ข่าวเรื่องป้าหลี่ที่หายจากอาการไอเรื้อรังด้วยอาหารของไป๋หลันแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนต่างพากันมาหาไป๋หลันเพื่อขอความช่วยเหลือ นางไม่เคยปฏิเสธใคร นางรักษาผู้คนด้วยอาหารเป็นยาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ชื่อเสียงของ "พระชายาหมอเทวดา" โด่งดังไปทั่วแคว้น ผู้คนต่างพากันรักและเคารพนาง ไป๋หลันไม่เพียงแต่รักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้คนเท่านั้น แต่นางยังมอบความหวังและกำลังใจให้กับพวกเขาอีกด้วย
ในที่สุด มู่หรงเยว่ก็ใช้ตำแหน่งและอิทธิพลของเขา จนนำเฟยหยางกลับออกมาจากคุกหลวงได้สำเร็จ แม้จะต้องแลกกับการเผชิญหน้ากับความไม่พอพระทัยของฮองเฮาก็ตาม
เฟยหยางเป็นผู้ที่แสดงความดีใจออกมาอย่างชัดเจนที่สุด นางกระโดดเข้าสวมกอดมู่หรงเยว่ทันทีที่เห็นเขา นัยน์ตาของเฟยหยางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
"ท่านอ๋อง ขอบพระทัยเพคะที่ช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ลืมพระคุณนี้เลย" เฟยหยางพูดเสียงสั่นเครือ
มู่หรงเยว่ลูบผมนางเบาๆ "ไม่เป็นไร ข้าดีใจที่เจ้าปลอดภัย"
แต่สิ่งที่ทำให้เฟยหยางดีใจยิ่งกว่าการได้กลับมาสู่อ้อมกอดของมู่หรงเยว่ คือการที่ไป๋หลันหายจากอาการป่วยแล้ว
"พระชายาหายดีแล้วหรือเพคะ?" เฟยหยางถามมู่หรงเยว่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "หม่อมฉันเป็นห่วงพระชายามากเลยเพคะ"
มู่หรงเยว่มองเฟยหยางด้วยสายตาที่อ่านยาก เขาไม่แน่ใจว่าความดีใจของนางนั้นจริงใจหรือไม่ แต่ในเวลานี้เขาไม่อยากคิดมาก เขาแค่อยากให้ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดังเดิม
เขาพาเฟยหยางไปยังห้องนอนของนาง และสั่งให้บ่าวรับใช้ดูแลนางอย่างดี จากนั้นมู่หรงเยว่จึงเดินต่อไปยังห้องนอนของไป๋หลัน
เมื่อเขาก้าวขาเข้าไปในห้องของไป๋หลัน เขาก็พบว่าหญิงสาวกำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนเตียง นางดูสงบและผ่อนคลาย ราวกับไม่เคยเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น
"ไป๋หลัน" เขาเรียกนางเบาๆ
เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันเงยหน้าขึ้นมองเขา "ท่านอ๋อง"
นางไม่ได้ยิ้มให้เขาอย่างที่ไป๋หลันคนเดิมเคยทำ มู่หรงเยว่รู้สึกใจหายเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของนาง
เขาก้าวเข้าไปใกล้นาง "ข้าดีใจที่เจ้าหายดีแล้ว" เขาพูด
"ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง" เหม่ยหลิงตอบเสียงเรียบ
มู่หรงเยว่มองนางด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาอยากจะบอกนางว่าเขาเสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
"ไป๋หลัน" เขาพูดเสียงแผ่ว "ข้า..."
เหม่ยหลิงมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก "ท่านอ๋องมีอะไรจะตรัสกับหม่อมฉันหรือเพคะ?"
มู่หรงเยว่สูดหายใจเข้าลึก "ข้าอยากจะขอโทษเจ้า ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อเจ้ามากมายนัก ข้าละเลยเจ้า ปล่อยให้เจ้าต้องเจ็บปวด ข้าขอโทษ"
เหม่ยหลิงมองเขาเงียบๆ สักพัก ก่อนจะพูดว่า "แล้วอย่างไรเพคะ?"
มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า คำพูดของนางเย็นชาและไร้เยื่อใย เขาไม่คิดว่านางจะตอบกลับมาเช่นนี้
"ข้า... ข้าแค่อยากจะขอโทษก็เท่านั้น" เขาพูดเสียงสั่น
เหม่ยหลิงยิ้มเยาะ "คำขอโทษของท่านอ๋องคงไม่สามารถลบบาดแผลบนร่างกายของหม่อมฉันได้หรอกนะเพคะ"
มู่หรงเยว่รู้สึกเจ็บปวดในอก คำพูดของนางเหมือนมีดกรีดลึกเข้าไปในหัวใจเขา
"แล้วเรื่องเฟยหยางล่ะเพคะ?" เหม่ยหลิงถามต่อ "ท่านอ๋องยังคงเป็นห่วงนางอยู่หรือไม่?"
มู่หรงเยว่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ "ข้า... ข้าย่อมเป็นห่วงนาง"
เหม่ยหลิงหัวเราะอย่างขมขื่น "เช่นนั้นก็ไปหานางเถอะเพคะ หม่อมฉันคงไม่จำเป็นต้องรั้งท่านอ๋องไว้"
มู่หรงเยว่มองนางด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่เคยคิดว่านางจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ นางดูแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว ผิดกับไป๋หลันคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก
"ไป๋หลัน" เขาพูด "เจ้าเปลี่ยนไปมาก"
เหม่ยหลิงยิ้มเย็นชา "บางที หม่อมฉันอาจจะเพิ่งค้นพบว่าที่แท้จริงแล้วตัวเองเป็นคนอย่างไร"
อ๋องหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาแตกสลาย เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาคงทำร้ายนางไว้มากเกินกว่าที่จะแก้ไขได้
มู่หรงเยว่พยักหน้า เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เขาหวังว่าเขาจะได้ทำความรู้จักกับตัวตนของไป๋หลันที่แท้จริง และเขาหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะสามารถชดเชยความผิดทั้งหมดที่เขาทำกับนางได้
ทางด้านเฟยหยางนั้นกลับร้อนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นว่าไป๋หลันหายดีและกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้รู้ว่าไป๋หลันเป็นถึงหลานสาวของฮองเฮา เป้าหมายของนางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่คิดจะกำจัดไป๋หลัน ตอนนี้นางต้องการประนีประนอมและสร้างสัมพันธ์อันดีกับพระชายาเอกผู้นี้แทน
นางตรงไปยังห้องของไป๋หลันด้วยท่าทีที่ดูอ่อนโยนและเป็นมิตรอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"พี่หญิง" เฟยหยางเอ่ยเรียกไป๋หลันด้วยน้ำเสียงหวาน "หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่พี่หญิงหายดีแล้ว"
ไป๋หลันมองเฟยหยางด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยาก นางรู้ดีว่าเฟยหยางกำลังคิดอะไรอยู่
"มีอะไรรึ เฟยหยาง?" ไป๋หลันถามเสียงเรียบ
เฟยหยางยิ้มแห้งๆ "หม่อมฉันแค่อยากจะมาขอโทษพี่หญิงสำหรับเรื่องที่ผ่านมา" นางพูดเสียงอ่อนหวาน "หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉันทำผิดไปมาก หม่อมฉันเสียใจจริงๆ"
ไป๋หลันมองบนอย่างไม่ใส่ใจ
"เรื่องอะไรที่แล้วไปแล้ว ก็ให้แล้วไป เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะพี่หญิง" เฟยหยางพูดต่อ "ต่อจากนี้ไป เรามาสาบานเป็นพี่เป็นน้องกันดีไหมเพคะ?"
ไป๋หลันถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ "เป็นพี่เป็นน้อง?" นางทวนคำเฟยหยางอย่างเย้ยหยัน "เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะยอมเป็นพี่เป็นน้องกับเจ้าอย่างนั้นรึ? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเคยทำอะไรไว้กับข้าบ้าง?"
