ยามราตรีแผ่ปกคลุมจวนหลังใหญ่ของอ๋องชิน ความเงียบสงัดเข้าครอบงำทุกห้องหับ ในขณะที่ไป๋หลันเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนของนางเรียบร้อยแล้ว มู่หรงเยว่กลับยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
ภาพของไป๋หลันที่ถูกทำร้ายร่างกายและคำสารภาพของเฟยหยางยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
ด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วง มู่หรงเยว่ตัดสินใจเดินไปเยี่ยมเยียนไป๋หลันที่ห้องนอน เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ พบว่าอาหลิงกำลังบรรจงทายาให้ไป๋หลันที่นอนหลับอยู่บนเตียง
"ท่านอ๋อง!" อาหลิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่หรงเยว่อย่างกะทันหัน
มู่หรงเยว่ยกมือขึ้นห้ามอาหลิงส่งเสียง "อย่าปลุกนาง" เขาพูดเสียงเบา
อาหลิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"ให้ข้าทำเองเถิด" มู่หรงเยว่พูดต่อ
อาหลิงลังเลเล็กน้อย แต่มู่หรงเยว่ยืนกรานว่าจะเป็นคนทายารักษาแผลเป็นให้ร่างบางด้วยตัวเอง นางจึงจำต้องถอยออกมา
มู่หรงเยว่นั่งลงข้างเตียง มองใบหน้าสงบนิ่งของไป๋หลัน แม้ในยามหลับ นางก็ยังคงดูงดงามและอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนางอย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลของผิว
เขาเริ่มทายาให้ไป๋หลันอย่างเบามือที่สุด พยายามไม่ให้นางรู้สึกตัว แต่บาดแผลบนร่างกายของนางนั้นมีมากมายเหลือเกิน เขาต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ขณะที่เขากำลังทายาอยู่นั้น ไป๋หลันก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา นางรู้สึกถึงสัมผัสที่คุ้นเคยบนใบหน้าของนาง นางหันไปมองและพบว่ามู่หรงเยว่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง
"ท่านอ๋อง..." ไป๋หลันอุทานออกมาเบาๆ นางรู้สึกประหลาดใจและเขินอายเล็กน้อยที่เห็นเขาในตอนนี้
มู่หรงเยว่เงยหน้าขึ้นมองนาง "เจ้าตื่นแล้วหรือ" เขาพูดเสียงนุ่ม
ไป๋หลันพยักหน้าเล็กน้อย "เพคะ"
"ข้ากำลังทายาให้เจ้า" มู่หรงเยว่อธิบาย "อาหลิงบอกว่าเจ้ายังไม่หายดี"
ไป๋หลันรู้สึกประหลาดใจ นางไม่เคยคิดว่ามู่หรงเยว่จะมาดูแลนางด้วยตัวเอง
"ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง" นางพูดเสียงแผ่ว
มู่หรงเยว่ยิ้มให้นาง "ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ"
เขาบรรจงทายาให้นางต่ออย่างเบามือ จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย
"เจ้าพักผ่อนเถอะ" มู่หรงเยว่พูด "ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า"
ไป๋หลันพยักหน้า นางหลับตาลงอีกครั้ง แต่คราวนี้นางรู้สึกสบายใจและปลอดภัยกว่าเดิมมาก
มู่หรงเยว่นั่งมองไป๋หลันที่หลับใหลอยู่บนเตียง เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าหญิงสาวงดงามเพียงนี้ ใบหน้าของนางดูสงบและไร้เดียงสา ราวกับเด็กน้อย
เขายกมือขึ้นลูบผมนางเบาๆ ความรู้สึกผิดและความเสียใจยังคงกัดกินหัวใจ เขาทำผิดกับนางไว้มากมาย และเขาไม่รู้ว่าจะชดเชยให้นางได้อย่างไร
เขาจึงสัญญากับตัวเองว่า จะไม่ยอมให้นางต้องเจ็บปวดอีกต่อไป เขาจะทำให้ชีวิตของนางมีความสุขกับชีวิตแต่งงานกับเขา
มู่หรงเยว่นั่งอยู่ข้างเตียงไป๋หลันจนกระทั่งนางหลับสนิท เขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
รุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือน จวนของชินอ๋องยังคงสงบเงียบ แต่ภายในห้องบรรทมของไป๋หลันกลับอบอวลไปด้วยความตึงเครียด
