Share

เฉินอี้เทียนปรากฏตัว

กลิ่นหอมของอาหารรสเลิศจากบ้านเกิดของไป๋หลันโชยอบอวล ไทเฮาทรงยกช้อนเงินบริสุทธิ์ชิมอาหารแต่ละจานด้วยความตื่นเต้น พระพักตร์ที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ

"อร่อยนัก! รสชาติอาหารของเจ้าช่างละมุนละไมและกลมกล่อมยิ่งนัก ไป๋หลัน" ไทเฮาตรัสชม

ไป๋หลันยิ้มรับคำชมอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงโปรดอาหารทั้งสามชนิดนี้"

"เจ้าช่างมีฝีมือในการทำอาหารยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นสะใภ้เอกของข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัย

เมื่อเสวยจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไทเฮาก็ทรงหยิบกล่องไม้แกะสลักออกมาจากข้างพระวรกาย

"ไป๋หลัน นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางเปิดกล่องออก ภายในบรรจุกำไลหยกสีเขียวมรกต คู่หนึ่ง ส่องประกายระยิบระยับราวกับหยดน้ำค้าง

"กำไลหยกน้ำค้าง!" ไป๋หลันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง "นี่มัน..."

"กำไลหยกน้ำค้างนี้มีเพียงคู่เดียวในใต้หล้า" ไทเฮาทรงตรัส "ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับสะใภ้คนโปรดของข้า"

ไป๋หลันรีบคุกเข่าลง "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"

ไทเฮาทรงแย้มพระสรวล "ลุกขึ้นเถิด ไป๋หลัน เจ้าสมควรได้รับมัน"

ไป๋หลันลุกขึ้นรับกำไลหยกมาด้วยความตื้นตันใจ นางไม่เคยคิดเลยว่าไทเฮาจะประทานของล้ำค่าเช่นนี้ให้กับนาง

มู่หรงเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ไทเฮามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นพระมารดาของเขาพอพระทัยในผู้ใดถึงเพียงนี้มาก่อน ไทเฮาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้ที่เสวยยาก และยากที่จะประทานของล้ำค่าให้กับใคร

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้ใจพระมารดาของข้าไปเต็มๆ แล้วนะ ไป๋หลัน" มู่หรงเยว่กระซิบข้างหูไป๋หลัน

ไป๋หลันยิ้มบางๆ "ทั้งหมดนี้ก็เพราะท่านอ๋องช่วยพูดให้หม่อมฉัน"

มู่หรงเยว่เลิกคิ้ว "ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลยนะ"

ไป๋หลันหัวเราะเบาๆ "แต่หม่อมฉันก็ยังอยากจะขอบคุณท่านอ๋องอยู่ดี"

มู่หรงเยว่มองไป๋หลันด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย เขายอมรับว่ารู้สึกประทับใจในตัวนาง ไป๋หลันไม่เพียงแต่มีฝีมือในการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังมีความเฉลียวฉลาดและละเอียดอ่อนอีกด้วย เป็นมุมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

"ไป๋หลัน" เขาเอ่ยขึ้น "เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ"

ขณะที่มู่หรงเยว่และไป๋หลันกำลังจะก้าวออกจากประตูวังหลวง รถม้าคันหนึ่งก็หยุดลงกะทันหันตรงหน้าพวกเขา

เฉินอี้เทียน แม่ทัพหนุ่มยศกั๋วกงผู้เพิ่งเสร็จศึกจากเมืองทางใต้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาด้วยท่าทีองอาจสง่างาม

"ไป๋หลัน!" เฉินอี้เทียนเอ่ยทักทายไป๋หลันด้วยรอยยิ้มกว้าง สายตาของเขาจับจ้องไปที่นางเพียงผู้เดียวราวกับว่ามู่หรงเยว่ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

มู่หรงเยว่ยืนนิ่งเงียบ ภายในใจของเขาคุกรุ่นไปด้วยความโกรธที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไป๋หลันและเฉินอี้เทียนมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง จนกระทั่งได้เห็นกับตาตัวเองในวันนี้

เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความรู้สึกกลัว กลัวว่าจะมีใครมาแย่งชิงไป๋หลันไปจากเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักนาง แต่เขาก็ไม่อาจยอมให้ใครมาทำให้เขาเสียหน้าได้

ไป๋หลันยิ้มตอบรับให้กับเฉินอี้เทียนอย่างสุภาพ "คารวะเฉินกั๋วกง"

เฉินอี้เทียนยิ้มกว้างอย่างเป็นกันเอง "ไป๋หลัน ข้าได้ยินเรื่องราวความกล้าหาญของพระชายาเอกในการจัดการกับเรื่องวุ่นวายในจวนมาตลอด ข้าชื่นชมในสติปัญญาและความเด็ดเดี่ยวของเจ้ายิ่งนัก"

ไป๋หลันยิ้มรับคำชมอย่างสุภาพ "เฉินกั๋วกงกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่ทำตามหน้าที่ของตนเท่านั้น"

เฉินอี้เทียนมองลึกเข้าไปในดวงตาของไป๋หลัน "ข้าเชื่อว่าไป๋หลันมีความสามารถมากกว่านั้น หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือเจ้าได้ โปรดอย่าลังเลที่จะบอกกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าก็จะอยุ่เคียงข้างเจ้าเสมอ"

ไป๋หลันรู้สึกถึงความอบอุ่นในน้ำเสียงของเฉินอี้เทียน นางรู้ดีว่าเขามีความรู้สึกพิเศษต่อนาง แต่ในเวลานี้ นางไม่อาจแสดงออกใดๆ ได้

ทันใดนั้น มู่หรงเยว่ก็ก้าวเข้ามาขวางระหว่างทั้งสอง "พระชายา เย็นแล้ว เราต้องรีบกลับจวนแล้ว"

ไป๋หลันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ "เพคะ ท่านอ๋อง"

มู่หรงเยว่โอบเอวบางของไป๋หลันอย่างเป็นเจ้าของ ก่อนจะพานางเดินขึ้นรถม้าไป ทิ้งให้เฉินอี้เทียนยืนกำหมัดแน่นอยู่เพียงลำพัง

ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินอี้เทียนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธและผิดหวัง..

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋หลันต้องยอมจำนนต่อการแต่งงานที่ไม่มีความสุขเช่นนี้ ทำไมนางไม่ยอมรับความรู้สึกของเขาเสียที

ภายใต้แสงแดดร้อนแรงของลานฝึกทหาร เฉินอี้เทียนในวัยเด็ก เขานั้นทั้งตัวเล็กและผอมบางกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังฝึกซ้อมกันอย่างหนัก เหงื่อไหลอาบใบหน้า ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะเหนื่อยและเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้

วันนั้นเป็นอีกวันที่เขาฝึกซ้อมจนเกินกำลัง เขาล้มลงไปกองกับพื้น แขนถลอกเป็นแผล เลือดไหลซิบๆ เด็กคนอื่นๆ พากันหัวเราะเยาะเขา แต่เขาก็ได้แต่กัดฟัน ไม่สนใจเสียงเหล่านั้น

ทันใดนั้น ร่างเล็กๆ ของเด็กสาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา นางมีดวงตากลมโตสดใส ผิวขาวผ่องราวกับหยก และรอยยิ้มที่อบอุ่นละมุนละไม

"เจ้าเป็นอะไรไป" นางถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

เฉินอี้เทียนเงยหน้ามองไปยังผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงใส เด็กสาวคนนี้คือไป๋หลัน บุตรสาวของเสนาบดีไป๋แห่งกรมตรวจการ นางเป็นที่รู้จักในนามของหญิงงามแห่งเมืองหลวง ทั้งยังมีจิตใจดีงาม เป็นที่รักของทุกคน

"ข้าไม่เป็นไร" เขาตอบเสียงแผ่ว

แต่ไป๋หลันไม่เชื่อ นางนั่งลงข้างๆ เขา ค่อยๆ ช่วยเขาทำความสะอาดแผลและพันผ้าพันแผลให้

"เจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะ" นางพูดเสียงนุ่มนวล "อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป"

เฉินอี้เทียนมองการกระทำของนางด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยมีใครมาดูแลเอาใจใส่เขาเช่นนี้มาก่อน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"ขอบคุณ" เขาพูดเสียงแผ่ว

ไป๋หลันยิ้มให้เขา รอยยิ้มนั้นทำให้โลกทั้งใบของเฉินอี้เทียนสว่างไสวขึ้นมาทันที

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉินอี้เทียนก็เฝ้ามองไป๋หลันอยู่ห่างๆ เขาเฝ้ารอคอยที่จะได้พบเจอนางอีกครั้ง และทุกครั้งที่ได้พบกัน เขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทุกที

เขาแอบไปดูนางเล่นฉินในสวน แอบไปดูนางอ่านหนังสือใน เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆ นาง แม้เพียงแค่ได้มองนางจากระยะไกลก็ทำให้เขามีความสุขแล้ว

และบางครั้ง เขาก็รู้สึกว่าไป๋หลันก็แอบมองเขาเช่นกัน เวลาที่สายตาของพวกเขาสบประสานกัน ไป๋หลันจะรีบหลบตาและหน้าแดงก่ำ ทำให้เฉินอี้เทียนมีความหวังว่าบางที นางอาจจะมีใจให้เขาบ้าง

วันหนึ่ง เฉินอี้เทียนตัดสินใจสารภาพรักกับไป๋หลัน เขาเตรียมดอกไม้และคำพูดที่ซ้อมมาอย่างดี เขาเดินไปหาหญิงสาวที่สวนดอกไม้

"พระชายาไป๋หลัน" เขาเรียกนางเสียงสั่น

ไป๋หลันหันมาหาเขา รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของนาง "เฉินอี้เทียน มีอะไรหรือ"

เฉินอี้เทียนยื่นดอกไม้ให้นาง "ข้า... ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน"

ไป๋หลันรับดอกไม้มาด้วยความประหลาดใจ "เรื่องอะไรหรือ"

เฉินอี้เทียนสูดหายใจลึก "ข้าชอบท่าน" เขาพูดเสียงดังฟังชัด

ไป๋หลันเบิกตากว้าง หน้าของนางแดงก่ำไปหมด นางก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเขา

เฉินอี้เทียนใจเต้นรัว เขารอคอยคำตอบจากนางอย่างใจจดใจจ่อ

ในที่สุด ไป๋หลันก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของนางเป็นประกาย

"ข้าก็..." นางพูดเสียงแผ่วเบา

แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น บิดาของนาง เสนาบดีไป๋ เดินเข้ามาในสวน

"ไป๋หลัน" เขาเรียกนางเสียงเข้ม "เจ้ามาทำอะไรที่นี่"

ไป๋หลันสะดุ้งตกใจ นางรีบซ่อนดอกไม้ไว้ด้านหลัง

"ท่านพ่อ" นางพูดเสียงสั่น "ข้า... ข้าแค่มาเดินเล่น"

เสนาบดีไป๋มองเฉินอี้เทียนด้วยสายตาตำหนิ "เฉินอี้เทียน เจ้ามาทำอะไรที่นี่"

เฉินอี้เทียนรู้สึกเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นเฉียบ เขารู้ดีว่าเสนาบดีไป๋ไม่ชอบเขา เขาเป็นแค่เด็กฝึกทหารตัวเล็กๆ ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวของเขา

"ข้า... ข้าแค่มาคุยกับพระชายาไป๋หลัน" เขาตอบเสียงตะกุกตะกัก

เสนาบดีไป๋หรี่ตาลง "เช่นนั้นก็คุยกันเสร็จแล้วสินะ เฉินอี้เทียน เจ้ากลับไปได้แล้ว"

เฉินอี้เทียนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของเสนาบดีไป๋ เขาได้แต่โค้งคำนับแล้วเดินจากไป

ภาพความทรงจำในอดีตเลือนหายไป เฉินอี้เทียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองรถม้าของมู่หรงเยว่และไป๋หลันที่เคลื่อนตัวออกไปไกล ความรู้สึกเจ็บปวดและผิดหวังถาโถมเข้ามาในใจเขาอีกครั้ง

แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาจะต้องทำให้ไป๋หลันเป็นของเขาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status