เมื่อมู่หรงเยว่กลับถึงเมืองหลวง เขารีบมุ่งหน้าเข้าวังทันทีด้วยความร้อนใจ เมื่อทราบข่าวว่าเฟยหยางถูกคุมขังในคุกหลวงในข้อหาทำร้ายร่างกายและวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นพระชายาเอก
แม้เฟยหยางจะทำผิดมหันต์ แต่ความรักและความผูกพันที่เขามีต่อนางทำให้เขาไม่สามารถทนเห็นนางต้องโทษทัณฑ์ได้ เขาจึงตัดสินใจใช้อำนาจและตำแหน่งที่มีของตนเพื่อช่วยเหลือชายารักของเขา
แม้เฟยหยางจะเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของเสนาบดีกรมคลัง และได้เข้ามาเป็นชายารองของเขาโดยบังเอิญ หลังจากที่เขาเผลอมีความสัมพันธ์กับนางในระหว่างที่ออกปฏิบัติราชการนอกเมือง
แม้จะหลงใหลในเล่ห์มายาของเฟยหยาง แต่มู่หรงเยว่ก็ไม่อาจแต่งตั้งนางเป็นชายาเอกได้ เพราะขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย ที่ต้องการให้เขาสมรสกับไป๋หลัน บุตรีของเสนาบดีกรมตรวจการ
ฮ่องเต้ผู้รักฮองเฮายิ่งชีพไม่อาจนิ่งเฉยต่อข่าวการวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นหลานสาวสุดที่รักได้ พระองค์ทรงเรียกตัวมู่หรงเยว่เข้าเฝ้าทันทีเพื่อสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดด้วยพระองค์เอง
บรรยากาศในท้องพระโรงตอนนี้ดูตึงเครียดมาก มู่หรงเยว่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระที่นั่ง สายพระเนตรของฮ่องเต้จ้องมองเขาอย่างดุดัน บ่งบอกถึงความไม่พอพระทัยอย่างรุนแรง
"ชินอ๋อง" ฮ่องเต้ตรัสเสียงทรงอำนาจ "เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวในเรื่องที่เกิดขึ้น?"
มู่หรงเยว่คุกเข่าลง "หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันละเลยพระชายาเอก ปล่อยให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย"
"ละเลย?" ฮ่องเต้แค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา "เจ้ารู้หรือไม่ว่าไป๋หลันถูกทารุณกรรมมาเป็นเวลานานเพียงใด? ร่างกายของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้าย ทั้งเก่าและใหม่ เจ้าตาบอดหรืออย่างไรถึงไม่เคยสังเกตเห็น!"
มู่หรงเยว่ก้มหน้าลงต่ำ เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบพระเนตรของฮ่องเต้ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเขา ด้วยไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเขาเพิกเฉยต่อความทุกข์ทรมานของไป๋หลันมาตลอดระยะเวลาที่แต่งงานกัน
"และทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฟยหยาง อนุภรรยาที่เจ้าโปรดปราน" ฮ่องเต้ตรัสต่อ "ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้"
มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าคนบอบบางอย่างเฟยหยางจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ นางที่เขาเคยเห็นว่าอ่อนหวานและบอบบาง แท้จริงแล้วกลับซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ภายใต้หน้ากากนั้น
"หม่อมฉันจะลงโทษพระชายาของกระหม่อมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ" มู่หรงเยว่กล่าวอย่างสำนึกผิด
"ดี" ฮ่องเต้พยักหน้า "แต่เจ้าก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับไป๋หลันด้วย"
มู่หรงเยว่ยอมรับโดยดุษฎี หลังจากออกจากท้องพระโรง มู่หรงเยว่ก็ตรงไปยังคุกหลวงทันที เขาต้องการพบเฟยหยาง เขาอยากรู้ว่าทำไมนางถึงทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้
เมื่อพบหน้าเฟยหยาง มู่หรงเยว่ก็ตกใจกับสภาพของนาง นางดูซูบผอมและอิดโรย ผิดกับภาพลักษณ์ที่เคยงดงามและอ่อนหวาน
เฟยหยางเห็นมู่หรงเยว่ก็รีบโผเข้ากอดเขา "ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลัวเหลือเกิน" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น
มู่หรงเยว่มองนางด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งโกรธ ทั้งสงสาร ทั้งผิดหวัง
"ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้เฟยหยาง?" เขาถามเสียงแผ่ว
"หม่อมฉันรักท่านอ๋อง หม่อมฉันทนไม่ได้ที่เห็นไป๋หลันเป็นพระชายาเอกของท่าน" เฟยหยางตอบทั้งน้ำตา
"แต่เจ้าทำผิดมหันต์ เจ้ารู้ไหมว่าไป๋หลันเกือบจะตายเพราะเจ้า" มู่หรงเยว่พูดเสียงเครียด
"หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว" เฟยหยางกอดมู่หรงเยว่แน่น "ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันไม่อยากอยู่ในคุกนี้"
มู่หรงเยว่ถอนหายใจ เขาไม่อาจทนเห็นเฟยหยางเป็นเช่นนี้ได้ เขาตัดสินใจที่จะช่วยนาง แม้จะรู้ว่ามันอาจทำให้เขาต้องขัดแย้งกับฮ่องเต้ก็ตาม
"ข้าจะพยายามช่วยเจ้า" มู่หรงเยว่พูด "แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก"
เฟยหยางพยักหน้ารัวๆ "หม่อมฉันสัญญาเพคะ"
มู่หรงเยว่ออกจากคุกหลวงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขาต้องหาทางช่วยเฟยหยางโดยไม่ทำให้ฮองเฮาพิโรธไปมากกว่านี้ แต่ก่อนอื่น เขาต้องไปพบไป๋หลัน
มู่หรงเยว่ก้าวเท้าเข้าสู่จวนของไป๋หลันเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่นางถูกส่งตัวมาเป็นภรรยาของเขา ความรู้สึกผิดและความหวาดหวั่นเกาะกุมหัวใจเขาแน่น เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับไป๋หลันอย่างไรหลังจากที่ละเลยนางมาตลอดหลายปี
เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ สายตาก็ไปสะดุดกับร่างของไป๋หลันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าคือ ไป๋หลันที่เขาเห็นในวันนี้แตกต่างจากภาพจำในอดีตโดยสิ้นเชิง
ไป๋หลันในวันนี้ดูงดงามราวกับเทพธิดา เสื้อคลุมผ้าไหมสีฟ้าอ่อนขับผิวขาวผ่องของนางให้ดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเผยให้เห็นลำคอระหง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือแววตาของนาง มันไม่ว่างเปล่าและเศร้าสร้อยดังเช่นเคย แต่กลับเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดและความมั่นใจ
เมื่อสายตาของทั้งสองประสานกัน มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนถูกมีดคมกรีดแทงเข้าไปในอก แววตาของไป๋หลันเย็นชาและทิ่มแทงราวกับมองทะลุเขาไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ แม้จะรู้ดีว่าไป๋หลันไม่เคยมีใจให้เขาเลยนับตั้งแต่แต่งงานด้วยกัน แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอกก็ทำให้เขารู้ว่า เขาไม่อาจทนเห็นสายตาแบบนั้นจากนางได้อีกต่อไป
"ไป๋หลัน" เขาเอ่ยชื่อนางแผ่วเบา พยายามระงับความรู้สึกสับสนในใจ
ไป๋หลันเพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
มู่หรงเยว่สูดหายใจเข้าลึก "ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจ้า ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อเจ้ามากมายนัก ข้าละเลยเจ้า ปล่อยให้เจ้าต้องเจ็บปวด ข้าขอโทษ"
ไป๋หลันยังคงนิ่งเงียบ มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนกำลังพูดกับกำแพง
"และข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องเจ้า" เขาพูดต่อ "ข้ารู้ว่าเฟยหยางทำผิดมหันต์ แต่ข้าขอให้เจ้าให้อภัยนาง ข้ายกเลิกการลงโทษนางได้หรือไม่?"
ไป๋หลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน "ท่านอ๋องกำลังขอร้องข้า ให้ยกโทษให้อนุที่ทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ?" นางถามเสียงเรียบ
"ข้ารู้ว่ามันมากเกินไป" มู่หรงเยว่ยอมรับ "แต่ข้ารักนาง ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นนางต้อง..."
"ความรัก?" ไป๋หลันขัดจังหวะ "ท่านอ๋องเคยรู้จักความรักหรือไม่ ท่านเคยรักใครจริงหรือเปล่า?"
คำถามของไป๋หลันทำให้มู่หรงเยว่พูดไม่ออก เขาไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ เขาไม่เคยรักใครจริง นอกจากตัวเอง
"ข้าจะช่วยเฟยหยาง" ไป๋หลันพูดในที่สุด "แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง"
มู่หรงเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางอย่างมีความหวัง "อะไร?"
"ท่านอ๋องต้องหย่ากับข้า" ไป๋หลันตอบอย่างตรงไปตรงมา "เพราะคนรักของข้ากำลังจะกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว"
มู่หรงเยว่นิ่งอึ้งไป เขาไม่เคยคิดว่าไป๋หลันจะเอ่ยปากขอหย่า แม้เคยได้ยินข่าวลือว่านางมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
"ทำไม?" เขาถามเสียงสั่น
"เพราะเฉินกั๋วกง คนรักของข้ากำลังจะกลับมา" ไป๋หลันตอบอย่างตรงไปตรงมา "และข้าต้องการที่จะอยู่กับเขา ไม่ใช่คนไร้หัวใจเช่นท่านอ๋อง"
มู่หรงเยว่รู้สึกใจหายวาบ เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ควรจะดีใจที่ไป๋หลันจะได้มีความสุขกับคนที่นางรัก หรือควรจะเสียใจที่กำลังจะสูญเสียภรรยาไป แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นค่าของนางมาก่อนก็ตาม
"ตกลง" มู่หรงเยว่ตอบอย่างหนักแน่น "ข้าจะหย่ากับเจ้า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฝ่าบาทและฮองเฮากำลังจับตามองพวกเราอยู่"
ไป๋หลันพยักหน้ารับ "ขอบพระทัยท่านอ๋อง"
อาหลิงมองดูบาดแผลบนร่างกายของนายหญิงด้วยความปวดร้าว น้ำตาไหลอาบแก้ม บ่าวรับใช้ผู้นี้อยู่รับใช้ไป๋หลันมาตั้งแต่เด็ก เห็นทั้งความอ่อนโยนและความอดทนของนางมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น ไป๋หลันจะต้องแบกรับความทุกข์ทรมานไว้มากมายเพียงใด"พระชายา..." อาหลิงสะอื้นไห้ "บ่าวจะไปส่งข่าวให้ท่านเสนาบดีเดี๋ยวนี้เพคะ"เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันจับมืออาหลิงไว้ "ไม่ต้องหรอกอาหลิง" นางพูดเสียงแผ่ว "ท่านพ่อคงไม่มาหรอก"อาหลิงมองไป๋หลันด้วยความประหลาดใจ "ทำไมพระชายาถึงตรัสเช่นนั้นเพคะ? ท่านเสนาบดีรักพระชายามากนะเพคะ"ไป๋หลันส่ายหน้า "อาหลิง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นเพียงบุตรสาวคนเล็กที่ท่านพ่อลืมเลือนไปแล้ว" นางถอนหายใจ "ท่านพ่อไม่เคยสนใจใยดีข้าเลย นับตั้งแต่แม่ของข้าสิ้นใจ ท่านก็แต่งภรรยาใหม่และมีลูกใหม่ ข้าเป็นเพียงส่วนเกินในครอบครัวเท่านั้น""ใช่แล้ว" ไป๋หลันพยักหน้า "ถ้าไม่มีฮองเฮา ข้าคงถูกเฟยหยางและพวกนางรังแกจนตายไปนานแล้ว"อาหลิงก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสร้อย นางรู้สึกสงสารไป๋หลันจับใจ นางลืมไปได้อย่างไรว่านายหญิงของนางต้องทนอยู่กับชีวิตที่โดดเดี่ยวและอ้างว้างเช่นนี้มู่หรงเยว่รู
ข่าวเรื่องป้าหลี่ที่หายจากอาการไอเรื้อรังด้วยอาหารของไป๋หลันแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนต่างพากันมาหาไป๋หลันเพื่อขอความช่วยเหลือ นางไม่เคยปฏิเสธใคร นางรักษาผู้คนด้วยอาหารเป็นยาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยชื่อเสียงของ "พระชายาหมอเทวดา" โด่งดังไปทั่วแคว้น ผู้คนต่างพากันรักและเคารพนาง ไป๋หลันไม่เพียงแต่รักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้คนเท่านั้น แต่นางยังมอบความหวังและกำลังใจให้กับพวกเขาอีกด้วยในที่สุด มู่หรงเยว่ก็ใช้ตำแหน่งและอิทธิพลของเขา จนนำเฟยหยางกลับออกมาจากคุกหลวงได้สำเร็จ แม้จะต้องแลกกับการเผชิญหน้ากับความไม่พอพระทัยของฮองเฮาก็ตามเฟยหยางเป็นผู้ที่แสดงความดีใจออกมาอย่างชัดเจนที่สุด นางกระโดดเข้าสวมกอดมู่หรงเยว่ทันทีที่เห็นเขา นัยน์ตาของเฟยหยางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ"ท่านอ๋อง ขอบพระทัยเพคะที่ช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ลืมพระคุณนี้เลย" เฟยหยางพูดเสียงสั่นเครือมู่หรงเยว่ลูบผมนางเบาๆ "ไม่เป็นไร ข้าดีใจที่เจ้าปลอดภัย"แต่สิ่งที่ทำให้เฟยหยางดีใจยิ่งกว่าการได้กลับมาสู่อ้อมกอดของมู่หรงเยว่ คือการที่ไป๋หลันหายจากอาการป่วยแล้ว"พระชายาหายดีแล้วหรือเพคะ?" เฟยหยางถามมู่หรงเยว่ด้วยน้ำเสีย
มู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาในห้องของไป๋หลันในจังหวะที่เฟยหยางกำลังล้มลงไปกองกับพื้น เสียงร้องของเฟยหยางดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทำให้เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูด้วยความตกใจ"เกิดอะไรขึ้น!" มู่หรงเยว่ถามเสียงเข้ม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไป๋หลันอย่างตำหนิไป๋หลันมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย "หม่อมฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้นเพคะ"เฟยหยางรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ "ท่านพี่" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น "พี่หญิงทำร้ายหม่อมฉัน"มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว "ไป๋หลัน เจ้าทำอะไรเฟยหยาง?""หม่อมฉันแค่ป้องกันตัว" ไป๋หลันย้ำอีกครั้ง "นางจะทำร้ายหม่อมฉันก่อน"เฟยหยางรีบพูดแทรกขึ้น "ไม่จริงเพคะท่านพี่ หม่อมฉันแค่เข้ามาคุยกับพี่หญิงดีๆ แต่พี่หญิงกลับ..." นางเว้นวรรคไว้ ก่อนจะสะอื้นไห้ต่อ "พี่หญิงกลับทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันเจ็บ..."มู่หรงเยว่มองไป๋หลันด้วยสายตาตำหนิ เขาไม่คิดว่านางจะกล้าทำร้ายเฟยหยาง แม้ว่าเฟยหยางจะทำผิดมาก่อน แต่นางก็เป็นอนุภรรยาของเขา และตอนนี้เฟยหยางที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกหลวงก็กำลังอ่อนแอเป็นอย่างมาก"ไป๋หลัน เจ้า..." เขาเริ่มจะต่อว่านาง แต่เฟยหยางก็รีบพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง"ช่างเถอะเพคะท่านพี่" เฟยหยางพูดเสียงอ่อน "เรื่องมันผ่านไ
ยามราตรีแผ่ปกคลุมจวนหลังใหญ่ของอ๋องชิน ความเงียบสงัดเข้าครอบงำทุกห้องหับ ในขณะที่ไป๋หลันเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนของนางเรียบร้อยแล้ว มู่หรงเยว่กลับยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ภาพของไป๋หลันที่ถูกทำร้ายร่างกายและคำสารภาพของเฟยหยางยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วง มู่หรงเยว่ตัดสินใจเดินไปเยี่ยมเยียนไป๋หลันที่ห้องนอน เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ พบว่าอาหลิงกำลังบรรจงทายาให้ไป๋หลันที่นอนหลับอยู่บนเตียง"ท่านอ๋อง!" อาหลิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่หรงเยว่อย่างกะทันหันมู่หรงเยว่ยกมือขึ้นห้ามอาหลิงส่งเสียง "อย่าปลุกนาง" เขาพูดเสียงเบาอาหลิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ"ให้ข้าทำเองเถิด" มู่หรงเยว่พูดต่ออาหลิงลังเลเล็กน้อย แต่มู่หรงเยว่ยืนกรานว่าจะเป็นคนทายารักษาแผลเป็นให้ร่างบางด้วยตัวเอง นางจึงจำต้องถอยออกมามู่หรงเยว่นั่งลงข้างเตียง มองใบหน้าสงบนิ่งของไป๋หลัน แม้ในยามหลับ นางก็ยังคงดูงดงามและอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนางอย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลของผิวเขาเริ่มทายาให้ไป๋หลันอย่างเบามือที่สุด พยายามไม่ให้นางรู้สึกตัว แต่บาดแผลบนร่างกาย
หลังจากมู่หรงเยว่ออกจากห้องไป ไป๋หลันเรียกอาหลิงเข้ามาพบทันที หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะใหญ่และจรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ"อาหลิง" ไป๋หลันเอ่ยเรียก "เจ้าช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้เฉินกั๋วกงแทนข้าที"อาหลิงรับจดหมายมาด้วยความสงสัย นางทราบดีว่าเฉินอี้เทียน หรือ เฉินกั๋วกง คือสหายในวัยเด็กและยังเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไป๋หลันแอบหลงรัก แต่ไม่เคยเห็นนางส่งจดหมายถึงเขาเลยตลอดเวลาที่แต่งงานเข้าอยู่ในจวนอ๋อง"ได้เพคะ พระชายา" อาหลิงรับคำ นางมองไป๋หลันด้วยแววตาเป็นกังวล นางพอจะเดาได้ว่านายหญิงคิดจะทำอะไร และก็รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้"พระชายา..." อาหลิงเอ่ยอย่างลังเล "ท่านแน่ใจแล้วหรือเพคะ?"ไป๋หลันพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าแน่ใจแล้วอาหลิง" นางพูดเสียงหนักแน่น "ข้าจะไม่ทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป ข้าจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมการเมืองของใครอีกแล้ว"อาหลิงถอนหายใจ นางรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไป๋หลันได้ นางทำได้เพียงแค่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของนายหญิง"บ่าวจะไปส่งจดหมายให้เฉินกั๋วกงเดี๋ยวนี้เพคะ" อาหลิงกล่าว"ขอบใจเจ้ามากอาหลิง" ไป๋หลันยิ้มให้อาหลิงอย่างอบอุ่น "เจ้าคือเพื่อนแท้ของข้า"อาหลิงโค้งคำนับแล้วรีบออกจา
เฟยหยางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งความมืดมิด ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังไม่จางหายไปไหน ราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ทับถมอยู่ พิษของเห็ดเมาที่หลอกหลอนนางมาตลอดทั้งคืนเริ่มจางลง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำเลือนรางของเหตุการณ์เมื่อคืนที่ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น"ข้าเสียรู้ให้ไป๋หลัน!" เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ความโกรธเกรี้ยวและความอัปยศอดสูรวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงที่แผดเผาภายในอก นางจำได้ลางๆ ถึงภาพของไป๋หลันที่หลอกล่อนางให้กินอาหารที่ป้ายด้วยเห็ดเมา แล้วหลังจากนั้น... ความทรงจำก็ขาดหายไป"พระชายา" เสียงของเปาหม่าดังขึ้นข้างเตียง นางประคองถ้วยยาส่งให้เฟยหยาง "นี่คือยาบำรุงร่างกาย ท่านรีบดื่มเถิดเพคะ"เฟยหยางรับถ้วยยา ดื่มมันจนหมดโดยไม่ปริปากบ่น ร่างกายของนางยังคงอ่อนเพลีย แต่จิตใจกลับร้อนรุ่มด้วยความแค้น"เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" นางถามเสียงแหบพร่าเปาหม่าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล "หลังจากที่ท่านสลบไป ท่านอ๋องก็รีบไปหาพระชายาเอกที่เรือนทันที พระองค์ไม่ได้อยู่ดูแลท่านเลยแม้แต่น้อย และอยู่กับพระชายาเอกตลอดค่อนคืนเจ้าค่ะ"คำพูดของเปาหม่าราวกับ
ยังไม่ทันที่เฟยหยางจะได้ก้าวเท้าออกจากห้องครัว เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำสนิทก้าวเข้ามาในครัวที่ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง มู่หรงเยว่ ชินอ๋องแห่งแคว้น มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก"เฟยหยาง!" เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง "เจ้าทำอะไรลงไป"เฟยหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มบัดนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและเจ็บปวดในแววตา"หม่อมฉัน..." นางพยายามจะพูด แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอมู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาใกล้นางมากขึ้น แววตาของเขาจ้องมองนางอย่างตำหนิ "เจ้าทำเกินกว่าเหตุอีกแล้วเฟยหยาง""หม่อมฉันแค่..." เฟยหยางพยายามจะอธิบาย แต่ก็ถูกเขาขัดขึ้น"เจ้าแค่หึงหวงไป๋หลัน เจ้าแค่ทนไม่ได้ที่ข้าไปหาเขา เจ้าแค่..." มู่หรงเยว่เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น "เจ้าแค่เห็นแก่ตัว!"คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในใจของเฟยหยาง นางกำมือแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้"หม่อมฉันขอโทษ" นางพูดเสียงแผ่วเบา"ขอโทษ?" มู่หรงเยว่หัวเราะในลำคอ "เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้าจะลบล้างความผิดที่เจ้าก่อได้หรือ"เขาหันไปหาเป่ากงกงที่ยื
กลิ่นหอมของอาหารรสเลิศจากบ้านเกิดของไป๋หลันโชยอบอวล ไทเฮาทรงยกช้อนเงินบริสุทธิ์ชิมอาหารแต่ละจานด้วยความตื่นเต้น พระพักตร์ที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ"อร่อยนัก! รสชาติอาหารของเจ้าช่างละมุนละไมและกลมกล่อมยิ่งนัก ไป๋หลัน" ไทเฮาตรัสชมไป๋หลันยิ้มรับคำชมอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงโปรดอาหารทั้งสามชนิดนี้""เจ้าช่างมีฝีมือในการทำอาหารยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นสะใภ้เอกของข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยเมื่อเสวยจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไทเฮาก็ทรงหยิบกล่องไม้แกะสลักออกมาจากข้างพระวรกาย"ไป๋หลัน นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางเปิดกล่องออก ภายในบรรจุกำไลหยกสีเขียวมรกต คู่หนึ่ง ส่องประกายระยิบระยับราวกับหยดน้ำค้าง"กำไลหยกน้ำค้าง!" ไป๋หลันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง "นี่มัน...""กำไลหยกน้ำค้างนี้มีเพียงคู่เดียวในใต้หล้า" ไทเฮาทรงตรัส "ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับสะใภ้คนโปรดของข้า"ไป๋หลันรีบคุกเข่าลง "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"ไทเฮาทรงแย้มพระสรวล "ล