คอนโดริเวอร์ไซด์
เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ โดยเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ชายหนุ่มจะใช้เวลากับครอบครัวตลอด โดยจะไม่ค่อยปล่อยให้ภรรยาสาวไปไหนมาไหนคนเดียวเลย “แอบหนีมานะสิ ไว้เดี๋ยวค่อยไปง้อ คุณกริชนอนอยู่ยังไม่ตื่น แอบหนีมากับพัช” หญิงสาวหัวเราะเมื่อนึกได้ว่าป่านนี้ชายหนุ่มคงอาละวาดบ้านแทบพัง “บ้าจริง ญ่าเนี่ย เอาล่ะทานเค้กเร็ว นี่เราทำเองเลยนะเมื่อวาน” “ขอบใจมากนะญ่า รักเธอสองคนมากกก” เอลี่หอมแก้มเพื่อนสาวทั้งสอง คนละที “กินเค้กกันดีกว่า ยิ่งมีเวลาน้อยเดี๋ยวไปเที่ยวกันต่อ วันนี้มาเพื่อเอลี่เลย” กอหญ้าซบหน้ากับไหล่เพื่อนสาว “นี่จะตียาวเลยเหรอ ไม่กลัวคุณกริชหรือไง” “ไว้ค่อยไปง้อ คุณกริชไม่เคยโกรธญ่านานหรอก” กอหญ้าพูดแล้วยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าบึ้งๆ ของสามี แล้วนึกขำ สามสาวคุยกับเซ็งแซ่ แย่งกันพูด ก่อนจะตกใจเมื่อมือที่กำลังจะตัดเค้ก ต้องหยุดนิ่ง เมื่อมีเสียงกริ่งที่หน้าห้อง “ใครมานะแก” พัชราถาม “ญ่า แกไปเปิดสิ แกอยู่ใกล้ประตู” “โอเค ใครนะมาวันอาทิตย์ แถมขึ้นมาบนนี้ได้ต่างหาก” กอหญ้าพูด พลางเปิดประตู แล้วก็ตกใจเมื่อชายหนุ่มที่มากดกริ่ง คือ อดิสร กรณ์วิภาค “พี่สร...” กอหญ้าร้องเสียงดัง ตาโต “ใครมาไอ้ญ่า” พัชราชะโงกหน้ามา แล้วก็ต้องตกใจเป็นคนที่สอง “อ้าว ญ่า อยู่นี่ด้วยเหรอมาทำอะไรวันนี้วันอาทิตย์นี่” “เออ เออ มาวันเกิดเพื่อนค่ะ” “วันเกิดใคร” อดิสรน้ำเสียงเข้ม “วันเกิดฉันเอง” เอลี่หรือเอมิกา ตอบให้แทน “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงเอลี่เคร่งขรึม “วันนี้วันเกิดคุณ” อดิสรทำเสียงแหลมขึ้นอย่างแปลกใจ กอหญ้ารีบถอยหลัง ปล่อยให้ชายหนุ่มและเพื่อนสาวคุยกัน “น่าแปลกนะ มีใครคนหนึ่งก็เกิดวันนี้เหมือนคุณเลย น่าแปลกจริง วันเดียวกัน เดือนเดียวกัน อย่าบอกนะว่าปีเดียวกัน” อดิสรก้าวเท้าเข้ามาใกล้หญิงสาว เอลี่ตกใจที่เผลอตอบไป จนอยากตบปากตัวเอง แต่หญิงสาวรีบปรับอารมณ์เอ่ยถามชายหนุ่มเบาๆ “ใครค่ะ เกิดวันนี้” เอลี่หรือเอมิกากลั้นใจถาม “แฟนเก่าผม เอลี่ จริงไหมญ่าวันเกิดเอลี่ นี่เมื่อเช้าพี่ก็เพิ่งไปทำบุญมา” กอหญ้า เอลี่ ทำหน้าตกใจ “ว้าว พี่สรไปทำบุญมาด้วย ไม่น่าเชื่อ” กอหญ้าเอ่ยแซว “พี่ก็ทำบุญวันเกิดให้เขาทุกปี เราไม่รู้เอง ว่าแต่วันนี้ทำเค้กมาเองใช่ไหมยัยญ่า กำลังอยากกินพอดี ขอพี่กินด้วยคน ขอกาแฟผมแก้วสิ คุณเอมิกา” ท้ายประโยชน์อดิสรหันไปพูดกับมัณฑนากรสาว แววตาคมเข้ม กอหญ้าตกใจหน้าซีดเพราะจำได้ว่าตัวเองเขียนชื่อเล่นเพื่อนไว้หน้าเค้ก ในขณะที่เอลี่มองเห็นหน้าเพื่อนพอจะนึกอะไรออกก็ หน้าเริ่มซีด รีบเดินเข้าไปขวางเมื่อชายหนุ่มจะเดินไปโต๊ะกลางที่วางเค้ก “นี่คุณ ใครเชิญไม่ทราบถ้าคุณไม่มีธุระฉันขอเวลาส่วนตัวกับเพื่อน” เอลี่หรือเอมิกา กลั้นใจทำเสียงแข็ง อดิสรมองหน้ากอหญ้าและเอมิกาสลับกันไปมา แล้วรู้สึกสัญญาณอะไรบางอย่างที่น่าสงสัย ชายหนุ่มผลักร่างหญิงสาวออกเบาๆ “มีอะไรมีพิรุธกันนะเนี่ย” อดิสรตรงไปที่โต๊ะเปิดกล่องเค้ก ในขณะที่กอหญ้าและเอลี่สีหน้าตกใจพอๆกัน กอหญ้ารีบคว้าแขนอดิสรอย่างเร็ว “เดี๋ยวค่ะพี่สร คุยกันก่อน” ใบหน้าหญิงสาวเริ่มซีด เพราะตัวเองเขียนชื่อเล่นเพื่อนสาว ไว้กลางเค้กตัวใหญ่มาก และเป็นประจำทุกปีที่จะมีเชอรี่ รอบตัวหนังสือเป็นชื่อเล่น เพราะเป็นผลไม้โปรดปรานของ เพื่อนสาวคนสนิท เอลี่หรือเอมิกา รีบเดินตามเพราะพอนึกภาพออกเหมือนกัน นาทีต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น อดิสรขมวดคิ้ว มองสองสาวที่ท่าทางมีพิรุธชัดเจน อย่างสงสัย ชายหนุ่มแกะมือหญิงสาวที่เปรียบเสมือนน้องสาวจริงๆ ออกอย่างนุ่มนวล ขมวดคิ้วหรี่ตาและมองหน้ากอหญ้าอย่างจริงจัง “ญ่า มีพิรุธนะเนี่ย มีอะไรซ่อนไว้ที่เค้กแล้วพี่ดูไม่ได้ มีความลับกับพี่ชายได้ไง” อดิสรต่อว่า แล้วโอบเอวน้องสาวให้เดินตามไปด้วย เอลี่หรือเอมิกา เริ่มเหงื่อแตก ก้าวเท้ายาวหมายจะให้เร็วกว่าชายหนุ่ม