"ตีผม ตีผมเลย!! เอาสิครับเด็กน้อย ทำให้จิตใจบอบช้ำ อันแสนงดงามของผม ยิ่งป่นปี้ด้วยไม้เรียวสวยท่อนนั้น ฟาดสิครับ ฟาด!!!"
หากคนทั่วไปมาเจอเด็กนี่คงพากันทำหน้าแหยงเผ่นหนีป่าราบ ไม่ก็รุมสกรัมเจ้าโรคจิตกันไปหมดแล้ว
แต่คงไม่ใช่กับอีเลนเพราะเขารู้เนื้อเรื่องในนิยายและรู้ว่าตัวละครเชาว์ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือทำอันตรายคนอื่น แม้พฤติกรรมภายนอกจะดูเหมือนพวกภัยสังคมก็ตาม
ในเรื่องรักสุดซาดิสม์ เชาว์เป็นตัวละครหนุ่มลูกครึ่งหน้าสวยเจ้าสำอาง นิสัยปกติเจ้าตัวยามไม่โดนความรุงแรงก็เป็นแค่ชายหน้าสวยอารมณ์ดีชอบโอเวอร์แอคติ้งเล่นใหญ่เกินเบอร์ เป็นหนุ่มกุหลาบผู้หลงใหลในความงามของตัวเองจนน่าหมั่นไส้!
แต่อีกร่างหนึ่งเมื่อได้รับความรุงแรงทางร่างกาย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ชอบให้ผู้อื่นกระทำชำเราแบบปู้ยี่ปู้ยำ คอยตามตื๊ออีกฝ่ายให้ลงมือกับตนเองแบบกัดไม่ปล่อยจนคนโดนรบเร้าทนไม่ไหว โทรหาตำรวจให้มาจับตัวไปสงบสติอารมณ์ในคุกแทน
อีเลนรู้วิธีรับมือกับคนโรคจิตดี วิธีแก้ให้อีกฝ่ายเลิกตามตื๊อง่าย ๆ มีอยู่สองหัวข้อใหญ่ หนึ่งคือใช้ความรุงแรงสนองให้หนุ่มกุหลาบจนพอใจ สองคือทำให้สลบในครั้งเดียว
ในเนื้อเรื่องเชาว์เป็นศพแรกที่อีเลนคนเก่าฆ่าตอนช่วงมัธยมปลาย เพราะเขาชอบมาตามตื๊อโนวาทำให้ได้รับความรุงแรงสมใจก่อนตาย
และแน่นอนอีเลนตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มีใครต้องมาตายด้วยฝีมือเขาในนิยายเรื่องนี้เด็ดขาด!!
“พะ พี่ชายครับผมกลัว”
เด็กน้อยหน้าตาวัยละอ่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เดินมาหลบอยู่ข้างหลังผู้ที่จะช่วยตนได้ ฝ่ามือน้อยกำสาบเสื้อคนข้างหน้าไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย
“ไม่ต้องกลัวนะ เราไม่เป็นไรแล้ว”
อีเลนหันไปพูดปลอบเด็กชายซึ่งอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมาหาทางว่าจะเอายังไงกับคนตรงหน้าดี
คราวคิดจะอุ้มเด็กน้อยวิ่งหนีอีกฝ่ายคงวิ่งไล่ตามอย่างบ้าระห่ำแน่ จะให้ฟาดจนทำให้คนโรคจิตพอใจเขาก็ไม่ได้มีงานอดิเรกตบตีใครแบบนั้นพลันจะทำให้รู้สึกถึงอะไรแปลก ๆ ซะเปล่า
คิดไปคิดมาก็ต้องถอนหายใจเมื่อผลสรุปที่ตนได้คือการน็อคเด็กหน้าสวยในครั้งเดียว
อีเลนบอกให้เด็กตัวเล็กเดินไปหลบหลังต้นไม้แล้วปิดตาไว้เขาไม่อยากให้น้องตัวเท่านี้มาเห็นภาพความรุงแรงตรงหน้าจนจำฝังใจ
“ทำไม!! นายจะมากระทำชำเราผมเหรอ เอาเลย ทำผมเลย ดอกกุหลาบผู้แสนงดงามดอกนี้พร้อมให้นายเด็ดกลีบทิ้งแล้ว”
เด็กชายมองคนพร่ำเพ้อหอบหายใจแรง เชาว์ยกแขนกางออกทั้งสองข้างพลางคุกเข่าลงกับพื้นเป็นเชิงบอกว่าเข้ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ
เขาถึงกับมองเด็กหน้าสวยดวงตาว่างเปล่า อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้อีกแล้ว ในหัวเอาแต่คิดว่าทำไมตัวเองชอบมาเจอแต่เรื่องพวกนี้
พอรู้สึกตัวว่าตนอยู่ในร่างตัวเอกและอยู่ในนิยายที่แต่งออกไปแนวไหนหัวรู้สึกเหมือนจะปวด อีเลนอยากรีบจัดการสถานการณ์ตรงหน้าให้จบ เขาอยากกลับบ้านไปนอนฟุบลงบนเตียงแล้วปล่อยวางทุกอย่าง!!
