เอลี่หอบโน๊ตบุ๊คพร้อมกระเป๋าใบโต ด้วยอาการมึนๆ งงๆ อาจเป็นเพราะเร่งทำงานตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวานเพิ่งจะมาเสร็จตอนรุ่งเช้า ทำให้มัณฑนากรสาวรู้สึกมึนๆ งงๆ ผะอืดผะอมเล็กน้อย นึกอยากบีบคออดีตคนรักอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่าย เมื่อมาหยุดหน้าห้องเอ็มดี หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับเลขาสาววัยกลางคน พร้อมกับชี้ไปที่ห้องของชายหนุ่ม
“ดิฉันมาพบกับคุณอดิสรค่ะ ท่านให้เอางานมาให้ดูค่ะคุณภัท” เอลี่พูดน้ำเสียงอ่อนหวานกับผู้ร่วมงานที่สูงวัยกว่า “คุณสรไม่อยู่ค่ะ บินด่วนไปฮ่องกงเมื่อเช้า พอดีต้องมีงานดิวกับลูกค้าพิเศษงานด่วนค่ะ” “อะไรนะคะ ไม่อยู่” เอลี่ร้องเสียงหลง “ค่ะ ไม่อยู่” “กี่วันค่ะคุณภัท” น้ำเสียงของมัณฑนากรสาวอ่อยลง หญิงสาวนึกใจหาย แล้วนึกอยากหยิกตัวเองที่ยังคิดถึงเขา และใจหายเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน “เอ ไม่ทราบนะคะไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่ดิฉันจะอีเมล์ไปเรียนท่านให้นะคะว่าคุณมาหา” “ขอบคุณค่ะ” เอลี่เดินกลับห้อง ด้วยหัวใจที่เบาโหวงเหมือนร่างกายและหัวใจไม่ได้อยู่ในเรือนร่างเดียวกัน หญิงสาว เดินเข้าห้องทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ หญิงสาวเดินมาหยุดที่ริมหน้าต่าง มองเหม่อไปที่บนฟ้า ก่อนพึมพำเบาๆ “เอลี่พยายามแล้วนะพี่สร แต่ทำไมลี่ถึงไม่ลืมพี่สรสักที ทำยังไงจะทำให้ลี่รักพี่สรได้น้อยลงกว่านี้ ทำยังไง พี่สรบอกลี่ทีสิคะ” สาวประเภทสองเกาะขอบหน้าต่าง มองเหม่อไปบนฟ้าในใจคิดถึงอดีตชายคนรักด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ไม่ว่าจะหนีไปไกลสักแค่ไหนจะปฏิเสธอย่างไรแต่ยังไงก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น ว่าจะผ่านไปกี่ปี หัวใจของเธอก็ยังจะมีแต่ผู้ชายคนนี้อยู่ร่ำไป ฮ่องกง อดิสรเดินเข้ามาในห้องพัก สองวันนี้วุ่นวายกับการติดต่อธุรกิจ แถมบินต่อไปเมืองจีน กว่าจะได้กลับทำเอาเหนื่อย และเมื่อยล้า ชายหนุ่มนึกประหลาดตัวเองว่าในใจของตนเองวันนี้วนเวียนคิดถึงมัณฑนากรสาวทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงโรงแรมก็คว้ามือถือแล้วนั่งลงที่โซฟาในห้องพักสุดหรู ท่าทางสบาย กรุงเทพฯ กอหญ้า พัชรา ขับรถไปรับเพื่อนสาวประเภทสองถึงบริษัทกรณ์วิภาค กอหญ้าเป็นคนขับ พัชรานั่งข้างหลัง ในขณะที่เอลี่นั่งข้างคนขับ “หายหัวไปเลยนะแก นี่ถ้าฉันไม่ไปจิกที่บริษัท เราจะได้เจอกันไหม” “งานมันยุ่ง” สาวประเภทสองพูดเสียงอ่อย สองวันนี้ทำงานด้วยจิตใจล่องลอย อาจเป็นเพราะคิดถึงอดีตชายคนรัก แม้รู้ว่าผิดแต่หญิงสาวก็มิอาจหักห้ามใจตัวเองได้ “วันนี้ญ่าอุตส่าห์ขออนุญาตสามีที่รักมารับแกเลยนะเอลี่” พัชราชะโงกหน้า พร้อมใช้ใบหน้าซบที่ไหล่เพื่อนสาวประเภทสองอย่างออดอ้อน “คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” เอลี่หันไปจับแก้มกอหญ้าเบาๆ “เออ สิ” กอหญ้าหันมาส่งยิ้มและแววตาบ่งบอกความรักความห่วงใย “งั้นวันนี้เราต้องฉลองไม่เช้าไม่กลับ” พัชราส่งเสียงพร้อมชูมือ แสดงความดีใจ สามสาว นั่งรับประทานอาหาร กันอย่างเอร็ดอร่อยและสนุกสนาน เสียงโทรศัพท์มือถือดัง