แต่อดิสรหัวเร็วและมือไว รีบคว้ามือหญิงสาวเอาไว้ “นี่ จริงๆนะ คุณสองคนมีพิรุธมากนะเนี่ย มีอะไรปิดบังผมพูดมา” “ไม่นี่คะ” เอลี่ตอบ ขณะที่กอหญ้าส่ายหน้า “เดี๋ยวก็รู้กัน” อดิสรปล่อยมือจากเอวหญิงสาวที่เปรียบเสมือนน้องสาว เพราะแม่อุ้มบุญของเขาก็คือ แม่แท้ๆ ของกอหญ้าจึงไม่แปลกที่อดิสรจะรักกอหญ้าเสมือนน้องสาวที่คลานตามกันออกมา ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ผมน้องสาว “ไหนมาดูสิ ฝีมือพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ไอ้เค้กนี้มันมีอะไร ทำไมถึงทำหน้าตาแปลกๆ” เอลี่หันไปมองกอหญ้าอย่างตกใจ มือของหญิงสาวชื่นเหงื่อ หัวใจเต้นแรงราวจะระเบิดออกมา ก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มซึ่งเป็นเพียงรักเดียวของเธอแล้วคาดเดาเหตุการณ์ไปต่างๆ นาๆ ในขณะที่กอหญ้าหลับตา อดิสรเปิดกล่องเค้ก แล้วขมวดคิ้ว “อ้าว ตัดเค้กกันไปแล้วเหรอ” อดิสรหันหน้าไปถามกอหญ้าที่ลืมตาขึ้นทันควัน เธอจำได้ว่าตอนก่อนไปเปิดประตู ยังไม่ได้ตัดเค้กกันเลย หญิงสาวมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะยิ้มออก เมื่อเห็นเพื่อนสาวอีกคนเดินออกมาจากห้องครัว “โอ๊ย ญ่า เค้กแกนี่อร่อยสม่ำเสมอ ขอโทษนะเพื่อนที่ไม่ได้รอ พัชขอกินก่อนล่ะกัน ไม่ถือใช่ไหม ไอ้ตรงนี้มันมีเชอรี่เยอะ ขอตัดไปกินก่อนล่ะ” พัชราจ้องมองหน้าเอลี่อย่างที่รู้กัน หญิงสาวแอบได้ยินบทสนทนาของบุคคลสามคน จึงรีบมาตัดเค้กส่วนที่จะทำให้เป็นเรื่องออกก่อน แบบเส้นยาแดงฝ่าแปด เค้กจึงเหลืออักษรเอแค่ตัวเดียว ตัวหนังสือที่จะทำให้เป็นเรื่องพัชราก็ตัดออกมากินจนหมด เอลี่ หันไปมองขอบคุณเพื่อนสาว อย่างที่รู้กันดีว่าสื่อความหมายกันอย่างไร ในขณะที่พัชรายิ้มที่แผนการของเธอสามารถทำให้เพื่อนหลุดรอดมาได้ ในขณะที่กอหญ้าเป่าปากอย่างโล่งอก “พี่สร เอาสักชิ้นไหมคะ” กอหญ้าถามเสียงหวาน “ก็ดีเหมือนกัน” อดิสร มองสามสาว อย่างไม่หมดความสงสัย สังเกตยังไงก็ดูรู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้มันมีพิรุธ แปลกๆ แต่อดิสรก็หาสาเหตุยังไม่ได้ว่า เรื่องอะไร เพียงแต่สังหรณ์ใจแปลกๆ ชายหนุ่มรับจานเค้กมา แล้วไปนั่งที่เก้าอี้ ในขณะที่สามสาวก็ไปนั่งรวมกันที่โซฟาตัวยาว อดิสรมองหน้าหญิงสาวทีละคน ทีละคน อย่างสงสัยในท่าทางที่ไม่ปกติ “แหม พี่สร จ้องอะไรนักหนา บอกมาเลยเค้กอร่อยไหม” กอหญ้าเอ่ยถามหลังรู้สึกเหมือนถูกเอ็กซเรย์จากพี่ชาย “มาตรฐานของญ่าไม่มีตกอยู่แล้ว อร่อย อืมแล้วอะไรเกิดขึ้นคุณกริชถึงปล่อยให้เมียสุดที่รัก มาเพ่นพ่านแถวนี้ในวันอาทิตย์” อดิสรถามอย่างรู้สึกสงสัย เป็นที่รู้กันในวงญาติ และเพื่อนๆ ว่า กริชชัยเป็นคนที่หวงเมียมาก โดยเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ชายหนุ่มจะสงวนให้ลูกและเมีย จึงไม่บ่อยนักที่จะได้เจอกอหญ้า ในวันสุดสัปดาห์ “ไม่อยากบอกเลยว่าหนีมาค่ะ สนุกจัง ไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ แบบนี้นานแล้ว เป็นเด็กดีในกรอบนาน พอดีน้องกันต์ไปอยู่บ้านคุณยาย ญ่าเลยฟรีไงคะพี่สร ว่าแต่พี่สรเถอะมาทำอะไรห้องเพื่อนญ่าเนี่ย” กอหญ้าเล่าไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน “ตอนแรกว่าจะชวนคุณเอมิกา ไปเยี่ยมแม่ของเด็กๆ ที่โรงพยาบาล” เอลี่มองหน้าชายหนุ่ม อย่างตกใจ แต่อดิสรชิงตัดหน้าพูดก่อน “คุณรู้หรือเปล่าว่าผมกับญ่า เรามีแม่คนเดียวกัน ผมเปรียบเสมือนพี่ชายเขานะ เพราะแม่อุ้มบุญของผมคือแม่ของญ่า” “เออ ไม่รู้ค่ะ” เอลี่ตอบเสียงฉะฉาน เธอโกหกทำไมจะไม่รู้ล่ะ ประวัติของชายหนุ่มอยู่ในหัวสมองของเธอทุกอย่าง “เท่าที่ผมจำได้ ผมไม่เคยรู้เลยว่าญ่ามีเพื่อนเป็นมัณฑนากร แล้วยิ่งคุณ ไม่เคยเห็นไปเที่ยวที่บ้านเลย ปกติพวกเพื่อนๆ ญ่า ผมรู้จักเกือบทุกคน” อดิสรจ้องมอง เอลี่ อย่างจริงจัง “แหมพี่สร ไม่จริงหรอก เพื่อนญ่าตั้งหลายคน ที่ญ่าไม่เคยพาไปที่บ้าน” กอหญ้าเถียงแทนเพื่อนสาวทันที “ตกลงคุณกับญ่า รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” อดิสรนั่งกึ่งเอนที่โซฟา