เฟยหยางหน้าถอดสี ความมั่นใจที่พยายามเสแสร้งมาต้องพังทลายลงเมื่อไป๋หลันปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างไม่ใยดี ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ แต่ก็ต้องพยายามสะกดกลั้นเอาไว้
"พี่หญิง..." เฟยหยางพยายามจะเอ่ยปากอีกครั้ง แต่ถูกไป๋หลันตัดบทอย่างเด็ดขาด
"สตรีแพศยาอย่างเจ้า อย่ามาเรียกข้าว่าพี่หญิง" น้ำเสียงของไป๋หลันเย็นยะเยือก "เจ้ามันก็แค่คนจิตใจคับแคบที่เคยทำร้ายข้าจนปางตาย"
คำพูดของไป๋หลันราวกับมีดกรีดลึกเข้าไปในใจของเฟยหยาง นางไม่คิดว่าไป๋หลันจะกล้าพูดเรื่องราวในอดีตออกมาตรงๆ ความอับอายและความโกรธแค้นปะทุขึ้นในอก
"พี่หญิง..." เฟยหยางพยายามจะแก้ตัว แต่ไป๋หลันไม่แม้แต่จะฟัง
"ข้าไม่เคยคิดแค้นเจ้า" ไป๋หลันกล่าวต่อ "แต่ข้าก็จะไม่มีวันให้อภัยเจ้า และข้าจะไม่มีวันเป็นพี่เป็นน้องกับหญิงแพศยาอย่างเจ้า"
คำพูดของไป๋หลันตอกย้ำความผิดพลาดของเฟยหยาง ความรู้สึกโกรธและกลัวที่ปะปนกันในใจ ทำให้นางขาดสติ ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าไป๋หลันเพื่อระบายความอัดอั้น
แต่ไป๋หลันไม่ใช่หญิงสาวผู้บอบบางคนเดิมอีกต่อไป นางหลบมือของเฟยหยางได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะใช้เท้าถีบเข้าที่กลางลำตัวของเฟยหยางอย่างแรงด้วยทักษะเทควันโดที่เคยฝึกฝนมา
"อ๊าก!" เฟยหยางร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด นางทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างน่าอนาถ
"นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เฟยหยาง" ไป๋หลันกล่าวเสียงเย็น "เจ้าจะต้องชดใช้ทุกอย่างที่ทำกับข้า"
เฟยหยางมองไป๋หลันด้วยความหวาดกลัว นางไม่เคยคิดว่าไป๋หลันจะกล้าตอบโต้และแข็งแกร่งเช่นนี้ นางรู้แล้วว่านางคิดผิดที่ประเมินไป๋หลันต่ำไป
มู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาในห้องของไป๋หลันในจังหวะที่เฟยหยางกำลังล้มลงไปกองกับพื้น เสียงร้องของเฟยหยางดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทำให้เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูด้วยความตกใจ"เกิดอะไรขึ้น!" มู่หรงเยว่ถามเสียงเข้ม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไป๋หลันอย่างตำหนิไป๋หลันมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย "หม่อมฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้นเพคะ"เฟยหยางรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ "ท่านพี่" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น "พี่หญิงทำร้ายหม่อมฉัน"มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว "ไป๋หลัน เจ้าทำอะไรเฟยหยาง?""หม่อมฉันแค่ป้องกันตัว" ไป๋หลันย้ำอีกครั้ง "นางจะทำร้ายหม่อมฉันก่อน"เฟยหยางรีบพูดแทรกขึ้น "ไม่จริงเพคะท่านพี่ หม่อมฉันแค่เข้ามาคุยกับพี่หญิงดีๆ แต่พี่หญิงกลับ..." นางเว้นวรรคไว้ ก่อนจะสะอื้นไห้ต่อ "พี่หญิงกลับทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันเจ็บ..."มู่หรงเยว่มองไป๋หลันด้วยสายตาตำหนิ เขาไม่คิดว่านางจะกล้าทำร้ายเฟยหยาง แม้ว่าเฟยหยางจะทำผิดมาก่อน แต่นางก็เป็นอนุภรรยาของเขา และตอนนี้เฟยหยางที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกหลวงก็กำลังอ่อนแอเป็นอย่างมาก"ไป๋หลัน เจ้า..." เขาเริ่มจะต่อว่านาง แต่เฟยหยางก็รีบพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง"ช่างเถอะเพคะท่านพี่" เฟยหยางพูดเสียงอ่อน "เรื่องมันผ่านไ