กอหญ้าถอนหายใจก่อนเอื้อมมือล้วงไปหยิบโทรศัพท์ “ไม่ใช่ของญ่านะ” กอหญ้ามองโทรศัพท์ที่หน้าจอยังว่างสนิท พัชราส่ายหน้า ก่อนที่ทั้งพัชราและกอหญ้ามองไปที่เอลี่ราวกับนัด สาวประเภทสองล้วงไปหยิบมือถือขมวดคิ้วเมื่อไม่มีเบอร์โชว์ “ฮัลโหล” เอลี่ กดรับโทรศัพท์ มือยังตักอาหารป้อนเพื่อนสาว อย่างเอาใจ “สวัสดีครับ คุณเอมิกาผมจะมาตามงานของผม” อดิสรส่งเสียงพร้อมยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาว ภายในใจอิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก เพียงได้ยินเสียงหวานๆ รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง “คุณอดิสร” เอลี่พูดเบาๆ กอหญ้า และพัชรา ส่งยิ้มให้กันราวกับนัด “นี่คุณ นี่มันสามทุ่มกว่าแล้ว มันเลยเวลางานมาตั้งนานแล้วนะคะ” เอลี่ส่งเสียงตอบ น้ำเสียงหงุดหงิด “อย่าบอกว่าคุณยังทำไม่เสร็จ” อดิสรส่งเสียงยั่วหญิงสาวอีกอย่างนึกสนุก “ฉันทำเสร็จตั้งแต่วันแรกแล้ว” เอลี่ หันหลังพร้อมส่งเสียงแข็งด้วยความหมั่นไส้ที่ชายหนุ่มส่งเสียงราวกับวางอำนาจ “งั้นก็โชว์ให้ผมดูสิ เฟสไทม์กันหน่อย” อดิสรอมยิ้ม เมื่อนึกแผนเพื่ออยากเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่รบกวนจิตใจตัวเองมาทั้งวัน “ทำตอนนี้ไม่ได้หรอก ฉันมาทานข้าวกับเพื่อน” เอลี่กระซิบเสียงแข็ง “ผมจะรอ อีกสักชั่วโมงผมจะโทรมาใหม่” “นี่มันก็ดึกมากแล้วนะคุณ” เอลี่ส่งเสียงต่อรอง นึกหมั่นไส้ความเอาแต่ใจตัวเองของชายหนุ่ม “สำหรับนักธุรกิจอย่างผมไม่มีคำว่าดึก เอ ผมว่าคุณยังโกรธผมอยู่นะเนี่ย” อดิสรกล่าวยั่วอย่างนึกสนุก “ฉันจะโกรธคุณเรื่องอะไร” เอลี่พูดเน้นเสียงเย็น “เรื่องที่ผมจูบคุณไง แต่มันคนละเรื่องกับเรื่องงานนะคุณ” “ไม่เกี่ยวกับเรื่องจูบ เอ คุณนี่ยังไงตกลงจะเอาชนะให้ได้ใช่ไหม” “ผมจะรอ อีกชั่วโมงจะโทรกลับไป หวังว่าคุณคงมีงานให้ผมดูนะ” อดิสรวางหูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเอนตัวเองนอนลง สาวประเภทสองกดปิดโทรศัพท์ ก่อนจะหันกลับมาเห็นเพื่อนสาวสองคนจ้องมองเขม็ง “เล่ามาให้หมด เรื่องจูบอะไร สรุปไปจูบกับพี่สรงั้นเหรอ เก็บเงียบเลยนะ” พัชราชี้หน้าเพื่อนสาวอย่างคาดคั้น “มันไม่สำคัญหรอก” เอลี่ยิ้มเขิน “เล่ามาให้หมด พูดดีๆ แล้วจะเล่าอะไรดีๆ ให้ฟัง ” กอหญ้าพูดเสียงแข็ง กอหญ้าอมยิ้มแล้วนั่งกอดอกก่อนพยักหน้ากับพัชรา “มีแค่นี้แหละ” เอลี่เล่าจบก็เรียกบริกรมาเก็บเงิน “รีบกลับเลยนะ แล้วไม่อยากฟังเรื่องที่ญ่าจะเล่างั้นเหรอ” กอหญ้าเอ่ยถาม “ไว้วันหลังนะ เดี๋ยวเรากลับแท็กซี่ไปก่อน ญ่าจะได้ไม่ต้องย้อนไปมานะ” เอลี่พูดจบก็ลุกจากที่นั่งพร้อมโบกมือลาเพื่อนๆ “เห้ย รีบไปไหนเอลี่ ไหนบอกไม่เช้าไม่กลับไง” “ก็เจ้านายจะขอดูงาน ต้องรีบกลับไปเตรียม เดี๋ยวเฮียโทรมาไม่ได้เรื่อง คงเม้งอีกแน่ๆ ยิ่งเอาแต่ใจตัวเองอยู่” เอลี่พูดจบ แล้วเดินจากไป พัชราหันมาสะกิดกอหญ้าเบาๆ “ทำไมญ่าไม่บอกเอลี่ว่าพี่สรยังไม่ได้แต่งงาน ยังโสด” พัชราถามอย่างสงสัย “เราไม่แน่ใจนะสิ กลัวเพื่อนจะเจ็บอีก คราวก่อนเอลี่หายไปสี่ปี ถ้าเกิดอกหักอีกมันจะหนักแค่ไหนเราไม่เห็นหนทางที่ผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรี รักในวงค์ตระกูลอย่างพี่สร จะมาจริงจังอะไรกับผู้หญิงธรรมดาๆอย่างเอลี่” “แต่พัชเชื่อว่ารักแท้ ชนะทุกสิ่ง” “งั้นเราก็คงต้องดูต่อไป” กอหญ้าพูดพลางมองพัชรา แล้วยิ้มให้กัน คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่เดินไปมา สองชั่วโมงผ่านไปตั้งแต่กลับจากรับประทานอาหารกับเพื่อนสาว หญิงสาวนั่งรอโทรศัพท์ อย่างกระวนกระวาย “คนบ้า ไหนบอกว่าสองชั่วโมงจะโทรมา นี่จะเที่ยงคืนแล้วคงไม่โทรมาแล้วมั้ง เหนียวตัวจะแย่ ไม่ลงไม่รอแล้ว คนไม่มีสัจจะฉันน่าจะรู้จักคุณดี” เอลี่บ่นพลางถอดเสื้อผ้าเดินตรงเข้าห้องน้ำ สาวประเภทสองนอนแช่น้ำอย่างรู้สึกเบาสบาย หญิงสาวหลับตาอย่างรู้สึกผ่อนคลาย อดิสรสะดุ้งตื่น แล้วมองไปที่นาฬิกา เที่ยงคืนกว่าๆ ชายหนุ่มตกใจ แล้วกดโทรศัพท์ หาหญิงสาวทันทีรออยู่ชั่วอึดใจ ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวตอบมาน้ำเสียงเย็นเยียบ จนอดิสรเองลอบกลืนน้ำลายเบาๆ “โทรมาทำไมป่านนี้ค่ะ นี่ดึกมากแล้วรู้ไหมค่ะกี่โมงแล้ว” “ขอโทษครับ ผมเผลอหลับไปเหนื่อยมาทั้งวัน” น้ำเสียงอดิสรอ่อนโยน “ว่าไงล่ะคุณ เฟสทามกันได้หรือยัง” “ตอนนี้ไม่ได้หรอก ฉันไม่สะดวก” เอลี่พูดพลางขยับนั่งตัวตรง เพราะตนเองพูดโทรศัพท์ ขณะที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ “คุณทำอะไรอยู่ล่ะ ถึงไม่สะดวก” “ฉันอาบน้ำอยู่” เอลี่พูดน้ำเสียงแข็ง ก่อนจะก้าวเดินออกจากอ่างอาบน้ำ มายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำใบหน้ายังเปียกน้ำ กระจกเป็นฝ้าขาว แต่เห็นเรือนร่างหญิงสาวที่งดงามราวกับหญิงแท้ “เดี๋ยวฉันจะส่งอีเมล์ให้นะคะ แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องรายละเอียด” เอลี่ก้าวออกจากห้องน้ำ ในขณะนุ่งผ้าขนหนู สีขาว “ผมไม่ชอบพูดกับคนทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นหน้า” “เรื่องมากจริงๆ” เอลี่พึมพำเบาๆ “ขอเวลาห้านาที เดี๋ยวคุณค่อยโทรมาใหม่ ฉันขอเวลาแต่งตัวแป๊บเดียว” อดิสรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองนาฬิกา เมื่อครบกำหนดก็โทรหาหญิงสาวทันที หลังจากนั้นอีกยี่สิบนาที อดิสรหาได้สนใจเอกสารที่หญิงสาวนำเสนอไม่ แต่มองที่ใบหน้าและริมฝีปากหญิงสาว พลางใช้มือปิดด้านล่างเหลือไว้แต่เพียงดวงตา “เหมือนมาก เหมือนมากจริงๆ” “เหมือนอะไรคะ” เอลี่ถาม วางกระดาษแบบข้างๆ ตัว “ตาคุณ เหมือนคนคนหนึ่งที่ผมเคยรู้จัก เหมือนมากจริงๆ” อดิสรขนลุกพลางจ้องมองที่โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่ชัดเจน เอลี่รีบหลบตา แล้วยกมือทำท่าหาวพร้อมตัดบทสนทนาทันที “ดิฉันรายงานตามสมควรแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ นี่ก็จะตีหนึ่งแล้ว หวังว่าคุณคงไม่ใจร้ายกับคนง่วงนอนได้ลงคอหรอกนะคะ” “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” เอลี่กดปิดโทรศัพท์หัวใจเต้นแรง หญิงสาวก้มลงนอน ทั้งที่ตายังสว่างโร่ ในขณะที่อดิสรขมวดคิ้ว พลางนึกถึงดวงตาของมัณฑนากรสาว แล้วกดเลื่อนไปที่อัลบัมรูปเปิดรูปอดีตคนรัก พลางปิดด้านล่าง เหลือเพียงแต่ดวงตา “เหมือน เหมือนมากจริงๆ” อดิสรรำพึงเบาๆกรุงเทพฯ ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี ร้านอาหาร vertigo grill and moon bar ร้านอาหารติดท๊อปไฟล์ร้านอาหารที่ดีและโรแมนติก