“มาเลย เอาเลยสิ ดอกกุหลาบผู้แสนงดงามบริสุทธิ์ดอกนี้พร้อมแล้ว เอาเลย!!!”
คนโดนท้าหมดคำจะพูด เขารีบเดินตรงไปลากตัวเชาว์ที่หอบจัดให้มานั่งลงตรงต้นไม้แข็งแรงต้นหนึ่ง เด็กชายกุหลาบหัวใจเต้นแรงเลือดลมสูบฉีดทำตัวว่านอนสอนง่ายอยู่นิ่ง ๆ คาดหวังว่าผู้มาใหม่คิดจะทำอะไรกับร่างกายตนต่อไป
รอเพียงไม่นานเชือกเส้นสีขาวเริ่มหมุนวนรอบร่างกายคนที่นั่งตัวติดกับต้นไม้อย่างแน่นหนา
เชาว์รู้สึกได้ถึงเชือกฟางเส้นใหญ่ที่กำลังแล่นผ่าน เวลาจะขยับแขนขาทีก็ลำบากให้ความรู้สึกอึดอัดคล้ายถูกพรากอิสรภาพ คนโดนมัดตัวยิ้มชอบอกชอบใจออกหน้าออกตา
อีเลนเดินวนจนครบรอบ พอรู้สึกว่ามัดแน่นหนาแล้วจึงขมวดปมเชือกเป็นแบบเหงือก เขาเดินมาจูงมือเด็กที่กำลังยกมือปิดตาตัวเองอย่างสั่นกลัวหนีจากไปหน้าตาเฉย
เชาว์เมื่อเห็นว่าคนที่คาดหวังให้รังแกตัวเองกำลังเดินหนีไปพลันดิ้นพล่าน พยายามขยับตัวออกจากสิ่งที่ผูกมัดในใจรู้สึกเสียดายไม่อยากให้อีกฝ่ายทิ้งไปทั้งดื้อ ๆ แบบนี้
“นี่นาย!!! กลับมาก๊อนนน กลับมาทำให้กลีบกุหลาบของผมร่วงโรยก่อน เฮ้!! กลับมานะ!! ร่างกายนี้ต้องการนายมาเติมเต็มได้ยินไหม มาทำผมสิ นายไม่รู้สึกอยากทำอะไรกับใบหน้าอันแสนงดงามนี้หน่อยเหรอ!”
พูดไปขยับตัวออกแรงจนสุดฤทธิ์ เชือกหนาเบียดเสียดไปตามร่างกายทำให้รู้สึกแสบบริเวณที่ผิวสัมผัส เด็กหน้าสวยทั้งรู้สึกพอใจและเสียดายในเวลาเดียวกัน เขาคิดว่าถ้าเจอกันครั้งหน้าต้องทำให้คน ๆ นี้กระทำทารุณตัวเองสักครั้งให้ได้!!