ยามราตรีแผ่ปกคลุมจวนหลังใหญ่ของอ๋องชิน ความเงียบสงัดเข้าครอบงำทุกห้องหับ ในขณะที่ไป๋หลันเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนของนางเรียบร้อยแล้ว มู่หรงเยว่กลับยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ภาพของไป๋หลันที่ถูกทำร้ายร่างกายและคำสารภาพของเฟยหยางยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วง มู่หรงเยว่ตัดสินใจเดินไปเยี่ยมเยียนไป๋หลันที่ห้องนอน เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ พบว่าอาหลิงกำลังบรรจงทายาให้ไป๋หลันที่นอนหลับอยู่บนเตียง"ท่านอ๋อง!" อาหลิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่หรงเยว่อย่างกะทันหันมู่หรงเยว่ยกมือขึ้นห้ามอาหลิงส่งเสียง "อย่าปลุกนาง" เขาพูดเสียงเบาอาหลิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ"ให้ข้าทำเองเถิด" มู่หรงเยว่พูดต่ออาหลิงลังเลเล็กน้อย แต่มู่หรงเยว่ยืนกรานว่าจะเป็นคนทายารักษาแผลเป็นให้ร่างบางด้วยตัวเอง นางจึงจำต้องถอยออกมามู่หรงเยว่นั่งลงข้างเตียง มองใบหน้าสงบนิ่งของไป๋หลัน แม้ในยามหลับ นางก็ยังคงดูงดงามและอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนางอย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลของผิวเขาเริ่มทายาให้ไป๋หลันอย่างเบามือที่สุด พยายามไม่ให้นางรู้สึกตัว แต่บาดแผลบนร่างกาย
หลังจากมู่หรงเยว่ออกจากห้องไป ไป๋หลันเรียกอาหลิงเข้ามาพบทันที หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะใหญ่และจรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ"อาหลิง" ไป๋หลันเอ่ยเรียก "เจ้าช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้เฉินกั๋วกงแทนข้าที"อาหลิงรับจดหมายมาด้วยความสงสัย นางทราบดีว่าเฉินอี้เทียน หรือ เฉินกั๋วกง คือสหายในวัยเด็กและยังเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไป๋หลันแอบหลงรัก แต่ไม่เคยเห็นนางส่งจดหมายถึงเขาเลยตลอดเวลาที่แต่งงานเข้าอยู่ในจวนอ๋อง"ได้เพคะ พระชายา" อาหลิงรับคำ นางมองไป๋หลันด้วยแววตาเป็นกังวล นางพอจะเดาได้ว่านายหญิงคิดจะทำอะไร และก็รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้"พระชายา..." อาหลิงเอ่ยอย่างลังเล "ท่านแน่ใจแล้วหรือเพคะ?"ไป๋หลันพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าแน่ใจแล้วอาหลิง" นางพูดเสียงหนักแน่น "ข้าจะไม่ทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป ข้าจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมการเมืองของใครอีกแล้ว"อาหลิงถอนหายใจ นางรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไป๋หลันได้ นางทำได้เพียงแค่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของนายหญิง"บ่าวจะไปส่งจดหมายให้เฉินกั๋วกงเดี๋ยวนี้เพคะ" อาหลิงกล่าว"ขอบใจเจ้ามากอาหลิง" ไป๋หลันยิ้มให้อาหลิงอย่างอบอุ่น "เจ้าคือเพื่อนแท้ของข้า"อาหลิงโค้งคำนับแล้วรีบออกจา
เฟยหยางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งความมืดมิด ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังไม่จางหายไปไหน ราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ทับถมอยู่ พิษของเห็ดเมาที่หลอกหลอนนางมาตลอดทั้งคืนเริ่มจางลง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำเลือนรางของเหตุการณ์เมื่อคืนที่ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น"ข้าเสียรู้ให้ไป๋หลัน!" เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ความโกรธเกรี้ยวและความอัปยศอดสูรวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงที่แผดเผาภายในอก นางจำได้ลางๆ ถึงภาพของไป๋หลันที่หลอกล่อนางให้กินอาหารที่ป้ายด้วยเห็ดเมา แล้วหลังจากนั้น... ความทรงจำก็ขาดหายไป"พระชายา" เสียงของเปาหม่าดังขึ้นข้างเตียง นางประคองถ้วยยาส่งให้เฟยหยาง "นี่คือยาบำรุงร่างกาย ท่านรีบดื่มเถิดเพคะ"เฟยหยางรับถ้วยยา ดื่มมันจนหมดโดยไม่ปริปากบ่น ร่างกายของนางยังคงอ่อนเพลีย แต่จิตใจกลับร้อนรุ่มด้วยความแค้น"เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" นางถามเสียงแหบพร่าเปาหม่าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล "หลังจากที่ท่านสลบไป ท่านอ๋องก็รีบไปหาพระชายาเอกที่เรือนทันที พระองค์ไม่ได้อยู่ดูแลท่านเลยแม้แต่น้อย และอยู่กับพระชายาเอกตลอดค่อนคืนเจ้าค่ะ"คำพูดของเปาหม่าราวกับ
ยังไม่ทันที่เฟยหยางจะได้ก้าวเท้าออกจากห้องครัว เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำสนิทก้าวเข้ามาในครัวที่ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง มู่หรงเยว่ ชินอ๋องแห่งแคว้น มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก"เฟยหยาง!" เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง "เจ้าทำอะไรลงไป"เฟยหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มบัดนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและเจ็บปวดในแววตา"หม่อมฉัน..." นางพยายามจะพูด แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอมู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาใกล้นางมากขึ้น แววตาของเขาจ้องมองนางอย่างตำหนิ "เจ้าทำเกินกว่าเหตุอีกแล้วเฟยหยาง""หม่อมฉันแค่..." เฟยหยางพยายามจะอธิบาย แต่ก็ถูกเขาขัดขึ้น"เจ้าแค่หึงหวงไป๋หลัน เจ้าแค่ทนไม่ได้ที่ข้าไปหาเขา เจ้าแค่..." มู่หรงเยว่เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น "เจ้าแค่เห็นแก่ตัว!"คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในใจของเฟยหยาง นางกำมือแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้"หม่อมฉันขอโทษ" นางพูดเสียงแผ่วเบา"ขอโทษ?" มู่หรงเยว่หัวเราะในลำคอ "เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้าจะลบล้างความผิดที่เจ้าก่อได้หรือ"เขาหันไปหาเป่ากงกงที่ยื
กลิ่นหอมของอาหารรสเลิศจากบ้านเกิดของไป๋หลันโชยอบอวล ไทเฮาทรงยกช้อนเงินบริสุทธิ์ชิมอาหารแต่ละจานด้วยความตื่นเต้น พระพักตร์ที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ"อร่อยนัก! รสชาติอาหารของเจ้าช่างละมุนละไมและกลมกล่อมยิ่งนัก ไป๋หลัน" ไทเฮาตรัสชมไป๋หลันยิ้มรับคำชมอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงโปรดอาหารทั้งสามชนิดนี้""เจ้าช่างมีฝีมือในการทำอาหารยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นสะใภ้เอกของข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยเมื่อเสวยจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไทเฮาก็ทรงหยิบกล่องไม้แกะสลักออกมาจากข้างพระวรกาย"ไป๋หลัน นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางเปิดกล่องออก ภายในบรรจุกำไลหยกสีเขียวมรกต คู่หนึ่ง ส่องประกายระยิบระยับราวกับหยดน้ำค้าง"กำไลหยกน้ำค้าง!" ไป๋หลันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง "นี่มัน...""กำไลหยกน้ำค้างนี้มีเพียงคู่เดียวในใต้หล้า" ไทเฮาทรงตรัส "ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับสะใภ้คนโปรดของข้า"ไป๋หลันรีบคุกเข่าลง "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"ไทเฮาทรงแย้มพระสรวล "ล
เมื่อกลับถึงจวน ความเงียบสงัดของยามค่ำคืนปกคลุมไปทั่วบริเวณ เหล่าบ่าวไพร่ต่างเข้านอนหลับใหล เหลือเพียงแสงเทียนริบหรี่ส่องสว่างอยู่ตามทางเดินภายในห้องหนังสือของมู่หรงเยว่ กลิ่นสุราตลบอบอวลไปทั่ว เจ้าของเรือนนั่งอยู่เพียงลำพัง ความเมาคืบคลานเข้าสู่ทุกอณูความรู้สึก ใบหน้าที่เคยสุขุมเยือกเย็นบัดนี้แดงก่ำ ดวงตาฉายแววโศกเศร้าเขาไม่เคยรู้สึกอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน ภาพของไป๋หลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด รอยยิ้มของนาง เสียงหัวเราะ ความอ่อนโยนที่นางมอบให้ ทุกอย่างล้วนตอกย้ำความผิดพลาดของเขาในที่สุด ความเมาและความเจ็บปวดก็ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ มู่หรงเยว่ลุกขึ้นเดินโซเซไปตามทางเดิน มุ่งหน้าไปยังห้องของไป๋หลัน หัวใจเต้นระรัว ความรู้สึกผิดและความปรารถนาตีกันวุ่นวายอยู่ในอกเมื่อไปถึงหน้าห้อง เขาผลักประตูเข้าไป..สตรีผู้งดงามราวกับเทพธิดาบัดนี้กำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนเตียง ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษดังเป็นระยะๆ บรรยากาศโดยรอบสงบสุข จนกระทั่ง...เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นจากทางเดิน ทำให้ไป๋หลันเงยหน้าขึ้นจากตำรา มองไปทางประตูด้วยความสงสัย ใครกันที่มาในยามวิกาลเช่นนี้?"แอ๊
เฟยหยางกลับมาที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทั้งกายและใจ ร่างกายของนางยังคงปวดแสบปวดร้อนจากการถูกโบยตี แต่ความเจ็บปวดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจที่ถูกมู่หรงเยว่ไล่ออกมาอย่างไม่ใยดีนางไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยและไร้ค่าเช่นนี้มาก่อน ตลอดชีวิตของหญิงสาว นางไม่เคยได้รับความรักหรือความใส่ใจจากใครเลย แม้แต่พ่อแม่ของนางเองก็ยังไม่เคยเห็นค่าในตัวนาง นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุภรรยาที่เกิดจากความผิดพลาด เป็นเหมือนตราบาปที่คอยตอกย้ำความอัปยศของตระกูลไทเฮา ฮ่องเต้ และฮองเฮาก็ไม่เคยชอบหน้านาง พวกเขามองมักมองเฟยหยางด้วยสายตาเหยียดหยาม ราวกับนางเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การเหลียวแล แต่ทั้งสามกลับทุ่มเททุกอย่างให้กับไป๋หลัน ราวกับว่านางเป็นเทพธิดาที่สรวงสวรรค์ประทานมาให้มีเพียงมู่หรงเยว่เท่านั้นที่ภักดีกับนาง เขาเป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตอันมืดมิดของนาง เขาเป็นคนที่ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองมีค่าแต่นับตั้งแต่ไป๋หลันฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มู่หรงเยว่กลับเริ่มสนใจไป๋หลันมากขึ้น เริ่มดูแลเอาใจใส่นาง และตอนนี้... เขายังไปนอนกับนางอีก!เฟยหยางรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงมา นางไม่ส