ในห้องโถงวังหลวงซึ่งปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันเคร่งขรึม ความเย็นเยียบของเสาไม้แกะสลักและเพดานสูงทำให้เสียงพูดของผู้คนก้องสะท้อนไปทั่ว ทุกสายตาจับจ้องไปที่บุรุษผู้หนึ่งที่ยืนเด่นเป็นสง่า มู่หรงเยว่ชายหนุ่มที่สูงศักดิ์ในฐานะชินอ๋อง หนึ่งในบุคคลสำคัญของแคว้นหยาง อำนาจในมือของเขาคือกองทัพที่แข็งแกร่ง แต่เบื้องหลังของเส้นทางสู่อำนาจนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆ คิด และยิ่งในวันนี้ วันที่ชะตาของเขาถูกลิขิตใหม่อย่างไม่ทันคาดคิดฮ่องเต้ทอดพระเนตรน้องชายที่พระองค์รัก ท่าทางของพระองค์สงบและมั่นคงในคำสั่งที่กำลังจะประกาศออกมา "หรงเยว่" เสียงอันทรงอำนาจของฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วห้อง "ข้าได้เตรียมการแต่งงานให้เจ้าแล้ว"คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าที่ผ่ากลางใจของมู่หรงเยว่ เขานิ่งไปชั่วขณะ แม้ภายนอกจะแสดงท่าทีสงบ แต่ภายในหัวใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่น "การแต่งงาน?" เขาทวนคำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน การแต่งงานที่ไม่เคยมีการพูดถึงมาก่อน เหตุใดจึงเกิดขึ้นเช่นนี้ และที่สำคัญ เหตุใดถึงต้องรีบร้อนจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้?ฮ่องเต้ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตายังคงแข็งกร้าว "ใช่ การแต่งงานของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญมาก เจ้
ในเขตพระราชวังอันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยกำแพงหินสูงสง่าและต้นสนที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ไป๋หลัน เดินลัดเลาะตามทางเดินหินที่ทอดยาวสู่ตำหนักของฮองเฮา นางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาวงาช้างปักลายดอกไม้ละเอียดอ่อน ขณะเดินไป เสียงนกที่ร้องเบาๆ ตามกิ่งไม้สูง และเสียงฝีเท้าของนางบนหินที่เย็นเฉียบ ดูเหมือนจะเป็นเสียงเดียวที่ได้ยินในยามนี้วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน เพราะเป็นวันที่หญิงสาวถูกเรียกเข้าเฝ้าฮองเฮาผู้เป็นพระญาติของนาง ผู้ทรงเป็นบุคคลที่มีอำนาจอย่างสูงในราชสำนัก นางรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความกังวลที่ซ่อนอยู่ภายในใจ แต่สิ่งที่ทำให้นางกังวลมากที่สุดคือข่าวที่นางได้ยินมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อถึงตำหนักของฮองเฮา ประตูไม้หนักที่สลักลวดลายวิจิตรถูกเปิดออกโดยขันทีที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ไป๋หลันก้าวเข้ามาในห้องรับรองใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนและวัตถุโบราณจากยุคต่างๆ กลิ่นหอมของไม้จันทน์ลอยอบอวลไปทั่วห้อง ขณะที่ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์เล็กๆ ที่ประดับด้วยหมอนหนานุ่ม ใบหน้าของพระนางสงบสุข แต่แฝงด้วยความเยือกเย็นที่ไม่อาจคาดเดาได้"หลันเอ๋อร์" เสียงของฮองเฮาเรียกชื่อไป๋หลันเ
เหม่ยหลิง เชฟสาวผู้มากความสามารถและชื่อเสียงโด่งดัง กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต เธอมีทุกสิ่งที่ใครๆ ใฝ่ฝัน ทั้งหน้าที่การงานที่มั่นคง ความรักที่สมบูรณ์แบบ และอนาคตที่สดใส ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่ออุบัติเหตุทางรถยนต์พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปในพริบตาในวินาทีที่รถยนต์พุ่งเข้าชน เหม่ยหลิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่างกาย ก่อนที่สติของหญิงสาวจะดับวูบลงไป ทิ้งไว้เพียงความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดแต่แล้ว... เหมือนมีแสงสว่างเรืองรองขึ้นที่ปลายอุโมงค์ เหม่ยหลิงรู้สึกถึงสัมผัสที่คุ้นเคย เสียงรอบข้างเริ่มดังขึ้น เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพเบื้องหน้าทำให้เธอตกตะลึงเป็นอย่างมากหญิงสาวไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล ไม่ได้อยู่บนเตียงคนไข้ ทันทีที่เปลือกตาของเหม่ยหลิงเปิดขึ้นในร่างใหม่ ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาคือความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับร่างกายถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ขณะที่สติค่อยๆ กลับคืนมา ภาพเบื้องหน้าก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ เหม่ยหลิงก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นตัวเองถูก
วันหนึ่ง ราชโองการจากฮองเฮาถูกนำมาส่งถึงจวนของชินอ๋อง มู่หรงเยว่ ราวกับสายฟ้าฟาด ฮองเฮาผู้มีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของไป๋หลันมีพระประสงค์จะให้หลานสาวเข้าเฝ้าในวังหลวงด้วยความคิดถึงเฟยหยาง อนุภรรยาคนโปรดของมู่หรงเยว่ กลับร้อนใจอย่างที่สุด นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าไป๋หลันมีสายสัมพันธ์อันสูงส่งเช่นนี้ ความจริงที่ว่าไป๋หลันไม่เคยโอ้อวดหรือใช้สถานะความเป็นหลานฮองเฮามาข่มขู่นาง ยิ่งทำให้เฟยหยางหวาดกลัวเดิมทีเฟยหยางวางแผนจะวางยาพิษไป๋หลันให้ตายก่อนที่ชินอ๋องจะกลับมาจากชายแดน แต่เมื่อรู้ว่าไป๋หลันเป็นหลานสาวของฮองเฮา แผนการของนางก็เปลี่ยนไป นางตระหนักว่าหากไป๋หลันตายลง นางเองก็จะไม่รอดพ้นจากการถูกฮองเฮาลงโทษอย่างแน่นอน"ถ้าฮองเฮาทรงทราบเรื่องที่ข้าทำกับไป๋หลันล่ะก็..." เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง ใบหน้างามซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่น ภาพของไป๋หลันที่ถูกนางทารุณกรรมปรากฏขึ้นในมโนสำนึกราวกับภาพหลอนเฟยหยางรีบเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทมาหารือ"เจ้าไปบอกคนของฮองเฮาว่า พระชายาเอกไป๋หลันไม่อยู่ ไปต่างเมืองกับท่านอ๋อง ถ้ากลับมาแล้วข้าจะรีบบอกกล่าว"บ่าวรับใช้มองเฟยหยางด้วยความประหลาดใจ"แต่... ท่านอ๋องก็ออกไปราชการที่ช
เมื่อมู่หรงเยว่กลับถึงเมืองหลวง เขารีบมุ่งหน้าเข้าวังทันทีด้วยความร้อนใจ เมื่อทราบข่าวว่าเฟยหยางถูกคุมขังในคุกหลวงในข้อหาทำร้ายร่างกายและวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นพระชายาเอกแม้เฟยหยางจะทำผิดมหันต์ แต่ความรักและความผูกพันที่เขามีต่อนางทำให้เขาไม่สามารถทนเห็นนางต้องโทษทัณฑ์ได้ เขาจึงตัดสินใจใช้อำนาจและตำแหน่งที่มีของตนเพื่อช่วยเหลือชายารักของเขาแม้เฟยหยางจะเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของเสนาบดีกรมคลัง และได้เข้ามาเป็นชายารองของเขาโดยบังเอิญ หลังจากที่เขาเผลอมีความสัมพันธ์กับนางในระหว่างที่ออกปฏิบัติราชการนอกเมืองแม้จะหลงใหลในเล่ห์มายาของเฟยหยาง แต่มู่หรงเยว่ก็ไม่อาจแต่งตั้งนางเป็นชายาเอกได้ เพราะขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย ที่ต้องการให้เขาสมรสกับไป๋หลัน บุตรีของเสนาบดีกรมตรวจการฮ่องเต้ผู้รักฮองเฮายิ่งชีพไม่อาจนิ่งเฉยต่อข่าวการวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นหลานสาวสุดที่รักได้ พระองค์ทรงเรียกตัวมู่หรงเยว่เข้าเฝ้าทันทีเพื่อสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดด้วยพระองค์เองบรรยากาศในท้องพระโรงตอนนี้ดูตึงเครียดมาก มู่หรงเยว่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระที่นั่ง สายพระเนตรของฮ่องเต้จ้องมองเขาอย่างดุดัน บ่ง
อาหลิงมองดูบาดแผลบนร่างกายของนายหญิงด้วยความปวดร้าว น้ำตาไหลอาบแก้ม บ่าวรับใช้ผู้นี้อยู่รับใช้ไป๋หลันมาตั้งแต่เด็ก เห็นทั้งความอ่อนโยนและความอดทนของนางมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น ไป๋หลันจะต้องแบกรับความทุกข์ทรมานไว้มากมายเพียงใด"พระชายา..." อาหลิงสะอื้นไห้ "บ่าวจะไปส่งข่าวให้ท่านเสนาบดีเดี๋ยวนี้เพคะ"เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันจับมืออาหลิงไว้ "ไม่ต้องหรอกอาหลิง" นางพูดเสียงแผ่ว "ท่านพ่อคงไม่มาหรอก"อาหลิงมองไป๋หลันด้วยความประหลาดใจ "ทำไมพระชายาถึงตรัสเช่นนั้นเพคะ? ท่านเสนาบดีรักพระชายามากนะเพคะ"ไป๋หลันส่ายหน้า "อาหลิง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นเพียงบุตรสาวคนเล็กที่ท่านพ่อลืมเลือนไปแล้ว" นางถอนหายใจ "ท่านพ่อไม่เคยสนใจใยดีข้าเลย นับตั้งแต่แม่ของข้าสิ้นใจ ท่านก็แต่งภรรยาใหม่และมีลูกใหม่ ข้าเป็นเพียงส่วนเกินในครอบครัวเท่านั้น""ใช่แล้ว" ไป๋หลันพยักหน้า "ถ้าไม่มีฮองเฮา ข้าคงถูกเฟยหยางและพวกนางรังแกจนตายไปนานแล้ว"อาหลิงก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสร้อย นางรู้สึกสงสารไป๋หลันจับใจ นางลืมไปได้อย่างไรว่านายหญิงของนางต้องทนอยู่กับชีวิตที่โดดเดี่ยวและอ้างว้างเช่นนี้มู่หรงเยว่รู
ข่าวเรื่องป้าหลี่ที่หายจากอาการไอเรื้อรังด้วยอาหารของไป๋หลันแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนต่างพากันมาหาไป๋หลันเพื่อขอความช่วยเหลือ นางไม่เคยปฏิเสธใคร นางรักษาผู้คนด้วยอาหารเป็นยาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยชื่อเสียงของ "พระชายาหมอเทวดา" โด่งดังไปทั่วแคว้น ผู้คนต่างพากันรักและเคารพนาง ไป๋หลันไม่เพียงแต่รักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้คนเท่านั้น แต่นางยังมอบความหวังและกำลังใจให้กับพวกเขาอีกด้วยในที่สุด มู่หรงเยว่ก็ใช้ตำแหน่งและอิทธิพลของเขา จนนำเฟยหยางกลับออกมาจากคุกหลวงได้สำเร็จ แม้จะต้องแลกกับการเผชิญหน้ากับความไม่พอพระทัยของฮองเฮาก็ตามเฟยหยางเป็นผู้ที่แสดงความดีใจออกมาอย่างชัดเจนที่สุด นางกระโดดเข้าสวมกอดมู่หรงเยว่ทันทีที่เห็นเขา นัยน์ตาของเฟยหยางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ"ท่านอ๋อง ขอบพระทัยเพคะที่ช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ลืมพระคุณนี้เลย" เฟยหยางพูดเสียงสั่นเครือมู่หรงเยว่ลูบผมนางเบาๆ "ไม่เป็นไร ข้าดีใจที่เจ้าปลอดภัย"แต่สิ่งที่ทำให้เฟยหยางดีใจยิ่งกว่าการได้กลับมาสู่อ้อมกอดของมู่หรงเยว่ คือการที่ไป๋หลันหายจากอาการป่วยแล้ว"พระชายาหายดีแล้วหรือเพคะ?" เฟยหยางถามมู่หรงเยว่ด้วยน้ำเสีย
มู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาในห้องของไป๋หลันในจังหวะที่เฟยหยางกำลังล้มลงไปกองกับพื้น เสียงร้องของเฟยหยางดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทำให้เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูด้วยความตกใจ"เกิดอะไรขึ้น!" มู่หรงเยว่ถามเสียงเข้ม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไป๋หลันอย่างตำหนิไป๋หลันมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย "หม่อมฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้นเพคะ"เฟยหยางรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ "ท่านพี่" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น "พี่หญิงทำร้ายหม่อมฉัน"มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว "ไป๋หลัน เจ้าทำอะไรเฟยหยาง?""หม่อมฉันแค่ป้องกันตัว" ไป๋หลันย้ำอีกครั้ง "นางจะทำร้ายหม่อมฉันก่อน"เฟยหยางรีบพูดแทรกขึ้น "ไม่จริงเพคะท่านพี่ หม่อมฉันแค่เข้ามาคุยกับพี่หญิงดีๆ แต่พี่หญิงกลับ..." นางเว้นวรรคไว้ ก่อนจะสะอื้นไห้ต่อ "พี่หญิงกลับทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันเจ็บ..."มู่หรงเยว่มองไป๋หลันด้วยสายตาตำหนิ เขาไม่คิดว่านางจะกล้าทำร้ายเฟยหยาง แม้ว่าเฟยหยางจะทำผิดมาก่อน แต่นางก็เป็นอนุภรรยาของเขา และตอนนี้เฟยหยางที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกหลวงก็กำลังอ่อนแอเป็นอย่างมาก"ไป๋หลัน เจ้า..." เขาเริ่มจะต่อว่านาง แต่เฟยหยางก็รีบพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง"ช่างเถอะเพคะท่านพี่" เฟยหยางพูดเสียงอ่อน "เรื่องมันผ่านไ