กรุงเทพฯ ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี ร้านอาหาร vertigo grill and moon bar ร้านอาหารติดท๊อปไฟล์ร้านอาหารที่ดีและโรแมนติก สำหรับคู่รักที่สามารถเห็นบรรยากาศสามร้อยหกสิบองศาของกรุงเทพฯ เอลี่หรือชื่อใหม่ เอมิการู้สึกแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเลือกสถานที่นี้เป็นที่นัดรับประทานอาหาร ตอนแรกหญิงสาวก็ลังเลว่าจะมาหรือไม่ แต่ในเมื่อตกปากรับคำว่าจะรับเดท ทำให้เอลี่ตัดสินใจที่จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายชาวต่างประเทศตามลำพัง แต่ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อมิสเตอร์ฟิลิปเลือกสถานที่สุดแสนโรแมนติค ระหว่างรอเจ้านายที่ออกไปคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวมองบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลิน ๆ วันนี้เอลี่แต่งชุดเดรสสีขาว ทำให้ขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูอ่อนหวาน ผมรวบไปข้างบนแต่ปล่อยย้อยระย้า ทำให้ดูอ่อนหวานปนๆ เซ็กซี่ เจ้านายหนุ่มไปรับเธอมาจากคอนโดฯ ที่เค้าเช่าให้เธอ ตอนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง เดอะริเวอร์ไซด์ถือว่าเป็นคอนโดฯ ที่หรูพอสมควรสำหรับตำแหน่งหน้าที่ของเธอ แต่อาจเป็นเพราะว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ซึ่งเอลี่หรือเอมิการู้สึกเริ่มอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้ เธอจะบอกเขาว่ายังไงว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกเพราะทั้งตัวและหัวใจของเธอมอบให้แก่อดีตคนรักเพียงผู้เดียว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเธอไม่ใช่หญิงแท้ๆอย่างที่เจ้านายหนุ่มคาดฝันอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกหลายๆคน ที่เธอรู้เพราะเคยไปอ่านเจอสัมภาษณ์ทางนิตยสารทางธุรกิจ ที่เคยมาสัมภาษณ์เจ้านายหนุ่ม เอลี่กดเล่นโทรศัพท์ กดเปิดอัลบัมรูป พลิกเล่นๆ เพลินๆ ไปที่รูปของอดีตคนรักที่ตอนนี้เป็นนายจ้างอีกตำแหน่งหนึ่ง อดิสรไม่เปลี่ยนไปเลยไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี นี่ผ่านมาสามสี่วันแล้วสินะที่ไม่ได้เจอหน้ากัน เอลี่ปฎิเสธตัวเองไม่ได้ว่า รู้สึกคิดถึงใบหน้าคมๆ คิ้วเข้มๆ และริมฝีปากบางอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะโทรหาทุกวันแต่ก็ยังคิดถึงอยู่ดี เอลี่อมยิ้มมองรูปอดีตคนรักเพลินๆ จนมีมือมาแตะด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งรีบพลิกโทรศัพท์คว่ำทันที
“รอนานไหม ขอโทษนะฮันนี่” เสียงเจ้านายชาวต่างชาติ พูดน้ำเสียงนุ่มนวล เอลี่หันไปยิ้มบางๆ ก่อนส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เจ้านายหนุ่มมักเรียกเธอว่า “ฮันนี่” ทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานล้อเป็นประจำ หญิงสาวอยากพูดเหลือเกินว่าเรียกชื่อเล่นจะดีกว่า แต่เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะเจ้านายหนุ่มก็แสนสุภาพและนิสัยดีเกินกว่าที่เธอจะพูดให้เขาเสียน้ำใจ เอลี่ถอนหายใจ ก่อนจะยกเมนูขึ้นเปิดพลิกไปมา ด้วยใจเลื่อนลอย “สเต็กที่นี่อร่อยมากๆ เลย คุณชอบทานสเต็กหรือเปล่า ฮันนี่” มิสเตอร์ฟิลิปถาม พร้อมส่งสายตาอ่อนหวาน “ยังไงก็ได้ค่ะ บอสเลือกดีกว่า มี่เลือกไม่ค่อยจะถูก” เอลี่พลิกปิดเมนู ระหว่างรับประทานอาหาร เจ้านายชาวต่างชาติ เทคแคร์เธอราวกับเป็นเจ้าหญิง เอลี่มองใบหน้าเจ้านายหนุ่มแล้ว แอบถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ฝืนยิ้ม เมื่อเจ้านายหนุ่มยกแก้วไวน์ เอลี่ยกแก้วไวน์ชนเบาๆ โดยไม่รู้ว่าภาพหญิงไทยและชายหนุ่มต่างชาติ เป็นเป้าสายตาของบุคคลอีกคนหนึ่งที่นั่งถัดไปอีกสองโต๊ะ ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งเมื่อเพื่อนๆ ตอนสมัยเรียนมัธยมที่นัดเจอกันแบบกะทันหัน ลุกขึ้นไปห้องน้ำ ทำให้เห็นภาพนั้นชัด อดิสรที่เพิ่งลงจากเครื่องตอนบ่ายๆ แล้วถูกเพื่อนๆ ลากออกมาตอนเย็น ถึงกับกำมือแน่น ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงขัดตากับความสนิทสนมระหว่างชายหนุ่มต่างชาติกับมัณฑนากรสาวคนใหม่ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปโต๊ะที่ทั้งสองนั่งทันที “เฮ สวัสดีมิสเตอร์ฟิลิป” อดิสรตบที่ไหล่เพื่อนนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี ก่อนจะมองจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้า แววตาดุดัน เอลี่ตกใจ ช้อนส้อมหล่นจากมือ จนต้องเอ่ยคำขอโทษเบาๆ ก่อนจะสบตากับอดีตคนรักและนายจ้างคนใหม่ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยๆ ทั้งที่ในใจเต้นแรงเร็ว ราวกับจะทะลุออกมา แล้วเอลี่ต้องตกใจยิ่งกว่า เมื่อชายหนุ่มมานั่งข้างๆ พร้อมพูดกับเจ้านายหนุ่มอย่างสนิทสนม “ผมขอบคุณมากนะฟิลิปที่ส่งมัณฑนากรมือดีมาให้ผม โปรเจ็คหน้าที่เราคุยกันไว้ไปถึงไหนแล้ว” อดิสร คุยเรื่องงานกับเจ้านายหนุ่ม ในขณะที่บอสหนุ่มชาวต่างประเทศ ก็กระตือรือร้นที่จะเปิดมือถือค้นหาข้อมูลที่จดไว้อย่างรวดเร็ว เอลี่หันไปมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนที่จะตกใจ เมื่ออีกฝ่ายกระซิบเบาๆ ข้างหู “งานเสร็จแล้วเหรอ ถึงมาออกเดทกับเจ้านายหน้าระรื่นเชียว” อดิสรก้มลงพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน มือก็พาดไปที่เก้าอี้ด้านหลัง จนเอลี่รู้สึกเสียววาบไปทั้งแผ่นหลัง เพราะมือของชายหนุ่มห่างจากหัวไหล่เพียงไม่กี่เซนติเมตร ก่อนอีกสิบนาทีต่อมา สองหนุ่มก็คุยกันเรื่องงานตอบโต้กันไปมา ในขณะที่เธอรับประทานสเต๊กต่อเงียบๆ ตา ก็มองไปรอบๆ บรรยากาศช่างเงียบ และสวยงาม “ขอโทษที่มารบกวนเวลาส่วนตัวนะฟิลิป อ้อ เดี๋ยวไอไปส่ง มิสเอมิกาเองนะ พอดีเป็นทางผ่านอีกอย่างจะคุยเรื่องงานด้วย” ท่าทางเจ้านายหนุ่มอิกอักแต่ก็พยักหน้าด้วยความเกรงใจกับลูกค้าคนสำคัญ เอลี่มองเจ้านายหนุ่มด้วยความสงสาร ก่อนจะจ้องหน้าอดีตคนรักด้วยความหมั่นไส้ “ขอบคุณนะคะบอสสำหรับอาหารมื้อนี้ อร่อยมากค่ะ” เอลี่ยกมือไหว้อย่างสวยงาม เจ้านายหนุ่มรับไหว้ พร้อมพูดน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “วันเสาร์ดูหนังกันนะฮันนี่ เรื่องนี้เขาว่าสนุก” บอสหนุ่มเอ่ยชวนเบาๆ เอลี่ ยิ้มบางๆ “แล้วดูอีกทีนะคะ ว่าว่างหรือเปล่า งานยังอีกเยอะค่ะ บายนะคะบอส” “โอเค ซียูฮันนี่” เอลี่ เดินแกมวิ่งตามชายหนุ่ม ที่เดินจ้ำพรวดๆ อย่างรวดเร็ว “ นี่คุณ มีอะไรจะคุย คุยตรงนี้ก็ได้ ฉันกลับบ้านเองได้ ไม่รบกวนคุณไปส่ง” สาวประเภทสองหอบเล็กน้อย เพราะวิ่งตามชายหนุ่ม “ขึ้นรถ ตอนนี้ทั้งอิ่มทั้งเหนื่อย ไม่มีอารมณ์จะคุย” “ถ้าไม่คุย ฉันกลับนะ” เอลี่หรือเอมิกาเอี้ยวตัว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชาก แขนแล้ว ผลักเข้าไปนั่งบนรถสปอร์ต สีดำคันหรูอย่างแรง “เอ๊ะ คนบ้า เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย” อดิสรขึ้นมาที่นั่งคนขับ ก่อนจะขับรถออกอย่างรวดเร็ว บรรยากาศในรถเงียบสนิท