากรู้ว่าใสซื่อจริงไหมอ่ะ”

            “รอไปก่อน ตอนนี้ญาติกูประคบประหงมมันอยู่ รอได้โอกาสก่อนเถอะ กูเล่นมันแน่”

          เด็กห้อง S สองคนนั่งหัวเราะกันอยู่ตรงทางขึ้นบันไดลับตาคน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 1 ผมได้ไปต่างโลก

    หนังสือที่ถูกเปิดหน้าแล้วหน้าเล่า อีกแค่สองสามแผ่นก็ถึงตอนจบของเรื่องราวเสียแล้ว ชายหนุ่มอายุยี่สิบสองปี นั่งกอดนิยายที่ตนพึ่งอ่านจบด้วยความอิ่มเอมใจ “เยี่ยม!! คราวนี้ละ เราต้องเขียนนิยายดี ๆ เหมือนของไอดอลให้ได้!!!” หลังอ่านจบก็มีแรงมุ่งมั่นลุกขึ้นยืนจากที่นอนเต็มความสูง พุ่งตัวไปยังโต๊ะคอมเจ้าประจำตัวโปรดก่อนจะเปิดโปรแกรมขึ้นมาฝึกแต่งนิยาย นาฬิกาติดผนังส่งเสียงร้องไปตามเข็มหน้าปัดบอกเวลาผ่านไปได้แค่ห้านาที บนหน้าจอปรากฏข้อความเพียงแค่สองสามบรรทัด “เฮ้อ อยากจะร้องไห้” คนชะงักนิ้วพิมพ์บนคีย์บอร์ดบ่นพึมพำกับตัวเองพลางเหยียดตัวขึ้น เดินตรงไปหยิบเสื้อคลุมกับกระเป๋าสตางค์แล้วเปิดประตูห้องเช่าสนิมจับออก สองเท้าย้ำไปตามทางเปลี่ยวยามค่ำคืน แสงไฟสลัวติดๆ ดับ ๆ บนท้องถนนให้บรรยากาศคล้ายหนังสยองขวัญ ลมเย็นพัดโชยเส้นผมพลิ้วไหวเหมือนจะรุงแรงมากกว่าวันปกติ “เส้นทางการเป็นนักเขียนคงยังอีกไกลสินะ” ร่างสูงหม่นหมอง เดินคอตกมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ตรงเข้าไปหยิบไอติมแท่งหนึ่งแล้วนำไปจ่ายเงินห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 2 ฉันไม่ใช่นาย

    ชายอายุยี่สิบสองปีในร่างเด็กน้อยวัยสิบสองขวบ นั่งอ้าปากพะงาบ ๆ ในใจอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ถ้อยคำจุกอยู่ที่ลำคอ คนที่อ้างว่าตัวเองเป็นแม่เด็กแสดงอาการเป็นห่วงพลันมองสำรวจร่างน้อยตรงหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพันสั่นระริกฉายแววแตกตื่นระคนแปลกใจก่อนจะตั้งสติรีบพุ่งตรงไปยังโทรศัพท์บ้าน ต่อสายหาคุณหมอประจำตัวลูกชายอย่างรวดเร็ว “คุณหมอคะ อีเลนแสดงอารมณ์ได้แล้วค่ะคุณหมอ!!!” หญิงวัยกลางคนพูดน้ำเสียงดีใจคลอสั่นเครือ ริมฝีปากมีร่องรอยตามอายุเผยรอยยิ้มกว้าง คนถูกเรียกว่าอีเลนสตั๊นมองการกระทำของหญิงไม่คุ้นหน้าพลันสมองนึกย้อนเหตุการณ์ทั้งหมด วันนั้นเป็นวันที่ลมพัดแรงมากจนผิดปกติ เหมือนทั้งโลกพยายามจงใจจะฆ่าเขา จำได้ว่าตนหลีกหนีความตายมาได้อย่างหวุดหวิด นึกว่ารอดแล้วแต่ดันเปิดประตูมาเจอโจรอีก เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นรวดเร็วมากมายเกินไปจนทำให้ขาดสติ ลืมคิดหน้าคิดหลังถอดอีแตะหยิบปาใส่หน้าโจร เตรียมตัวกลั้นใจวิ่งกระโดดอัดขาคู่ ใส่คนสวมไอ้โม่งสีดำตรงหน้า!! ร่างขโมยกระเด็นตัวปลิวทะลุหน้าต่างแตก เขายิ้มดีใจนึกว่าคงเป็นอุปสรรค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 3 พิสูจน์

    เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว ที่ชายหนุ่มเริ่มชินกับร่างกายและกิจวัตรประจำวันของเจ้าของร่าง มีแค่บางสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยกับมันสักทีนั่นคือความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใยของผู้เป็นแม่ ตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่ในร่างอีเลน เขารู้เลยว่าหญิงวัยกลางคนรักและใส่ใจลูกตัวเองมากแค่ไหน พ่อของเด็กชายเป็นทนายชื่อดังขึ้นศาลทุกครั้งชนะทุกรอบ เพราะความมีชื่อเสียงจึงทำให้มีงานยุ่งมากจนไม่มีเวลากลับบ้าน จะกลับมานานทีปีใหม่ไม่ก็วันสำคัญเลย ผู้เป็นภรรยาจึงได้แต่อยู่เฝ้าบ้านพร้อมดูแลลูกชายตัวน้อยเพียงลำพัง อาจเป็นเพราะอาการเหงาจากการไม่ได้เจอสามีนาน ตลอดเวลาเธอจึงเอาใจใส่และให้ความรักมากมายกับลูกน้อยเป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่าลูกป่วยทางจิตยิ่งดูแลหนักขึ้นกว่าเดิม ทุกวันเป็นไปอย่างเงียบสงบ คนเป็นแม่เฝ้ามองลูกชายที่ไม่แสดงอารมณ์ ใด ได้แต่นั่งนิ่งมองท้องฟ้าสีครามไปวัน ๆ หญิงอายุเยอะรู้สึกปวดใจ มีบางครั้งยอมถึงขั้นออกไปซื้อศพหนูกลับมาให้เด็กชายที่เอาแต่นั่งเฉยหน้านิ่งไปวัน ๆ เธอเข้าใจดีว่าการกระทำของตัวเองนั้นผิดมากเพียงใด แต่ขอแค่ได้เห็นใบห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 4 บางคนต้องโดนไม้แข็ง

    ยามมองสัตว์ผู้โชคร้ายนอนแน่นิ่ง ร่างกายเล็กเกิดสั่นเทาเล็กน้อยเพราะตนไม่ถูกกับเลือด อีเลนกลั้นใจก่อนเดินเข้าไปสำรวจอาการว่ามันมีโอกาสรอดหรือไม่ หนูแฮมสเตอร์ตัวกลมสีขาวลายด่างน้ำตาลร้องจี๊ด ๆ สายตาพลันสบกับดวงตาสีส้มเฉดเหลืองคล้ายอ้อนวอนขอชีวิต อีเลนรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที คิดว่าตนไม่น่าทดลองกับสิ่งมีชีวิตเลย ทั้งที่มันก็เจ็บเป็นและมีหัวใจเหมือนกัน “ขอโทษนะ ที่ฉันไม่ช่วยแกให้เร็วกว่านี้” กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพลันรู้สึกกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่ามันอยู่ในสภาพใกล้หมดแรงเต็มที อีเลนสีหน้าไม่สู้ดี ยืนคิดอยู่สักพักว่าควรทำยังไงก่อนตัดสินใจรีบพุ่งตัวเข้าไปในบ้าน หยิบผ้าผืนเล็กสีขาวสะอาดเข้ามาโอบอุ้มเจ้าหนูลายด่างไว้ในอุ้มมือ เขามองเลือดที่ซึมไปกับผืนผ้าสีขาวเล็กน้อย ในใจหวาดผวาเกิดอาการมือสั่น ยังดีที่หนูแฮมสเตอร์เลือดออกไม่มาก ถ้าเกิดเยอะกว่านี้คงกลั้นใจอุ้มมันขึ้นมาไม่ได้แน่ ๆ “ดีละ!!” คนตัวเล็กตัดสินใจเดินไปยังคลินิกสัตวแพทย์ซึ่งอยู่แถวบ้าน เขาคิดว่าถ้ามัวแต่นั่งรอจนกว่าแม่จะกลับเหยื่อผู้น่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 5 เด็กคนนั้นแปลก

    เสียงร้องไห้ของเด็กอ้วนดังไปทั่วสนามเด็กเล่น อีเลนกะพริบตาสองสามที เขามองคนที่นั่งฟันหลุด ใจจริงไม่ได้กะต่อยแรงขนาดนั้นแค่เผลอออกแรงมากเกินไปเพราะเห็นภาพซ้อนทับกับเด็กเกเรที่ชอบแกล้งเหล่าน้อง ๆ ในอดีตของตนจนบาดเจ็บเป็นประจำ อีเลนเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูอาการเด็กน้ำมูกน้ำตาไหลที่ดูแทบไม่ได้ มือหนึ่งยื่นไปให้จับหวังช่วยพยุงตัวขึ้น “เป็นไรไหม” เขาถามออกไปอย่างเป็นห่วงเพราะรู้สึกผิดที่ตนทำเกินกว่าเหตุ แม้ภายในลึก ๆ จะอยากให้เด็กคนนี้จำฝังใจว่าไม่ควรไปหาเรื่องใครแบบนี้อีก “แงงงงงง แม่จ๋า” เด็กน้อยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด เอาแต่นั่งร้องไห้ โหวกเหวกท่าเดียวและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ด้วย “เฮ้ย!! มึงทำเพื่อนกูแล้วอย่าคิดว่าจะรอดไปได้นะเว้ย พ่อกูเป็นตำรวจ จะสั่งให้จับพวกมึงให้หมดเลย พวกมึงไม่รอดแน่ พ่อแม่มึงต้องถูกจับ บ้านมึงต้องถูกยึด โทษฐานมาหาเรื่องกับกู ไอ้เชี่ย!!" เด็กหัวโจกหน้าดำหน้าแดงควันออกหู โกรธจัดที่มีคนกล้าท้าทายอำนาจ ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้าขัดใจเขาเลยสักครั้ง แค่มีพ่อเป็นตำรวจไม่ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 6 บทเรียนคนดี