ตาจ้องมอง ทั้งน้องสาวตนเองและหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังรู้สึกพิเศษด้วย “มัธยมค่ะ” “มหาลัย” กอหญ้าตอบมหาลัย ในขณะที่เอลี่ตอบมัธยม หญิงสาวทั้งคู่ตอบพร้อมกัน แต่ไม่เหมือนกันทำให้อดิสรหรี่ตามองสองสาว สลับกันไปมา “สรุป มัธยม หรือ มหาลัย” อดิสรขยับนั่งตรงแล้วจ้องมองสองสาว นิ่งนาน “มี่ จำผิดแล้ว เรารู้จักกันตอนมหาลัยไงล่ะ ไม่ใช่มัธยมสักหน่อย เธอนี่ ชอบลืมตลอด” กอหญ้ารีบตอบพลางส่งสายตาให้เพื่อนสาว “นี่คุณ มีธุระอะไรถึงมาหาฉันวันอาทิตย์ นั่งสอบเป็นนายทะเบียนอยู่ได้ นี่วันอาทิตย์นะคุณ อย่าบอกว่ามาถามเรื่องงานนะ” “เปล่า ผมตั้งใจมาชวนไปรับเด็กๆที่บ้าน ไปเยี่ยมแม่เขาที่โรงพยาบาล” “มารับฉัน ไปเยี่ยมภรรยาคุณเนี่ยนะ” เอลี่หรือเอมิการ้องเสียงหลง “ทำไม การที่ผมมารับคุณ ไปเยี่ยมแม่ของเด็กๆ มันผิดหรือไง ทำเสียงดังไปได้” อดิสร ยิ้มที่มุมปากแล้วรู้สึกขำหน้าตาของหญิงสาว “คุณต้องบ้าแน่ๆ เชิญคุณกลับไปเถอะ วันนี้ฉันติดธุระกับเพื่อนๆ ไม่ว่างจะไปเป็นเพื่อนคุณ” “โอเค ไว้วันหลังแล้วกันนะ” อดิสรสปริงตัวลุกขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามานั่งนานเกินไป เพราะเกือบได้เวลาที่นัดว่าจะไปรับหลานๆ ที่บ้านเพื่อไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล ตามคำบอกเล่าของน้องชายฝาแฝด ว่าแยมร้องเรียกจะหาลูกๆตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา อดิสรจึงรับปากกับน้องชายฝาแฝดว่าจะเป็นธุระไปรับหลานๆ เอามาส่งที่โรงพยาบาลให้ หลังจากอดิสรกลับไปได้ไม่นาน ทั้งพัชรา และกอหญ้า ก็จับตัวเอลี่ หรือเอมิกา ทันที “เล่ามาสิ ทำไมพี่สร ถึงรู้ว่าแกมีคอนโดฯ ที่นี่ แล้วทำไมแกถึงดูสนิทกับพี่สรมากขนาดนี้ เล่ามาให้หมด ดีเทลด้วยนะเอลี่ ห้ามปิดบังเพื่อน” กอหญ้าส่งเสียงขู่ เพราะดูๆแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาวกับอดิสร ชายหนุ่มที่เธอนับถือราวพี่ชาย มันไม่ปกติธรรมดา “จริงอย่างที่ญ่าพูด เล่ามาให้เกลี้ยงเลยเอลี่” พัชราพูดเสริม หลังจากนั้น เอลี่ก็เล่าทุกอย่างให้เพื่อนทั้งสองฟัง อย่างไม่ปิดบัง “โอ๊ย จะเป็นลม นี่แกไปทะเลกับพี่สรมาห้าวัน แถมไปเลี้ยงลูกให้เขาอีกต่างหาก แกบ้าหรือดีฮะ เอลี่ แกก็รู้ สุดท้ายแล้วแกก็ต้องเจ็บ” กอหญ้าร้องรำพัน “ฉันไม่ได้อยากไป เขาบังคับในตอนแรก แต่หลังๆ ฉันก็มีความสุขนะที่ได้อยู่ใกล้เขา อย่าห้ามฉันเลยนะญ่า ฉันยังรักเขา ใช่ฉันยังรักพี่สรอยู่ แม้ฉันจะรู้ว่าเขามีภรรยาและลูกแล้ว ฉันก็แค่อยากอยู่ใกล้เขาแค่นั้นเองแกอย่าด่าฉันเลยนะญ่า พัช” “เออ ตามใจแกแล้วกัน ลืมๆ เรื่องนี้เถอะ ว่าแต่วันนี้เราไปไหนกันดี วันนี้ลุยเลยญ่าว่าง ไม่เช้าไม่กลับ” “เฮ้ย เอางั้นเหรอ” “อืม ทางสะดวก ตอนนี้น้องกันต์ไปอยู่กับแม่ ยิ่งสบาย” “แล้วคุณกริชล่ะ ตอนนี้คงตื่นแล้วคงอาละวาดบ้านแตกไปแล้ว” พัชราเอ่ยถาม รู้สึกสยองแทนเพื่อนสาว“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
สี่ปี ผ่านไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เอมิกา โทมัสหรืออดีตช่างแต่งหน้า หรือที่รู้จักในกลุ่มเพื่อนชื่อว่าเอลี่เข็นรถที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบ ตามองหาเพื่อนรัก ก่อนจะโบกมือเมื่อเห็นสองสาวและหนึ่งหนุ่มน้อยยืนรอใบหน้ายิ้มแย้ม “เฮ้...เอลี่ ทางนี้” กอหญ้าตะโกนพร้อมโบกมืออย่างดีใจ พัชรารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาว พลางตามองเด็กชายกาย พิพัฒนพงค์ บุตรชายคนโตของกอหญ้าและกริชชัย ที่ตอนนี้อายุสามขวบแล้ว “ญ่าระวังหน่อยสิ เอลี่มันเปลี่ยนชื่อแล้วนะแก” “โถ ตรงนี้มีใครที่ไหน” กอหญ้าแก้ตัว มือยังโบกไปมาอย่างดีใจ สี่ปีที่จากกัน มีเพียงการพูดคุยผ่านวีดีโอคอลพอรู้ว่าเพื่อน จะกลับมาเมืองไทยถาวร กอหญ้าก็ดีใจมากเป็นพิเศษ “แต่ถ้าน้องกาย เผลอไปพูดกับใคร แผนการที่เอลี่มันจะกลับมา มันจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มนะแก” “เออ นั่นสิ ขอโทษทีคิดไม่ถึง” “กายครับ นั่นป้าเอมี่ สวัสดีป้าสิครับ” เด็กชายกายยกมือไหว้ เสร็จแล้วก็ก้มเล่นของเล่นต่อ เอมิกาหรือเอลี่ ยิ้มก่อนใช้มือจับแก้มเด็กชายกาย ลูกชายคนโตของเพื่อนสาวคนสนิท “ต๊าย เหมือนพ่อมากเลย หล่อเป็นบ้าเลย” “น้อยๆ หน่อย” พัชราแซวเพื่อนสาว ก่อนที่สามสาว หัวเราะกัน