อดิสรตั้งใจขับรถเพราะรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์หงุดหงิดเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป ในขณะที่เอลี่ก็รู้สึกไม่เข้าใจอดีตคนรัก แล้วรู้สึกหมั่นไส้คนเอาแต่ใจตัวเองและบ้าอำนาจถึงขีดสุดๆ เมื่อถึงคอนโด เดอะริวเวอร์ไซด์ อดิสรเปิดประตูรถ แล้วปิดประตูรถแรง จนเอลี่ที่นั่งในรถ ถึงกับหลับตา แล้วแอบหมั่นไส้อดีตชายคนรักมิใช่น้อย “อีตาบ้านี่ ของขึ้นอีกแล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย” เอลี่บ่นงึมงำ แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายกระชากประตูรถ แล้วดึงแขนเธอออกมาแล้วปิดประตูแรง “นี่คุณ อะไรกันเนี่ย ปล่อยมือฉันนะฉันเจ็บ” เอลี่ส่งเสียงประท้วง อดิสรคลายข้อมือ แต่ก้าวเดินเร็ว จนมาถึงลิฟท์ ชายหนุ่มผลักหญิงสาวเข้าไป แล้วกดชั้นที่หญิงสาวอยู่อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นห้องของตนเอง เอลี่หันไปมองแล้วมองหน้าชายหนุ่มด้วยความตกใจปนความสงสัย “คุณจะไปไหนคะ” “ผมจะไปส่งคุณที่ห้อง แล้วเดี๋ยวกรุณาเอางานของคุณมาให้ผมดูด้วย เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มารับคุณที่ห้อง ผมให้เวลาคุณแค่ยี่สิบนาที ในเมื่อคุณออกไปทานอาหารนอกบ้านหน้าระรื่นได้ งานคุณต้องทำให้ผมพอใจ” “นี่คุณอดิสร...กำหนดส่งงานอีกสองวันนี่คะ” “ผมขอดูวันนี้” อดิสรล้วงมือหยิบมือถือ เอลี่อึ้งกับท่าทางวางอำนาจแกมคุกคาม หัวใจเต้นแรงเมื่อยืนกันระยะประชิด จนได้กลิ่นตัวที่ไม่ว่าจะกี่ปีมันก็ยังติดจมูกมาจนถึงทุกวันนี้ “ฮัลโหล ไมค์ ผมมาถึงแล้ว อืมตามที่สั่งไว้ ห้องที่ผมบอก โอเคเดี๋ยวผมจะรออยู่หน้าห้อง” อดิสรวางสาย พร้อมกับล้วงมือไปที่กางเกง หยิบกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบคีย์การ์ดออกมายื่นให้หญิงสาว เอลี่ยืนงงจนชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือ แล้ววางคีย์การ์ดไว้ที่มือของหญิงสาว ก่อนที่จะหันไปมองเมื่อมีเจ้าหน้าที่ของคอนโดฯ เดินตรงเข้ามา ที่หญิงสาวรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่คอนโดฯ เพราะเครื่องแบบที่ชายหนุ่มสวมใส่ “เดี๋ยวคนของผมจะพาคุณไปเจอผม อย่าลืมผมต้องการดูงานของผมเดี๋ยวนี้” “นี่คุณอดิสร นี่มันดึกแล้วนะคะ” “สำหรับผมไม่ดึก เมื่อคืนเรายังคุยกันถึงเที่ยงคืนเลยนี่นา” อดิสรจ้องมองหญิงสาว ด้วยแววตาคมเข้ม ชนิดที่เอลี่เสียวสันหลังวาบ “โอเค คุณเอมิกาเดี๋ยวเจอกัน” พูดจบชายหนุ่มก็เดินจากไป ทำเอาเอลี่ถึงกับอึ้งอยู่นาน เมื่อหันไปมอง เจ้าหน้าที่หนุ่ม หญิงสาวก็ยิ้มอ่อนพร้อมเอ่ยน้ำเสียงสุภาพว่า “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวขอเวลาดิฉันรวบรวมเอกสารสักสิบนาที” ไมค์ เจ้าหน้าที่หนุ่มพยักหน้าอย่างนอบน้อม ในขณะที่เอลี่รีบเดินเข้าห้องเพื่อจัดเตรียมเอกสารตามที่อดีตคนรักต้องการ เอลี่ยืนอยู่หน้าห้องชั้นบนสุดของคอนโดฯ แห่งนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสอดคีย์การ์ดแล้วเปิดให้เธอ พร้อมกับปิดประตูแล้วปล่อยให้เธอยืนเคว้งคว้างในห้องสูทใหญ่ขนาดที่เธอไม่เคยเห็น กะด้วยสายตาก็น่าจะใหญ่สามเท่ากับห้องของเธอก็เป็นได้ เสียงกระแอมทำให้เอลี่หันไป แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นอดีตคนรักในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม ผมเปียกแสดงว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หยดน้ำที่หยดตามใบหน้าและร่องอกที่สังเกตเห็นเพราะเสื้อคลุม