คอนโดฯ ริมน้ำชื่อดัง เอลี่ เปิดประตูให้เพื่อนสาวสองคนเข้ามา หญิงสาวเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง
“โอ๊ย น่ากลัวเป็นบ้าเลย พี่สรน่ากลัวมากแก นี่ฉันจะหลอกเขาได้อีกนานไหม เขาจ้องฉันตลอดเวลาที่เรากินข้าวเลยแก” “บอกแกแล้วไงว่าพี่สรไม่ได้โง่ แล้วเขารู้จักแกดียิ่งกว่าแกรู้จักตัวเองอีก” กอหญ้าตบที่ไหล่เพื่อนสาว ที่ตอนนี้แม้ศัลยกรรมจะช่วยให้เพื่อนสาวเปลี่ยนไปราวกับคนละคน แต่คนที่ใกล้ชิดกันมากๆ ก็ต้องสังเกตเห็นว่าสองคนนี้มีอะไรที่เหมือนกัน “ตายแน่ เอลี่ นี่แกต้องทำงานนี้กับพี่สรกี่เดือนกัน แผนการแก้แค้นของแก สงสัยจะโดนตลบหลังแน่ๆ” พัชราพูดจบก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน เมื่อมองใบหน้าที่เครียดของเพื่อนสาวคนสนิท “สามเดือน คงเป็นสามเดือนที่แสนอึดอัด” เสียงโทรศัพท์มือถือกอหญ้าดังขึ้น หญิงสาวถอนหายใจก่อนเดินหลบไปอีกมุมหนึ่ง ในขณะที่พัชราหลุดหัวเราะ “สงสัยคุณกริชโทรตามล่ะ อันนี้ก็เหมือนกันห่างกันหน่อยไม่ได้ นี่ครั้งที่สี่แล้วนะแก ฉันว่าฉันเอาญ่าไปส่งก่อนนะ ไม่อยากมีปัญหากับพี่เขย..” เสียงพัชราหัวเราะเมื่อเห็นกอหญ้ากำลังเฟสไทม์กับสามี “นี่คอนโดฯแกยังดีนะที่มีสัญญาณ wifi ตอนที่อยู่ที่ห้างแล้วญ่าหาสัญญาณไม่ได้นะแก เห็นญ่าเล่าว่ามีงอน เฮ้อ น่ารักเป็นบ้าเลย” “เอลี่ ญ่ากลับก่อนนะ สามีกับลูกคิดถึงแล้ว โทรมาตามหลายครั้งแล้ว อย่าคิดมากล่ะ ไม่มีทางที่พี่สรจะจำแกได้ ขนาดคุณกริชยังจำแกไม่ได้เลย” “รู้ได้ไง” “เคยเอารูปให้ดู ไม่เห็นเฮียแกว่าไงเลย” กอหญ้าพูดถึงสามีในเชิงล้อเลียน ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าถือแล้วส่งสายตาให้พัชรา ว่าต้องกลับบ้านแล้ว เพื่อนสาวทั้งสองกลับบ้านไปนานแล้ว เอลี่เดินมายืนมองพระจันทร์ ที่ระเบียง มือกอดอกร่างของหญิงสาวพิงที่เสา ในใจว้าวุ่นก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาช้าๆ “พี่สรขา ลี่กลับมาแล้วนะ ลี่คิดถึงพี่สรมากก” เอลี่มองที่รูปอดีตแฟนที่ตนเองแอบเก็บไว้ในมือถือมือของหญิงสาวเอลี่ลูบไล้ที่ใบหน้าเคร่งขรึม ในรูปก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีสายเรียกเข้า เอลี่ขมวดคิ้วเมื่อเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย “เอมิกา พูดค่ะ” “นี่เบอร์ผมนะ เซฟเก็บไว้ด้วยช่วงนี้เราอาจต้องคุยกันบ่อย” อดิสรลอบยิ้มเมื่ออีกฝ่ายเงียบไปทันทีที่ได้ยินเสียงของตนเอง “คุณเอาเบอร์ฉันมาจากไหน” “ฉันถามว่าคุณได้เบอร์นี้จากใครมา” น้ำเสียงเอลี่หรือเอมิกาขุ่นมัว อดิสรอมยิ้มเมื่อพยายามนึกจินตนาการภาพของหญิงสาวได้ดี น่าแปลกปกติตนเองไม่เคยชอบคุยกับผู้หญิงนานๆ แต่ทำไมหญิงสาวคนนี้ มีแรงดึงดูดแปลกๆ ทำให้อยากคุย อยากยั่ว นานๆ และมีแรงดึงดูดแปลกๆ ที่ทำให้อยากใกล้ชิด อดิสรไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน “ผมได้ว่าจากใครไม่สำคัญ อย่าลืมเมมเบอร์ผมไว้ด้วย ผมไม่ได้สนใจอะไรคุณมากหรอกนะ เรื่องงานล้วนๆ” อดิสรพูดน้ำเสียงเรียบ “อ้อ พรุ่งนี้เรามีนัดกันเก้าโมงเช้า อย่าลืมด้วยนะ” อดิสรพูดจบก็วางหูทันที “เดี๋ยวสิคะ คุณอดิสร เดี๋ยวสิ” เอลี่ร้องเรียกแต่อีกฝ่ายก็วางหูไปแล้ว “เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน บ้าอำนาจ เผด็จการ เอาแต่ใจตัวเอง นี่เอลี่ต้องทำงานกับพี่สรอีกสามเดือน มีหวังเอลี่อึดอัดตายแน่ๆ” ถึงแม้ปากสาวประเภทสองจะบอกว่าอึดอัด ภายในใจลึกๆ ก็อดดีใจไม่ได้ที่จะได้ใกล้ชิดอดีตคนรักอีกครั้ง บริษัทวิภาคกรณ์ ในวันรุ่งขึ้น เอมิกา หรือเอลี่ ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลคเข้ารูป สีดำ ทำให้เอมิกาดูเป็นสาวที่คล่องแคล่วมั่นใจ หญิงสาวก้มมองนาฬิกา แล้วถอนหายใจ นี่เลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้ว นึกแปลกใจปกติอดิสรเป็นคนที่ตรงเวลามาก เอลี่ก้มมองนิตยสารแล้วพลิกอ่านไปเรื่อยๆ ก่อนจะหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู “ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ พอดีผมติดประชุมเร่งด่วน แต่ไม่อยากเลื่อนนัดคุณ” อดิสรโยนแฟ้มบนโต๊ะก่อนจะเดินตรงมาที่หญิงสาว ที่วันนี้รวบผมตึง ใบหน้าแต่งมาเพียงเล็กน้อย ทำให้เห็นเครื่องหน้าเนียนขาวริมฝีปากสีชมพู ฟันขาวใส รวมไปถึงชุดทำงานที่ดูเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแลคเข้ารูป เข็มขัดสีดำอันโต ทำให้เห็นเอวของหญิงสาวที่เล็กคอดเข้ารูปมาก อดิสรนึกแปลกใจตนเอง ว่าทำไมถึงมีกระแสหรือแรงแปลกๆ ทำให้ตนเอง อยากใกล้ชิดหญิงสาวตรงหน้า ทั้งๆ ที่ปกติ ไม่เคยคุยกับผู้หญิงได้นานเกินสิบนาทีเพียงเพราะรู้สึกว่าผู้หญิงจะพูดมากน่ารำคาญ ส่วนใหญ่หัวข้อที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องกระเป๋า เสื้อผ้า ช้อปปิ้ง ทำให้การพูดคุยกับบรรดา สาวๆ ที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าแปลกว่าหญิงสาวตรงหน้ากลับทำให้ตนเองอยากค้นคว้าจนต้องทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนในชั่วโมงที่ผ่านมา อดิสรอมยิ้มก่อนจะลงไปนั่งที่โซฟา ทำท่าแสนสบาย ซึ่งเอลี่ที่มองดูอยู่รู้สึกถึงกระแสแปลกๆ ที่ตนไม่เคยรู้สึกมาก่อน “คุณอดิสรนัดดิฉันมาอีกวันนี้ มีอะไรเพิ่มเติมกว่าเมื่อวานหรือเปล่าคะ” เอลี่พยายามดัดคำพูดให้เคร่งขรึมเป็นงานเป็นการ “เดี๋ยวสักพัก ผมจะพาคุณไปดูโครงการที่วัชรพล แล้วก็สุขุมวิท อยากให้เห็นแนวทางคร่าวๆ ของเรา ผมอยากให้โครงการทุกโครงการมีจุดเด่นของตัวเอง ไม่เหมือนกัน แต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง” อดิสรอธิบาย ในขณะที่เห็นหญิงสาวจดโน๊ตสั้นๆ ผมที่รวบตึง ทำให้เห็นเครื่องหน้าที่ดูจุ๋มจิ๋มน่ารัก จนทำให้อดิสรแทบไม่อยากละสายตา จากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า กลิ่นกายที่คุ้นเคยจนรู้สึกเสียววาบกับความรู้สึกตัวเอง แววตาของหญิงสาวทำให้นึกถึงอดีตคนรักอย่างจับใจ รวมไปถึงกริยาบางอย่างที่คุ้นเคย อารมณ์โกรธหรืองอนของหญิงสาวตรงหน้าช่างเหมือนอดีตคนรักอย่างแปลกเพียงแต่รูปร่างภายนอกเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน อดิสรมองไปที่ข้อมือ แล้วขมวดคิ้ว “วันนี้คุณไม่สวมสร้อยอันนั้นมาเหรอ” เอลี่ปากกาหล่นจากมือ จนต้องก้มเก็บ ในขณะที่อดิสรก็ช่วยเก็บด้วยเช่นกัน ศีรษะโขกกันเล็กน้อย เอลี่ร้องโอ๊ย ก่อนจะกุมหน้าผาก ในขณะที่อดิสรตกใจ จนรีบเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ เอลี่ตกใจ รีบถอยหนี “ให้ผมดูหน่อยเจ็บตรงไหน ผมขอโทษจะช่วยคุณเก็บปากกา” อดิสรพูดรัวเร็ว “ไม่ต้อง ไม่ต้อง” เอลี่ หรือเอมิกา ถอยจนเก็บตกโซฟา “เอ คุณนี่กลัวอะไรผมหรือเปล่า ผมบอกให้ผมดูหน่อย” อดิสรเขยิบมาจนใกล้ เห็นหน้าผากขาวที่ผัดแป้งนวล เป็นรอยแดงขึ้นมา อดิสรทำเสียงในลำคอด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกเดินตรงไปห้องน้ำ ในขณะที่เอลี่เป่าปากอย่างโล่งอก อดิสรกลับเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูสีขาว ผืนเล็ก “เอานี่ประคบไว้ จะได้หายเจ็บ” อดิสรพูดน้ำเสียงขรึม แววตาตื่นตระหนก ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ กับปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้า แอบขัดใจทำไมต้องทำท่ารังเกียจขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตนเองค่อนข้างมั่นใจว่าตนเอง มีหน้าตาและบุคลิกที่ดี ที่มีแต่สาวๆ มากรี๊ด แต่ทำไม หญิงสาวคนนี้ทำท่าเหมือนตัวเองเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง ให้นึกทำให้อดิสรรู้สึกหงุดหงิดแล้วอยากเอาชนะอะไรบางอย่างที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอะไร “ไป ผมจะพาไปดูห้องทำงานของคุณ” อดิสรเอื้อมมือไปคว้ามือของหญิงสาว แล้วก็รู้สึกเหมือนประกายร้อนบางอย่าง แล่นไปทั่วร่างกาย ทำให้รู้สึกร้อนแบบประหลาด จนทำให้จ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง เอมิกาหรือเอลี่ พยายามบิดข้อมือออก แต่เหมือนว่าชายหนุ่มจับแน่น “ห้องทำงานฉัน ห้องทำงานฉันเหรอค่ะ ทำไมห้องทำงานฉันมาอยู่ในบริษัทคุณล่ะ ฉันแค่มารับงานแค่นั้น” “อ้าว เจ้านายคุณยังไม่บอกเหรอ ว่าผมขอให้คุณมาทำงานที่นี่ เพราะตอนนี้คุณรับงานนี้งานเดียว ตารางคุณก็แน่นแล้ว งานนี้โปรเจคใหญ่มากนะคุณ ผมไม่ชอบให้คุณรับงานซ้ำซ้อน ดังนั้น ช่วงระยะเวลาที่คุณทำงานให้ผม ต้องมาทำที่นี่ เพราะโปรเจคนี้เป็นความลับ ผมไม่อยากให้ข้อมูลรั่วออกไป ...ไม่ๆๆ อย่าเข้าใจผิดนะคุณ ว่าผมจะใส่ร้ายคุณว่าคุณเอางานผมไปขาย รอบคอบไว้ก็น่าจะดีกว่า” อดิสรร่ายยาว ในขณะที่เอลี่ อ้าปากค้าง “ไม่ได้หรอก ฉันจะมาทำงานที่นี่ได้ไง อุปกรณ์ฉันอยู่ที่บริษัท ..ฉันต้องใช้โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานตกแต่งโดยเฉพาะ ซึ่งแพงมากกก” “ผมรู้แล้ว ผมให้คนจัดให้คุณ เหมือนกัน สเป็คเดียวกันกับที่คุณใช้ที่บริษัท แพงกว่า ใหม่กว่า ทุกอย่าง” อดิสรกอดอก แล้วมองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าที่ทำหน้าเหมือนยาขม “คุณมีอะไรกับผมแน่ๆ คุณเอมิกา” อดิสรหรี่ตามองหญิงสาวอย่างสงสัย เมื่อมองเห็นปฏิกิริยาต่อต้านของหญิงสาวที่ไม่อยากทำงานใกล้ชิดกับตนเอง เอลี่ตกใจ รีบปฏิเสธเสียงหลง “ไม่มีค่ะ ไม่มี” “งั้นก็ทำงานที่นี่ ในห้องนี้” อดิสรผลักห้องที่อยู่ถัดจากห้องของตนเข้าไปในขณะที่เอลี่ตื่นตา เมื่อมองเห็นโต๊ะเขียนแบบสุดสวย คอมพิวเตอร์แบรนด์ดังจอใหญ่กว่าของเธอที่อ๊อฟฟิศ พร้อมกระดาษเครื่องเขียนพร้อม ด้วยสายตาสดใส ตื่นตาตื่นใจพร้อมวิวด้านหลัง เป็นกระจกใส มองเห็นวิวทิวทัศน์กรุงเทพฯ สุดตา “สวยจังค่ะ ขอบคุณนะคะ จริงๆ ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนี้” “เชิญคุณทำงานเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา เรามีเวลาน้อย เดี๋ยวบ่ายๆ จะพาไปดูไซด์งาน” อดิสรพูดจบแล้วเดินจากไป สาวประเภทสองในร่างสาวสวย ล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ “โอ๊ย ทำงานร่วมกันก็แย่แล้ว นี่ต้องมาอยู่ใกล้กันแค่นี้อีก แล้วเอลี่จะทำยังไง ตายแน่ตายคราวนี้แน่ๆ อย่านะอย่าไปหลงเสน่ห์เขาอีก เขาจะทำให้เรารักและถีบหัวเราส่งเหมือนคราวก่อน เจ็บแล้วต้องจำสิเอลี่” สาวประเภทสองบีบที่แขนตัวเองแน่นๆ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ว่าการใกล้ชิดกันมันทำให้ตนเองมีความสุขมากๆ แต่ก็พยายามหักห้ามใจตัวเองเอลี่หันมาเปิดกระเป๋า