“คุณลองบอกความต้องการของคุณมาสิค่ะ” เอลี่ใจเต้นรัวจนรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย อดิสรลอบมองใบหน้าขาวเรียวยาวรูปไข่ รู้สึกคุ้นเคยกับอากัปกริยา พร้อมกับน้ำเสียงของหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาด เอลี่จดงานเพลินจนถลกเสื้อสูทสีดำขึ้น ทำให้สร้อยทองคำขาวโผล่ออกมาเล็กน้อย อดิสรตาโต ทำไมจะจำสร้อยข้อมือที่ทำเป็นพิเศษเพื่ออดีตคนรัก ชายหนุ่มเอื้อมมือมาคว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากแรงอย่างไม่รู้ตัว เอลี่หันหน้ามองอย่างตกใจ “เอาสร้อยนี้มาจากไหน ใครให้มา” น้ำเสียงอดิสรดุดัน ใบหน้าเครียดทันที เอลี่หรือเอมิกาใจหายวาบ แต่พยายามรวบรวมสติก่อนตอบ “สร้อยของฉัน” “สร้อยของคุณงั้นเหรอ มันเหมือนสร้อยที่ผมทำให้แฟนเหมือนมาก” อดิสรมองหน้าอีกฝ่าย อย่างคาดคั้น ก่อนพูดกับตนเองในใจ “ไม่จริง ไม่ใช่หรอกมันไม่มีความเหมือนกันสักนิด แต่อีกใจก็แปลกใจเพราะน้ำเสียง แววตา กริยาท่าทางดูเหมือนกันราวกับคนๆเดียวกัน” “พูดเรื่องงานดีกว่าค่ะ ดิฉันต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง” เอลี่เปลี่ยนเรื่องพูด “เดี๋ยวเราจะไปดูที่ไซด์งานกัน” อดิสรลุกขึ้นยืน แอบยิ้มที่มุมปากตอนแรกตั้งใจว่าจะคุยงานแค่ห้านาทีแล้วจะส่งต่อให้วิเชียร์รับไปทำต่อ แต่ตอน
“ไม่รู้สิ ว่าสงสัยไหม แต่เขาเหมือนจับผิดฉัน ยังไงฉันขอไปตั้งตัวก่อนนะแก รีบๆ มารับฉันด่วนนะพวกแก อยู่พารากอนนี้ เร็วๆเลยนะแก โอเค ขอบคุณนะเพื่อน” เอลี่เดินกลับไปที่โต๊ะ หัวใจยังเต้นรัวเร็ว กับสายตาเหมือนจับผิดเธอ ในขณะที่อดิสรรู้สึกประหลาดใจในท่าทางของหญิงสาว แต่เก็บเอาไว้ในใจ อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งนาน บรรยากาศที่คุ้นเคยแววตาท่าทางที่กระแทกหัวใจชายหนุ่มอย่างแรง อดิสรเปิดมือถือมองรูปอดีตคนรักขณะที่มองหญิงสาวรับประทานอาหารเงียบๆ เสียงของหัวใจบอกว่า “ใช่” แต่สิ่งที่เห็นภายนอกกลับไม่เหมือนกัน ผู้หญิงสาวสวยตรงหน้าผิวขาวกว่า หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน มีเพียงแววตา น้ำเสียงกริยาท่าทางที่บางครั้งกระแทกใจอดิสรอย่างแรง วิธีการรับประทานอาหารเกือบจะเหมือนกัน เอลี่รู้สึกร้อนผ่าวเมื่อรู้สึกกำลังถูกจ้องมองจากอีกฝ่าย “นี่คุณ ไม่มีใครบอกหรือไงว่าอย่ามองผู้หญิงแบบนี้” น้ำเสียงเอลี่ขุ่นเมื่อรู้สึกถูกจ้องนานกว่าสิบนาที เหมือนวัวสันหลังหวะ รู้สึกปฏิกิริยาทุกอย่างของตนเองถูกจับจ้อง “ก็คุณนั่งตรงหน้าผม คุณจะให้ผมไปมองหมู หมา กา ไก่ที่ไหนล่ะ” อดิสรรู้สึกสนุกที่ได้ยั่วอีกฝ่าย ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางแ
คอนโดฯ ริมน้ำชื่อดัง เอลี่ เปิดประตูให้เพื่อนสาวสองคนเข้ามา หญิงสาวเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง “โอ๊ย น่ากลัวเป็นบ้าเลย พี่สรน่ากลัวมากแก นี่ฉันจะหลอกเขาได้อีกนานไหม เขาจ้องฉันตลอดเวลาที่เรากินข้าวเลยแก” “บอกแกแล้วไงว่าพี่สรไม่ได้โง่ แล้วเขารู้จักแกดียิ่งกว่าแกรู้จักตัวเองอีก” กอหญ้าตบที่ไหล่เพื่อนสาว ที่ตอนนี้แม้ศัลยกรรมจะช่วยให้เพื่อนสาวเปลี่ยนไปราวกับคนละคน แต่คนที่ใกล้ชิดกันมากๆ ก็ต้องสังเกตเห็นว่าสองคนนี้มีอะไรที่เหมือนกัน “ตายแน่ เอลี่ นี่แกต้องทำงานนี้กับพี่สรกี่เดือนกัน แผนการแก้แค้นของแก สงสัยจะโดนตลบหลังแน่ๆ” พัชราพูดจบก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน เมื่อมองใบหน้าที่เครียดของเพื่อนสาวคนสนิท “สามเดือน คงเป็นสามเดือนที่แสนอึดอัด” เสียงโทรศัพท์มือถือกอหญ้าดังขึ้น หญิงสาวถอนหายใจก่อนเดินหลบไปอีกมุมหนึ่ง ในขณะที่พัชราหลุดหัวเราะ “สงสัยคุณกริชโทรตามล่ะ อันนี้ก็เหมือนกันห่างกันหน่อยไม่ได้ นี่ครั้งที่สี่แล้วนะแก ฉันว่าฉันเอาญ่าไปส่งก่อนนะ ไม่อยากมีปัญหากับพี่เขย..” เสียงพัชราหัวเราะเมื่อเห็นกอหญ้ากำลังเฟสไทม์กับสามี “นี่คอนโดฯแกยังดีนะที่มีสัญญาณ wifi ตอนที่อยู่ที่ห้างแล้วญ่าหาส