คลุมไว้แค่หลวมๆ ทำให้เห็นสรีระเกือบทั้งช่วงอก เอลี่หัวใจเต้นแรง แล้วรู้สึกคอแห้งขึ้นอย่างฉับพลัน “รอนานไหม ขอโทษที่ปล่อยให้รอ ร้อนมากๆ ตั้งแต่ลงเครื่องมา ถูกพวกเพื่อนลากไปทานข้าว” อดิสรเล่าพลางจ้องมองมัณฑนากรสาวสายตาคมเข้ม เอลี่พยายามเรียกสติคืนมา แล้วยื่นม้วนเอกสาร อดิสรรับมาถือคลี่เปิดดูพลางถาม “งานเสร็จแล้วงั้นเหรอ ถึงมีเวลาออกไปเดทกับแฟน” น้ำเสียงที่ถามเน้นคำว่า “แฟน” “ก็อีกประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ พรุ่งนี้วันเสาร์ก็น่าจะเสร็จนะคะ” เอลี่ค้อนชายหนุ่ม ที่แอบกัดเล็กๆอย่างรู้สึกหมั่นไส้ “งานก็ยังไม่เสร็จ แล้วยัง..” “ก่อนถึงวันจันทร์ก็คงเสร็จ สรุปคุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหม” เอลี่เตรียมตัวเอี้ยวตัวกลับ แต่ต้องตกใจเมื่อชายหนุ่มคว้าที่แขนเกือบเป็นกระชาก ทำให้หญิงสาวหน้าคะมำ “อุ๊ย..” “อย่าเพิ่งไป คุณว่าห้องนี้เป็นไงบ้าง” อดิสรถามน้ำเสียงจริงจัง เอลี่หันไปมองรอบๆ ห้อง ตอบแทบเป็นกลั้นหายใจ เพราะเธอและเค้าอยู่ห่างกันแค่ฝ่ามือเดียว “ก็ดีนี่คะ ห้องใครคะ” เอลี่ถาม หัวใจเต้นแรงกับแววตาคมเข้ม มันช่างส่งความรู้สึกทำให้ เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดอะไรสักอย่าง “จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ“จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ เอลี่ขยับออกจนชิดติดพนักโซฟา “ห้องคุณ....” “ใช่ ทำไม คุณคิดว่าคุณมีห้องที่คอนโดฯ นี้ได้คนเดียวหรือไง อีกอย่างไม่มีคนบอกคุณหรือไง ว่า เดอะริวเวอร์ไซด์ เป็นโครงการของกรณ์วิภาค ไอ้การที่ผมจะมีเพนส์เฮ้าส์ที่นี้ก็ไม่แปลก” “ก็บ้านคุณอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเอง” เอลี่ตอบเร็ว แต่ทำให้อดิสรเหลียวกลับมามองหญิงสาวที่ตรงหน้าราวกับตกตะลึงในคำตอบ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมมีบ้านอีกหลังใกล้ๆ นี้” อดิสรชะโงกใบหน้าจนเกือบไปชิดกับใบหน้าของหญิงสาวอย่างทั้งประหลาดใจ ตกใจ หัวใจอดิสรเต้นแรงและเร็ว บ้านหลังที่ว่าเป็นบ้านหลังเดียวที่เกือบเหมือนถูกปิดตายตั้งแต่อดีตคนรักหนีไปต่างประเทศ อดิสรเวลาคิดถึงก็จะแวะไปดูบ้าง นานๆครั้งไปนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ยังใส่เหมือนเดิม ผ่านมาสี่ปีก็ยังมีคนเข้าไปทำความสะอาด แต่นี่เกือบสี่ห้าเดือนนี้ไม่ได้แวะไปดูอีกเลย อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ประจวบเหมาะกับว่างเมื่อไหร่ก็จะหาเวลาไปขลุกอยู่กับหลานๆ ทำให้อดิสรเกือบจะลืมบ้านที่เคยอยู่ร่วมอดีตคนรักร่วมปี จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้ามาสะกิดต่อม ทำให้อดิสรรู้สึก
อดิสรจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอกยืนมองพระจันทร์ที่ริมระเบียงของบ้านพักตากอากาศที่เขาย้ายพามาเมื่อเช้า ชายหนุ่มพาหลานๆ และหญิงสาวไปพักที่โรงแรมในเมืองสองสามวัน แต่มีคนแนะนำให้มาพักที่บ้านพักนี้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สำคัญสามารถทำอาหารรับประทานได้แถมติดทะเล ทำให้อดิสรตกลงเช่าทันที แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่สองวันก็ตาม สามวันที่ใช้ชีวิตร่วมกันทำให้อดิสรรู้สึกผูกพันแบบประหลาดกับมัณฑนากรสาวอาจเป็นเพราะกริยาที่แสนคุ้นเคย อดิสรปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างน่ารักแม้บุคลิกภายนอกจะเปรี้ยวเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน แต่จริงๆกลับเป็นแม่บ้าน เธอเข้ากับหลานๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี อดิสรรู้สึกประหลาดใจ ทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกพิเศษๆกับผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รสนิยมของตนเอง ไปอีกแบบหนึ่ง คิดแล้วชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ” อดิสรถามเมื่อเดินเข้ามาเกือบจะยืนซ้อนหลัง เอลี่สะดุ้งแล้วเหลียวไปมอง ริมฝีปากเฉียดกันจนเอลี่รีบถอยออก“ยังไม่ง่วงค่ะ แล้วคุณล่ะ ขับรถออกมาตั้งไกลไม่เหนื่อยเหรอคะ”“ไม่ อยู่กับเด็กๆ กับคุณแล้วมีความสุขมากกว่า”“พรุ่งนี้เราไปจ่ายตลาดกัน บ่ายๆ ทำบาบีค
เอลี่ เข้าครัวทำอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ รับประทาน อดิสรตื่นสายมากวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มคิดเรื่องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับอดีตคนรักจนทำให้นอนไม่หลับว้าวุ่นใจ ใจหนึ่งก็ยังรักอดีตคนรักมาก แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชอบมัณฑนากรหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนว่าเป็นเพราะตนเองคิดถึงอดีตคนรักมาก จนทำให้มองสิ่งที่หญิงสาว มีอะไรหรือทำอะไรก็คล้ายกับอดีตคนรักไปเสียหมด อดิสรกลุ้มใจ จนรู้สึกกดดันมากอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษครับที่ตื่นสาย คุณกำลังทำอะไร”“กำลังจะเตรียมทำขนมหวานไว้ทานหลังอาหารค่ะ เด็กๆ ขอช่วยด้วย” เอลี่อุ้มน้องแพร นั่งที่เค้าเตอร์ข้างๆ ในขณะที่ อั๋นและอ้น ยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ทำให้ร่างของเด็กชายตัวน้อย สูงเท่ากับมัณฑนากรสาว“กำลังจะทำอะไรเด็กๆ” อดิสร หอมแก้มหลานสาว อย่างรู้สึกมันเขี้ยว“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้ก ครับ ค่ะ” เด็กๆ พูดประสานเสียงกัน“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้กงั้นเหรอ” อดิสร นึกย้อนไปในอดีตที่ภูเก็ต ภาพของอดีตคนรักที่ทำของหวานแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ยังจำได้ดีว่าเป็นของหวานที่อร่อยและยังเป็นความทรงจำดีๆ ของตนเองและอดีตคนรักอดิสรเกือบจำทุกขึ้นตอนได้ เพรา
คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับ
“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
สี่ปี ผ่านไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เอมิกา โทมัสหรืออดีตช่างแต่งหน้า หรือที่รู้จักในกลุ่มเพื่อนชื่อว่าเอลี่เข็นรถที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบ ตามองหาเพื่อนรัก ก่อนจะโบกมือเมื่อเห็นสองสาวและหนึ่งหนุ่มน้อยยืนรอใบหน้ายิ้มแย้ม “เฮ้...เอลี่ ทางนี้” กอหญ้าตะโกนพร้อมโบกมืออย่างดีใจ พัชรารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาว พลางตามองเด็กชายกาย พิพัฒนพงค์ บุตรชายคนโตของกอหญ้าและกริชชัย ที่ตอนนี้อายุสามขวบแล้ว “ญ่าระวังหน่อยสิ เอลี่มันเปลี่ยนชื่อแล้วนะแก” “โถ ตรงนี้มีใครที่ไหน” กอหญ้าแก้ตัว มือยังโบกไปมาอย่างดีใจ สี่ปีที่จากกัน มีเพียงการพูดคุยผ่านวีดีโอคอลพอรู้ว่าเพื่อน จะกลับมาเมืองไทยถาวร กอหญ้าก็ดีใจมากเป็นพิเศษ “แต่ถ้าน้องกาย เผลอไปพูดกับใคร แผนการที่เอลี่มันจะกลับมา มันจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มนะแก” “เออ นั่นสิ ขอโทษทีคิดไม่ถึง” “กายครับ นั่นป้าเอมี่ สวัสดีป้าสิครับ” เด็กชายกายยกมือไหว้ เสร็จแล้วก็ก้มเล่นของเล่นต่อ เอมิกาหรือเอลี่ ยิ้มก่อนใช้มือจับแก้มเด็กชายกาย ลูกชายคนโตของเพื่อนสาวคนสนิท “ต๊าย เหมือนพ่อมากเลย หล่อเป็นบ้าเลย” “น้อยๆ หน่อย” พัชราแซวเพื่อนสาว ก่อนที่สามสาว หัวเราะกัน