    เรื่องราวในนิยายเล่าถึงช่วงเวลาสมัยเด็กของพระเอกและนางเอกไว้ไม่กี่บท ทั้งคู่ได้เจอกัน เกิดมาจากโรคจิตเวชของอีเลนคนเก่ากำเริบ วันหนึ่งคุณแม่ของเด็กชายออกไปรับของทางไปรษณีย์ข้างนอกโดยใช้เวลาไม่ถึงห้านาที พอกลับมาพัสดุยังไม่ทันวางพลันร่วงหลุดมือ เมื่อเธอเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยืนถือมีดปอกผลไม้ ที่แขนเล็กตรงข้อพับมีรอยกรีดลึกยาว เลือดสีเข้มไหลซึมออกมาทีละหยดสองหยด ผู้เป็นแม่แข้งขาอ่อนแรง ทรุดฮวบลงกับพื้นทันที หญิงวัยกลางคนมีอาการตัวสั่นหน้าซีดเผือด ตกตะลึงกับการกระทำของลูกน้อย หลังจากนั้นไม่นานเสียงทะเลาะปนสะอื้นไห้ดังแซดไปทั่วบ้าน เธอต่อสายถกเถียงกับสามีเรื่องลูกชายของตน กล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้ กล่าวว่าสามีที่ไม่มีเวลาให้ลูกบ้างก็ดี กล่าวว่าตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดีบ้างก็ดี ผู้เป็นสามีเคร่งเครียดถอนหายใจดังลั่นจนปลายสายได้ยินเสียง ‘เฮ้อ’ “งั้นเอางี้ คุณย้ายบ้านไปอยู่เมืองหลวงซะ ที่นั่นมีหมอเก่งด้านจิตเวช เดี๋ยวผมส่งเขาไปเป็นหมอประจำตัวอีเลนให้” พูดจบก็วางสายไป คนเป็นแม่สะอื้นไห้โผเข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 15 เปิดฉากการเรียนวันแรก

    เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 14 เรื่องน่าปวดหัว

    หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 13 สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้

    สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 12 ทำตัวไม่ถูก

    ‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 11 ปัญหาที่ไม่อยากยุ่ง

    "ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!" หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้! แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุ

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

    ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’ อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 9 อยากรู้ไหมใครร้ายกว่ากัน

    “หนูจะไปฟ้องพี่เลี้ยง!! พี่เป็นเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ!!!” เด็กสาวผมเปียโมโหจัด เธอตัวสั่นเทาแต่ยังต่อต้าน พูดเสียงดังใส่เด็กกร่างอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ เด็กไม่มีพ่อแม่อย่างเธอกับลูกตำรวจแบบฉันคิดว่าพวกนั้นจะเข้าข้างใครมากกว่า เผลอ ๆ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนหาว่ามารยา ใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว!!” เด็กสาวตัวน้อยดวงตาแดงก่ำ คำพูดของคนตัวโตกว่าเสียดแทงเข้ามาในใจเธอยังจัง ถูกต้องแล้ว เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าตัวเล็กซึ่งถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จะไปสู้อะไรกับลูกคนใหญ่คนโตได้ “ไม่มีพ่อแม่แล้วไง ถ้าต้องเกิดมาเป็นเด็กสถุลอย่างนายฉันขอไม่เกิดมาแต่แรกเลยดีกว่า ถ้าจะเลี้ยงออกมาได้สันดานเสียขนาดนี้” อีเลนกัดฟันกรอดพูดอย่างขบเคี้ยว เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปซัดเด็กตรงหน้าปรับนิสัยสักสองสามที ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กปานนี้คงโดนกระทืบจมดินไปแล้ว เด็กชายพยายามเว้นระยะห่างออกจากเด็กหัวโจกพอสมควร กลัวใจจะเผลออารมณ์ชั่ววูบ ต่อยหน้าเต็มแรงฟันหลุดสองซี่เหมือนเด็กอ้วนอีก เด็กบ้าอำนาจพอเห็นหน้าอีเลนเข้าดวงตาพลันแข็งค้าง ถลึงตาใส่อี

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 8 ไปทำความดีกันเถอะ

    ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสัก

DMCA.com Protection Status