เอลี่หันมาเปิดกระเป๋า แล้วหยิบไอแพดขึ้นมา “อย่าเพ้อเจ้อ รีบๆ ทำงานจะได้ไปรับงานอื่น แล้วเรากับเขาจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อย่าฟุ้งซ่าน ทำงาน ทำงานสิ” เอลี่หรือเอมิกาบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปเปิดไฟล์ข้อมูลของโครงการ แล้วลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่น ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงอดิสรเปิดประตูเข้ามา เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม่นกับงานตรงหน้า รองเท้าส้นสูงถูกถอดวางไว้มุมข้างๆ โต๊ะ รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคน จึงทำงานเพลิดเพลิน ในขณะที่อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประทับใจ ในชีวิตเจอผู้หญิงมามากมายในแวดวงสังคม ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัว ช้อปปิ้งทำงานสังคม เล็กๆน้อยๆ แต่มีเพียงหญิงสาวไม่กี่คน ที่ทำงานจริงจัง มาเห็นอีกครั้งก็หญิงสาวตรงหน้า อดิสรเดินเข้ามาเงียบๆ มองกระดาษที่กระจัดกระจายเต็มโต๊ะ มือของหญิงสาวก็กดคีย์ข้อมูล ใบหน้าทั้งก้มลงกระดาษ มือก็จับคีย์บอร์ด จนไม่ได้ยินเสียงบุคคลที่สามที่เข้ามาในห้อง “นี่คุณ...ไปกันได้แล้ว ผมนัดช่างไว้ ตอนบ่ายโมง” อดิสรเคาะโต๊ะ เบาๆ เอลี่เงยหน้ามอง ก่อนจีบปากพูด “นี่คุณจะเข้ามาก็เคาะประตูให้เจ้าของห้องรู้ตัวก่อนสิคะ ไม่ใช่เข้ามาราวกับห
“แล้วรถดิฉัน” “เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถขับมาส่งให้คุณที่คอนโดฯ ถ้าย้อนกลับไปกลับมาคงดึกแน่ๆ กว่าจะถึงบ้าน” น้ำเสียงชายหนุ่มเรียบแต่แฝงความมีอำนาจ บรรยากาศภายในรถเงียบ อดิสรเหลียวไปมองหญิงสาวที่นั่งชิดหน้าต่าง หันหน้าออกนอกหน้าต่างแทบตลอดเวลาที่ออกจากร้านกาแฟ อดิสรเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เพลงที่ดังขึ้นทำให้บรรยากาศในรถยิ่งเงียบกริบ เอลี่หันหน้าหนี กระพริบตาเพราะรู้สึกขอบตาร้อน ยิ่งฟังเพลงนี้ทำให้เอลี่รู้สึกแผลที่เริ่มแห้งกรัง เหมือนโดนทิงเจอร์ราด มันปวดแสบร้อน เอลี่จิกเล็บที่ขา เพลง “ I’m your” ทำให้เอลี่น้ำตาไหลอย่างไม่อาจห้ามใจได้ เอลี่รีบปาดน้ำตา อดิสรหันมาเจอถึงกับอึ้ง “นั่นคุณร้องไห้เหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงแสดงความห่วงใย ทำให้เอลี่ยิ่งปวดร้าว รถเลี้ยวเข้าที่ลานจอดรถของคอนโดฯ ริมแม่น้ำชื่อดัง the riverside “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” น้ำเสียงสั่นเครือ ทำให้อดิสรขมวดคิ้ว “คุณร้องไห้ยังงั้นเหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงห่วงใย ทำให้เอลี่อึ้งริมฝีปากสั่น ตาจ้องตาในระยะใกล้ อดิสรจ้องมองริมฝีปากบางสีชมพูตะลึง เอลี่แทบจะลืมหายใจเมื่อริมฝีปากชายหนุ่มประทับที่ริมฝีปากบางนุ่มนวล ชา
เอลี่หันมาเปิดกระเป๋า แล้วหยิบไอแพดขึ้นมา “อย่าเพ้อเจ้อ รีบๆ ทำงานจะได้ไปรับงานอื่น แล้วเรากับเขาจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อย่าฟุ้งซ่าน ทำงาน ทำงานสิ” เอลี่หรือเอมิกาบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปเปิดไฟล์ข้อมูลของโครงการ แล้วลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่น ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงอดิสรเปิดประตูเข้ามา เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม่นกับงานตรงหน้า รองเท้าส้นสูงถูกถอดวางไว้มุมข้างๆ โต๊ะ รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคน จึงทำงานเพลิดเพลิน ในขณะที่อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประทับใจ ในชีวิตเจอผู้หญิงมามากมายในแวดวงสังคม ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัว ช้อปปิ้งทำงานสังคม เล็กๆน้อยๆ แต่มีเพียงหญิงสาวไม่กี่คน ที่ทำงานจริงจัง มาเห็นอีกครั้งก็หญิงสาวตรงหน้า อดิสรเดินเข้ามาเงียบๆ มองกระดาษที่กระจัดกระจายเต็มโต๊ะ มือของหญิงสาวก็กดคีย์ข้อมูล ใบหน้าทั้งก้มลงกระดาษ มือก็จับคีย์บอร์ด จนไม่ได้ยินเสียงบุคคลที่สามที่เข้ามาในห้อง “นี่คุณ...ไปกันได้แล้ว ผมนัดช่างไว้ ตอนบ่ายโมง” อดิสรเคาะโต๊ะ เบาๆ เอลี่เงยหน้ามอง ก่อนจีบปากพูด “นี่คุณจะเข้ามาก็เคาะประตูให้เจ้าของห้องรู้ตัวก่อนสิคะ ไม่ใช่เข้ามาราวกับห