มู่หรงเยว่มาเยี่ยมไป๋หลันแต่เช้าตรู่ เขาต้องการดูแลนางด้วยตัวเอง หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เขาเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในใจตัวเองที่มีต่อไป๋หลัน เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาเริ่มสนใจนางมากขึ้น และอยากจะใกล้ชิดหญิงสาวมากกว่าเดิม
แต่เมื่อเขาเข้ามาในห้อง เขาก็พบว่าไป๋หลันยังคงนอนอยู่บนเตียง แววตาของนางดูเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก
"ไป๋หลัน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง
"ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพคะ" เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันตอบเสียงแผ่ว "ยังรู้สึกปวดแผลอยู่บ้างนิดๆ"
มู่หรงเยว่ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นไป๋หลันยังคงนอนซมอยู่บนเตียง แม้ว่าหมอเทวดาจะยืนยันว่านางหายดีแล้วก็ตาม เขาจึงเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ให้ข้าดูหน่อย"
มือใหญ่ของเขาเอื้อมไปสัมผัสผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างของไป๋หลันไว้แผ่วเบา ทว่าเพียงสัมผัสนี้ ก็ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นางรู้ดีว่าการกระทำของมู่หรงเยว่ในครั้งนี้หมายถึงอะไร แม้จะไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา แต่นัยน์ตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยความปรารถนาอย่างไม่อาจปิดบังได้
ร่างกายของเขาโน้มเข้ามาใกล้ สัมผัสจากมือที่ไล้ไปตามผ้าห่มราวกับจะปลุกเร้าอารมณ์บางอย่างในตัวนาง
เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันรู้สึกหายใจติดขัด หญิงสาวยังไม่พร้อมสำหรับสิ่งนี้ เพราะเพิ่งจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัส และที่สำคัญไปกว่านั้น ไป๋หลันคงยังไม่สามารถเปิดใจยอมรับมู่หรงเยว่ในฐานะสามีได้อย่างแท้จริง ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดจากอดีตของไป๋หลันคนเดิมยังคงกรีดลึกอยู่ในใจ
"ท่านอ๋อง..." ไป๋หลันพยายามจะขัดขืน แต่ก็ไม่ทัน มู่หรงเยว่ดึงผ้าห่มออก เผยให้เห็นร่างกายของนางที่เต็มไปด้วยรอยแผล
มู่หรงเยว่มองร่างกายของนางด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งสงสาร ทั้งโกรธ ทั้งรู้สึกผิด เขาไม่เคยคิดว่าเฟยหยางจะทำร้ายไป๋หลันได้ถึงเพียงนี้
เขาค่อยๆ ลูบไล้รอยแผลเป็นบนร่างกายของนางอย่างแผ่วเบา "ข้าขอโทษ" เขาพูดเสียงสั่น "ข้าไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าต้องเจ็บปวดมากมายเพียงใด"
ไป๋หลันหลับตาลง นางไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร นางรู้สึกสับสนและหวาดกลัว
มู่หรงเยว่ก้มลงมาจูบที่หน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน "ข้าจะดูแลเจ้าเอง" เขาพูด "ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าอีก"
ไป๋หลันรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่เป่ารดใบหน้า นางรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
มู่หรงเยว่ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าลงมาใกล้ นางหลับตาปี๋ ริมฝีปากของเขากำลังจะสัมผัสกับริมฝีปากของนาง
แต่แล้ว ไป๋หลันก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด "โอ๊ย!"