แล้วหยิบไอแพดขึ้นมา “อย่าเพ้อเจ้อ รีบๆ ทำงานจะได้ไปรับงานอื่น แล้วเรากับเขาจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อย่าฟุ้งซ่าน ทำงาน ทำงานสิ” เอลี่หรือเอมิกาบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปเปิดไฟล์ข้อมูลของโครงการ แล้วลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่น ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงอดิสรเปิดประตูเข้ามา เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม่นกับงานตรงหน้า รองเท้าส้นสูงถูกถอดวางไว้มุมข้างๆ โต๊ะ รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคน จึงทำงานเพลิดเพลิน ในขณะที่อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประทับใจ ในชีวิตเจอผู้หญิงมามากมายในแวดวงสังคม ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัว ช้อปปิ้งทำงานสังคม เล็กๆน้อยๆ แต่มีเพียงหญิงสาวไม่กี่คน ที่ทำงานจริงจัง มาเห็นอีกครั้งก็หญิงสาวตรงหน้า อดิสรเดินเข้ามาเงียบๆ มองกระดาษที่กระจัดกระจายเต็มโต๊ะ มือของหญิงสาวก็กดคีย์ข้อมูล ใบหน้าทั้งก้มลงกระดาษ มือก็จับคีย์บอร์ด จนไม่ได้ยินเสียงบุคคลที่สามที่เข้ามาในห้อง “นี่คุณ...ไปกันได้แล้ว ผมนัดช่างไว้ ตอนบ่ายโมง” อดิสรเคาะโต๊ะ เบาๆ เอลี่เงยหน้ามอง ก่อนจีบปากพูด “นี่คุณจะเข้ามาก็เคาะประตูให้เจ้าของห้องรู้ตัวก่อนสิคะ ไม่ใช่เข้ามาราวกับห
“แล้วรถดิฉัน” “เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถขับมาส่งให้คุณที่คอนโดฯ ถ้าย้อนกลับไปกลับมาคงดึกแน่ๆ กว่าจะถึงบ้าน” น้ำเสียงชายหนุ่มเรียบแต่แฝงความมีอำนาจ บรรยากาศภายในรถเงียบ อดิสรเหลียวไปมองหญิงสาวที่นั่งชิดหน้าต่าง หันหน้าออกนอกหน้าต่างแทบตลอดเวลาที่ออกจากร้านกาแฟ อดิสรเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เพลงที่ดังขึ้นทำให้บรรยากาศในรถยิ่งเงียบกริบ เอลี่หันหน้าหนี กระพริบตาเพราะรู้สึกขอบตาร้อน ยิ่งฟังเพลงนี้ทำให้เอลี่รู้สึกแผลที่เริ่มแห้งกรัง เหมือนโดนทิงเจอร์ราด มันปวดแสบร้อน เอลี่จิกเล็บที่ขา เพลง “ I’m your” ทำให้เอลี่น้ำตาไหลอย่างไม่อาจห้ามใจได้ เอลี่รีบปาดน้ำตา อดิสรหันมาเจอถึงกับอึ้ง “นั่นคุณร้องไห้เหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงแสดงความห่วงใย ทำให้เอลี่ยิ่งปวดร้าว รถเลี้ยวเข้าที่ลานจอดรถของคอนโดฯ ริมแม่น้ำชื่อดัง the riverside “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” น้ำเสียงสั่นเครือ ทำให้อดิสรขมวดคิ้ว “คุณร้องไห้ยังงั้นเหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงห่วงใย ทำให้เอลี่อึ้งริมฝีปากสั่น ตาจ้องตาในระยะใกล้ อดิสรจ้องมองริมฝีปากบางสีชมพูตะลึง เอลี่แทบจะลืมหายใจเมื่อริมฝีปากชายหนุ่มประทับที่ริมฝีปากบางนุ่มนวล ชา
เอลี่หันมาเปิดกระเป๋า แล้วหยิบไอแพดขึ้นมา “อย่าเพ้อเจ้อ รีบๆ ทำงานจะได้ไปรับงานอื่น แล้วเรากับเขาจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อย่าฟุ้งซ่าน ทำงาน ทำงานสิ” เอลี่หรือเอมิกาบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปเปิดไฟล์ข้อมูลของโครงการ แล้วลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่น ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงอดิสรเปิดประตูเข้ามา เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม่นกับงานตรงหน้า