สำหรับคู่รักที่สามารถเห็นบรรยากาศสามร้อยหกสิบองศาของกรุงเทพฯ เอลี่หรือชื่อใหม่ เอมิการู้สึกแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเลือกสถานที่นี้เป็นที่นัดรับประทานอาหาร ตอนแรกหญิงสาวก็ลังเลว่าจะมาหรือไม่ แต่ในเมื่อตกปากรับคำว่าจะรับเดท ทำให้เอลี่ตัดสินใจที่จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายชาวต่างประเทศตามลำพัง แต่ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อมิสเตอร์ฟิลิปเลือกสถานที่สุดแสนโรแมนติค ระหว่างรอเจ้านายที่ออกไปคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวมองบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลิน ๆ วันนี้เอลี่แต่งชุดเดรสสีขาว ทำให้ขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูอ่อนหวาน ผมรวบไปข้างบนแต่ปล่อยย้อยระย้า ทำให้ดูอ่อนหวานปนๆ เซ็กซี่ เจ้านายหนุ่มไปรับเธอมาจากคอนโดฯ ที่เค้าเช่าให้เธอ ตอนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง เดอะริเวอร์ไซด์ถือว่าเป็นคอนโดฯ ที่หรูพอสมควรสำหรับตำแหน่งหน้าที่ของเธอ แต่อาจเป็นเพราะว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ซึ่งเอลี่หรือเอมิการู้สึกเริ่มอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้ เธอจะบอกเขาว่ายังไงว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกเพราะทั้งตัวและหั
“จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ เอลี่ขยับออกจนชิดติดพนักโซฟา “ห้องคุณ....” “ใช่ ทำไม คุณคิดว่าคุณมีห้องที่คอนโดฯ นี้ได้คนเดียวหรือไง อีกอย่างไม่มีคนบอกคุณหรือไง ว่า เดอะริวเวอร์ไซด์ เป็นโครงการของกรณ์วิภาค ไอ้การที่ผมจะมีเพนส์เฮ้าส์ที่นี้ก็ไม่แปลก” “ก็บ้านคุณอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเอง” เอลี่ตอบเร็ว แต่ทำให้อดิสรเหลียวกลับมามองหญิงสาวที่ตรงหน้าราวกับตกตะลึงในคำตอบ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมมีบ้านอีกหลังใกล้ๆ นี้” อดิสรชะโงกใบหน้าจนเกือบไปชิดกับใบหน้าของหญิงสาวอย่างทั้งประหลาดใจ ตกใจ หัวใจอดิสรเต้นแรงและเร็ว บ้านหลังที่ว่าเป็นบ้านหลังเดียวที่เกือบเหมือนถูกปิดตายตั้งแต่อดีตคนรักหนีไปต่างประเทศ อดิสรเวลาคิดถึงก็จะแวะไปดูบ้าง นานๆครั้งไปนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ยังใส่เหมือนเดิม ผ่านมาสี่ปีก็ยังมีคนเข้าไปทำความสะอาด แต่นี่เกือบสี่ห้าเดือนนี้ไม่ได้แวะไปดูอีกเลย อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ประจวบเหมาะกับว่างเมื่อไหร่ก็จะหาเวลาไปขลุกอยู่กับหลานๆ ทำให้อดิสรเกือบจะลืมบ้านที่เคยอยู่ร่วมอดีตคนรักร่วมปี จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้ามาสะกิดต่อม ทำให้อดิสรรู้สึก
อดิสรจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอกยืนมองพระจันทร์ที่ริมระเบียงของบ้านพักตากอากาศที่เขาย้ายพามาเมื่อเช้า ชายหนุ่มพาหลานๆ และหญิงสาวไปพักที่โรงแรมในเมืองสองสามวัน แต่มีคนแนะนำให้มาพักที่บ้านพักนี้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สำคัญสามารถทำอาหารรับประทานได้แถมติดทะเล ทำให้อดิสรตกลงเช่าทันที แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่สองวันก็ตาม สามวันที่ใช้ชีวิตร่วมกันทำให้อดิสรรู้สึกผูกพันแบบประหลาดกับมัณฑนากรสาวอาจเป็นเพราะกริยาที่แสนคุ้นเคย อดิสรปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างน่ารักแม้บุคลิกภายนอกจะเปรี้ยวเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน แต่จริงๆกลับเป็นแม่บ้าน เธอเข้ากับหลานๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี อดิสรรู้สึกประหลาดใจ ทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกพิเศษๆกับผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รสนิยมของตนเอง ไปอีกแบบหนึ่ง คิดแล้วชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ” อดิสรถามเมื่อเดินเข้ามาเกือบจะยืนซ้อนหลัง เอลี่สะดุ้งแล้วเหลียวไปมอง ริมฝีปากเฉียดกันจนเอลี่รีบถอยออก“ยังไม่ง่วงค่ะ แล้วคุณล่ะ ขับรถออกมาตั้งไกลไม่เหนื่อยเหรอคะ”“ไม่ อยู่กับเด็กๆ กับคุณแล้วมีความสุขมากกว่า”“พรุ่งนี้เราไปจ่ายตลาดกัน บ่ายๆ ทำบาบีค
เอลี่ เข้าครัวทำอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ รับประทาน อดิสรตื่นสายมากวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มคิดเรื่องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับอดีตคนรักจนทำให้นอนไม่หลับว้าวุ่นใจ ใจหนึ่งก็ยังรักอดีตคนรักมาก แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชอบมัณฑนากรหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนว่าเป็นเพราะตนเองคิดถึงอดีตคนรักมาก จนทำให้มองสิ่งที่หญิงสาว มีอะไรหรือทำอะไรก็คล้ายกับอดีตคนรักไปเสียหมด อดิสรกลุ้มใจ จนรู้สึกกดดันมากอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษครับที่ตื่นสาย คุณกำลังทำอะไร”“กำลังจะเตรียมทำขนมหวานไว้ทานหลังอาหารค่ะ เด็กๆ ขอช่วยด้วย” เอลี่อุ้มน้องแพร นั่งที่เค้าเตอร์ข้างๆ ในขณะที่ อั๋นและอ้น ยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ทำให้ร่างของเด็กชายตัวน้อย สูงเท่ากับมัณฑนากรสาว“กำลังจะทำอะไรเด็กๆ” อดิสร หอมแก้มหลานสาว อย่างรู้สึกมันเขี้ยว“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้ก ครับ ค่ะ” เด็กๆ พูดประสานเสียงกัน“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้กงั้นเหรอ” อดิสร นึกย้อนไปในอดีตที่ภูเก็ต ภาพของอดีตคนรักที่ทำของหวานแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ยังจำได้ดีว่าเป็นของหวานที่อร่อยและยังเป็นความทรงจำดีๆ ของตนเองและอดีตคนรักอดิสรเกือบจำทุกขึ้นตอนได้ เพรา
คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับ
“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
สี่ปี ผ่านไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เอมิกา โทมัสหรืออดีตช่างแต่งหน้า หรือที่รู้จักในกลุ่มเพื่อนชื่อว่าเอลี่เข็นรถที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบ ตามองหาเพื่อนรัก ก่อนจะโบกมือเมื่อเห็นสองสาวและหนึ่งหนุ่มน้อยยืนรอใบหน้ายิ้มแย้ม “เฮ้...