อีเลนเร่งฝีเท้าก้าวออกมาพร้อมกับเด็กน้อย เขารู้สึกโชคดีในโชคร้ายเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเชือกที่ไว้ใช้เล่นกระโดดถูกวางไว้อยู่แถวนั้นพอดี คาดว่าคงมีเด็กนำมันมาซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ใครแย่งเล่น
เขาถือโอกาสใช้มันในการจับเชาว์มัดซะเลย พอตกเย็นพวกเด็ก ๆ ที่มาตามหาเชือกไปกระโดดคงจะเจอเจ้าตัวแล้วช่วยแก้มัดกันให้เอง ถึงตอนนั้นเด็กโรคจิตคงกลับมาสงบสติตามเดิมแล้ว อีเลนคิดว่าเขาคงมีโชคอยู่บ้าง ที่ไม่ถึงขั้นต้องรัดคอหรือตีท้ายทอยใครสักคน
“พี่ชายครับ พี่ชายทำอะไรกับพี่คนนั้นเหรอครับ”
เด็กน้อยมองตาใสแม้ใจจะอยากรู้อยากเห็นแต่พอโดนสั่งให้ปิดตาตนก็ยอมปิดแต่โดยดีเพราะความรู้สึกกลัว
“พี่แค่ช่วยให้เขารู้จักระงับอารมณ์น่ะ”อีเลนพูดอย่างหน่ายใจ ภาวนาขอให้ไม่เจอเด็กคนนั้นอีกตลอดไป
เชาว์เป็นตัวละครเดียวที่เขารู้สึกรับมือด้วยยากมาก เพราะเจ้าตัวไม่ใช่คนเลวร้ายแต่ชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำมากกว่ากระทำคนอื่น จึงทำให้อีเลนรับมือไม่ถูก เขาคิดว่าถ้าต้องเลือกระหว่างเจอเชาว์กับอันธพาลหมู่ ขอเลือกไปต่อยตีดีกว่า
“ว่าแต่เราไปยืนเล่นอะไรตรงนั้นล่ะ” อีเลนคิดว่าสวนสาธารณะนี้มีที่ตั้งกว้าง ไหงไปยืนเล่นอยู่หลังห้องน้ำชายได้
“ผมแอบไปฝึกวิชาดาบ เพื่อจะปกป้องเพื่อนคนหนึ่งครับ!!” เด็กน้อยพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“ปกป้องใครเหรอ คงเป็นคนสำคัญมากสินะ”
เจ้าตัวหน้าแดงยิ้มแฉ่ง ขานตอบน้ำเสียงมั่นคง
“ครับ! สำคัญมาก!! เขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผม ผมจะปกป้องเขา!” พอพูดถึงเพื่อนเพียงคนเดียว อีเลนพลันนึกถึงใบหน้าเคียร์นขึ้นมาเป็นคนแรก เป็นครั้งแรกที่เขาตัวติดกับใครสักคนแล้วใช้เวลาอยู่ด้วยกันในทุก ๆ วัน
ช่วงนี้อีเลนคิดว่าตัวเองกับเคียร์นสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมหน่อยหนึ่ง ถึงตอนแรกจะคบเป็นเพื่อนแบบหวังผลให้อีกฝ่ายรู้สึกเห็นใจจนไม่อยากฆ่าตน แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่แบบนั้นแล้ว……...
อีเลนพาเด็กชายไปส่งหาเพื่อนสาวคนสำคัญเสร็จก็รีบตรงกลับทางเดิมทันที เขารู้สึกอยากเห็นหน้าเด็กเจ้าเล่ห์ ขึ้นมาแปลก ๆ
สองเท้ารีบก้าวมาจนถึงสถานที่เดิมซึ่งตนเคยวิ่งหนีมา สายตาไล่มองหาร่างเจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าม้านั่งสีน้ำตาลตัวยาวซึ่งห่างไม่ไกล ตรงกลางมีเด็กชายหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่และถูกผู้คนล้อมรอบไว้
ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้าที่อีเลนทิ้งเคียร์นไปให้นั่งรออยู่คนเดียว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในสวนสาธารณะ เมื่อเห็นเด็กมีเสน่ห์อันลึกลับนั่งตัวตรงสง่างามไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ไม้ไร้ผู้คน
ดวงตาสีแซฟไฟร์ไม่แสดงอารมณ์ใดเอาแต่มองทิวทัศน์ไปรอบ ๆ ภาพของเด็กชายทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาถึงกับหยุดชะงัก เหม่อมองเด็กชายที่ราวกับหลุดมาจากภาพวาดอย่างเผลอไผล
ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินผ่านมาก็อยากเข้าไปคุยทำความรู้จัก แม้ใจจะอยากมากแค่ไหนหากแต่เพราะบรรยากาศแฝงความเย็นชารอบ ๆ ของเด็กคนนี้ ต่างทำให้พวกเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ได้เพียงยืนเว้นระยะห่างแอบมองอยู่ที่ไกล ๆในช่วงเวลานั้นเคียร์นนั่งรออีเลนอย่างใจเย็น
พร้อมทั้งจินตนาการว่าอีกฝ่ายตอนหนีเขาไปทำสีหน้าแบบไหน ตอนนี้ทำอะไรอยู่ พอกลับมาจะแสดงอาการยังไง
มุมปากพลันกดลึกปรากฏรอยยิ้มบางอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศรอบตัวที่ราวกับมีกำแพงน้ำแข็งกั้นเริ่มอ่อนลง ทำให้ผู้คนกล้าเข้ามารุมล้อมเด็กชายดั่งฝูงไฮยีน่า
“ท่านนักบุญ จะไปทำจิตอาสาที่ไหนอีกไหมจ๊ะ"
