แม้ว่าจะถูกมู่หรงเยว่สืบข่าวจนล่วงรู้ถึงแผนการร้าย แต่ซูหลิงก็ยังไม่ยอมละความพยายาม นางยังคงมีความแค้นฝังลึกต่อมู่หรงเยว่และไป๋หลัน คิดว่าหากไป๋หลันแท้งลูก มู่หรงเยว่อาจจะใจอ่อน ยอมแต่งงานกับนางเพื่อรักษาสัมพันธภาพระหว่างแคว้นเอาไว้วันหนึ่ง ซูหลิงบุกเข้าไปในภัตตาคารของไป๋หลัน นางผลักไป๋หลันอย่างแรงจนล้มลงกับพื้น"เจ้าคิดว่าจะแย่งท่านอ๋องไปจากข้าได้งั้นเหรอ? ตั้งแต่ข้าเกิดมา ข้าไม่เคยแพ้ให้กับสตรีผู้ใด!" ซูหลิงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวไป๋หลันพยายามลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อย นางกุมท้องตัวเองไว้แน่น "อย่านะ ซูหลิง อย่าทำอะไรลูกของข้า" ไป๋หลันร้องขอเสียงสั่นเครือแต่ซูหลิงไม่ฟัง นางตรงเข้าไปหมายจะทำร้ายไป๋หลันอีกครั้งทันใดนั้นเอง มู่หรงเยว่ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเข้ามาขวางซูหลิงไว้ได้ทัน ก่อนที่นางจะทำอะไรไป๋หลันได้"หยุดนะ ซูหลิง!" มู่หรงเยว่ตวาดลั่นซูหลิงหันไปมองเขาด้วยความตกใจ "ท่านอ๋อง"มู่หรงเยว่ไม่ฟังคำแก้ตัวของนาง เขาหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ"นี่คือจดหมายที่เจ้าลอบส่งให้พี่ชายของเจ้าใช่ไหม?" มู่หรงเยว่ถามพลางโยนจดหมายลงตรงหน้าซูหลิงซูหลิงหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นจ
ข่าวคราวที่ชินอ๋องมู่หรงเยว่จะทรงมีชายาเพียงองค์เดียวกระจายไปทั่วแคว้น สร้างความผิดหวังให้แก่เหล่าหญิงงามที่เคยหมายปองจะได้เป็นสนมของพระองค์ เพราะบัดนี้พวกนางไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เฉียดใกล้ชินอ๋องอีกต่อไปในคืนที่ไป๋หลันใจอ่อนยอมคืนดี ภายในห้องบรรทมที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับอบอวลไปด้วยไอรักอันร้อนแรง มู่หรงเยว่และไป๋หลันผู้ห่างเหินกันไปนาน ได้กลับมาเปิดเผยความในใจซึ่งกันและกันอีกครั้งมู่หรงเยว่โอบกอดไป๋หลันไว้แนบอก จุมพิตหน้าผากมนอย่างทะนุถนอม "ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดเช่นนี้อีก"ไป๋หลันซบหน้าลงกับอกแกร่ง น้ำตาแห่งความปีติยินดีเอ่อล้นออกมา "ได้ หม่อมฉันจะเชื่อใจท่านพี่อีกครั้ง"สัมผัสอันอ่อนโยนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเร่าร้อน มู่หรงเยว่ประคองใบหน้างามของไป๋หลันขึ้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ฉายแววรักใคร่"ข้ารักเจ้า ไป๋หลัน" เขาเอ่ยเสียงพร่า"หม่อมฉันก็รักท่านพี่เพคะ" ไป๋หลันตอบรับ ก่อนจะมอบจุมพิตอันแสนหวานให้กับคนรักร่างสองร่างแนบชิดเป็นหนึ่งเดียว ความรักที่เก็บกดไว้นานถูกปลดปล่อยออกมาอย่างร้อนแรง เสียงครางกระเส่าดังคลอเคล้าไปกับเสียงลมหายใจหอบ
หลายปีผ่านไป มู่หรงซาน บุตรชายคนโตของมู่หรงเยว่และไป๋หลัน เติบโตขึ้นเป็นเด็กชายวัยห้าขวบผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสดใส แต่เขาก็มีนิสัยที่ทำให้บิดามารดาต้องปวดหัวไม่น้อย นั่นคือ เขาเป็นเด็ก 'ทานยาก' ที่สุด!ไป๋หลันพยายามทำอาหารสารพัดเมนูมาล่อใจลูกชาย แต่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะถูกปากเจ้าตัวเล็กได้เลย มู่หรงซานจะกินเพียงไม่กี่คำ แล้วก็ผลักจานออกห่าง ทำให้ไป๋หลันรู้สึกท้อแท้ใจ"หลันเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก" มู่หรงเยว่ปลอบใจภรรยา "เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวซานเอ๋อร์ก็โตและกินง่ายขึ้นเอง"แต่ไป๋หลันยังคงเป็นห่วงลูกชาย นางรู้ว่าอาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็ก และนางไม่อยากให้ลูกชายขาดสารอาหาร"แต่หม่อมฉันเป็นห่วงเขาเหลือเกิน ท่านพี่" ไป๋หลันพูดเสียงเศร้า "เขาตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน"มู่หรงเยว่โอบกอดภรรยาไว้ "เราจะหาวิธีกันนะ หลันเอ๋อร์"ด้วยความรักและความปรารถนาดีที่มีต่อลูก ไป๋หลันจึงไม่ยอมแพ้ นางเริ่มศึกษาตำราอาหารสำหรับเด็ก ทดลองทำเมนูใหม่ ๆ ที่ทั้งอร่อยและน่าสนใจ เพื่อดึงดูดใจลูกชายตัวน้อยของนางถึงแม้ไป๋หลันจะพยายามสร้างสรรค์เมนูอาหารให้น่าทานมากเพียงใด แ