เอลี่ ทางนี้” กอหญ้าตะโกนพร้อมโบกมืออย่างดีใจ พัชรารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาว พลางตามองเด็กชายกาย พิพัฒนพงค์ บุตรชายคนโตของกอหญ้าและกริชชัย ที่ตอนนี้อายุสามขวบแล้ว “ญ่าระวังหน่อยสิ เอลี่มันเปลี่ยนชื่อแล้วนะแก” “โถ ตรงนี้มีใครที่ไหน” กอหญ้าแก้ตัว มือยังโบกไปมาอย่างดีใจ สี่ปีที่จากกัน มีเพียงการพูดคุยผ่านวีดีโอคอลพอรู้ว่าเพื่อน จะกลับมาเมืองไทยถาวร กอหญ้าก็ดีใจมากเป็นพิเศษ “แต่ถ้าน้องกาย เผลอไปพูดกับใคร แผนการที่เอลี่มันจะกลับมา มันจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มนะแก” “เออ นั่นสิ ขอโทษทีคิดไม่ถึง” “กายครับ นั่นป้าเอมี่ สวัสดีป้าสิครับ” เด็กชายกายยกมือไหว้ เสร็จแล้วก็ก้มเล่นของเล่นต่อ เอมิกาหรือเอลี่ ยิ้มก่อนใช้มือจับแก้มเด็กชายกาย ลูกชายคนโตของเพื่อนสาวคนสนิท “ต๊าย เหมือนพ่อมากเลย หล่อเป็นบ้าเลย” “น้อยๆ หน่อย” พัชราแซวเพื่อนสาว ก่อนที่สามสาว หัวเราะกัน
“คุณลองบอกความต้องการของคุณมาสิค่ะ” เอลี่ใจเต้นรัวจนรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย อดิสรลอบมองใบหน้าขาวเรียวยาวรูปไข่ รู้สึกคุ้นเคยกับอากัปกริยา พร้อมกับน้ำเสียงของหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาด เอลี่จดงานเพลินจนถลกเสื้อสูทสีดำขึ้น ทำให้สร้อยทองคำขาวโผล่ออกมาเล็กน้อย อดิสรตาโต ทำไมจะจำสร้อยข้อมือที่ทำเป็นพิเศษเพื่ออดีตคนรัก ชายหนุ่มเอื้อมมือมาคว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากแรงอย่างไม่รู้ตัว เอลี่หันหน้ามองอย่างตกใจ “เอาสร้อยนี้มาจากไหน ใครให้มา” น้ำเสียงอดิสรดุดัน ใบหน้าเครียดทันที เอลี่หรือเอมิกาใจหายวาบ แต่พยายามรวบรวมสติก่อนตอบ “สร้อยของฉัน” “สร้อยของคุณงั้นเหรอ มันเหมือนสร้อยที่ผมทำให้แฟนเหมือนมาก” อดิสรมองหน้าอีกฝ่าย อย่างคาดคั้น ก่อนพูดกับตนเองในใจ “ไม่จริง ไม่ใช่หรอกมันไม่มีความเหมือนกันสักนิด แต่อีกใจก็แปลกใจเพราะน้ำเสียง แววตา กริยาท่าทางดูเหมือนกันราวกับคนๆเดียวกัน” “พูดเรื่องงานดีกว่าค่ะ ดิฉันต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง” เอลี่เปลี่ยนเรื่องพูด “เดี๋ยวเราจะไปดูที่ไซด์งานกัน” อดิสรลุกขึ้นยืน แอบยิ้มที่มุมปากตอนแรกตั้งใจว่าจะคุยงานแค่ห้านาทีแล้วจะส่งต่อให้วิเชียร์รับไปทำต่อ แต่ตอน
“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับ
เอลี่ เข้าครัวทำอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ รับประทาน อดิสรตื่นสายมากวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มคิดเรื่องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับอดีตคนรักจนทำให้นอนไม่หลับว้าวุ่นใจ ใจหนึ่งก็ยังรักอดีตคนรักมาก แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชอบมัณฑนากรหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนว่าเป็นเพราะตนเองคิดถึงอดีตคนรักมาก จนทำให้มองสิ่งที่หญิงสาว มีอะไรหรือทำอะไรก็คล้ายกับอดีตคนรักไปเสียหมด อดิสรกลุ้มใจ จนรู้สึกกดดันมากอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษครับที่ตื่นสาย คุณกำลังทำอะไร”“กำลังจะเตรียมทำขนมหวานไว้ทานหลังอาหารค่ะ เด็กๆ ขอช่วยด้วย” เอลี่อุ้มน้องแพร นั่งที่เค้าเตอร์ข้างๆ ในขณะที่ อั๋นและอ้น ยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ทำให้ร่างของเด็กชายตัวน้อย