มู่หรงเยว่ผละออกจากนางทันที "เจ้าเป็นอะไรไป?" เขาถามด้วยความตกใจ
"ปวดแผลเพคะ" ไป๋หลันตอบเสียงสั่น "หม่อมฉันยังไม่หายดี"
เสียงร้องของไป๋หลันทำให้อาหลิงที่อยู่ข้างนอกรีบวิ่งเข้ามาดู
"พระชายา! ท่านเป็นอะไรไปเพคะ?" อาหลิงถามด้วยความเป็นห่วง
"ข้าไม่เป็นไร" ไป๋หลันตอบ "แค่ปวดแผลนิดหน่อย"
อาหลิงมองไปที่มู่หรงเยว่ด้วยสายตาตำหนิ นางรู้ว่าเขาทำอะไรกับไป๋หลัน
มู่หรงเยว่รู้สึกอับอาย เขาไม่ควรจะทำแบบนี้กับไป๋หลันในตอนที่นางยังไม่หายดี
"ข้าขอโทษ" เขาพูดกับไป๋หลัน "ข้าลืมตัวไป"
เหม่ยหลิงไม่ตอบ นางแค่หลับตาลงและแกล้งทำเป็นหลับ
มู่หรงเยว่ถอนหายใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เขาตัดสินใจที่จะกลับไปยังห้องของตัวเอง
"ข้าจะไปแล้ว" เขาพูดกับอาหลิง "เจ้าดูแลพระชายาให้ดี"
อาหลิงพยักหน้ารับ
แต่ก่อนที่มู่หรงเยว่จะเดินจากไป มู่หรงเยว่ยังมิวายกำชับไป๋หลันด้วยน้ำเสียงจริงจัง "และอย่าคิดนำเรื่องในบ้านไปฟ้องฮองเฮาโดยเด็ดขาด"
คำพูดนี้ราวกับน้ำเย็นสาดเข้าสู่ใจของหญิงสาว ความโกรธเกรี้ยวและความผิดหวังพลุ่งพล่านขึ้นมาในอก
ไป๋หลันเข้าใจแล้วว่าแท้จริงแล้วความห่วงใยที่มู่หรงเยว่แสดงออกมานั้น ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกผิด หรือสำนึกในความผิดที่เคยทำกับนาง แต่เป็นเพียงเพราะกลัวว่านางจะเอาเรื่องของเฟยหยางไปฟ้องฮองเฮาเท่านั้น
"ท่านอ๋องวางพระทัยเถิดเพคะ" เหม่ยหลิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้
เมื่อมู่หรงเยว่ออกจากห้องไปแล้ว เหม่ยหลิงก็หันไปหาอาหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ "อาหลิง" นางพูดเสียงแข็ง "ข้าจะขอหย่ากับชินอ๋อง"
อาหลิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "พระชายา!"
"ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว" ไป๋หลันพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "ข้าจะไม่ยอมเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใครอีกต่อไป จากนี้ไปจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้าอีก"
อาหลิงมองไป๋หลันด้วยความรู้สึกหลากหลาย นางดีใจที่เห็นนายหญิงของนางเข้มแข็งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้
"แต่พระชายา..." อาหลิงพยายามจะคัดค้าน
"ไม่มีแต่" หญิงสาวตัดบท "ข้าตัดสินใจดีแล้ว"
มู่หรงเยว่เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋หลันถึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา เขาพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้นางมีความสงบสุข แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย
อ๋องหนุ่มกลับไปยังห้องของตัวเองและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ความโกรธและความน้อยใจผสมปนเปกันอยู่ในใจของเขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้
เขาหลับตาลงและพยายามข่มใจให้สงบลง แต่ภาพของไป๋หลันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา เขาไม่สามารถลืมใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของนางได้เลย ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
มู่หรงเยว่รู้ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้นางเห็นว่าเขาสามารถเป็นสามีที่ดีของนางได้
แต่เขาจะทำอย่างไร? เขาจะเริ่มต้นจากตรงไหน?