ในห้องโถงวังหลวงซึ่งปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันเคร่งขรึม ความเย็นเยียบของเสาไม้แกะสลักและเพดานสูงทำให้เสียงพูดของผู้คนก้องสะท้อนไปทั่ว ทุกสายตาจับจ้องไปที่บุรุษผู้หนึ่งที่ยืนเด่นเป็นสง่า มู่หรงเยว่ชายหนุ่มที่สูงศักดิ์ในฐานะชินอ๋อง หนึ่งในบุคคลสำคัญของแคว้นหยาง อำนาจในมือของเขาคือกองทัพที่แข็งแกร่ง แต่เบื้องหลังของเส้นทางสู่อำนาจนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆ คิด และยิ่งในวันนี้ วันที่ชะตาของเขาถูกลิขิตใหม่อย่างไม่ทันคาดคิดฮ่องเต้ทอดพระเนตรน้องชายที่พระองค์รัก ท่าทางของพระองค์สงบและมั่นคงในคำสั่งที่กำลังจะประกาศออกมา "หรงเยว่" เสียงอันทรงอำนาจของฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วห้อง "ข้าได้เตรียมการแต่งงานให้เจ้าแล้ว"คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าที่ผ่ากลางใจของมู่หรงเยว่ เขานิ่งไปชั่วขณะ แม้ภายนอกจะแสดงท่าทีสงบ แต่ภายในหัวใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่น "การแต่งงาน?" เขาทวนคำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน การแต่งงานที่ไม่เคยมีการพูดถึงมาก่อน เหตุใดจึงเกิดขึ้นเช่นนี้ และที่สำคัญ เหตุใดถึงต้องรีบร้อนจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้?ฮ่องเต้ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตายังคงแข็งกร้าว "ใช่ การแต่งงานของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญมาก เจ้
ในเขตพระราชวังอันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยกำแพงหินสูงสง่าและต้นสนที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ไป๋หลัน เดินลัดเลาะตามทางเดินหินที่ทอดยาวสู่ตำหนักของฮองเฮา นางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาวงาช้างปักลายดอกไม้ละเอียดอ่อน ขณะเดินไป เสียงนกที่ร้องเบาๆ ตามกิ่งไม้สูง และเสียงฝีเท้าของนางบนหินที่เย็นเฉียบ ดูเหมือนจะเป็นเสียงเดียวที่ได้ยินในยามนี้วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน เพราะเป็นวันที่หญิงสาวถูกเรียกเข้าเฝ้าฮองเฮาผู้เป็นพระญาติของนาง ผู้ทรงเป็นบุคคลที่มีอำนาจอย่างสูงในราชสำนัก นางรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความกังวลที่ซ่อนอยู่ภายในใจ แต่สิ่งที่ทำให้นางกังวลมากที่สุดคือข่าวที่นางได้ยินมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อถึงตำหนักของฮองเฮา ประตูไม้หนักที่สลักลวดลายวิจิตรถูกเปิดออกโดยขันทีที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ไป๋หลันก้าวเข้ามาในห้องรับรองใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนและวัตถุโบราณจากยุคต่างๆ กลิ่นหอมของไม้จันทน์ลอยอบอวลไปทั่วห้อง ขณะที่ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์เล็กๆ ที่ประดับด้วยหมอนหนานุ่ม ใบหน้าของพระนางสงบสุข แต่แฝงด้วยความเยือกเย็นที่ไม่อาจคาดเดาได้"หลันเอ๋อร์" เสียงของฮองเฮาเรียกชื่อไป๋หลันเ
เหม่ยหลิง เชฟสาวผู้มากความสามารถและชื่อเสียงโด่งดัง กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต เธอมีทุกสิ่งที่ใครๆ ใฝ่ฝัน ทั้งหน้าที่การงานที่มั่นคง ความรักที่สมบูรณ์แบบ และอนาคตที่สดใส ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่ออุบัติเหตุทางรถยนต์พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปในพริบตาในวินาทีที่รถยนต์พุ่งเข้าชน เหม่ยหลิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่างกาย ก่อนที่สติของหญิงสาวจะดับวูบลงไป ทิ้งไว้เพียงความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดแต่แล้ว... เหมือนมีแสงสว่างเรืองรองขึ้นที่ปลายอุโมงค์ เหม่ยหลิงรู้สึกถึงสัมผัสที่คุ้นเคย เสียงรอบข้างเริ่มดังขึ้น เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพเบื้องหน้าทำให้เธอตกตะลึงเป็นอย่างมากหญิงสาวไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล ไม่ได้อยู่บนเตียงคนไข้ ทันทีที่เปลือกตาของเหม่ยหลิงเปิดขึ้นในร่างใหม่ ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาคือความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับร่างกายถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ขณะที่สติค่อยๆ กลับคืนมา ภาพเบื้องหน้าก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ เหม่ยหลิงก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นตัวเองถูก
วันหนึ่ง ราชโองการจากฮองเฮาถูกนำมาส่งถึงจวนของชินอ๋อง มู่หรงเยว่ ราวกับสายฟ้าฟาด ฮองเฮาผู้มีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของไป๋หลันมีพระประสงค์จะให้หลานสาวเข้าเฝ้าในวังหลวงด้วยความคิดถึงเฟยหยาง อนุภรรยาคนโปรดของมู่หรงเยว่ กลับร้อนใจอย่างที่สุด นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าไป๋หลันมีสายสัมพันธ์อันสูงส่งเช่นนี้ ความจริงที่ว่าไป๋หลันไม่เคยโอ้อวดหรือใช้สถานะความเป็นหลานฮองเฮามาข่มขู่นาง ยิ่งทำให้เฟยหยางหวาดกลัวเดิมทีเฟยหยางวางแผนจะวางยาพิษไป๋หลันให้ตายก่อนที่ชินอ๋องจะกลับมาจากชายแดน แต่เมื่อรู้ว่าไป๋หลันเป็นหลานสาวของฮองเฮา แผนการของนางก็เปลี่ยนไป นางตระหนักว่าหากไป๋หลันตายลง นางเองก็จะไม่รอดพ้นจากการถูกฮองเฮาลงโทษอย่างแน่นอน"ถ้าฮองเฮาทรงทราบเรื่องที่ข้าทำกับไป๋หลันล่ะก็..." เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง ใบหน้างามซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่น ภาพของไป๋หลันที่ถูกนางทารุณกรรมปรากฏขึ้นในมโนสำนึกราวกับภาพหลอนเฟยหยางรีบเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทมาหารือ"เจ้าไปบอกคนของฮองเฮาว่า พระชายาเอกไป๋หลันไม่อยู่ ไปต่างเมืองกับท่านอ๋อง ถ้ากลับมาแล้วข้าจะรีบบอกกล่าว"บ่าวรับใช้มองเฟยหยางด้วยความประหลาดใจ"แต่... ท่านอ๋องก็ออกไปราชการที่ช
เมื่อมู่หรงเยว่กลับถึงเมืองหลวง เขารีบมุ่งหน้าเข้าวังทันทีด้วยความร้อนใจ เมื่อทราบข่าวว่าเฟยหยางถูกคุมขังในคุกหลวงในข้อหาทำร้ายร่างกายและวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นพระชายาเอกแม้เฟยหยางจะทำผิดมหันต์ แต่ความรักและความผูกพันที่เขามีต่อนางทำให้เขาไม่สามารถทนเห็นนางต้องโทษทัณฑ์ได้ เขาจึงตัดสินใจใช้อำนาจและตำแหน่งที่มีของตนเพื่อช่วยเหลือชายารักของเขาแม้เฟยหยางจะเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของเสนาบดีกรมคลัง และได้เข้ามาเป็นชายารองของเขาโดยบังเอิญ หลังจากที่เขาเผลอมีความสัมพันธ์กับนางในระหว่างที่ออกปฏิบัติราชการนอกเมืองแม้จะหลงใหลในเล่ห์มายาของเฟยหยาง แต่มู่หรงเยว่ก็ไม่อาจแต่งตั้งนางเป็นชายาเอกได้ เพราะขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย ที่ต้องการให้เขาสมรสกับไป๋หลัน บุตรีของเสนาบดีกรมตรวจการฮ่องเต้ผู้รักฮองเฮายิ่งชีพไม่อาจนิ่งเฉยต่อข่าวการวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นหลานสาวสุดที่รักได้ พระองค์ทรงเรียกตัวมู่หรงเยว่เข้าเฝ้าทันทีเพื่อสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดด้วยพระองค์เองบรรยากาศในท้องพระโรงตอนนี้ดูตึงเครียดมาก มู่หรงเยว่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระที่นั่ง สายพระเนตรของฮ่องเต้จ้องมองเขาอย่างดุดัน บ่ง