“คุณลองบอกความต้องการของคุณมาสิค่ะ” เอลี่ใจเต้นรัวจนรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย อดิสรลอบมองใบหน้าขาวเรียวยาวรูปไข่ รู้สึกคุ้นเคยกับอากัปกริยา พร้อมกับน้ำเสียงของหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาด เอลี่จดงานเพลินจนถลกเสื้อสูทสีดำขึ้น ทำให้สร้อยทองคำขาวโผล่ออกมาเล็กน้อย อดิสรตาโต ทำไมจะจำสร้อยข้อมือที่ทำเป็นพิเศษเพื่ออดีตคนรัก ชายหนุ่มเอื้อมมือมาคว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากแรงอย่างไม่รู้ตัว เอลี่หันหน้ามองอย่างตกใจ “เอาสร้อยนี้มาจากไหน ใครให้มา” น้ำเสียงอดิสรดุดัน ใบหน้าเครียดทันที เอลี่หรือเอมิกาใจหายวาบ แต่พยายามรวบรวมสติก่อนตอบ “สร้อยของฉัน” “สร้อยของคุณงั้นเหรอ มันเหมือนสร้อยที่ผมทำให้แฟนเหมือนมาก” อดิสรมองหน้าอีกฝ่าย อย่างคาดคั้น ก่อนพูดกับตนเองในใจ “ไม่จริง ไม่ใช่หรอกมันไม่มีความเหมือนกันสักนิด แต่อีกใจก็แปลกใจเพราะน้ำเสียง แววตา กริยาท่าทางดูเหมือนกันราวกับคนๆเดียวกัน” “พูดเรื่องงานดีกว่าค่ะ ดิฉันต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง” เอลี่เปลี่ยนเรื่องพูด “เดี๋ยวเราจะไปดูที่ไซด์งานกัน” อดิสรลุกขึ้นยืน แอบยิ้มที่มุมปากตอนแรกตั้งใจว่าจะคุยงานแค่ห้านาทีแล้วจะส่งต่อให้วิเชียร์รับไปทำต่อ แต่ตอน
“ไม่รู้สิ ว่าสงสัยไหม แต่เขาเหมือนจับผิดฉัน ยังไงฉันขอไปตั้งตัวก่อนนะแก รีบๆ มารับฉันด่วนนะพวกแก อยู่พารากอนนี้ เร็วๆเลยนะแก โอเค ขอบคุณนะเพื่อน” เอลี่เดินกลับไปที่โต๊ะ หัวใจยังเต้นรัวเร็ว กับสายตาเหมือนจับผิดเธอ ในขณะที่อดิสรรู้สึกประหลาดใจในท่าทางของหญิงสาว แต่เก็บเอาไว้ในใจ อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งนาน บรรยากาศที่คุ้นเคยแววตาท่าทางที่กระแทกหัวใจชายหนุ่มอย่างแรง อดิสรเปิดมือถือมองรูปอดีตคนรักขณะที่มองหญิงสาวรับประทานอาหารเงียบๆ เสียงของหัวใจบอกว่า “ใช่” แต่สิ่งที่เห็นภายนอกกลับไม่เหมือนกัน ผู้หญิงสาวสวยตรงหน้าผิวขาวกว่า หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน มีเพียงแววตา น้ำเสียงกริยาท่าทางที่บางครั้งกระแทกใจอดิสรอย่างแรง วิธีการรับประทานอาหารเกือบจะเหมือนกัน เอลี่รู้สึกร้อนผ่าวเมื่อรู้สึกกำลังถูกจ้องมองจากอีกฝ่าย “นี่คุณ ไม่มีใครบอกหรือไงว่าอย่ามองผู้หญิงแบบนี้” น้ำเสียงเอลี่ขุ่นเมื่อรู้สึกถูกจ้องนานกว่าสิบนาที เหมือนวัวสันหลังหวะ รู้สึกปฏิกิริยาทุกอย่างของตนเองถูกจับจ้อง “ก็คุณนั่งตรงหน้าผม คุณจะให้ผมไปมองหมู หมา กา ไก่ที่ไหนล่ะ” อดิสรรู้สึกสนุกที่ได้ยั่วอีกฝ่าย ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางแ
“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับ
เอลี่ เข้าครัวทำอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ รับประทาน อดิสรตื่นสายมากวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มคิดเรื่องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับอดีตคนรักจนทำให้นอนไม่หลับว้าวุ่นใจ ใจหนึ่งก็ยังรักอดีตคนรักมาก แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชอบมัณฑนากรหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนว่าเป็นเพราะตนเองคิดถึงอดีตคนรักมาก จนทำให้มองสิ่งที่หญิงสาว มีอะไรหรือทำอะไรก็คล้ายกับอดีตคนรักไปเสียหมด อดิสรกลุ้มใจ จนรู้สึกกดดันมากอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษครับที่ตื่นสาย คุณกำลังทำอะไร”“กำลังจะเตรียมทำขนมหวานไว้ทานหลังอาหารค่ะ เด็กๆ ขอช่วยด้วย” เอลี่อุ้มน้องแพร นั่งที่เค้าเตอร์ข้างๆ ในขณะที่ อั๋นและอ้น ยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ทำให้ร่างของเด็กชายตัวน้อย สูงเท่ากับมัณฑนากรสาว“กำลังจะทำอะไรเด็กๆ” อดิสร หอมแก้มหลานสาว อย่างรู้สึกมันเขี้ยว“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้ก ครับ ค่ะ” เด็กๆ พูดประสานเสียงกัน“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้กงั้นเหรอ” อดิสร นึกย้อนไปในอดีตที่ภูเก็ต ภาพของอดีตคนรักที่ทำของหวานแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ยังจำได้ดีว่าเป็นของหวานที่อร่อยและยังเป็นความทรงจำดีๆ ของตนเองและอดีตคนรักอดิสรเกือบจำทุกขึ้นตอนได้ เพรา
อดิสรจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอกยืนมองพระจันทร์ที่ริมระเบียงของบ้านพักตากอากาศที่เขาย้ายพามาเมื่อเช้า ชายหนุ่มพาหลานๆ และหญิงสาวไปพักที่โรงแรมในเมืองสองสามวัน แต่มีคนแนะนำให้มาพักที่บ้านพักนี้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สำคัญสามารถทำอาหารรับประทานได้แถมติดทะเล ทำให้อดิสรตกลงเช่าทันที แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่สองวันก็ตาม สามวันที่ใช้ชีวิตร่วมกันทำให้อดิสรรู้สึกผูกพันแบบประหลาดกับมัณฑนากรสาวอาจเป็นเพราะกริยาที่แสนคุ้นเคย อดิสรปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างน่ารักแม้บุคลิกภายนอกจะเปรี้ยวเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน แต่จริงๆกลับเป็นแม่บ้าน เธอเข้ากับหลานๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี อดิสรรู้สึกประหลาดใจ ทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกพิเศษๆกับผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รสนิยมของตนเอง ไปอีกแบบหนึ่ง คิดแล้วชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ” อดิสรถามเมื่อเดินเข้ามาเกือบจะยืนซ้อนหลัง เอลี่สะดุ้งแล้วเหลียวไปมอง ริมฝีปากเฉียดกันจนเอลี่รีบถอยออก“ยังไม่ง่วงค่ะ แล้วคุณล่ะ ขับรถออกมาตั้งไกลไม่เหนื่อยเหรอคะ”“ไม่ อยู่กับเด็กๆ กับคุณแล้วมีความสุขมากกว่า”“พรุ่งนี้เราไปจ่ายตลาดกัน บ่ายๆ ทำบาบีค
“จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ เอลี่ขยับออกจนชิดติดพนักโซฟา “ห้องคุณ....” “ใช่ ทำไม คุณคิดว่าคุณมีห้องที่คอนโดฯ นี้ได้คนเดียวหรือไง อีกอย่างไม่มีคนบอกคุณหรือไง ว่า เดอะริวเวอร์ไซด์ เป็นโครงการของกรณ์วิภาค ไอ้การที่ผมจะมีเพนส์เฮ้าส์ที่นี้ก็ไม่แปลก” “ก็บ้านคุณอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเอง” เอลี่ตอบเร็ว แต่ทำให้อดิสรเหลียวกลับมามองหญิงสาวที่ตรงหน้าราวกับตกตะลึงในคำตอบ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมมีบ้านอีกหลังใกล้ๆ นี้” อดิสรชะโงกใบหน้าจนเกือบไปชิดกับใบหน้าของหญิงสาวอย่างทั้งประหลาดใจ ตกใจ หัวใจอดิสรเต้นแรงและเร็ว บ้านหลังที่ว่าเป็นบ้านหลังเดียวที่เกือบเหมือนถูกปิดตายตั้งแต่อดีตคนรักหนีไปต่างประเทศ อดิสรเวลาคิดถึงก็จะแวะไปดูบ้าง นานๆครั้งไปนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ยังใส่เหมือนเดิม ผ่านมาสี่ปีก็ยังมีคนเข้าไปทำความสะอาด แต่นี่เกือบสี่ห้าเดือนนี้ไม่ได้แวะไปดูอีกเลย อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ประจวบเหมาะกับว่างเมื่อไหร่ก็จะหาเวลาไปขลุกอยู่กับหลานๆ ทำให้อดิสรเกือบจะลืมบ้านที่เคยอยู่ร่วมอดีตคนรักร่วมปี จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้ามาสะกิดต่อม ทำให้อดิสรรู้สึก