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของมู่หรงเยว่จนกระทั่งเขานอนหลับไป
หลังจากมู่หรงเยว่ออกจากห้องไป ไป๋หลันเรียกอาหลิงเข้ามาพบทันที หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะใหญ่และจรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ"อาหลิง" ไป๋หลันเอ่ยเรียก "เจ้าช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้เฉินกั๋วกงแทนข้าที"อาหลิงรับจดหมายมาด้วยความสงสัย นางทราบดีว่าเฉินอี้เทียน หรือ เฉินกั๋วกง คือสหายในวัยเด็กและยังเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไป๋หลันแอบหลงรัก แต่ไม่เคยเห็นนางส่งจดหมายถึงเขาเลยตลอดเวลาที่แต่งงานเข้าอยู่ในจวนอ๋อง"ได้เพคะ พระชายา" อาหลิงรับคำ นางมองไป๋หลันด้วยแววตาเป็นกังวล นางพอจะเดาได้ว่านายหญิงคิดจะทำอะไร และก็รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้"พระชายา..." อาหลิงเอ่ยอย่างลังเล "ท่านแน่ใจแล้วหรือเพคะ?"ไป๋หลันพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าแน่ใจแล้วอาหลิง" นางพูดเสียงหนักแน่น "ข้าจะไม่ทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป ข้าจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมการเมืองของใครอีกแล้ว"อาหลิงถอนหายใจ นางรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไป๋หลันได้ นางทำได้เพียงแค่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของนายหญิง"บ่าวจะไปส่งจดหมายให้เฉินกั๋วกงเดี๋ยวนี้เพคะ" อาหลิงกล่าว"ขอบใจเจ้ามากอาหลิง" ไป๋หลันยิ้มให้อาหลิงอย่างอบอุ่น "เจ้าคือเพื่อนแท้ของข้า"อาหลิงโค้งคำนับแล้วรีบออกจา
เฟยหยางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งความมืดมิด ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังไม่จางหายไปไหน ราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ทับถมอยู่ พิษของเห็ดเมาที่หลอกหลอนนางมาตลอดทั้งคืนเริ่มจางลง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำเลือนรางของเหตุการณ์เมื่อคืนที่ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น"ข้าเสียรู้ให้ไป๋หลัน!" เฟยหยางพึมพำกับตัวเอง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ความโกรธเกรี้ยวและความอัปยศอดสูรวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงที่แผดเผาภายในอก นางจำได้ลางๆ ถึงภาพของไป๋หลันที่หลอกล่อนางให้กินอาหารที่ป้ายด้วยเห็ดเมา แล้วหลังจากนั้น... ความทรงจำก็ขาดหายไป"พระชายา" เสียงของเปาหม่าดังขึ้นข้างเตียง นางประคองถ้วยยาส่งให้เฟยหยาง "นี่คือยาบำรุงร่างกาย ท่านรีบดื่มเถิดเพคะ"เฟยหยางรับถ้วยยา ดื่มมันจนหมดโดยไม่ปริปากบ่น ร่างกายของนางยังคงอ่อนเพลีย แต่จิตใจกลับร้อนรุ่มด้วยความแค้น"เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" นางถามเสียงแหบพร่าเปาหม่าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล "หลังจากที่ท่านสลบไป ท่านอ๋องก็รีบไปหาพระชายาเอกที่เรือนทันที พระองค์ไม่ได้อยู่ดูแลท่านเลยแม้แต่น้อย และอยู่กับพระชายาเอกตลอดค่อนคืนเจ้าค่ะ"คำพูดของเปาหม่าราวกับ
ยังไม่ทันที่เฟยหยางจะได้ก้าวเท้าออกจากห้องครัว เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำสนิทก้าวเข้ามาในครัวที่ตอนนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง มู่หรงเยว่ ชินอ๋องแห่งแคว้น มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก"เฟยหยาง!" เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง "เจ้าทำอะไรลงไป"เฟยหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มบัดนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าและเจ็บปวดในแววตา"หม่อมฉัน..." นางพยายามจะพูด แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอมู่หรงเยว่ก้าวเข้ามาใกล้นางมากขึ้น แววตาของเขาจ้องมองนางอย่างตำหนิ "เจ้าทำเกินกว่าเหตุอีกแล้วเฟยหยาง""หม่อมฉันแค่..." เฟยหยางพยายามจะอธิบาย แต่ก็ถูกเขาขัดขึ้น"เจ้าแค่หึงหวงไป๋หลัน เจ้าแค่ทนไม่ได้ที่ข้าไปหาเขา เจ้าแค่..." มู่หรงเยว่เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น "เจ้าแค่เห็นแก่ตัว!"คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในใจของเฟยหยาง นางกำมือแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้"หม่อมฉันขอโทษ" นางพูดเสียงแผ่วเบา"ขอโทษ?" มู่หรงเยว่หัวเราะในลำคอ "เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้าจะลบล้างความผิดที่เจ้าก่อได้หรือ"เขาหันไปหาเป่ากงกงที่ยื
กลิ่นหอมของอาหารรสเลิศจากบ้านเกิดของไป๋หลันโชยอบอวล ไทเฮาทรงยกช้อนเงินบริสุทธิ์ชิมอาหารแต่ละจานด้วยความตื่นเต้น พระพักตร์ที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ"อร่อยนัก! รสชาติอาหารของเจ้าช่างละมุนละไมและกลมกล่อมยิ่งนัก ไป๋หลัน" ไทเฮาตรัสชมไป๋หลันยิ้มรับคำชมอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงโปรดอาหารทั้งสามชนิดนี้""เจ้าช่างมีฝีมือในการทำอาหารยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นสะใภ้เอกของข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยเมื่อเสวยจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไทเฮาก็ทรงหยิบกล่องไม้แกะสลักออกมาจากข้างพระวรกาย"ไป๋หลัน นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ไทเฮาทรงตรัสพลางเปิดกล่องออก ภายในบรรจุกำไลหยกสีเขียวมรกต คู่หนึ่ง ส่องประกายระยิบระยับราวกับหยดน้ำค้าง"กำไลหยกน้ำค้าง!" ไป๋หลันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง "นี่มัน...""กำไลหยกน้ำค้างนี้มีเพียงคู่เดียวในใต้หล้า" ไทเฮาทรงตรัส "ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับสะใภ้คนโปรดของข้า"ไป๋หลันรีบคุกเข่าลง "ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"ไทเฮาทรงแย้มพระสรวล "ล
เมื่อกลับถึงจวน ความเงียบสงัดของยามค่ำคืนปกคลุมไปทั่วบริเวณ เหล่าบ่าวไพร่ต่างเข้านอนหลับใหล เหลือเพียงแสงเทียนริบหรี่ส่องสว่างอยู่ตามทางเดินภายในห้องหนังสือของมู่หรงเยว่ กลิ่นสุราตลบอบอวลไปทั่ว เจ้าของเรือนนั่งอยู่เพียงลำพัง ความเมาคืบคลานเข้าสู่ทุกอณูความรู้สึก ใบหน้าที่เคยสุขุมเยือกเย็นบัดนี้แดงก่ำ ดวงตาฉายแววโศกเศร้าเขาไม่เคยรู้สึกอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน ภาพของไป๋หลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด รอยยิ้มของนาง เสียงหัวเราะ ความอ่อนโยนที่นางมอบให้ ทุกอย่างล้วนตอกย้ำความผิดพลาดของเขาในที่สุด ความเมาและความเจ็บปวดก็ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ มู่หรงเยว่ลุกขึ้นเดินโซเซไปตามทางเดิน มุ่งหน้าไปยังห้องของไป๋หลัน หัวใจเต้นระรัว ความรู้สึกผิดและความปรารถนาตีกันวุ่นวายอยู่ในอกเมื่อไปถึงหน้าห้อง เขาผลักประตูเข้าไป..สตรีผู้งดงามราวกับเทพธิดาบัดนี้กำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนเตียง ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษดังเป็นระยะๆ บรรยากาศโดยรอบสงบสุข จนกระทั่ง...เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นจากทางเดิน ทำให้ไป๋หลันเงยหน้าขึ้นจากตำรา มองไปทางประตูด้วยความสงสัย ใครกันที่มาในยามวิกาลเช่นนี้?"แอ๊
เฟยหยางกลับมาที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทั้งกายและใจ ร่างกายของนางยังคงปวดแสบปวดร้อนจากการถูกโบยตี แต่ความเจ็บปวดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจที่ถูกมู่หรงเยว่ไล่ออกมาอย่างไม่ใยดีนางไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยและไร้ค่าเช่นนี้มาก่อน ตลอดชีวิตของหญิงสาว นางไม่เคยได้รับความรักหรือความใส่ใจจากใครเลย แม้แต่พ่อแม่ของนางเองก็ยังไม่เคยเห็นค่าในตัวนาง นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุภรรยาที่เกิดจากความผิดพลาด เป็นเหมือนตราบาปที่คอยตอกย้ำความอัปยศของตระกูลไทเฮา ฮ่องเต้ และฮองเฮาก็ไม่เคยชอบหน้านาง พวกเขามองมักมองเฟยหยางด้วยสายตาเหยียดหยาม ราวกับนางเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การเหลียวแล แต่ทั้งสามกลับทุ่มเททุกอย่างให้กับไป๋หลัน ราวกับว่านางเป็นเทพธิดาที่สรวงสวรรค์ประทานมาให้มีเพียงมู่หรงเยว่เท่านั้นที่ภักดีกับนาง เขาเป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตอันมืดมิดของนาง เขาเป็นคนที่ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองมีค่าแต่นับตั้งแต่ไป๋หลันฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มู่หรงเยว่กลับเริ่มสนใจไป๋หลันมากขึ้น เริ่มดูแลเอาใจใส่นาง และตอนนี้... เขายังไปนอนกับนางอีก!เฟยหยางรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงมา นางไม่ส
วันแล้ววันเล่า ไป๋หลันยังคงทำอาหารรสเลิศที่มู่หรงเยว่โปรดปราน จัดเตรียมเสื้อผ้าให้เขาอย่างพิถีพิถัน ความเอาใจใส่ของนางละเอียดอ่อนราวกับสายน้ำที่ค่อยๆ ไหลซึมผ่านกำแพงหิน ละลายความเย็นชาที่เคยกักขังหัวใจของมู่หรงเยว่เอาไว้ไป๋หลันมองดูมู่หรงเยว่ที่กำลังจามไม่หยุดด้วยความสงสาร นางรู้ว่าอาการภูมิแพ้ของเขาเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้ชายหนุ่มทุกข์ทรมานมานานแสนนาน จึงตัดสินใจที่จะนำความรู้ที่ได้มาจากตำราของท่านหมอเทวดาผู้เคยรักษานางมาใช้ประโยชน์“ท่านหมอเคยบอกว่า ธรรมชาติมีสมุนไพรมากมายที่สามารถช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้” ไป๋หลันครุ่นคิด “ข้าจะต้องหาสมุนไพรเหล่านั้นมาปรุงเป็นอาหารให้ชินอ๋อง”ไป๋หลันเริ่มต้นค้นคว้าตำราสมุนไพรเก่าแก่ที่ท่านหมอเคยมอบให้ พร้อมกับออกเดินทางไปยังตลาดเพื่อเสาะหาสมุนไพรที่ต้องการ“ข้าต้องการรากบัวหลวง ดอกเก๊กฮวย และเห็ดหลินจือ” ไป๋หลันบอกกับพ่อค้าพ่อค้ามองนางด้วยความประหลาดใจ “พระชายาจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปทำอะไรหรือขอรับ?”“ข้าจะนำไปปรุงอาหารให้ชินอ๋องเจ้าค่ะ” ไป๋หลันตอบด้วยรอยยิ้มพ่อค้าพยักหน้าเข้าใจ “สมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอดและบรรเทาอาการภูมิแพ้ขอรับ”
เฟยหยางมองภาพมู่หรงเยว่ที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขขณะรับประทานอาหารที่ไป๋หลันทำ ความริษยาและความโกรธแค้นพลุ่งพล่านในอก นางไม่เคยได้รับรอยยิ้มเช่นนั้นจากเขาเลย ทั้งที่นางเป็นถึงชายารองที่ท่านอ๋องโปรดปราน"ไป๋หลัน!" เฟยหยางกัดฟันกรอด "เจ้าคิดจะแย่งชินอ๋องไปจากข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!"ไป๋หลันยังคงทำอาหารให้มู่หรงเยว่ทานเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้นางตั้งใจจะทำให้พิเศษกว่าทุกวัน"วันนี้หม่อมฉันจะทำอาหารจากไข่ให้ท่านทานเพคะ" ไป๋หลันบอกกับมู่หรงเยว่มู่หรงเยว่เลิกคิ้วขึ้น "อาหารจากไข่? ไป๋หลัน เจ้าจะทำอะไรให้ข้าทานกัน?""ท่านรอชมได้เลยเพคะ" ไป๋หลันยิ้มอย่างมีเลศนัยไม่นานนัก ไป๋หลันก็ยกสำรับอาหารมา มู่หรงเยว่มองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ บนโต๊ะมีอาหารหลายจานที่ทำจากไข่ ทั้งไข่เจียวทรงเครื่อง ไข่ตุ๋นทะเล"น่าทานทั้งนั้นเลย ไป๋หลัน" มู่หรงเยว่เอ่ยชม"เชิญท่านชิมได้เลยเพคะ" ไป๋หลันเชื้อเชิญมู่หรงเยว่ตักไข่เจียวทรงเครื่องเข้าปาก รสชาติเข้มข้นของไข่ผสมผสานกับเครื่องต่างๆ อย่างลงตัว ทำให้เขาแทบวางช้อนไม่ลง"อร่อยมาก ไป๋หลัน เจ้าทำอาหารเก่งจริงๆ" เขาเอ่ยชมอีกครั้งไป๋หลันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "หม่อมฉันด