ภายในห้องโถงใหญ่ของจวนชินอ๋อง ไป๋หลันที่กำลังสูดลมหายใจเข้าลึก เตรียมตัวที่จะเปิดเผยความจริงที่เก็บงำไว้"ท่านอ๋อง" นางเริ่มเอ่ยเสียงแผ่ว "หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน"มู่หรงเยว่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังตรวจดู มองไปยังไป๋หลันด้วยสายตาที่อ่อนโยน "ว่าอย่างไร หลันเอ๋อร์"แต่ก่อนที่ไป๋หลันจะได้เอ่ยคำพูดใด เฟยหยางก็พุ่งเข้ามาในห้องโถง ใบหน้าของนางซีดเซียวและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก"ท่านอ๋อง!" เฟยหยางร้องไห้โฮด้วยความดีใจ "หม่อมฉัน... หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้วเพคะ"คำพูดของเฟยหยางเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของไป๋หลัน มู่หรงเยว่ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความดีใจ เขาโผเข้าไปกอดเฟยหยางไว้แน่น"จริงหรือ" เขาถามเสียงสั่นเครือ "เจ้าตั้งครรภ์แล้วจริงๆ หรือ"เฟยหยางพยักหน้าทั้งน้ำตา "เพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้ว"มู่หรงเยว่มองเฟยหยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความห่วงใย เขาหันไปสั่งสาวใช้ให้ไปตามหมอหลวงมาตรวจทันที จากนั้นเขาก็หันกลับมาหาไป๋หลัน"ไป๋หลัน" เขาพูดเสียงเรียบ "เจ้าไปเตรียมอาหารบำรุงครรภ์ให้เฟยหยางที"ไป๋หลันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน นางไม่อยากจะเชื่อในส
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในสวนดอกไม้ของจวนชินอ๋อง เฟยหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่มู่หรงเยว่คุกเข่าลงข้างๆ นาง บรรจงปอกผลไม้และป้อนให้นางอย่างทะนุถนอม"หวานหรือไม่ เฟยเอ๋อร์" มู่หรงเยว่ถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่น"หวานมากเพคะ ท่านอ๋อง" เฟยหยางตอบเสียงหวาน พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาไป๋หลันยืนมองภาพนั้นอยู่ห่างๆ หัวใจของนางรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของนาง นางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจของนางได้ข่าวลือเรื่องฝีมือการทำอาหารเพื่อรักษาของไป๋หลันแพร่สะพัดไปถึงพระราชวังชั้นใน เรื่องเล่าจากคนในจวนของมู่หรงเยว่และจากไทเฮา พระมารดาของชินอ๋อง ยิ่งเสริมความน่าสนใจให้กับไป๋หลัน ฮองเฮาซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าทรงนึกถึงรสชาติอาหารจากบ้านเกิดที่คุ้นเคย จึงมีพระประสงค์ให้ไป๋หลันเข้ามาเป็นแม่ครัวในวังหลวงคำสั่งนี้สร้างความสับสนให้กับมู่หรงเยว่ เขาไม่ต้องการให้ไป๋หลันจากไป แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ของฮองเฮาได้"ไป๋หลัน" มู่หรงเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเล "ฮองเฮาทรงมีรับสั่งให้เจ้าเข้าไปเป็นแม่ครัวในวัง"ไป๋หลันเงย
นับตั้งแต่วันที่เฟยหยางประกาศว่าตั้งครรภ์ มู่หรงเยว่ก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับนาง หวังว่าจะได้ชื่นชมช่วงเวลาแห่งความสุขกับการมีทายาทสืบสกุล แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เฟยหยางที่เคยอ่อนหวาน กลับกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่นางต้องการ หากไม่พอใจก็จะงอแงและโวยวายเสียงดัง จนบางครั้งมู่หรงเยว่รู้สึกปวดหัวและเหนื่อยล้ากับการเอาใจของเฟยหยางเสียเหลือเกิน"นี่มันอะไรกัน! ทำไมถึงไม่มีรังนกตุ๋น! ข้าบอกให้พวกเจ้าเตรียมไว้ให้ข้ามิใช่หรือ!" เฟยหยางตวาดใส่สาวใช้คนหนึ่งที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า"เรียนพระชายารองเพคะ หม่อมฉันได้สั่งให้ห้องครัวเตรียมไว้แล้ว แต่..." สาวใช้พยายามอธิบายเสียงตะกุกตะกัก"ไม่มีแต่ก็คือไม่มี!" เฟยหยางขัดขึ้น น้ำเสียงของนางแหลมสูง "พวกเจ้าเหลวไหล ไร้ประโยชน์สิ้นดี!"นางปัดถ้วยชามบนโต๊ะอาหารลงบนพื้นแตกกระจาย เสียงดังเพล้ง! ทำให้สาวใช้คนอื่นๆ พากันสะดุ้งตกใจ"ข้าเป็นถึงพระชายารองของท่านอ๋อง พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงไม่ทำตามคำสั่งของข้า!" เฟยหยางแผดเสียงใส่เหล่าสาวใช้ที่พากันคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้นมู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาในห้องโถงพอดี
มู่หรงเยว่ผู้เคยหลงใหลในเล่ห์กลของเฟยหยาง บัดนี้กลับเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่เขาได้กลับไปพบกับไป๋หลันในวังหลวง หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความโหยหาพระชายาเอกเฟยหยางเริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ มู่หรงเยว่ไม่เคยร่วมสัมพันธ์กับนางอีกเลยตั้งแต่วันนั้นที่นางเพิ่งหายการแผลโดนโบยความหวังที่จะตั้งครรภ์จริงๆ เพื่อผูกมัดเขาไว้กับนางเริ่มเลือนรางลงทุกที ความจริงที่ว่านางโกหกเรื่องการตั้งครรภ์ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่คอยทิ่มแทงใจของนางอยู่ตลอดเวลายิ่งมู่หรงเยว่แสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อไป๋หลันมากเท่าไหร่ เฟยหยางก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวและริษยา นางเห็นเขาแทบจะไม่แตะต้องอาหาร เพราะมันไม่ใช่อาหารที่ปรุงจากฝีมือของไป๋หลันความกังวลในใจของเฟยหยางเพิ่มขึ้นทุกขณะ นางรู้ดีว่าหากความจริงเรื่องการตั้งครรภ์ถูกเปิดเผย นางจะต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถ นางไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้ด้วยความริษยาและความกลัว เฟยหยางตัดสินใจที่จะกำจัดไป๋หลัน แม้ว่าการกระทำนี้อาจจะทำให้ฮองเฮาเคลือบแคลงสงสัยในตัวนาง แต่นางก็พร้อมที่จะเสี่ยง"ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งท่านอ๋องไปจากข้า" เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง
ไป๋หลันผู้ซึ่งครอบครองยาวิเศษจากท่านหมอเทวดา มิอาจทนนิ่งเฉยต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นได้ นางตัดสินใจใช้วิธีสุดท้าย เพื่อเปิดโปงความจริงและปกป้องตนเองและลูกในครรภ์จากการถูกใส่ร้ายนางเรียกให้คนนำร่างไร้วิญญาณของสาวใช้ที่ฆ่าตัวตายมาไว้ต่อหน้านาง ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของไป๋หลัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดขวางไป๋หลันค่อยๆ หยดน้ำยาวิเศษลงบนริมฝีปากของสาวใช้ ร่างที่เคยแน่นิ่งกลับเริ่มขยับ หายใจแผ่วเบา ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน"เจ้า... เจ้าฟื้นแล้ว" มู่หรงเยว่เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจสาวใช้มองไปรอบๆ อย่างสับสน ก่อนจะหันไปเห็นไป๋หลัน นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว"พระ... พระชายาเอก" นางพูดเสียงสั่นเครือ"บอกข้ามา" ไป๋หลันพูดเสียงเรียบ "ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้"สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกมา "พระ... พระชายารองเพคะ"คำตอบของสาวใช้ทำให้ทุกคนตกตะลึง"พระชายารองสั่งให้หม่อมฉันวางยาพิษในอาหารของฮองเฮาเพคะ นางบอกว่าหากหม่อมฉันไม่ทำ นางจะฆ่าพ่อแม่และครอบครัวของหม่อมฉัน"ในตอนนี้สายตาของมู่หรงเยว่นั้นกำลังเต็มไปด้ว
มู่หรงเยว่กลับมายังจวนของตนด้วยหัวใจที่แหลกสลาย คำสั่งของฮ่องเต้ดังก้องอยู่ในหูราวกับเสียงฟ้าผ่า เขาต้องจากไป๋หลันไปไกลแสนไกล และที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือการตระหนักว่า เขาได้ทำลายความรักที่แท้จริงของตนเองลงไปแล้วเขาเดินเข้าไปในห้องนอนที่เคยใช้ร่วมกับไป๋หลัน ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่กลับว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของนางยังคงติดตรึงอยู่บนหมอน ทำให้เขานึกถึงคืนวันที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตร่วมกันมู่หรงเยว่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ความทรงจำต่างๆ ไหลย้อนกลับมา ภาพของไป๋หลันที่คอยดูแลเขา ทำอาหารอร่อยๆ ให้เขาทาน นางไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขา ไม่เคยทำให้เขาต้องลำบากใจเขาเคยคิดว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเฟยหยางคือความรัก แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ เขาแค่สงสารในภูมิหลังที่น่าเวทนาของครอบครัวของหญิงสาว เขาจึงพยายามเติมเต็มความรักที่นางขาดหายไปยิ่งมู่หรงเยว่พยายามเอาใจเฟยหยางมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งแสดงความเอาแต่ใจตัวเองออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด ความอ่อนหวานที่เขาเคยรู้จักกลับกลายเป็นความต้องการที่ไม่สิ้นสุด ราวกับว่าความรักและการเอาใจใส่ที่เขามอบให้นั้นเป็นเชื้อเพลิงที่หล่อเลี้ยงไฟแห่งความโลภใ
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีต มู่หรงเยว่จึงตัดสินใจเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮาอีกครั้ง เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าทั้งสองพระองค์ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น"ขอฝ่าบาทและฮองเฮาทรงโปรดประทานอภัยให้กับข้าผู้โง่เขลาอีกครั้ง" มู่หรงเยว่กล่าว "ข้ารู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์ แต่ข้าขาดไป๋หลันไม่ได้ ขอทรงโปรดให้โอกาสให้ข้าได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ"แม้ฮองเฮาจะยังทรงกริ้วที่มู่หรงเยว่ชอบทำร้ายจิตใจหลานสาวของนาง แต่ลึกๆแล้วพระนางก็ทราบดีว่าไป๋หลันยังคงมีใจให้มู่หรงเยว่อยู่ อีกทั้งเด็กในท้องก็ต้องการบิดา นางจึงให้โอกาสมู่หรงเยว่อีกครั้ง"เราจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง" ฮองเฮาตรัส "เราจะส่งไป๋หลันกลับไปอยู่กับเจ้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะได้พิสูจน์ตัวเอง หากเจ้ายังไม่สามารถทำให้นางกลับมามีความสุขได้ เราจะให้เจ้าสองคนหย่าขาดจากกัน และไป๋หลันจะต้องเข้ามาอยู่ในวังหลวงกับเรา"มู่หรงเยว่รู้สึกซาบซึ้งในพระเมตตาของฮองเฮาเป็นล้นพ้น เขารีบกลับไปยังจวนของตนเพื่อรอคอยการกลับมาของไป๋หลันด้วยใจจดจ่อ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหวังและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาจะไ
รุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือนพร้อมกับแสงทองแรกที่สาดส่อง ทว่าความสดใสของวันใหม่กลับมิอาจนำพาความสุขมาสู่จวนของมู่หรงเยว่ สาส์นด่วนจากฮ่องเต้มาถึงในยามเช้าตรู่ สั่งให้เขาออกเดินทางไปรบ ณ ชายแดนแนวหน้าทันทีมู่หรงเยว่กำสาสน์นั้นแน่น รู้สึกราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา เขาเหลือเวลาอยู่กับไป๋หลันเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่จะต้องจากนางไปเผชิญหน้ากับความเป็นความตายในสนามรบ หัวใจของเขาปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีด เขาอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับนางให้มากที่สุด แต่หน้าที่ก็ไม่อาจละเลยในที่สุดวันที่เขาต้องออกเดินทางก็มาถึง ไป๋หลันยืนรอส่งเขาอยู่หน้าจวน นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ ดั่งแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดในใจของเขา"ท่านอ๋อง โปรดดูแลตัวเองด้วย" น้ำเสียงของนางแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง"ข้าสัญญาว่าจะกลับมาหาเจ้า ไป๋หลัน" มู่หรงเยว่กระซิบข้างหูนาง "และเมื่อข้ากลับมา ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าอีกครั้ง"เขาจูบหน้าผากนางอย่างแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความอาลัย และคำมั่นสัญญามู่หรงเยว่ผละออกจากอ้อมกอดของไป๋หลันอย่างอ้อยอิ่ง เขาหันหลังกลับและก้าวขึ้นม้า สายตาของเขามองกลับมาที่นา