“น่า ...เดี๋ยวเรามีวิธีจัดการเอง คุณกริชนะ อ้อนๆหน่อย ไม่มีปัญหา” กอหญ้าตอบ พลางยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคงโกรธที่ตื่นมาไม่เจอตนเอง “งั้น ลุยเลยเรา ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยไปฉลองกันร้านเดิม” พัชราเอ่ยอย่างนึกสนุก เธอก็ไม่มีห่วง เพราะต้นตาลไปประชุมที่สิงคโปร์ ดังนั้นเธอจึงว่างที่พร้อมจะลุยกับเพื่อนๆ อีกสองคน ระหว่างทางที่อดิสร เดินทางไปวิภาคกรณ์ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แล้วนึกสงสัยอะไรบางอย่าง “ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ชอบทำอาหารเหมือนกัน พูดยังเหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันล่ะ เป็นไปไม่ได้มันต่างกันเกินไป” อดิสรพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคือใครกันแน่ คุณเอมิกา โทมัส” บ้านพิพัฒนพงค์ กริชชัยตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อคืนกลับดึกมาก หลังจากลุยงานที่โรงแรมอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ตื่นขึ้นมา แล้วไม่เจอภรรยา ชายหนุ่มเดินตามหาภรรยาสาว เกือบรอบบ้าน “พี่หวานครับ พี่หวาน มีใครอยู่บ้าง” น้ำเสียงกริชชัยเริ่มหงุดหง
คอนโดริเวอร์ไซด์ เอลี่ยืนมองเหม่อวิวนอกหน้าต่าง แล้วรู้สึกเศร้า ห้าวันที่ผ่านมาหญิงสาวปฏิเสธตัวเองไม่ว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหน แม้จะพยายามย้ำกับตัวเองว่า ชายหนุ่มมีเจ้าของแล้ว แต่เอลี่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า มีความสุขแค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม และลูกๆของเขา เสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้เอลี่รู้สึกตัว หญิงสาวเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเพื่อนสาวสองคนมาพร้อมกับลูกโป่งและเค้กก้อนโต “เซอร์ไพร์ส แฮปปี้เบิร์ดเดย์เอลี่” กอหญ้าและพัชราพูดพร้อมกันๆ เอลี่ยิ้มกว้าง หญิงสาวลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง จนกระทั่งเห็นหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง “ขอบคุณมาก เอลี่ลืมไปเลย” สาวประเภทสองในร่างสาวสวยน้ำตาซึม ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสาวทั้งสอง “รีบเป่าสิ เทียนจะไหม้ถึงเค้กแล้ว” กอหญ้าเตือนเสียงใส “อธิษฐานก่อนนะ”พัชรากล่าวเตือนอีกคน เอลี่หลับตาพร้อมอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน สามสาวช่วยกันวางเค้ก และลูกโป่งลงบนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่น “ของคุณญ่ากับพัชมากนะ ว่าแต่ญ่ามาได้ไงวันนี้วันครอบครัวนี่ คุณกริชยอมได้ไง” เอลี่ถาม เพราะกริชชัยขึ้นชื่อเรื่องติดเมียมาก นานๆ ครั้งถึงจะปล่อยให้หญิงสาวไปเที่ยวกับ
เอลี่ เข้าครัวทำอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ รับประทาน อดิสรตื่นสายมากวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มคิดเรื่องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับอดีตคนรักจนทำให้นอนไม่หลับว้าวุ่นใจ ใจหนึ่งก็ยังรักอดีตคนรักมาก แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชอบมัณฑนากรหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนว่าเป็นเพราะตนเองคิดถึงอดีตคนรักมาก จนทำให้มองสิ่งที่หญิงสาว มีอะไรหรือทำอะไรก็คล้ายกับอดีตคนรักไปเสียหมด อดิสรกลุ้มใจ จนรู้สึกกดดันมากอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษครับที่ตื่นสาย คุณกำลังทำอะไร”“กำลังจะเตรียมทำขนมหวานไว้ทานหลังอาหารค่ะ เด็กๆ ขอช่วยด้วย” เอลี่อุ้มน้องแพร นั่งที่เค้าเตอร์ข้างๆ ในขณะที่ อั๋นและอ้น ยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ทำให้ร่างของเด็กชายตัวน้อย สูงเท่ากับมัณฑนากรสาว“กำลังจะทำอะไรเด็กๆ” อดิสร หอมแก้มหลานสาว อย่างรู้สึกมันเขี้ยว“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้ก ครับ ค่ะ” เด็กๆ พูดประสานเสียงกัน“บลูเบอรี่คัพ ชีสเค้กงั้นเหรอ” อดิสร นึกย้อนไปในอดีตที่ภูเก็ต ภาพของอดีตคนรักที่ทำของหวานแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ยังจำได้ดีว่าเป็นของหวานที่อร่อยและยังเป็นความทรงจำดีๆ ของตนเองและอดีตคนรักอดิสรเกือบจำทุกขึ้นตอนได้ เพรา
อดิสรจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอกยืนมองพระจันทร์ที่ริมระเบียงของบ้านพักตากอากาศที่เขาย้ายพามาเมื่อเช้า ชายหนุ่มพาหลานๆ และหญิงสาวไปพักที่โรงแรมในเมืองสองสามวัน แต่มีคนแนะนำให้มาพักที่บ้านพักนี้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สำคัญสามารถทำอาหารรับประทานได้แถมติดทะเล ทำให้อดิสรตกลงเช่าทันที แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่สองวันก็ตาม สามวันที่ใช้ชีวิตร่วมกันทำให้อดิสรรู้สึกผูกพันแบบประหลาดกับมัณฑนากรสาวอาจเป็นเพราะกริยาที่แสนคุ้นเคย อดิสรปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างน่ารักแม้บุคลิกภายนอกจะเปรี้ยวเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน แต่จริงๆกลับเป็นแม่บ้าน เธอเข้ากับหลานๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี อดิสรรู้สึกประหลาดใจ ทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกพิเศษๆกับผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รสนิยมของตนเอง ไปอีกแบบหนึ่ง คิดแล้วชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ” อดิสรถามเมื่อเดินเข้ามาเกือบจะยืนซ้อนหลัง เอลี่สะดุ้งแล้วเหลียวไปมอง ริมฝีปากเฉียดกันจนเอลี่รีบถอยออก“ยังไม่ง่วงค่ะ แล้วคุณล่ะ ขับรถออกมาตั้งไกลไม่เหนื่อยเหรอคะ”“ไม่ อยู่กับเด็กๆ กับคุณแล้วมีความสุขมากกว่า”“พรุ่งนี้เราไปจ่ายตลาดกัน บ่ายๆ ทำบาบีค
“จะห้องใคร ก็ห้องผม” อดิสรตอบ พลางขยับตัวอีกนิด ทำให้เสื้อคลุมเตะที่แขนราวกับตั้งใจ เอลี่ขยับออกจนชิดติดพนักโซฟา “ห้องคุณ....” “ใช่ ทำไม คุณคิดว่าคุณมีห้องที่คอนโดฯ นี้ได้คนเดียวหรือไง อีกอย่างไม่มีคนบอกคุณหรือไง ว่า เดอะริวเวอร์ไซด์ เป็นโครงการของกรณ์วิภาค ไอ้การที่ผมจะมีเพนส์เฮ้าส์ที่นี้ก็ไม่แปลก” “ก็บ้านคุณอยู่ถัดจากนี้ไปสองซอยเอง” เอลี่ตอบเร็ว แต่ทำให้อดิสรเหลียวกลับมามองหญิงสาวที่ตรงหน้าราวกับตกตะลึงในคำตอบ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมมีบ้านอีกหลังใกล้ๆ นี้” อดิสรชะโงกใบหน้าจนเกือบไปชิดกับใบหน้าของหญิงสาวอย่างทั้งประหลาดใจ ตกใจ หัวใจอดิสรเต้นแรงและเร็ว บ้านหลังที่ว่าเป็นบ้านหลังเดียวที่เกือบเหมือนถูกปิดตายตั้งแต่อดีตคนรักหนีไปต่างประเทศ อดิสรเวลาคิดถึงก็จะแวะไปดูบ้าง นานๆครั้งไปนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ยังใส่เหมือนเดิม ผ่านมาสี่ปีก็ยังมีคนเข้าไปทำความสะอาด แต่นี่เกือบสี่ห้าเดือนนี้ไม่ได้แวะไปดูอีกเลย อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ประจวบเหมาะกับว่างเมื่อไหร่ก็จะหาเวลาไปขลุกอยู่กับหลานๆ ทำให้อดิสรเกือบจะลืมบ้านที่เคยอยู่ร่วมอดีตคนรักร่วมปี จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้ามาสะกิดต่อม ทำให้อดิสรรู้สึก