รองเท้าส้นสูงถูกถอดวางไว้มุมข้างๆ โต๊ะ รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคน จึงทำงานเพลิดเพลิน ในขณะที่อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประทับใจ ในชีวิตเจอผู้หญิงมามากมายในแวดวงสังคม ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัว ช้อปปิ้งทำงานสังคม เล็กๆน้อยๆ แต่มีเพียงหญิงสาวไม่กี่คน ที่ทำงานจริงจัง มาเห็นอีกครั้งก็หญิงสาวตรงหน้า อดิสรเดินเข้ามาเงียบๆ มองกระดาษที่กระจัดกระจายเต็มโต๊ะ มือของหญิงสาวก็กดคีย์ข้อมูล ใบหน้าทั้งก้มลงกระดาษ มือก็จับคีย์บอร์ด จนไม่ได้ยินเสียงบุคคลที่สามที่เข้ามาในห้อง “นี่คุณ...ไปกันได้แล้ว ผมนัดช่างไว้ ตอนบ่ายโมง” อดิสรเคาะโต๊ะ เบาๆ เอลี่เงยหน้ามอง ก่อนจีบปากพูด “นี่คุณจะเข้ามาก็เคาะประตูให้เจ้าของห้องรู้ตัวก่อนสิคะ ไม่ใช่เข้ามาราวกับห
“คุณไปเห็นที่ไซด์งาน มีไอเดียอะไรไหม” อดิสรเปลี่ยนไปคุยเรื่องงาน แต่ก็มองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างรู้สึกสงสัยแต่ยิ่งมองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าก็มองไม่เห็นว่าจะมีความเป็นไปได้ แต่อีกใจกลับคุ้นเคยกับแววตา น้ำเสียง ท่าทางและหลายสิ่งในตัวหญิงสาว อดิสรมองเพลินจนไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “ก็คงต้องไปคิดอีกรอบค่ะ ดิฉันขอเวลาปรึกษากับช่างไม้ ช่างสีด้วยนะคะ คุณพอจะนัดให้ได้หรือเปล่า” อดิสรมองหญิงสาวเพลิน ชายหนุ่มจ้องแววตาหญิงสาวนิ่งนาน จนไม่ได้ยินหญิงสาวเรียกชื่อตนเองอีกครั้ง “คุณสรคะ ดิฉันถามว่าจะนัดช่างให้ได้ไหมคะ” น้ำเสียงเอลี่ ลากยาว “ได้สิ คุณจะใช้เวลาร่างแบบกี่วัน” อดิสรสะบัดหน้าพร้อมตอบน้ำเสียงเคร่งขรึม “ดิฉันขอเวลาสิบวันนะคะ” เอลี่ถามเบาๆ “ไม่ได้ แค่สามวันเท่านั้น ผมต้องการเร่งโปรเจ็คนี้เร็วๆ เสียเวลามามากแล้ว” “สามวัน ไม่เสร็จหรอกคะโปรเจคใหญ่แบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นอาทิตย์” เอลี่ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี ชายหนุ่มก็ยังเหมือนเดิม เอาแต่ใจไม่ยอมฟังความคิดเห็นของคนอื่น ยิ่งคิดเอลี่ยิ่งหนักใจ ต้องทำงานกับเขาอีกสามเดือน แค่สองวันในใจก็หวั่นไหว ยิ่งต้องมาทำงานใกล
บ้านวิภาคกรณ์ อดิศวรมองผู้เป็นพี่ชายที่กำลังเล่นเกมส์กับลูกชายฝาแฝดแต่ดูเหมือนไม่มีสมาธิกับเกมส์ตรงหน้าด้วยความสงสัย สักพักก็ได้ยินเสียงลูกชายฝาแฝดกระโดดตัวลอย พร้อมส่งเสียงดีใจที่สามารถเอาชนะลุงได้ อดิสรเดินไปหยุดที่ริมหน้าต่าง ดวงตามองเหม่อในใจคิดถึงภาพมัณฑนากรสาว ตั้งแต่พบหน้าจนกระทั่งภาพตนเองจูบหญิงสาวแปลกหน้าอย่างดูดดื่ม มือของอดิสรลูบไล้ที่ริมฝีปากที่ยังรู้สึกถึงสัมผัสที่ช่างคุ้นเคยอย่างประหลาด รสจูบแสนหวานแบบนี้ช่างรู้สึกแปลกประหลาดจนอดิสรรู้สึกเบาโหวงๆ ที่ช่องท้อง มือของชายหนุ่มลูบไล้ที่ริมฝีปาก ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อนึกถึงภาพสนิทสนมระหว่างหญิงสาวกับบอสหนุ่ม มือที่จับที่ริมหน้าต่างเกร็งแน่น อดิศวรแอบสังเกตปฏิกิริยาของแฝดผู้พี่ แล้วขมวดคิ้ว ชายหนุ่มส่งลูกสาวตัวน้อยให้ภรรยาสาว ก่อนจะเดินไปแอบยืนมองพี่ชายฝาแฝด เงียบๆ “สร มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ท่าทางแปลกๆ” อดิศวร ตบที่บ่าพี่ชายฝาแฝดเบาๆ อดิสรถอนหายใจ แบนสายตามาที่น้องชาย ก่อนจะหันหน้า มามองน้องชายฝาแฝด แบบชั่งใจ “ศวร นายเคยจูบใคร แบบไม่ตั้งใจหรือเปล่า” อดิศวร จ้องมองพี่ชายฝาแฝดเขม็ง “เฮ้ย นาย
