เฟยหยางมองภาพมู่หรงเยว่ที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขขณะรับประทานอาหารที่ไป๋หลันทำ ความริษยาและความโกรธแค้นพลุ่งพล่านในอก นางไม่เคยได้รับรอยยิ้มเช่นนั้นจากเขาเลย ทั้งที่นางเป็นถึงชายารองที่ท่านอ๋องโปรดปราน"ไป๋หลัน!" เฟยหยางกัดฟันกรอด "เจ้าคิดจะแย่งชินอ๋องไปจากข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!"ไป๋หลันยังคงทำอาหารให้มู่หรงเยว่ทานเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้นางตั้งใจจะทำให้พิเศษกว่าทุกวัน"วันนี้หม่อมฉันจะทำอาหารจากไข่ให้ท่านทานเพคะ" ไป๋หลันบอกกับมู่หรงเยว่มู่หรงเยว่เลิกคิ้วขึ้น "อาหารจากไข่? ไป๋หลัน เจ้าจะทำอะไรให้ข้าทานกัน?""ท่านรอชมได้เลยเพคะ" ไป๋หลันยิ้มอย่างมีเลศนัยไม่นานนัก ไป๋หลันก็ยกสำรับอาหารมา มู่หรงเยว่มองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ บนโต๊ะมีอาหารหลายจานที่ทำจากไข่ ทั้งไข่เจียวทรงเครื่อง ไข่ตุ๋นทะเล"น่าทานทั้งนั้นเลย ไป๋หลัน" มู่หรงเยว่เอ่ยชม"เชิญท่านชิมได้เลยเพคะ" ไป๋หลันเชื้อเชิญมู่หรงเยว่ตักไข่เจียวทรงเครื่องเข้าปาก รสชาติเข้มข้นของไข่ผสมผสานกับเครื่องต่างๆ อย่างลงตัว ทำให้เขาแทบวางช้อนไม่ลง"อร่อยมาก ไป๋หลัน เจ้าทำอาหารเก่งจริงๆ" เขาเอ่ยชมอีกครั้งไป๋หลันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "หม่อมฉันด
ไป๋หลันวิ่งกลับเข้าห้องด้วยหัวใจที่แหลกสลาย นางไม่เคยรู้สึกโกรธและน้อยใจเช่นนี้มาก่อน มู่หรงเยว่ผู้ซึ่งเคยแสดงความรักและความเชื่อใจในตัวนาง กลับหันมาต่อว่านางอย่างรุนแรงเพียงเพราะคำยุยงของเฟยหยางไป๋หลันคร่ำครวญ “ท่านไม่เคยเห็นความจริงใจของข้าเลย อย่างไรท่านก็เลือกเฟยหยางอยู่ดี”ในขณะเดียวกัน มู่หรงเยว่ก็รู้สึกผิดที่ตะคอกใส่ไป๋หลัน เขาไม่ควรปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล แต่คำพูดของเฟยหยางก็ทำให้เขาเกิดความสงสัยในตัวไป๋หลัน“หรือว่าไป๋หลันแกล้งใส่เกลือลงในอาหารของข้าเพราะยังโกรธเคืองข้าเรื่องเฉินกั๋วกง?” มู่หรงเยว่ครุ่นคิด “ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เฉินกั๋วกงพยายามขอเข้าพบไป๋หลัน แต่ข้าก็ไม่อนุญาตเพราะข้ารู้สึกหึงหวง”เขารู้ว่าไป๋หลันเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินอี้เทียนมาก่อน และเขาก็กลัวว่าไป๋หลันจะยังคงมีใจให้กับเฉินอี้เทียนอยู่ จึงกีดกันทั้งสองคนไม่ให้พบกัน“หรือว่าไป๋หลันจะตั้งใจทำอาหารรสชาติแย่ๆ เพื่อประชดข้า?” มู่หรงเยว่คิดต่อ “นางอาจจะต้องการให้ข้าเกลียดนาง เพื่อที่ข้าจะได้ยอมหย่ากับนาง และนางก็จะได้ไปอยู่กับเฉินกั๋วกง”ยิ่งคิด มู่หรงเยว่ก็ยิ่งรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจใค
แม้บรรยากาศในจวนของชินอ๋องจะอบอุ่นขึ้นด้วยรอยยิ้มและความเอื้ออาทรที่ทุกคนมอบให้ไป๋หลันหลังจากได้ลิ้มรสอาหารฝีมือนาง แต่ในใจของไป๋หลันยังคงแน่วแน่กับการตัดสินใจครั้งสำคัญแม้ว่าตอนนี้นางจะตั้งครรภ์กับมูหรงเยว่ก็ตามที แต่ความคิดที่จะหย่ากับเขาก็ยังคงชัดเจนเหม่ยหลิง สาวที่มาจากยุคปัจจุบันที่มาอาศัยอยู่ในร่างของไป๋หลันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมแบ่งปันสามีกับใคร ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยสั่นคลอนเฉินอี้เทียนเองก็ไม่เคยลืมถ้อยคำที่ไป๋หลันเขียนถึงเขาในจดหมายฉบับนั้น ถ้อยคำที่แสดงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะหย่าขาดจากมู่หรงเย่ว สามีของนาง มันเหมือนกับไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจของเขา ทำให้ความหวังและความปรารถนาที่จะได้ครอบครองหัวใจของไป๋หลันนั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะเขาเฝ้ารอคอยโอกาสที่จะได้พบนางอีกครั้ง แต่โอกาสนั้นก็ดูเหมือนจะริบหรี่เต็มที เพราะไป๋หลันนั้นเป็นถึงพระชายาของอ๋องผู้สูงศักดิ์ การที่จะเข้าถึงตัวนางนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่แล้วโชคชะตาก็เข้าข้างเขา เมื่อมู่หรงเย่วต้องออกไปปฏิบัติภารกิจนอกเมืองหลวง ทิ้งให้ไป๋หลันอยู่เพียงลำพังในจวนอันเงียบเหงาเฉินอี้เที
ภายในห้องโถงใหญ่ของจวนชินอ๋อง ไป๋หลันที่กำลังสูดลมหายใจเข้าลึก เตรียมตัวที่จะเปิดเผยความจริงที่เก็บงำไว้"ท่านอ๋อง" นางเริ่มเอ่ยเสียงแผ่ว "หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน"มู่หรงเยว่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังตรวจดู มองไปยังไป๋หลันด้วยสายตาที่อ่อนโยน "ว่าอย่างไร หลันเอ๋อร์"แต่ก่อนที่ไป๋หลันจะได้เอ่ยคำพูดใด เฟยหยางก็พุ่งเข้ามาในห้องโถง ใบหน้าของนางซีดเซียวและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก"ท่านอ๋อง!" เฟยหยางร้องไห้โฮด้วยความดีใจ "หม่อมฉัน... หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้วเพคะ"คำพูดของเฟยหยางเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของไป๋หลัน มู่หรงเยว่ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความดีใจ เขาโผเข้าไปกอดเฟยหยางไว้แน่น"จริงหรือ" เขาถามเสียงสั่นเครือ "เจ้าตั้งครรภ์แล้วจริงๆ หรือ"เฟยหยางพยักหน้าทั้งน้ำตา "เพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้ว"มู่หรงเยว่มองเฟยหยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความห่วงใย เขาหันไปสั่งสาวใช้ให้ไปตามหมอหลวงมาตรวจทันที จากนั้นเขาก็หันกลับมาหาไป๋หลัน"ไป๋หลัน" เขาพูดเสียงเรียบ "เจ้าไปเตรียมอาหารบำรุงครรภ์ให้เฟยหยางที"ไป๋หลันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน นางไม่อยากจะเชื่อในส
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในสวนดอกไม้ของจวนชินอ๋อง เฟยหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่มู่หรงเยว่คุกเข่าลงข้างๆ นาง บรรจงปอกผลไม้และป้อนให้นางอย่างทะนุถนอม"หวานหรือไม่ เฟยเอ๋อร์" มู่หรงเยว่ถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่น"หวานมากเพคะ ท่านอ๋อง" เฟยหยางตอบเสียงหวาน พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาไป๋หลันยืนมองภาพนั้นอยู่ห่างๆ หัวใจของนางรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของนาง นางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจของนางได้ข่าวลือเรื่องฝีมือการทำอาหารเพื่อรักษาของไป๋หลันแพร่สะพัดไปถึงพระราชวังชั้นใน เรื่องเล่าจากคนในจวนของมู่หรงเยว่และจากไทเฮา พระมารดาของชินอ๋อง ยิ่งเสริมความน่าสนใจให้กับไป๋หลัน ฮองเฮาซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าทรงนึกถึงรสชาติอาหารจากบ้านเกิดที่คุ้นเคย จึงมีพระประสงค์ให้ไป๋หลันเข้ามาเป็นแม่ครัวในวังหลวงคำสั่งนี้สร้างความสับสนให้กับมู่หรงเยว่ เขาไม่ต้องการให้ไป๋หลันจากไป แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ของฮองเฮาได้"ไป๋หลัน" มู่หรงเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเล "ฮองเฮาทรงมีรับสั่งให้เจ้าเข้าไปเป็นแม่ครัวในวัง"ไป๋หลันเงย
นับตั้งแต่วันที่เฟยหยางประกาศว่าตั้งครรภ์ มู่หรงเยว่ก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับนาง หวังว่าจะได้ชื่นชมช่วงเวลาแห่งความสุขกับการมีทายาทสืบสกุล แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เฟยหยางที่เคยอ่อนหวาน กลับกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่นางต้องการ หากไม่พอใจก็จะงอแงและโวยวายเสียงดัง จนบางครั้งมู่หรงเยว่รู้สึกปวดหัวและเหนื่อยล้ากับการเอาใจของเฟยหยางเสียเหลือเกิน"นี่มันอะไรกัน! ทำไมถึงไม่มีรังนกตุ๋น! ข้าบอกให้พวกเจ้าเตรียมไว้ให้ข้ามิใช่หรือ!" เฟยหยางตวาดใส่สาวใช้คนหนึ่งที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า"เรียนพระชายารองเพคะ หม่อมฉันได้สั่งให้ห้องครัวเตรียมไว้แล้ว แต่..." สาวใช้พยายามอธิบายเสียงตะกุกตะกัก"ไม่มีแต่ก็คือไม่มี!" เฟยหยางขัดขึ้น น้ำเสียงของนางแหลมสูง "พวกเจ้าเหลวไหล ไร้ประโยชน์สิ้นดี!"นางปัดถ้วยชามบนโต๊ะอาหารลงบนพื้นแตกกระจาย เสียงดังเพล้ง! ทำให้สาวใช้คนอื่นๆ พากันสะดุ้งตกใจ"ข้าเป็นถึงพระชายารองของท่านอ๋อง พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงไม่ทำตามคำสั่งของข้า!" เฟยหยางแผดเสียงใส่เหล่าสาวใช้ที่พากันคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้นมู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาในห้องโถงพอดี
มู่หรงเยว่ผู้เคยหลงใหลในเล่ห์กลของเฟยหยาง บัดนี้กลับเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่เขาได้กลับไปพบกับไป๋หลันในวังหลวง หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความโหยหาพระชายาเอกเฟยหยางเริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ มู่หรงเยว่ไม่เคยร่วมสัมพันธ์กับนางอีกเลยตั้งแต่วันนั้นที่นางเพิ่งหายการแผลโดนโบยความหวังที่จะตั้งครรภ์จริงๆ เพื่อผูกมัดเขาไว้กับนางเริ่มเลือนรางลงทุกที ความจริงที่ว่านางโกหกเรื่องการตั้งครรภ์ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่คอยทิ่มแทงใจของนางอยู่ตลอดเวลายิ่งมู่หรงเยว่แสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อไป๋หลันมากเท่าไหร่ เฟยหยางก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวและริษยา นางเห็นเขาแทบจะไม่แตะต้องอาหาร เพราะมันไม่ใช่อาหารที่ปรุงจากฝีมือของไป๋หลันความกังวลในใจของเฟยหยางเพิ่มขึ้นทุกขณะ นางรู้ดีว่าหากความจริงเรื่องการตั้งครรภ์ถูกเปิดเผย นางจะต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถ นางไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้ด้วยความริษยาและความกลัว เฟยหยางตัดสินใจที่จะกำจัดไป๋หลัน แม้ว่าการกระทำนี้อาจจะทำให้ฮองเฮาเคลือบแคลงสงสัยในตัวนาง แต่นางก็พร้อมที่จะเสี่ยง"ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งท่านอ๋องไปจากข้า" เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง
ไป๋หลันผู้ซึ่งครอบครองยาวิเศษจากท่านหมอเทวดา มิอาจทนนิ่งเฉยต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นได้ นางตัดสินใจใช้วิธีสุดท้าย เพื่อเปิดโปงความจริงและปกป้องตนเองและลูกในครรภ์จากการถูกใส่ร้ายนางเรียกให้คนนำร่างไร้วิญญาณของสาวใช้ที่ฆ่าตัวตายมาไว้ต่อหน้านาง ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของไป๋หลัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดขวางไป๋หลันค่อยๆ หยดน้ำยาวิเศษลงบนริมฝีปากของสาวใช้ ร่างที่เคยแน่นิ่งกลับเริ่มขยับ หายใจแผ่วเบา ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน"เจ้า... เจ้าฟื้นแล้ว" มู่หรงเยว่เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจสาวใช้มองไปรอบๆ อย่างสับสน ก่อนจะหันไปเห็นไป๋หลัน นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว"พระ... พระชายาเอก" นางพูดเสียงสั่นเครือ"บอกข้ามา" ไป๋หลันพูดเสียงเรียบ "ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้"สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกมา "พระ... พระชายารองเพคะ"คำตอบของสาวใช้ทำให้ทุกคนตกตะลึง"พระชายารองสั่งให้หม่อมฉันวางยาพิษในอาหารของฮองเฮาเพคะ นางบอกว่าหากหม่อมฉันไม่ทำ นางจะฆ่าพ่อแม่และครอบครัวของหม่อมฉัน"ในตอนนี้สายตาของมู่หรงเยว่นั้นกำลังเต็มไปด้ว