กรุงเทพฯ ชั้น 61 โรงแรมบันยันทรี ร้านอาหาร vertigo grill and moon bar ร้านอาหารติดท๊อปไฟล์ร้านอาหารที่ดีและโรแมนติก สำหรับคู่รักที่สามารถเห็นบรรยากาศสามร้อยหกสิบองศาของกรุงเทพฯ เอลี่หรือชื่อใหม่ เอมิการู้สึกแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเลือกสถานที่นี้เป็นที่นัดรับประทานอาหาร ตอนแรกหญิงสาวก็ลังเลว่าจะมาหรือไม่ แต่ในเมื่อตกปากรับคำว่าจะรับเดท ทำให้เอลี่ตัดสินใจที่จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายชาวต่างประเทศตามลำพัง แต่ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อมิสเตอร์ฟิลิปเลือกสถานที่สุดแสนโรแมนติค ระหว่างรอเจ้านายที่ออกไปคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวมองบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลิน ๆ วันนี้เอลี่แต่งชุดเดรสสีขาว ทำให้ขับผิวสีน้ำผึ้งให้ดูอ่อนหวาน ผมรวบไปข้างบนแต่ปล่อยย้อยระย้า ทำให้ดูอ่อนหวานปนๆ เซ็กซี่ เจ้านายหนุ่มไปรับเธอมาจากคอนโดฯ ที่เค้าเช่าให้เธอ ตอนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง เดอะริเวอร์ไซด์ถือว่าเป็นคอนโดฯ ที่หรูพอสมควรสำหรับตำแหน่งหน้าที่ของเธอ แต่อาจเป็นเพราะว่าเจ้านายหนุ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ซึ่งเอลี่หรือเอมิการู้สึกเริ่มอึดอัดกับความสัมพันธ์แบบนี้ เธอจะบอกเขาว่ายังไงว่าเธอไม่สามารถรักใครได้อีกเพราะทั้งตัวและหั
เอลี่หอบโน๊ตบุ๊คพร้อมกระเป๋าใบโต ด้วยอาการมึนๆ งงๆ อาจเป็นเพราะเร่งทำงานตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวานเพิ่งจะมาเสร็จตอนรุ่งเช้า ทำให้มัณฑนากรสาวรู้สึกมึนๆ งงๆ ผะอืดผะอมเล็กน้อย นึกอยากบีบคออดีตคนรักอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่าย เมื่อมาหยุดหน้าห้องเอ็มดี หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับเลขาสาววัยกลางคน พร้อมกับชี้ไปที่ห้องของชายหนุ่ม “ดิฉันมาพบกับคุณอดิสรค่ะ ท่านให้เอางานมาให้ดูค่ะคุณภัท” เอลี่พูดน้ำเสียงอ่อนหวานกับผู้ร่วมงานที่สูงวัยกว่า “คุณสรไม่อยู่ค่ะ บินด่วนไปฮ่องกงเมื่อเช้า พอดีต้องมีงานดิวกับลูกค้าพิเศษงานด่วนค่ะ” “อะไรนะคะ ไม่อยู่” เอลี่ร้องเสียงหลง “ค่ะ ไม่อยู่” “กี่วันค่ะคุณภัท” น้ำเสียงของมัณฑนากรสาวอ่อยลง หญิงสาวนึกใจหาย แล้วนึกอยากหยิกตัวเองที่ยังคิดถึงเขา และใจหายเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน “เอ ไม่ทราบนะคะไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่ดิฉันจะอีเมล์ไปเรียนท่านให้นะคะว่าคุณมาหา” “ขอบคุณค่ะ” เอลี่เดินกลับห้อง ด้วยหัวใจที่เบาโหวงเหมือนร่างกายและหัวใจไม่ได้อยู่ในเรือนร่างเดียวกัน หญิงสาว เดินเข้าห้องทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ หญิงสาวเดินมาหยุดที่ริมหน้าต่าง มอ
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด
หลังจากไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่และผู้ช่วยคนใหม่ ทำให้เอลี่รู้สึกอบอุ่นใจ การที่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้งานราบรื่น การได้กินอาหารอร่อย กับเพื่อนร่วมงานดีๆทำให้สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวย อารมณ์เบิกบาน หญิงสาวรู้สึกอยากเริ่มทำงานอย่างจริงๆ จังๆเอลี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ต้องชะงัก เมื่อมีร่างชายหนุ่มนั่งกอดอกบนเก้าอี้ในห้องทำงานของเธอ หญิงสาวชะงักก่อนใบหน้าที่ยิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็น ใบหน้าที่แสดงความสงสัยในการมาของชายหนุ่มและ ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจอีกครั้ง “ไปไหนมา” น้ำเสียงอดิสรแสดงอารมณ์ว่ากำลังหงุดหงิด “ไปทานอาหารกลางวันสิคะ” เอลี่ตอบกลับทันทีเหมือนกัน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวเดินมาประจันหน้าระยะประชิด“คุณภัทไม่ได้บอกหรือไงว่า ผมเชิญทานข้าวมีธุระจะคุย” น้ำเสียงของอดิสรเข้มจัด แววตาแข็งกระด้างจนเอลี่รู้สึกเสียวสันหลัง แต่พยายามใจดีสู้เสือ พูดน้ำเสียงเรียบๆว่า “บอกค่ะ แต่ดิฉันมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วมันเป็นเวลาส่วนตัว” เอลี่นึกดีใจที่ตนเองสามารถพูด