กรุงเทพฯ ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี ร้านอาหาร vertigo grill and moon bar ร้านอาหารติดท๊อปไฟล์ร้านอาหารที่ดีและโรแมนติก สำหรับคู่รักที่สามารถเห็นบรรยากาศสามร้อยหกสิบองศาของกรุงเทพฯ เอลี่หรือชื่อใหม่ เอมิการู้สึกแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเลือกสถานที่นี้เป็นที่นัดรับประทานอาหาร ตอนแรกหญิงสาวก็ลังเลว่าจะมาหรือไม่ แต่ในเมื่อตกปากรับคำว่าจะรับเดท ทำให้เอลี่ตัดสินใจที่จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายชาวต่างประเทศตามลำพัง แต่ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อมิสเตอร์ฟิลิปเลือกสถานที่สุดแสนโรแมนติค ระหว่างรอเจ้านายที่ออกไปคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวมองบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลิน ๆ วันนี้เอลี่แต่งชุดเดรสสีขาว ทำให้ขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูอ่อนหวาน ผมรวบไปข้างบนแต่ปล่อยย้อยระย้า ทำให้ดูอ่อนหวานปนๆ เซ็กซี่ เจ้านายหนุ่มไปรับเธอมาจากคอนโดฯ ที่เค้าเช่าให้เธอ ตอนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง เดอะริเวอร์ไซด์ถือว่าเป็นคอนโดฯ ที่หรูพอสมควรสำหรับตำแหน่งหน้าที่ของเธอ แต่อาจเป็นเพราะว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ซึ่งเอลี่หรือเอมิการู้สึกเริ่มอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้ เธอจะบอกเขาว่ายังไงว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกเพราะทั้งตัวและหั
เอลี่หอบโน๊ตบุ๊คพร้อมกระเป๋าใบโต ด้วยอาการมึนๆ งงๆ อาจเป็นเพราะเร่งทำงานตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวานเพิ่งจะมาเสร็จตอนรุ่งเช้า ทำให้มัณฑนากรสาวรู้สึกมึนๆ งงๆ ผะอืดผะอมเล็กน้อย นึกอยากบีบคออดีตคนรักอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่าย เมื่อมาหยุดหน้าห้องเอ็มดี หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับเลขาสาววัยกลางคน พร้อมกับชี้ไปที่ห้องของชายหนุ่ม “ดิฉันมาพบกับคุณอดิสรค่ะ ท่านให้เอางานมาให้ดูค่ะคุณภัท” เอลี่พูดน้ำเสียงอ่อนหวานกับผู้ร่วมงานที่สูงวัยกว่า “คุณสรไม่อยู่ค่ะ บินด่วนไปฮ่องกงเมื่อเช้า พอดีต้องมีงานดิวกับลูกค้าพิเศษงานด่วนค่ะ” “อะไรนะคะ ไม่อยู่” เอลี่ร้องเสียงหลง “ค่ะ ไม่อยู่” “กี่วันค่ะคุณภัท” น้ำเสียงของมัณฑนากรสาวอ่อยลง หญิงสาวนึกใจหาย แล้วนึกอยากหยิกตัวเองที่ยังคิดถึงเขา และใจหายเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน “เอ ไม่ทราบนะคะไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่ดิฉันจะอีเมล์ไปเรียนท่านให้นะคะว่าคุณมาหา” “ขอบคุณค่ะ” เอลี่เดินกลับห้อง ด้วยหัวใจที่เบาโหวงเหมือนร่างกายและหัวใจไม่ได้อยู่ในเรือนร่างเดียวกัน หญิงสาว เดินเข้าห้องทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ หญิงสาวเดินมาหยุดที่ริมหน้าต่าง มอ
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด