มู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาในห้องของไป๋หลันในจังหวะที่เฟยหยางกำลังล้มลงไปกองกับพื้น เสียงร้องของเฟยหยางดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทำให้เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูด้วยความตกใจ
"เกิดอะไรขึ้น!" มู่หรงเยว่ถามเสียงเข้ม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไป๋หลันอย่างตำหนิ
ไป๋หลันมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย "หม่อมฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้นเพคะ"
เฟยหยางรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ "ท่านพี่" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น "พี่หญิงทำร้ายหม่อมฉัน"
มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว "ไป๋หลัน เจ้าทำอะไรเฟยหยาง?"
"หม่อมฉันแค่ป้องกันตัว" ไป๋หลันย้ำอีกครั้ง "นางจะทำร้ายหม่อมฉันก่อน"
เฟยหยางรีบพูดแทรกขึ้น "ไม่จริงเพคะท่านพี่ หม่อมฉันแค่เข้ามาคุยกับพี่หญิงดีๆ แต่พี่หญิงกลับ..." นางเว้นวรรคไว้ ก่อนจะสะอื้นไห้ต่อ "พี่หญิงกลับทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันเจ็บ..."
มู่หรงเยว่มองไป๋หลันด้วยสายตาตำหนิ เขาไม่คิดว่านางจะกล้าทำร้ายเฟยหยาง แม้ว่าเฟยหยางจะทำผิดมาก่อน แต่นางก็เป็นอนุภรรยาของเขา และตอนนี้เฟยหยางที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกหลวงก็กำลังอ่อนแอเป็นอย่างมาก
"ไป๋หลัน เจ้า..." เขาเริ่มจะต่อว่านาง แต่เฟยหยางก็รีบพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง
"ช่างเถอะเพคะท่านพี่" เฟยหยางพูดเสียงอ่อน "เรื่องมันผ่านไปแล้ว หม่อมฉันไม่เป็นไรมากหรอกเพคะ" นางเงยหน้าขึ้นมองมู่หรงเยว่ด้วยแววตาออดอ้อน "หม่อมฉันแค่คิดถึงท่านพี่ อยากอยู่กับท่านพี่สักหน่อย"
มู่หรงเยว่มองเฟยหยางแล้วใจอ่อนยวบ ในสายตาของเขานั้นนางช่างดูบอบบางและน่าสงสาร เขาตัดสินใจที่จะไม่เอาเรื่องไป๋หลัน
เมื่อมู่หรงเยว่พาเฟยหยางเข้ามาในห้องนอน บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากความอ่อนแอที่เฟยหยางแสดงออกมา กลับกลายเป็นความยั่วยวน เฟยหยางออดอ้อนมู่หรงเยว่หวังจะให้เขาร่วมรักกับนาง เพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่านางยังคงเป็นที่โปรดปรานของเขาอยู่ แต่มู่หรงเยว่กลับบ่ายเบี่ยง เขาอ้างว่ายังเหนื่อยจากการเดินทางและต้องการพักผ่อน
เฟยหยางรู้สึกผิดหวังและโกรธเคือง นางรู้ดีว่ามู่หรงเยว่กำลังเปลี่ยนไป และนางจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกความสนใจจากเขากลับคืนมา
ด้วยความคับแค้นใจ เฟยหยางจึงเปลี่ยนแผน ออดอ้อนให้มู่หรงเยว่ออกคำสั่งให้ไป๋หลันทำอาหารให้กับนาง นางรู้ดีว่าการให้พระชายาเอกทำอาหารให้พระชายารองนั้นถือว่าเป็นการหยามเกียรติอย่างร้ายแรง และมันจะทำให้ไป๋หลันต้องอับอายขายหน้า
"ท่านพี่" เฟยหยางพูดเสียงอ่อนหวาน "หม่อมฉันอยากทานอาหารฝีมือพี่หญิงไป๋หลัน ท่านพี่ช่วยสั่งให้พี่หญิงทำอาหารให้หม่อมฉันหน่อยได้ไหมเพคะ?"
มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฟยหยางถึงอยากทานอาหารฝีมือไป๋หลัน แต่นางก็ออดอ้อนเขาจนเขาใจอ่อน
"ก็ได้" เขาตอบ "ข้าจะสั่งให้ไป๋หลันทำอาหารให้เจ้า"
เฟยหยางยิ้มกว้าง นางรู้ว่าแผนการของนางกำลังจะสำเร็จ นางจะทำให้ไป๋หลันต้องอับอายขายหน้า และนางจะทำให้มู่หรงเยว่เห็นว่าไป๋หลันไม่มีค่าควรแก่การเป็นชายาเอก
มู่หรงเยว่เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขาไม่รู้ว่าเขาทำถูกหรือไม่ แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจเฟยหยาง เขาหวังอย่างยิ่งว่าไป๋หลันจะเข้าใจเขา
ไป๋หลันที่อยู่ในห้องของนาง ได้ยินคำสั่งของมู่หรงเยว่จากบ่าวรับใช้ หญิงสาวไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเสียใจ นางเพียงแค่ยิ้มเย็นราวกับว่ามีแผนร้ายในใจ
"เฟยหยาง เจ้าคิดจะเล่นงานข้าด้วยวิธีนี้งั้นเหรอ?" ไป๋หลันพึมพำกับตัวเอง "เจ้าคิดผิดแล้ว"
ไป๋หลันลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว นางจะทำอาหารให้เฟยหยาง แต่ไม่ใช่อาหารธรรมดา นางตั้งใจจะทำอาหารที่พิเศษสุดสำหรับเฟยหยาง อาหารที่จะทำให้เฟยหยางต้องจดจำไปตลอดชีวิต
เมื่อเข้าไปในห้องครัว ไป๋หลันก็พบกับวัตถุดิบมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของนางมากที่สุดคือเห็ดเมาที่วางอยู่มุมหนึ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนริมฝีปากของนาง
"เห็ดเมาเหรอ?" ไป๋หลันพึมพำกับตัวเอง "ดูท่าวันนี้จะมีคนซวยแล้วสิ"
ไป๋หลันเริ่มลงมือทำอาหารด้วยความชำนาญ คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงแต่งเป็นเมนูเลิศรส แต่ในขณะเดียวกัน นางก็แอบใส่เห็ดเมาลงไปในอาหารเล็กน้อย เพียงพอที่จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อชีวิต
เมื่อสำรับอาหารถูกเตรียมพร้อม บ่าวรับใช้ก็นำไปมอบให้เฟยหยาง เฟยหยางมองอาหารตรงหน้าด้วยความเหยียดหยาม แต่ก็ตักเข้าปากอย่างหิวโหย นางไม่รู้เลยว่าอาหารจานนี้กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของนางไปตลอดกาล
หลังจากทานอาหารไปได้ไม่นาน เฟยหยางก็เริ่มมีอาการแปลกๆ นางรู้สึกมึนงงและเวียนศีรษะ ภาพตรงหน้าเริ่มบิดเบี้ยว เสียงรอบข้างดังก้องอยู่ในหู นางพยายามควบคุมสติตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผล
"ท่านพี่..." เฟยหยางพึมพำเรียกมู่หรงเยว่ด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
มู่หรงเยว่มองนางด้วยความเป็นห่วง "เฟยหยาง เจ้าเป็นอะไรไป?"
"พี่หญิง... ไป๋หลัน..." เฟยหยางพูดตะกุกตะกัก "ตอนที่ท่านอ๋องไม่อยู่... หม่อมฉันตีพี่หญิงปางตาย... จนนางต้องหยอดน้ำข้าวต้ม..."
มู่หรงเยว่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าเฟยหยางจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้กับไป๋หลัน
"เจ้าพูดอะไรนะเฟยหยาง?" เขาถามเสียงเครียด
"หม่อมฉันขอโทษ... หม่อมฉันขอโทษ..." เฟยหยางร้องไห้โฮออกมา นางไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป นางเกิดอาการประสาทหลอนจนเผลอสารภาพความผิดทั้งหมดออกมา
มู่หรงเยว่มองเฟยหยางด้วยสายตาผิดหวัง เขาไม่เคยคิดว่านางจะเป็นคนเช่นนี้ เขาเคยโปรดปรานนาง เคยเชื่อใจนาง แต่ตอนนี้นางได้ทำลายความเชื่อใจนั้นลงอย่างสิ้นเชิง
มู่หรงเยว่รู้สึกโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำสารภาพของเฟยหยาง ความโกรธของเขาไม่ใช่เพียงเพราะเฟยหยางทำร้ายไป๋หลัน แต่ยังเพราะนางหลอกลวงเขา ทำให้เขาเข้าใจผิดและเกลียดชังไป๋หลันมาตลอด
"เฟยหยาง!" เขาตวาดเสียงดังจนเฟยหยางสะดุ้ง "เจ้ามันช่างร้ายกาจนัก!"
เฟยหยางมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว "ท่านพี่ หม่อมฉัน..."
"พอได้แล้ว!" มู่หรงเยว่ขัดขึ้น "ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเจ้าอีกต่อไป"
เขาหันไปสั่งบ่าวรับใช้ "พานางออกไปจากห้องอาหารนี้ เดี๋ยวนี้!"
บ่าวรับใช้รีบเข้ามาประคองเฟยหยางที่ยังคงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นางมองมู่หรงเยว่ด้วยสายตาเว้าวอน แต่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองนาง
"ท่านพี่..." นางพยายามจะพูดอีกครั้ง
แต่มู่หรงเยว่ไม่สนใจ บ่าวรับใช้พาเฟยหยางออกจากห้องอาหารไป มู่หรงเยว่มองตามหลังนางไปด้วยสายตาเย็นชา
ยามราตรีแผ่ปกคลุมจวนหลังใหญ่ของอ๋องชิน ความเงียบสงัดเข้าครอบงำทุกห้องหับ ในขณะที่ไป๋หลันเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนของนางเรียบร้อยแล้ว มู่หรงเยว่กลับยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ภาพของไป๋หลันที่ถูกทำร้ายร่างกายและคำสารภาพของเฟยหยางยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วง มู่หรงเยว่ตัดสินใจเดินไปเยี่ยมเยียนไป๋หลันที่ห้องนอน เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ พบว่าอาหลิงกำลังบรรจงทายาให้ไป๋หลันที่นอนหลับอยู่บนเตียง"ท่านอ๋อง!" อาหลิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่หรงเยว่อย่างกะทันหันมู่หรงเยว่ยกมือขึ้นห้ามอาหลิงส่งเสียง "อย่าปลุกนาง" เขาพูดเสียงเบาอาหลิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ"ให้ข้าทำเองเถิด" มู่หรงเยว่พูดต่ออาหลิงลังเลเล็กน้อย แต่มู่หรงเยว่ยืนกรานว่าจะเป็นคนทายารักษาแผลเป็นให้ร่างบางด้วยตัวเอง นางจึงจำต้องถอยออกมามู่หรงเยว่นั่งลงข้างเตียง มองใบหน้าสงบนิ่งของไป๋หลัน แม้ในยามหลับ นางก็ยังคงดูงดงามและอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนางอย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลของผิวเขาเริ่มทายาให้ไป๋หลันอย่างเบามือที่สุด พยายามไม่ให้นางรู้สึกตัว แต่บาดแผลบนร่างกาย
หลังจากมู่หรงเยว่ออกจากห้องไป ไป๋หลันเรียกอาหลิงเข้ามาพบทันที หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะใหญ่และจรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ"อาหลิง" ไป๋หลันเอ่ยเรียก "เจ้าช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้เฉินกั๋วกงแทนข้าที"อาหลิงรับจดหมายมาด้วยความสงสัย นางทราบดีว่าเฉินอี้เทียน หรือ เฉินกั๋วกง คือสหายในวัยเด็กและยังเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไป๋หลันแอบหลงรัก แต่ไม่เคยเห็นนางส่งจดหมายถึงเขาเลยตลอดเวลาที่แต่งงานเข้าอยู่ในจวนอ๋อง"ได้เพคะ พระชายา" อาหลิงรับคำ นางมองไป๋หลันด้วยแววตาเป็นกังวล นางพอจะเดาได้ว่านายหญิงคิดจะทำอะไร และก็รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้"พระชายา..." อาหลิงเอ่ยอย่างลังเล "ท่านแน่ใจแล้วหรือเพคะ?"ไป๋หลันพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าแน่ใจแล้วอาหลิง" นางพูดเสียงหนักแน่น "ข้าจะไม่ทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป ข้าจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมการเมืองของใครอีกแล้ว"อาหลิงถอนหายใจ นางรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไป๋หลันได้ นางทำได้เพียงแค่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของนายหญิง"บ่าวจะไปส่งจดหมายให้เฉินกั๋วกงเดี๋ยวนี้เพคะ" อาหลิงกล่าว"ขอบใจเจ้ามากอาหลิง" ไป๋หลันยิ้มให้อาหลิงอย่างอบอุ่น "เจ้าคือเพื่อนแท้ของข้า"อาหลิงโค้งคำนับแล้วรีบออกจา
เฟยหยางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งความมืดมิด ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังไม่จางหายไปไหน ราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ทับถมอยู่ พิษของเห็ดเมาที่หลอกหลอนนางมาตลอดทั้งคืนเริ่มจางลง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำเลือนรางของเหตุการณ์เมื่อคืนที่ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น"ข้าเสียรู้ให้ไป๋หลัน!" เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ความโกรธเกรี้ยวและความอัปยศอดสูรวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงที่แผดเผาภายในอก นางจำได้ลางๆ ถึงภาพของไป๋หลันที่หลอกล่อนางให้กินอาหารที่ป้ายด้วยเห็ดเมา แล้วหลังจากนั้น... ความทรงจำก็ขาดหายไป"พระชายา" เสียงของเปาหม่าดังขึ้นข้างเตียง นางประคองถ้วยยาส่งให้เฟยหยาง "นี่คือยาบำรุงร่างกาย ท่านรีบดื่มเถิดเพคะ"เฟยหยางรับถ้วยยา ดื่มมันจนหมดโดยไม่ปริปากบ่น ร่างกายของนางยังคงอ่อนเพลีย แต่จิตใจกลับร้อนรุ่มด้วยความแค้น"เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" นางถามเสียงแหบพร่าเปาหม่าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล "หลังจากที่ท่านสลบไป ท่านอ๋องก็รีบไปหาพระชายาเอกที่เรือนทันที พระองค์ไม่ได้อยู่ดูแลท่านเลยแม้แต่น้อย และอยู่กับพระชายาเอกตลอดค่อนคืนเจ้าค่ะ"คำพูดของเปาหม่าราวกับ