วันรุ่งขึ้น บริษัทกรณ์วิภาค “ว่าไงนะ คุณภัท” “เออ ดิฉันจะมาเรียนคุณสรว่า คุณเอมิกาไม่ได้มาทำงานค่ะ แต่มีคนอื่นมาทำงานแทนค่ะ” “ใคร คนอื่น” น้ำเสียงอดิสรเข้ม “เออ คุณเอกภพค่ะ” “คุณออกไปได้ ผมจะไปคุยกับเขาเอง” น้ำเสียงอดิสรหงุดหงิด ก่อนนึกถึงหญิงสาวที่ตนเองนอนคิดถึงตลอดทั้งคืนอย่างว้าวุ่นใจ อย่างนึกโมโหก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเสียงดัง ทำให้เอกภพเงยหน้าจากกองเอกสาร ที่รุ่นน้องที่บริษัทจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยเอ่ยอนุญาต ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่ม อดิสรในชุดสูทสีดำเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าเรียบหรูบ่งบอกฐานะผู้บริหาร ทำให้เอกภพลุกขึ้นยืน ก่อนยกมือไหว้ ทำไมเขาจะไม่รู้จักนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงทั้งด้านการงาน และความเนื้อหอม ที่สาวๆน้อยใหญ่ หมายปองอยากได้เป็นคู่ครอง “สวัสดีครับ ผมเอกภพจากบริษัท อิมมี่ ดิไซด์ มารับหน้าที่แทนเอมี่ครับ” เอกภพ พูดน้ำเสียงนอบน้อม อดิสรนิ่งเงียบ ก่อนส่งสายตาดุดัน “นี่ใครอนุญาตให้คุณมาเดินเพ่นพ่านในบริษัทผม นี่พวกคุณเห็นบริษัทผมเป็นสนามเด็กเล่นหรือไง เชิญคุณกลับไปได้ถ้าคนเก่าเขาไม่สามารถจะมาทำงานบริษัทนี้ได้ ผมจะหาบริษัทอื่นที่มีความสา
อดิสรเดินเร็ว ใบหน้ายังเคร่งเครียดในใจยังร้อนรุ่ม กับท่าทางระวังตัวของหญิงสาวอย่างน่าหมั่นไส้ ในขณะที่ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ลิฟท์ผู้บริหาร แต่หญิงสาวกลับเดินไปที่ลิฟท์ของพนักงาน อดิสรหงุดหงิดเดินกลับมาคว้าข้อมือของหญิงสาวกระชากแรง “ไปขึ้นลิฟท์ตัวโน้น” อดิสรกระซิบเสียงเข้ม เอมิการีบบิดข้อมือหนีการเกาะกุมหันไปมองรอบข้างแต่ไม่มีใครสนใจเพราะดูเหมือนต่างคนต่างรีบเร่ง จะแย่งกันใช้ลิฟท์ “ฉันเป็นพนักงานธรรมดา เชิญคุณที่ลิฟท์ตัวโน้นคุณเป็นผู้บริหาร ฉันไม่ใช่” เอมิกาเถียงเสียงแข็ง พยายามหลบสายตาเข้มที่กำลังจ้องมอง อดิสรกัดฟันก่อนจะหันไปดูกลุ่มคนที่กรูเข้าไปในลิฟท์ แล้วก็กระชากแขนหญิงสาวแล้วเดินตรงเข้าไปในลิฟท์รวม ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างนึกอะไรสนุกๆ ในขณะที่เอลี่ตกใจในท่าทางของอดีตคนรัก คนเริ่มเบียดเข้ามาอีก จนกระทั่งร่างของชายหนุ่มยืนใกล้ประชิด มือของชายหนุ่มเหมือนโอบร่างของเธอ เอลี่แทบกรี๊ดนึกด่าตัวเองในใจ ร่างของตัวเองแทบจะอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แผ่นหลังของเธอแนบชิดหน้าอกของชายหนุ่มพยายามขยับออกแต่ก็ติด พนักงานอีกหลายสิบคนด้านหน้า เสียงของชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ไม่บอกก่อนว่าอยากใกล้ชิด
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด
“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับ
เอลี่ เข้าครัวทำอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ รับประทาน อดิสรตื่นสายมากวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มคิดเรื่องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับอดีตคนรักจนทำให้นอนไม่หลับว้าวุ่นใจ ใจหนึ่งก็ยังรักอดีตคนรักมาก แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชอบมัณฑนากรหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนว่าเป็นเพราะตนเองคิดถึงอดีตคนรักมาก จนทำให้มองสิ่งที่หญิงสาว มีอะไรหรือทำอะไรก็คล้ายกับอดีตคนรักไปเสียหมด อดิสรกลุ้มใจ จนรู้สึกกดดันมากอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษครับที่ตื่นสาย คุณกำลังทำอะไร”“กำลังจะเตรียมทำขนมหวานไว้ทานหลังอาหารค่ะ เด็กๆ ขอช่วยด้วย” เอลี่อุ้มน้องแพร นั่งที่เค้าเตอร์ข้างๆ ในขณะที่ อั๋นและอ้น ยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ทำให้ร่างของเด็กชายตัวน้อย สูงเท่ากับมัณฑนากรสาว“กำลังจะทำอะไรเด็กๆ” อดิสร หอมแก้มหลานสาว อย่างรู้สึกมันเขี้ยว“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้ก ครับ ค่ะ” เด็กๆ พูดประสานเสียงกัน“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้กงั้นเหรอ” อดิสร นึกย้อนไปในอดีตที่ภูเก็ต ภาพของอดีตคนรักที่ทำของหวานแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ยังจำได้ดีว่าเป็นของหวานที่อร่อยและยังเป็นความทรงจำดีๆ ของตนเองและอดีตคนรักอดิสรเกือบจำทุกขึ้นตอนได้ เพรา
อดิสรจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอกยืนมองพระจันทร์ที่ริมระเบียงของบ้านพักตากอากาศที่เขาย้ายพามาเมื่อเช้า ชายหนุ่มพาหลานๆ และหญิงสาวไปพักที่โรงแรมในเมืองสองสามวัน แต่มีคนแนะนำให้มาพักที่บ้านพักนี้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สำคัญสามารถทำอาหารรับประทานได้แถมติดทะเล ทำให้อดิสรตกลงเช่าทันที แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่สองวันก็ตาม สามวันที่ใช้ชีวิตร่วมกันทำให้อดิสรรู้สึกผูกพันแบบประหลาดกับมัณฑนากรสาวอาจเป็นเพราะกริยาที่แสนคุ้นเคย อดิสรปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างน่ารักแม้บุคลิกภายนอกจะเปรี้ยวเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน แต่จริงๆกลับเป็นแม่บ้าน เธอเข้ากับหลานๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี อดิสรรู้สึกประหลาดใจ ทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกพิเศษๆกับผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รสนิยมของตนเอง ไปอีกแบบหนึ่ง คิดแล้วชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ” อดิสรถามเมื่อเดินเข้ามาเกือบจะยืนซ้อนหลัง เอลี่สะดุ้งแล้วเหลียวไปมอง ริมฝีปากเฉียดกันจนเอลี่รีบถอยออก“ยังไม่ง่วงค่ะ แล้วคุณล่ะ ขับรถออกมาตั้งไกลไม่เหนื่อยเหรอคะ”“ไม่ อยู่กับเด็กๆ กับคุณแล้วมีความสุขมากกว่า”“พรุ่งนี้เราไปจ่ายตลาดกัน บ่ายๆ ทำบาบีค
“จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ เอลี่ขยับออกจนชิดติดพนักโซฟา “ห้องคุณ....” “ใช่ ทำไม คุณคิดว่าคุณมีห้องที่คอนโดฯ นี้ได้คนเดียวหรือไง อีกอย่างไม่มีคนบอกคุณหรือไง ว่า เดอะริวเวอร์ไซด์ เป็นโครงการของกรณ์วิภาค ไอ้การที่ผมจะมีเพนส์เฮ้าส์ที่นี้ก็ไม่แปลก” “ก็บ้านคุณอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเอง” เอลี่ตอบเร็ว แต่ทำให้อดิสรเหลียวกลับมามองหญิงสาวที่ตรงหน้าราวกับตกตะลึงในคำตอบ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมมีบ้านอีกหลังใกล้ๆ นี้” อดิสรชะโงกใบหน้าจนเกือบไปชิดกับใบหน้าของหญิงสาวอย่างทั้งประหลาดใจ ตกใจ หัวใจอดิสรเต้นแรงและเร็ว บ้านหลังที่ว่าเป็นบ้านหลังเดียวที่เกือบเหมือนถูกปิดตายตั้งแต่อดีตคนรักหนีไปต่างประเทศ อดิสรเวลาคิดถึงก็จะแวะไปดูบ้าง นานๆครั้งไปนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ยังใส่เหมือนเดิม ผ่านมาสี่ปีก็ยังมีคนเข้าไปทำความสะอาด แต่นี่เกือบสี่ห้าเดือนนี้ไม่ได้แวะไปดูอีกเลย อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ประจวบเหมาะกับว่างเมื่อไหร่ก็จะหาเวลาไปขลุกอยู่กับหลานๆ ทำให้อดิสรเกือบจะลืมบ้านที่เคยอยู่ร่วมอดีตคนรักร่วมปี จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้ามาสะกิดต่อม ทำให้อดิสรรู้สึก
กรุงเทพฯ ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี ร้านอาหาร vertigo grill and moon bar ร้านอาหารติดท๊อปไฟล์ร้านอาหารที่ดีและโรแมนติก สำหรับคู่รักที่สามารถเห็นบรรยากาศสามร้อยหกสิบองศาของกรุงเทพฯ เอลี่หรือชื่อใหม่ เอมิการู้สึกแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเลือกสถานที่นี้เป็นที่นัดรับประทานอาหาร ตอนแรกหญิงสาวก็ลังเลว่าจะมาหรือไม่ แต่ในเมื่อตกปากรับคำว่าจะรับเดท ทำให้เอลี่ตัดสินใจที่จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายชาวต่างประเทศตามลำพัง แต่ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อมิสเตอร์ฟิลิปเลือกสถานที่สุดแสนโรแมนติค ระหว่างรอเจ้านายที่ออกไปคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวมองบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลิน ๆ วันนี้เอลี่แต่งชุดเดรสสีขาว ทำให้ขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูอ่อนหวาน ผมรวบไปข้างบนแต่ปล่อยย้อยระย้า ทำให้ดูอ่อนหวานปนๆ เซ็กซี่ เจ้านายหนุ่มไปรับเธอมาจากคอนโดฯ ที่เค้าเช่าให้เธอ ตอนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง เดอะริเวอร์ไซด์ถือว่าเป็นคอนโดฯ ที่หรูพอสมควรสำหรับตำแหน่งหน้าที่ของเธอ แต่อาจเป็นเพราะว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ซึ่งเอลี่หรือเอมิการู้สึกเริ่มอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้ เธอจะบอกเขาว่ายังไงว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกเพราะทั้งตัวและหั
เอลี่หอบโน๊ตบุ๊คพร้อมกระเป๋าใบโต ด้วยอาการมึนๆ งงๆ อาจเป็นเพราะเร่งทำงานตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวานเพิ่งจะมาเสร็จตอนรุ่งเช้า ทำให้มัณฑนากรสาวรู้สึกมึนๆ งงๆ ผะอืดผะอมเล็กน้อย นึกอยากบีบคออดีตคนรักอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่าย เมื่อมาหยุดหน้าห้องเอ็มดี หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับเลขาสาววัยกลางคน พร้อมกับชี้ไปที่ห้องของชายหนุ่ม “ดิฉันมาพบกับคุณอดิสรค่ะ ท่านให้เอางานมาให้ดูค่ะคุณภัท” เอลี่พูดน้ำเสียงอ่อนหวานกับผู้ร่วมงานที่สูงวัยกว่า “คุณสรไม่อยู่ค่ะ บินด่วนไปฮ่องกงเมื่อเช้า พอดีต้องมีงานดิวกับลูกค้าพิเศษงานด่วนค่ะ” “อะไรนะคะ ไม่อยู่” เอลี่ร้องเสียงหลง “ค่ะ ไม่อยู่” “กี่วันค่ะคุณภัท” น้ำเสียงของมัณฑนากรสาวอ่อยลง หญิงสาวนึกใจหาย แล้วนึกอยากหยิกตัวเองที่ยังคิดถึงเขา และใจหายเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน “เอ ไม่ทราบนะคะไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่ดิฉันจะอีเมล์ไปเรียนท่านให้นะคะว่าคุณมาหา” “ขอบคุณค่ะ” เอลี่เดินกลับห้อง ด้วยหัวใจที่เบาโหวงเหมือนร่างกายและหัวใจไม่ได้อยู่ในเรือนร่างเดียวกัน หญิงสาว เดินเข้าห้องทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ หญิงสาวเดินมาหยุดที่ริมหน้าต่าง มอ
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด