Share

บทลงโทษและรางวัล

ยังไม่ทันที่เฟยหยางจะได้ก้าวเท้าออกจากห้องครัว เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำสนิทก้าวเข้ามาในครัวที่ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง มู่หรงเยว่ ชินอ๋องแห่งแคว้น มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก

"เฟยหยาง!" เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง "เจ้าทำอะไรลงไป"

เฟยหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มบัดนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและเจ็บปวดในแววตา

"หม่อมฉัน..." นางพยายามจะพูด แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอ

มู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาใกล้นางมากขึ้น แววตาของเขาจ้องมองนางอย่างตำหนิ "เจ้าทำเกินกว่าเหตุอีกแล้วเฟยหยาง"

"หม่อมฉันแค่..." เฟยหยางพยายามจะอธิบาย แต่ก็ถูกเขาขัดขึ้น

"เจ้าแค่หึงหวงไป๋หลัน เจ้าแค่ทนไม่ได้ที่ข้าไปหาเขา เจ้าแค่..." มู่หรงเยว่เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น "เจ้าแค่เห็นแก่ตัว!"

คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในใจของเฟยหยาง นางกำมือแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

"หม่อมฉันขอโทษ" นางพูดเสียงแผ่วเบา

"ขอโทษ?" มู่หรงเยว่หัวเราะในลำคอ "เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้าจะลบล้างความผิดที่เจ้าก่อได้หรือ"

เขาหันไปหาเป่ากงกงที่ยืนอยู่ด้านหลัง "เป่ากงกง จัดการตามสมควร"

เป่ากงกงโค้งคำนับ "พ่ะย่ะค่ะ" แล้วหันไปสั่งการเหล่าองครักษ์ "นำตัวพระชายารองไปโบย ห้าสิบที!"

เสียงโบยแส้ดังสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณราวกับเสียงฟ้าผ่าลงกลางใจของเฟยหยาง แต่ละครั้งที่แส้กระทบผิวกาย รอยแผลเป็นสีแดงฉานก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย

เฟยหยางกัดฟันแน่น พยายามอย่างที่สุดที่จะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ นางอยากจะร้องขอความเมตตาจากชินอ๋อง แต่ริมฝีปากที่ซีดเผือดกลับไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้ ความเจ็บปวดเกินกว่าที่นางจะทนทานไหว

น้ำตาไหลอาบแก้มนางอย่างไม่อาจควบคุมได้ นางไม่เคยคิดเลยว่าชินอ๋องจะลงโทษนางเช่นนี้ เขาเคยทะนุถนอมนางยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก แต่ตอนนี้...

ความเจ็บปวดทางกายยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในใจของเฟยหยาง นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ ความรักที่นางมีให้เขามันไม่มีค่าอะไรเลยหรือ เขาถึงได้ทำกับนางเช่นนี้

"ท่านอ๋อง..." นางคร่ำครวญในใจ "ได้โปรด หยุดเถิด หม่อมฉันเจ็บปวดเหลือเกิน"

มู่หรงเยว่ยืนมองการลงโทษด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีแววตาแห่งความสงสารแม้แต่น้อย เขาโกรธที่เฟยหยางทำเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน และยิ่งโกรธกว่าที่นางเกือบจะทำให้ไป๋หลันบาดเจ็บ

"ถ้าไป๋หลันเป็นอะไรไป ข้าจะเดือดร้อน" เขาคิดในใจ "ฮ่องเต้ประทานนางมาให้ข้า ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง ข้าจะตอบอย่างไร"

ยิ่งคิด มู่หรงเยว่ก็ยิ่งรู้สึกโกรธเฟยหยางมากขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงไม่รู้จักพอ ทั้งที่เขาก็ประเคนแก้วแหวนเงินทองและความสุขสบายให้นางไปมากมายแล้ว

ในที่สุดการโบยได้สิ้นสุดลง เฟยหยางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผล เลือดไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อนชุดสีแดงของนาง

มู่หรงเยว่เดินเข้าไปหานาง "จำไว้เฟยหยาง นี่เป็นบทเรียนสำหรับเจ้า หวังว่าเจ้าจะสำนึกผิดและไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอีก"

เขาหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้เฟยหยางนอนอยู่บนพื้นอย่างโดดเดี่ยว นางมองตามหลังเขาไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

"ท่านอ๋อง..." นางพึมพำเบาๆ

"ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น "ได้โปรด ให้โอกาสหม่อมฉันอีกครั้ง"

แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากเขา มีเพียงความเงียบงันที่ดังก้องอยู่ในใจของนาง

เหล่าบ่าวไพร่เข้ามาพยุงร่างบอบช้ำของเฟยหยางขึ้น นำนางกลับไปยังเรือนพัก นางนอนอยู่บนเตียง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่อายใคร

"ข้าจะไม่ยอมแพ้ให้กับไป๋หลันเป็นอันขาด" นางบอกกับตัวเอง "ข้าจะต้องทำให้ท่านอ๋องหันกลับมามองข้าให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม"

ไป๋หลันมองภาพเฟยหยางที่ถูกโบยด้วยความสะใจ ความรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเอ่อล้นในอก ภาพน้ำตาและเลือดของเฟยหยางราวกับเป็นเครื่องยืนยันถึงชัยชนะของนาง

ความทรงจำอันเจ็บปวดของเจ้าของร่างเดิมที่เคยถูกเฟยหยางข่มเหงรังแกผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง ความรู้สึกสะใจในครั้งนี้จึงยิ่งทวีคูณขึ้นเป็นเท่าทวี

เมื่อเห็นว่าเฟยหยางได้รับบทเรียนจนสาสมแล้ว ไป๋หลันก็หันหลังเดินกลับเข้าครัวด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน ราวกับไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น นางเริ่มลงมือทำอาหารใหม่อีกครั้งด้วยความคล่องแคล่วและมั่นใจ

ไม่นานนัก สำรับอาหารรสเลิศก็เสร็จสมบูรณ์ กลิ่นหอมของอาหารโชยไปทั่วห้องครัว ไป๋หลันจัดอาหารใส่ปิ่นโตอย่างประณีต ก่อนจะเรียกเป่ากงกงให้มารับไปถวายไทเฮา

"เป่ากงกง เชิญนำสำรับนี้ไปถวายไทเฮาด้วยเถิด" ไป๋หลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เป่ากงกงมองสำรับอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ "พระชายาไป๋หลัน ท่านทำสำรับใหม่เสร็จแล้วหรือ ไวจริงๆ"

"แน่นอน" ไป๋หลันตอบ "ข้าไม่อยากให้ไทเฮาต้องรอนานเจ้าค่ะ"

"เช่นนั้น ข้าจะรีบนำไปถวายเดี๋ยวนี้" เป่ากงกงรับปิ่นโตไปด้วยความยินดี

"เดี๋ยวก่อนเป่ากงกง" ไป๋หลันร้องทัก "ข้าขออนุญาตเข้าวังไปพร้อมท่านด้วยเจ้าค่ะ"

เป่ากงกงมองไป๋หลันด้วยความประหลาดใจ "พระชายาจะเข้าวังไปทำไมหรือ"

"หม่อมฉันอยากทราบว่าไทเฮาทรงพอพระทัยในรสชาติอาหารหรือไม่" ไป๋หลันตอบ

เป่ากงกงพยักหน้า "ก็ได้ เช่นนั้นก็ตามมาเถิด พระชายา"

ในเวลานั้นเอง มู่หรงเยว่ก็เดินเข้ามาในครัวพอดี เขาได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน

"เจ้าจะเข้าวังไปด้วยหรือ" เขาถามไป๋หลัน

"เพคะ ท่านอ๋อง" ไป๋หลันตอบ "ข้าน้อยอยากทราบว่าไทเฮาทรงพอพระทัยในรสชาติอาหารหรือไม่"

“งั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย พระชายา”

ไป๋หลันชะงักไปครู่หนึ่ง คำพูดของมู่หรงเยว่ทำให้ใจของนางเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 'ผีตนไหนเข้าสิงเขากัน' หญิงสาวคิดในใจ

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม คนผู้นี้ไม่เคยพาไป๋หลันไปไหนด้วยกันเลยสักครั้ง แม้แต่จะเข้ามาหาในจวนยังไม่มีเลย

แต่ถึงจะแปลกใจเพียงใด ไป๋หลันก็ยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้ นางยิ้มตอบรับเขาอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยท่านอ๋อง"

ภายในใจของไป๋หลันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และสงสัย นางไม่รู้ว่าอะไรทำให้มู่หรงเยว่เปลี่ยนไปเช่นนี้ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหวังว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

บางที... แผนการหย่าของนางอาจจะสำเร็จเร็วขึ้นก็ได้

แม้ว่าในใจลึกๆ นางจะวางแผนที่จะหย่ากับเขา แต่ในตอนนี้นางก็ยังอยากจะลิ้มรสความสุขเล็กๆ น้อยๆ นี้ก่อน

รถม้าของชินอ๋องเคลื่อนตัวออกจากจวนไป๋หลันมุ่งหน้าสู่พระราชวังหลวง ไป๋หลันนั่งอยู่ข้างๆ มู่หรงเยว่ หัวใจของนางกำลังเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

"ท่านอ๋อง" นางเอ่ยขึ้น "ขอบพระทัยที่ท่านพาหม่อมฉันไปด้วย"

มู่หรงเยว่มองนางนิ่ง "ไม่เป็นไร"

ไป๋หลันยิ้มบางๆ นางรู้ว่าเขาไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง

อย่างน้อยในตอนนี้ นางก็ยังมีเขาอยู่เคียงข้าง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status