สูงเท่ากับมัณฑนากรสาว“กำลังจะทำอะไรเด็กๆ” อดิสร หอมแก้มหลานสาว อย่างรู้สึกมันเขี้ยว“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้ก ครับ ค่ะ” เด็กๆ พูดประสานเสียงกัน“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้กงั้นเหรอ” อดิสร นึกย้อนไปในอดีตที่ภูเก็ต ภาพของอดีตคนรักที่ทำของหวานแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ยังจำได้ดีว่าเป็นของหวานที่อร่อยและยังเป็นความทรงจำดีๆ ของตนเองและอดีตคนรักอดิสรเกือบจำทุกขึ้นตอนได้ เพรา
อดิสรจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอกยืนมองพระจันทร์ที่ริมระเบียงของบ้านพักตากอากาศที่เขาย้ายพามาเมื่อเช้า ชายหนุ่มพาหลานๆ และหญิงสาวไปพักที่โรงแรมในเมืองสองสามวัน แต่มีคนแนะนำให้มาพักที่บ้านพักนี้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สำคัญสามารถทำอาหารรับประทานได้แถมติดทะเล ทำให้อดิสรตกลงเช่าทันที แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่สองวันก็ตาม สามวันที่ใช้ชีวิตร่วมกันทำให้อดิสรรู้สึกผูกพันแบบประหลาดกับมัณฑนากรสาวอาจเป็นเพราะกริยาที่แสนคุ้นเคย อดิสรปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างน่ารักแม้บุคลิกภายนอกจะเปรี้ยวเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน แต่จริงๆกลับเป็นแม่บ้าน เธอเข้ากับหลานๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี อดิสรรู้สึกประหลาดใจ ทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกพิเศษๆกับผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รสนิยมของตนเอง ไปอีกแบบหนึ่ง คิดแล้วชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ” อดิสรถามเมื่อเดินเข้ามาเกือบจะยืนซ้อนหลัง เอลี่สะดุ้งแล้วเหลียวไปมอง ริมฝีปากเฉียดกันจนเอลี่รีบถอยออก“ยังไม่ง่วงค่ะ แล้วคุณล่ะ ขับรถออกมาตั้งไกลไม่เหนื่อยเหรอคะ”“ไม่ อยู่กับเด็กๆ กับคุณแล้วมีความสุขมากกว่า”“พรุ่งนี้เราไปจ่ายตลาดกัน บ่ายๆ ทำบาบีค
“จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ เอลี่ขยับออกจนชิดติดพนักโซฟา “ห้องคุณ....” “ใช่ ทำไม คุณคิดว่าคุณมีห้องที่คอนโดฯ นี้ได้คนเดียวหรือไง อีกอย่างไม่มีคนบอกคุณหรือไง ว่า เดอะริวเวอร์ไซด์ เป็นโครงการของกรณ์วิภาค ไอ้การที่ผมจะมีเพนส์เฮ้าส์ที่นี้ก็ไม่แปลก” “ก็บ้านคุณอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเอง” เอลี่ตอบเร็ว แต่ทำให้อดิสรเหลียวกลับมามองหญิงสาวที่ตรงหน้าราวกับตกตะลึงในคำตอบ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมมีบ้านอีกหลังใกล้ๆ นี้” อดิสรชะโงกใบหน้าจนเกือบไปชิดกับใบหน้าของหญิงสาวอย่างทั้งประหลาดใจ ตกใจ หัวใจอดิสรเต้นแรงและเร็ว บ้านหลังที่ว่าเป็นบ้านหลังเดียวที่เกือบเหมือนถูกปิดตายตั้งแต่อดีตคนรักหนีไปต่างประเทศ อดิสรเวลาคิดถึงก็จะแวะไปดูบ้าง นานๆครั้งไปนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ยังใส่เหมือนเดิม ผ่านมาสี่ปีก็ยังมีคนเข้าไปทำความสะอาด แต่นี่เกือบสี่ห้าเดือนนี้ไม่ได้แวะไปดูอีกเลย อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ประจวบเหมาะกับว่างเมื่อไหร่ก็จะหาเวลาไปขลุกอยู่กับหลานๆ ทำให้อดิสรเกือบจะลืมบ้านที่เคยอยู่ร่วมอดีตคนรักร่วมปี จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้ามาสะกิดต่อม ทำให้อดิสรรู้สึก