“หนูอยากไปทำจิตอาสากับพี่ชายค่ะ พี่สนใจมาทำกับหนูไหมคะ”
“พี่ชายหล่อจังเลย พี่เป็นคุณเทวดาเหรอครับ”
เคียร์นซึ่งถูกผู้คนมุงก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านอะไร เพียงยิ้มรับและพูดคุยกับทุกคนเหมือนเด็กใสซื่อตัวน้อยคนหนึ่ง คิดเสียว่าเป็นการคุยฆ่าเวลาเล่นเพื่อรอใครบางคนกลับมาเท่านั้น
ปัจจุบัน หลังจากที่เคียร์นพูดคุยไปพอหอมปากหอมคอ ดวงตาสีแซฟไฟร์พลันหันมาสบกับนัยน์ตาสีส้มอมเหลืองซึ่งยืนรออยู่ไม่ไกล
เคียร์นลุกขึ้นยืนขอตัวแยกออกไปหาอีเลนในทันที แม้ทุกคนจะรู้สึกเสียดายอยากรั้งตัวให้อยู่คุยต่ออีกสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้ยื้อไว้
เด็กตาน้ำเงินเดินมาถึงตัวคนยืนรออยู่ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร ดวงตาสีแซฟไฟร์นั้นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อเพื่อนตัวน้อยเป็นฝ่ายยื่นมือมากอบกุมฝ่ามือเขาไว้เอง
เคียร์นที่ถูกสัมผัสแบบไม่ทันตั้งตัวแอบลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้คนตรงหน้ารู้สึกเขินอายจนปล่อยมือเขา
“ทำหน้าแบบนั้น คือคิดถึงฉันเหรอ”
เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะเริ่มก้าวเดินไปกับคนข้างกาย เขาคิดว่าตั้งแต่ที่อีเลนกลับมาก็ทำให้รู้สึกเหนือคาดมาก
ไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะส่งสายตามองมาเหมือนต้องการให้รีบปลีกตัวเดินไปหาไว ๆ แววตาที่มองมาราวกับแฮมสเตอร์น้อยในกรง ที่ทำตัวออดอ้อนอยากให้ลูบหัวมันไม่มีผิด
“ใครคิดถึงนายกันเล่า!” คนถูกจับได้เริ่มหน้าแดงขึ้น
“ไม่ได้คิดถึง แค่นึกถึงต่างห่าง!” อีเลนพูดท้วงกับตัวเองเสียงเบาในลำคอ เขาเผลอบีบมือคนที่จับไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว
เคียร์นมองการกระทำของคนขี้อาย ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มบาง ก่อนหางตาจะเห็นเด็กสองคนวิ่งไล่จับกันอยู่ข้างหลังอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือตรงมาทางนี้ เด็กชายนัยน์ตาสีน้ำเงินยังไม่สะกิดบอกให้อีเลนหลบ
เขารอให้พวกเด็กเล็กวิ่งเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระชากร่างคนหน้าแดงให้หลบเข้าสู่อ้อมแขน
อ๊ะ!
อีเลนจมอยู่ในอ้อมกอดคนตรงหน้า เคียร์นใช้โอกาสรวบตัวเพื่อนตัวน้อยไว้แนบชิด ดวงตาสีแซฟไฟร์เปล่งประกายชั่วพริบตา มุมปากกดลึกเผยรอยยิ้มมีเลศนัย น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบเบาข้างใบหูขึ้นสีแดงน่ารัก
“ระวังหน่อยสิ”
‘R r r r r r r r…….’ ‘R r r r r r r r.............’ เสียงโทรศัพท์ดังแผ่วในห้องนอนสไตล์เรียบหรูออกแนวมินิมอล โทนสีเทาอ่อน “จี๊ด ๆ” เสียงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งบนกงล้อดังผสานเข้ากับเสียงรอสาย ดวงตาสีแซฟไฟร์อ่อนลงเมื่อมองเจ้าหนูอิวคิวที่ตอนนี้ตัวกลมดิ๊กกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างยังท้องฟ้าสีครามพร้อมถือโทรศัพท์แนบหู [สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ] ไม่นานเสียงของคนที่รอคอยอยู่ก็ดังขึ้น ดวงตาสีแซฟไฟร์แปรเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นท่าทางดูจริงจัง น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นไงบ้าง” [ถ้าพวกญาติของคุณตอนนี้กำลังระมัดระวังไว้อยู่ครับ] “ดี…แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ” ปลายสายชะงักค้างเมื่อน้ำเสียงที่เรียกเด็กคนนั้นแลอ่อนโยน ไม่เหลือมาดเย็นชาดั่งทุกทีก่อนจะตั้งสติแล้วคุยต่อ [เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับญาติคนไหนครับ] เมื่อคนฟังได้รับคำตอบดวงตาสีแซฟไฟร์สั่นไหวก่อนจะข่มตาลงสักพักจึงค่อยปรับมาดังเดิม [จะอยู่ก
สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม
หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล
เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา
เริ่มวันใหม่กับการเป็นเด็กมัธยมต้นครั้งแรกเมื่อผ่านพ้นการเรียนปรับพื้นฐานมาเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ อีเลนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากที่มีเชาว์กับเพิร์ซเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน แม้มันจะน่าปวดหัวมากแต่ก็สนุกดี ยิ่งได้เห็นสีหน้าซีดเซียวของครูอันผู้รับชะตากรรมแบบเดียวกับเขาแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้ไปเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยตนก็ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว ยังมีครูอันเป็นเพื่อน!! “คิดอะไรอยู่” ดวงตาสีแซฟไฟร์ถามขณะจูงมือกับเพื่อนตัวน้อยเดินทางไปยังโรงเรียน คนโดนกุมมือมองปลายนิ้วที่ผสานกันพลางคิดว่าขึ้นมัธยมต้นแล้วยังต้องมาเดินจับมือกันเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ เขายังไม่อะไรมากกับการสกินชิพของอีกฝ่ายเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเขากำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม การกระทำเช่นเดินจับมือถือแขนควรเว้นระยะห่างไว้บ้าง เมื่ออีเลนพยายามจะดึงมือหนีเคียร์นกลับยิ่งจับแน่นขึ้น “เคียร์น ฉันว่าเราควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างนะ” อีเลนพูดเตือน เขา
หลังการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดเสร็จ ต้องรอการประกาศคะแนนประมาณสองอาทิตย์ ไม่นานผลสอบได้ถูกจัดตั้งขึ้นบนบอร์ดกลางโดมของโรงเรียนชื่อดัง รายชื่อนักเรียนตั้งแต่ลำดับแรกจนถึงลำดับสุดท้ายถูกจัดเรียงตามคะแนนสอบจากมากไปน้อย “เคียร์น มีรายชื่อนายไหม” อีเลนถามขณะยืนมองตัวเลขอันน่าภาคภูมิใจสมกับความพยายามของตนเอง “อืม มีแน่นอนอยู่แล้ว” คนถามหันหน้ามองเด็กมั่นหน้าอย่างหมั่นไส้ ‘เก่งแล้วยังอวดอีกเจ้าเด็กนี่!’ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ลอบยิ้มในแววตา รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยกำลังคิดถึงอะไรอยู่ นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงทรงเสน่ห์จะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” เด็กตาน้ำเงินมองไปยังผลคะแนนสอบในแถว A ทางโรงเรียนจะจัดรายชื่อคะแนนของเด็กที่ได้ใกล้เคียงกันไล่ไปแต่ละแถวตามตัวอักษร แถว S คือเด็กอัจฉริยะที่ทำคะแนนรวมได้เกือบเต็มร้อยของคะแนนเต็ม แถว A ไล่ตั้งแต่คะแนนแปดสิบสองจนถึงเจ็ดสิบคะแนน และแถว B ไล่ตั้งแต่คะแนนเจ็ดสิบถึงหกสิบสองคะแนนลดหล
สถานที่สอบของอีเลนอยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน ซึ่งเขาต้องลอบผ่านกลุ่มนักเรียนซึ่งยืนรุมล้อมบุคคลทั้งสองโดยไม่ให้เชาว์สังเกตเห็น ‘เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย เราไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ยถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้!!’ เจ้าตัวบ่นกับตัวเองในใจ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดคือเชาว์ แต่ยังโลกยังเหวี่ยงให้ได้พบกันอีกจนได้ เด็กชายคิดว่าเจอกันครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าตัวจะมาสอบที่โรงเรียนเดียวกันอีก “นั่นแหละเอาเลย สายตาของนายมันกำลังทิ่มแทงความบริสุทธิ์ของผม ทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่านี้อีกสิ อ๊า!” ขนาดอีเลนได้ยินยังรู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดของเด็กหน้าสวย แล้วคนที่โดนพูดใส่ล่ะจะรู้สึกยังไง คิดได้ดังนั้นจึงลอบแอบมองสีหน้าของคนที่ยืนอยู่กลางวงสนทนา “คนอย่างนายมันน่าสะอิดสะเอียน” เด็กแว่นพูดพร้อมทำสายตาว่างเปล่า เบ้ปากรับไม่ได้ขั้นสุดกับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะพยายามเดินหนีไปเข้าห้องสอบ เมื่อเชาว์เห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับแขนเสื้ออีกฝ่ายรั้งเอาไว้ เด็กชายกุหลาบพยายามระงับลม