ยังไม่ทันที่เฟยหยางจะได้ก้าวเท้าออกจากห้องครัว เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำสนิทก้าวเข้ามาในครัวที่ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง มู่หรงเยว่ ชินอ๋องแห่งแคว้น มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก"เฟยหยาง!" เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง "เจ้าทำอะไรลงไป"เฟยหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มบัดนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและเจ็บปวดในแววตา"หม่อมฉัน..." นางพยายามจะพูด แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอมู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาใกล้นางมากขึ้น แววตาของเขาจ้องมองนางอย่างตำหนิ "เจ้าทำเกินกว่าเหตุอีกแล้วเฟยหยาง""หม่อมฉันแค่..." เฟยหยางพยายามจะอธิบาย แต่ก็ถูกเขาขัดขึ้น"เจ้าแค่หึงหวงไป๋หลัน เจ้าแค่ทนไม่ได้ที่ข้าไปหาเขา เจ้าแค่..." มู่หรงเยว่เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น "เจ้าแค่เห็นแก่ตัว!"คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในใจของเฟยหยาง นางกำมือแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้"หม่อมฉันขอโทษ" นางพูดเสียงแผ่วเบา"ขอโทษ?" มู่หรงเยว่หัวเราะในลำคอ "เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้าจะลบล้างความผิดที่เจ้าก่อได้หรือ"เขาหันไปหาเป่ากงกงที่ยื
กลิ่นหอมของอาหารรสเลิศจากบ้านเกิดของไป๋หลันโชยอบอวล ไทเฮาทรงยกช้อนเงินบริสุทธิ์ชิมอาหารแต่ละจานด้วยความตื่นเต้น พระพักตร์ที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ"อร่อยนัก! รสชาติอาหารของเจ้าช่างละมุนละไมและกลมกล่อมยิ่งนัก ไป๋หลัน" ไทเฮาตรัสชมไป๋หลันยิ้มรับคำชมอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงโปรดอาหารทั้งสามชนิดนี้""เจ้าช่างมีฝีมือในการทำอาหารยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นสะใภ้เอกของข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยเมื่อเสวยจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไทเฮาก็ทรงหยิบกล่องไม้แกะสลักออกมาจากข้างพระวรกาย"ไป๋หลัน นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางเปิดกล่องออก ภายในบรรจุกำไลหยกสีเขียวมรกต คู่หนึ่ง ส่องประกายระยิบระยับราวกับหยดน้ำค้าง"กำไลหยกน้ำค้าง!" ไป๋หลันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง "นี่มัน...""กำไลหยกน้ำค้างนี้มีเพียงคู่เดียวในใต้หล้า" ไทเฮาทรงตรัส "ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับสะใภ้คนโปรดของข้า"ไป๋หลันรีบคุกเข่าลง "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"ไทเฮาทรงแย้มพระสรวล "ล
เมื่อกลับถึงจวน ความเงียบสงัดของยามค่ำคืนปกคลุมไปทั่วบริเวณ เหล่าบ่าวไพร่ต่างเข้านอนหลับใหล เหลือเพียงแสงเทียนริบหรี่ส่องสว่างอยู่ตามทางเดินภายในห้องหนังสือของมู่หรงเยว่ กลิ่นสุราตลบอบอวลไปทั่ว เจ้าของเรือนนั่งอยู่เพียงลำพัง ความเมาคืบคลานเข้าสู่ทุกอณูความรู้สึก ใบหน้าที่เคยสุขุมเยือกเย็นบัดนี้แดงก่ำ ดวงตาฉายแววโศกเศร้าเขาไม่เคยรู้สึกอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน ภาพของไป๋หลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด รอยยิ้มของนาง เสียงหัวเราะ ความอ่อนโยนที่นางมอบให้ ทุกอย่างล้วนตอกย้ำความผิดพลาดของเขาในที่สุด ความเมาและความเจ็บปวดก็ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ มู่หรงเยว่ลุกขึ้นเดินโซเซไปตามทางเดิน มุ่งหน้าไปยังห้องของไป๋หลัน หัวใจเต้นระรัว ความรู้สึกผิดและความปรารถนาตีกันวุ่นวายอยู่ในอกเมื่อไปถึงหน้าห้อง เขาผลักประตูเข้าไป..สตรีผู้งดงามราวกับเทพธิดาบัดนี้กำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนเตียง ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษดังเป็นระยะๆ บรรยากาศโดยรอบสงบสุข จนกระทั่ง...เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นจากทางเดิน ทำให้ไป๋หลันเงยหน้าขึ้นจากตำรา มองไปทางประตูด้วยความสงสัย ใครกันที่มาในยามวิกาลเช่นนี้?"แอ๊
เฟยหยางกลับมาที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทั้งกายและใจ ร่างกายของนางยังคงปวดแสบปวดร้อนจากการถูกโบยตี แต่ความเจ็บปวดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจที่ถูกมู่หรงเยว่ไล่ออกมาอย่างไม่ใยดีนางไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยและไร้ค่าเช่นนี้มาก่อน ตลอดชีวิตของหญิงสาว นางไม่เคยได้รับความรักหรือความใส่ใจจากใครเลย แม้แต่พ่อแม่ของนางเองก็ยังไม่เคยเห็นค่าในตัวนาง นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุภรรยาที่เกิดจากความผิดพลาด เป็นเหมือนตราบาปที่คอยตอกย้ำความอัปยศของตระกูลไทเฮา ฮ่องเต้ และฮองเฮาก็ไม่เคยชอบหน้านาง พวกเขามองมักมองเฟยหยางด้วยสายตาเหยียดหยาม ราวกับนางเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การเหลียวแล แต่ทั้งสามกลับทุ่มเททุกอย่างให้กับไป๋หลัน ราวกับว่านางเป็นเทพธิดาที่สรวงสวรรค์ประทานมาให้มีเพียงมู่หรงเยว่เท่านั้นที่ภักดีกับนาง เขาเป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตอันมืดมิดของนาง เขาเป็นคนที่ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองมีค่าแต่นับตั้งแต่ไป๋หลันฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มู่หรงเยว่กลับเริ่มสนใจไป๋หลันมากขึ้น เริ่มดูแลเอาใจใส่นาง และตอนนี้... เขายังไปนอนกับนางอีก!เฟยหยางรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงมา นางไม่ส
วันแล้ววันเล่า ไป๋หลันยังคงทำอาหารรสเลิศที่มู่หรงเยว่โปรดปราน จัดเตรียมเสื้อผ้าให้เขาอย่างพิถีพิถัน ความเอาใจใส่ของนางละเอียดอ่อนราวกับสายน้ำที่ค่อยๆ ไหลซึมผ่านกำแพงหิน ละลายความเย็นชาที่เคยกักขังหัวใจของมู่หรงเยว่เอาไว้ไป๋หลันมองดูมู่หรงเยว่ที่กำลังจามไม่หยุดด้วยความสงสาร นางรู้ว่าอาการภูมิแพ้ของเขาเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้ชายหนุ่มทุกข์ทรมานมานานแสนนาน จึงตัดสินใจที่จะนำความรู้ที่ได้มาจากตำราของท่านหมอเทวดาผู้เคยรักษานางมาใช้ประโยชน์“ท่านหมอเคยบอกว่า ธรรมชาติมีสมุนไพรมากมายที่สามารถช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้” ไป๋หลันครุ่นคิด “ข้าจะต้องหาสมุนไพรเหล่านั้นมาปรุงเป็นอาหารให้ชินอ๋อง”ไป๋หลันเริ่มต้นค้นคว้าตำราสมุนไพรเก่าแก่ที่ท่านหมอเคยมอบให้ พร้อมกับออกเดินทางไปยังตลาดเพื่อเสาะหาสมุนไพรที่ต้องการ“ข้าต้องการรากบัวหลวง ดอกเก๊กฮวย และเห็ดหลินจือ” ไป๋หลันบอกกับพ่อค้าพ่อค้ามองนางด้วยความประหลาดใจ “พระชายาจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปทำอะไรหรือขอรับ?”“ข้าจะนำไปปรุงอาหารให้ชินอ๋องเจ้าค่ะ” ไป๋หลันตอบด้วยรอยยิ้มพ่อค้าพยักหน้าเข้าใจ “สมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอดและบรรเทาอาการภูมิแพ้ขอรับ”