กรุงเทพฯ ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี ร้านอาหาร vertigo grill and moon bar ร้านอาหารติดท๊อปไฟล์ร้านอาหารที่ดีและโรแมนติก สำหรับคู่รักที่สามารถเห็นบรรยากาศสามร้อยหกสิบองศาของกรุงเทพฯ เอลี่หรือชื่อใหม่ เอมิการู้สึกแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเลือกสถานที่นี้เป็นที่นัดรับประทานอาหาร ตอนแรกหญิงสาวก็ลังเลว่าจะมาหรือไม่ แต่ในเมื่อตกปากรับคำว่าจะรับเดท ทำให้เอลี่ตัดสินใจที่จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายชาวต่างประเทศตามลำพัง แต่ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อมิสเตอร์ฟิลิปเลือกสถานที่สุดแสนโรแมนติค ระหว่างรอเจ้านายที่ออกไปคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวมองบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลิน ๆ วันนี้เอลี่แต่งชุดเดรสสีขาว ทำให้ขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูอ่อนหวาน ผมรวบไปข้างบนแต่ปล่อยย้อยระย้า ทำให้ดูอ่อนหวานปนๆ เซ็กซี่ เจ้านายหนุ่มไปรับเธอมาจากคอนโดฯ ที่เค้าเช่าให้เธอ ตอนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง เดอะริเวอร์ไซด์ถือว่าเป็นคอนโดฯ ที่หรูพอสมควรสำหรับตำแหน่งหน้าที่ของเธอ แต่อาจเป็นเพราะว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ซึ่งเอลี่หรือเอมิการู้สึกเริ่มอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้ เธอจะบอกเขาว่ายังไงว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกเพราะทั้งตัวและหั
เอลี่หอบโน๊ตบุ๊คพร้อมกระเป๋าใบโต ด้วยอาการมึนๆ งงๆ อาจเป็นเพราะเร่งทำงานตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวานเพิ่งจะมาเสร็จตอนรุ่งเช้า ทำให้มัณฑนากรสาวรู้สึกมึนๆ งงๆ ผะอืดผะอมเล็กน้อย นึกอยากบีบคออดีตคนรักอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่าย เมื่อมาหยุดหน้าห้องเอ็มดี หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับเลขาสาววัยกลางคน พร้อมกับชี้ไปที่ห้องของชายหนุ่ม “ดิฉันมาพบกับคุณอดิสรค่ะ ท่านให้เอางานมาให้ดูค่ะคุณภัท” เอลี่พูดน้ำเสียงอ่อนหวานกับผู้ร่วมงานที่สูงวัยกว่า “คุณสรไม่อยู่ค่ะ บินด่วนไปฮ่องกงเมื่อเช้า พอดีต้องมีงานดิวกับลูกค้าพิเศษงานด่วนค่ะ” “อะไรนะคะ ไม่อยู่” เอลี่ร้องเสียงหลง “ค่ะ ไม่อยู่” “กี่วันค่ะคุณภัท” น้ำเสียงของมัณฑนากรสาวอ่อยลง หญิงสาวนึกใจหาย แล้วนึกอยากหยิกตัวเองที่ยังคิดถึงเขา และใจหายเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน “เอ ไม่ทราบนะคะไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่ดิฉันจะอีเมล์ไปเรียนท่านให้นะคะว่าคุณมาหา” “ขอบคุณค่ะ” เอลี่เดินกลับห้อง ด้วยหัวใจที่เบาโหวงเหมือนร่างกายและหัวใจไม่ได้อยู่ในเรือนร่างเดียวกัน หญิงสาว เดินเข้าห้องทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ หญิงสาวเดินมาหยุดที่ริมหน้าต่าง มอ
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด