นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า
“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”
“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”
“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”
นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าภิณไลย์ญา เขากอดเอวของเธอเอาไว้และแนบใบหน้านิ่งสนิทกับหน้าท้องของเธอ ได้ยินเสียงชีพจรเต้นตุบ ๆ ภายในนั้นหากทว่าเป็นเสียงที่ทำให้เขาปลื้มปิติราวกับมันได้ทอดผ่านความอบอุ่นลึกเข้าไปถึงใต้ก้นบึ้งหัวใจของผู้ชายเลือดเย็นและแสนยะเยือกราวผาน้ำแข็ง ภิณไลย์ญาตกใจกับการกระทำนั้น เธอจับไหล่กว้างทั้งสองของเขาไว้แล้วบอกว่า
“นิค...คุณจะทำอะไร ลุกขึ้นเถอะนะคะ คุณคุกเข่าทำไม”
“ผมแค่อยากร้องขอโอกาสจากคุณ ขอโอกาสให้ผมได้แก้ตัวสำหรับความผิดพลาดทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลและรับผิดชอบสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือลูก...ลูกของเรา”
“กรุณาอย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ ลุกขึ้นเถอะนะคะ”
“แค่คุณบอกว่าคุณจะให้โอกาสผม ผมก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ ที่คุณบอกว่าคุณต่ำต้อยกว่าผมน่ะ เปล่าเลย...ผมต่างหากที่จิตใจต่ำคิดแต่จะเอาเปรียบ คิดแต่จะทำร้ายคุณทั้งที่รู้ว่าคุณไม่มีทางสู้ ทุกอย่างที่ทำไปมันก็แค่ความสะใจแต่ที่สุดคนที่ทุกข์มากกลับกลายเป็นผมเอง ขอโทษนะที่รัก ยกโทษให้ผมด้วย นี่เป็นสิ่งที่ผมจะร้องขอจากคุณ ยกโทษให้ผมด้วย”
“ฉันไม่โกรธคุณ...ลุกขึ้นเถอะค่ะ...ฉันไม่โกรธคุณแล้ว”
เธอพูดและสะอื้นให้ไปพร้อมกัน นิโคลัสยืดลำตัวขึ้นยืนและรั้งร่างนั้นเข้าหาตัว กดศีรษะทุยไว้หน้าอกกว้าง กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ภิณไลย์ญาต้องร้องไห้เพราะเขา กี่หนแล้วที่ทำให้เธอต้องเจ็บช้ำและเสียน้ำตา
“ผมสัญญานะเนเน่ ผมขอสัญญาจากหัวใจและจิตวิญญาณของผมว่านับแต่นี้ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ ผมจะไม่มองคนแค่วัตถุและจะใช้ชีวิตทั้งหมดที่เหลืออยู่กับคุณและลูก”
“รู้ไหมคะนิค ว่าฉันยังรู้สึกผิดเรื่องของคริส ไม่ใช่ว่าฉันยังรักเขาแต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเองทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกสลาย เขาต้องผิดหวังซ้ำสองต้องแตกหักกับลาริสา เธอไปจากชีวิตของเขาแล้วค่ะนิค คุณรู้ใช่ไหมคะ”
“ผมรู้...ผมรู้ดีทุกอย่าง เรื่องของคริสไม่มีอะไรที่ผมจะไม่ทราบความเคลื่อนไหวของเขาและเขาก็อธิบายให้ผมเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่ใช่คุณที่ทำให้คริสต้องหย่ากับลาริสาแต่มันเป็นเพราะว่าความผิดพลาดในอดีตและความผิดพลาดนั้นมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากคุณและผมก็จะไม่โทษคริสเพราะคนเราย่อมมีผิดพลาดกันได้บ้าง ที่พูดก็ไม่ใช่ว่าผมเข้าข้างน้องชาย ผมเข้าใจความรู้สึกของลาริสา รู้ไหมว่าเธอสับสนกับการเข้ามาอยู่ในครอบครัวของผมที่ต้องรับรู้ว่าคริสเคยมีเมียและมีลูกติดมาก่อนและที่มากไปกว่านั้นก็คือเรื่องของคุณกับผมที่แม้แต่คริสเองพอรู้เรื่องเขาก็ตกใจ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นใครก็คงไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างผมจะตกหลุมรักหรือหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนไหนได้ แต่ผมก็ยืนยันกับคริสว่าผมรักคุณด้วยหัวใจ เขาคิดว่าผมจะได้คุณเล่น ๆ ผมเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงคุณก็เลยอยากจะใช้หนี้ให้ เขาคงคิดว่าผมไม่ได้จริงจัง แต่ผมก็ได้ยืนยันกับเขาแล้วว่...าผมรักคุณ”
“มันดูวุ่นวายและซับซ้อนมากจริง ๆ ค่ะนิค แม้แต่ฉันเองฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน”
“อะไรเหรอที่รัก?”
“ก็ที่คุณบอกว่าฉันเองก็รักคุณ ฉันไม่รู้จริง ๆ ค่ะว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้ฉันก็รู้อยู่เต็มหัวใจว่าฉันเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ๆ”
นัยน์ตาคมบนหน้าหล่อเหลาเป็นประกายวับวาวในทันใดที่ได้ยินคำพูดของภิณไลย์ญา เขาเชยคางมนให้เธอแหงนเงยใบหน้าสวยหวานขึ้น “คุณยอมรับแล้วใช่ไหมที่รักว่าคุณรักผม พระเจ้าก็ได้รับรู้ว่าเราต่างคนต่างรักกัน”
“นิคคะ...ฉันมีอะไรอยากร้องขอคุณอีกอย่าง”
“หลายอย่างก็ได้นะที่รัก คุณอยากขออะไรจากผม”
“ฉันอยากให้คุณลืมว่า ฉันเคยรักคริส...อยากให้คุณมองฉันที่เป็นปัจจุบัน”
“ซึ่งคุณก็ยังไม่แน่ใจในตัวผม”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณละทิ้งความรู้สึกที่ว่าฉันยังรักคนที่ฉันเคยรัก ฉันก็จะรักคุณได้อย่างเต็มหัวใจ”
“ถ้าอย่างนั้น...” นิโคลัสโอบประคองใบหน้าสวยไว้ด้วยอุ้งมือทั้งสอง ก้มลงไปหาและจุมพิตบนเปลือกตา แก้มทั้งสอง ก่อนเลื่อนปากได้รูปลงไปแนบบนกลีบปากนุ่ม จุมพิตอ่อนหวานราวกับนั่นคือคำมั่นสัญญาและประจักษ์พยานจากการกระทำของเขาท่ามกลางหมู่ไม้หลากสีและสายลมอ่อนเบาพัดผ่าน นิโคลัสรู้แน่แล้วแก่หัวใจ ยิ่งเขาร้ายกับเธอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขารักภิณไลย์ญามากเท่านั้น
“ผมสัญญา...รักผมอย่างเต็มหัวใจของคุณนะที่รัก ตอนนี้ผมไม่ได้คิดว่าคุณเคยรักคริสมากแค่ไหน ผมคิดเพียงว่าอนาคตสำหรับเราสามคนพรุ่งนี้จะเป็นยังไง”
“ฉันก็ยังเป็นพริตตี้ เป็นผู้หญิงที่ต้อยต่ำเหมือนเดิม”
“ขอให้มันเป็นแค่วันนี้ เพราะพรุ่งนี้คุณจะเป็นผู้หญิงของผม เป็นแม่ของลูก และเป็นมิสภิณไลย์ญา ของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมจะพาคุณไปจดทะเบียนสมรส และคุณต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลซาเวียร์ คุณคือภิณไลย์ญา ซาเวียร์ ภรรยาของผม”
“นิคคะ...”
“หืมม์?” เขาส่งเสียงในลำคอพลางกอดร่างเล็กแนบอกกว้าง ภิณไลย์ญากอดเขาตอบ ความอ้างว้างในหัวในดับสลายไปสิ้น เหลือเพียงรังรองของความอบอุ่นจุดประกายอยู่ในหัวใจของเธอ
“ฉันคิดถึงวันที่คุณ...ร้ายใส่ฉัน”
“มันทำให้คุณไม่เคยลืมผม และมันจะย้ำเตือนผมเสมอว่าผมต้องรักคุณมากแค่ไหน...ไม่ใช่คุณหรอกนะที่เป็นหนี้ผม แต่ผมต่างหากที่เป็นหนี้คุณ...เนเน่...คุณสอนให้ผมรู้จักความรัก รู้จักสิ่งที่ผมละเลยและไม่อยากเข้าใกล้มันมาตลอดชีวิต”
“คุณเป็นจอมอสูรค่ะนิค”
“และคุณก็รักจอมอสูรคนนี้เต็มหัวใจของคุณแล้ว”
เขาก้มลงไปหากลีบปากละมุนฉ่ำอีกครั้ง กลืนเสียงของเธอไว้ราวปรารถนาถ่ายเทความอบอุ่นให้เรือนร่างน่าทะนุถนอมนั้น จอมอสูรที่ภิณไลย์ญาเคยเกลียดชัง จอมมารที่เคยยัดเยียดความเจ็บช้ำให้เธอ นับแต่นี้เขาต่างหากเป็นหนี้ความรักและไม่ปรารถนาสิ่งใดในโลกนอกจากหัวใจของเธอที่จะมอบไว้ให้เขาเพียงผู้เดียวนับจากนี้และนิจนิรันดร์
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”เสียงจากเบาะด้านหลังทำให้คนขับรถแท็กซี่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วรถและจอดลงที่หน้าประตูรั้วอัลลอยด์ขนาดใหญ่ก่อนร่างบอบบางในชุดเสื้อเทรนช์โค้ทสีน้ำตาลพาสเทลจะเปิดประตูและก้าวลงไป“จะให้ผมกดแตรเรียกคนในบ้านหรือเปล่าครับคุณผู้หญิง?”คนขับซึ่งเป็นชายวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อลดกระจกลงและรับค่าโดยสารจากหญิงสาวที่สะพายกระเป๋าและหิ้วถุงของขวัญขนาดใหญ่ ภิณไลย์ญามองลอดรั้วเข้าไปยังทางเดินทอดตัวยาวไปยังบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์สร้างจากหินอ่อนสะท้อนประกายระยับใต้แสงแดดส่องและหันไปตอบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวดิฉันกดกริ่งเรียกเองค่ะ”เมื่อเธอบอกเช่นนั้นคนขับจึงปิดกระจกและขับรถออกไปทิ้งไว้แต่ร่างแน่งน้อยที่ระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ขณะเดินไปกดกริ่งประตูของบ้านซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านคนรวยอย่างเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ สักครู่จึงมีชายร่างใหญ่ในชุดสูทเดินมาเปิดประตู“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าต้องการมาพบใครหรือครับ?”“ดิฉันมาเยี่ยมน้องสาวน่ะค่ะ...เอ้อ...ลลิล...”“คุณลาริมาร์นะหรือครับ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ก่อนหรือเปล่าครับ”“เปล่าค่ะ”“ขอทราบชื่อของคุณหน่อยครับ”“ภิณไลย์ญาค่ะ”“สักครู่นะครับ”ชายคนนั้นหยิบ
“นิค...ฉันดีใจมากเลยนะคะที่คุณมาวันนี้”ลลิลเอ่ยขึ้นขณะมือเรียวบางอยู่ในมือหนาหนักที่กอบกุมเอาไว้แน่น นิโคลัสบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“ผมต้องมาซีลาริมาร์ เมียของพีทเพื่อนผมคลอดลูกทั้งทีก็ต้องมาดูหลานเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่รักกันจริง”“ลิลดีใจที่สุดเลยนะคะ วันนี้เป็นวันดีมากจริง ๆ ที่มีคนสำคัญมาเยี่ยมลิลถึงสองคน...เอ...แต่ว่า...นิคคงรู้จักพี่เนเน่แล้วซีนะคะ ก็เธอเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ที่คุณจัดเมื่อวันก่อนไงคะ”หญิงสาวแนะนำและเมื่อเป็นเช่นนั้นภิณไลย์ญาก็จำต้องหันกลับมาประจันหน้ากับนิโคลัสที่เหลือบสายตามายังเธอ เขาแค่ยกมุมปากขึ้น ไม่เชิงว่าจะยิ้ม สำหรับพริตตี้สาวแล้วมันเหมือนว่าเขากำลังเหยียดหยามเธออย่างทุกครั้งที่พบกัน และถึงจะอึดอัดสักแค่ไหนเธอก็ต้องยิ้มให้ทั้งที่อยากจะเดินหนี“สวัสดีค่ะ คุณนิโคลัส”ภิณไลย์ญาเอ่ยขึ้นอย่างเสียมิได้ เธอก็แค่อยากให้สถานการณ์ตอนนี้ผ่านพ้นไปและรู้สึกว่าอยากให้เวลาอยู่ที่นี่สั้นลงกว่าตอนก่อนตั้งใจจะมา ทำไมต้องมาเจอเขาที่นี่ ผู้ชายคนนี้ที่ไม่เคยญาติดีกับเธอเลยสักหน หญิงสาวได้ยินเสียงของเขาดังในลำคอ“อ้อ...รู้จักสิลาริมาร์ ใครบ้างที่จะไม่รู้จักพริตตี้สาว
“ค่ะ...เอ้อ...พี่เนเน่ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ”พริตตี้สาวยิ้มกับลลิลทั้งที่ใบหน้าเริ่มเผือดสีจนเป็นที่สังเกตของร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนมองอยู่ไม่ห่าง ก่อนกลับหญิงสาวไม่ลืมที่จะเข้าไปชื่นชมความน่ารักของทารกหญิงตัวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านล็อคก่อนเดินกลับออกไปโดยไม่สนใจจะกล่าวลาใครอื่นนอกจากเจ้าของบ้าน ลลิลเดินกลับมาที่นิโคลัสอีกครั้งเขาจึงถามขึ้น“มีอะไรหรือลาริมาร์ ท่าทางเพื่อนคุณรีบร้อนมากทีเดียว”“เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นค่ะ พี่เนเน่ต้องรีบไปโรงพยาบาลตอนนี้ค่ะเพราะน้องชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กะโหลกร้าวต้องผ่าตัดด่วน”ปื้นคิ้วหนาเลิกขึ้น เหนือดวงตาสีทองแดงจัดฉายประกายคมกล้า นิโคลัสขบสันกรามบนหน้าคมคร้ามนูนเป็นสัน“น้องชายประสบอุบัติเหตุและต้องผ่าตัดด่วน...อย่างนั้นหรือ...อืม...น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ”บทที่ 2 indecent proposal เงินแลกชีวิตโรงพยาบาลนิวยอร์ค 00:30 น.เป็นเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวที่ภิณไลย์ญายังอยู่ที่โรงพยาบาลหลังออกจากบ้านของลลิล หญิงสาวไม่ได้รอหน้าห้องฉุกเฉินแต่เลือกที่จะมานั่งในสวนเล็ก ๆ ของโงพยาบาลเพียงลำพังซึ่งในเวลานั้นมีแต่ลมหนาวและความกระวนกระวายข้างในรุมเร้าความรู้สึกข
เธอพบกับคริสต์ ซาเวียร์ ลูกชายคนเล็กของมหาเศรษฐีบริษัทนำเข้ารถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ เขาแสดงออกว่าชอบเธอมากขนาดไหน และหญิงสาวก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอรักเขา ทว่าความสัมพันธ์นั้นกลับไม่ยั่งยืนเมื่อเรื่องราวระหว่างเธอกับคริสต์รู้ถึงหูนิโคลัส พี่ชายของเขา ผู้แสดงออกว่ารังเกียจผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเธอซึ่งเป็นแค่พริตตี้ที่ทำงานไม่ต่างจากดารา ขายหน้าตาแม้มีความสามารถแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจจะค้นหา สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเธอต้องเลิกกับคริสต์นิโคลัสให้คนของเขาติดตามและคุกคามบีบคั้นให้เธอเกิดความหวาดกลัวซึ่งภิณไลย์ญาก็รู้สึกว่าตัวเองและครอบครัวอาจต้องเดือดร้อนหากยังปล่อยให้เรื่องระหว่างเธอและคริสต์ดำเนินต่อไป เธอเลือกที่จะหันหลังให้คนรัก หลังจากเธอยินยอมตัดความสัมพันธ์กับคริสต์แล้วพริตตี้สาวจึงได้ข่าวการประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการระหว่างเขาและลูกสาวนักธุรกิจเลื่องชื่อชาวรัสเซีย เธอยอมรับทุกอย่างแต่โดยดีเพราะอย่างน้อยเขาก็จะได้พบคนที่ดีกว่าทว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น คริสต์ยังโทรมาหาและพยายามพบเธอด้วยการไปร่วมทุกงานโชว์ยานยนต์ที่ภิณไลย์ญารับงานเป็นพริตตี้ให้รถหรู จนถึงป่านนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่า
หญิงสาวร้องออกมาเมื่อไหล่ของเธอถูกลำแขนแกร่งโอบและกดต้นแขนเอาไว้ด้วยมือหนา เขาเบียดตัวเข้าหาพร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงมา“ตอนนี้คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นถ้าเราไม่ได้ทำความตกลงกันเสียก่อน”“ทำความตกลง...นี่คุณพูดเรื่องอะไร ไม่มีอะไรที่ฉันต้องตกลงกับคุณ...ปล่อยฉันนะ!”ภิณไลย์ญาพยายามสะบัดไหล่ออกจากมือหนาหนักแต่ยิ่งขืนตัวนิโคลัสก็ยิ่งกดเธอไว้จนแนบชิดตัวเขา ร่างเล็กอิงแอบกับอกกว้างของร่างสูงโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวนิ่วหน้าขณะเหลือบมองว่ารอบ ๆ นั้นจะมีใครสักคนหรือไม่หากก็ไม่เห็นเงาของใครเลย ชายหนุ่มคำรามลึกในลำคอก่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน“คุณควรจะทำตัวให้น่ารักหน่อย มิสภิณไลย์ญา อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณกำลังประสบปัญหาอะไรอยู่”“ฉันกำลังถูกคุกคาม! นี่ยังไงล่ะคือปัญหาของฉัน”“เปล่าเลยยาหยี ที่ผมมานี่เพราะอยากช่วยเหลือคุณต่างหาก”“ว่ายังไงนะ”หญิงสาวหยุดขัดขืนเพราะคำพูดของเขาทำให้เธอย่นคิ้วด้วยความฉงน หากแต่นิโคลัสกลับแสยะยิ้ม เขาหรี่นัยน์ตาสีทองแดงเข้มมองเธอ ผู้หญิงใบหน้าหวานจัดที่น้องชายของเขาหลงใหล ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ราวกับว่าความรู้สึกของเขาวูบไหวไปชั่วขณะ เพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้นที่เขารีบดึงความแน่วแน่ของ
“นิโคลัส!”หญิงสาวไม่ทันได้พูดอะไรปากบวมเจ่อก็ถูกประกบปิดไว้ด้วยปากของจอมซาตานร้ายอีกครั้ง คราวนี้เขาจ้วงลิ้นเข้าไปและฉกลึกรุนแรง ปากบางถูกบดขยี้ไม่ปราณีราวกับว่าเขาต้องการลงโทษในความอวดดีของเธอ ภิณไลย์ญาพยายามส่งเสียงแต่ยิ่งขืนตัวเขาก็ยิ่งกดข้อมือของเธอไว้แน่นยิ่งกว่าคีมเหล็ก กระทั่งนิโคลัสเลื่อนใบหน้าออกร่างเล็กจึงผลักเขาออกห่างและลุกพรวดขึ้นพร้อมทั้งขยี้ปากไปมาด้วยฝ่ามือทั้งน้ำตาคลอเบ้า“นิโคลัส นี่คุณทำบ้าอะไร...คุณจะทำเกินไปแล้วนะ!”ภิณไลย์ญาบริภาษเขาเสียงแข็ง เธอทั้งเจ็บและอับอายอย่างที่สุด ไม่เคยมีใครจาบจ้วงกับเธอขนาดนี้มาก่อน ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยโทสะแต่ดูเหมือนยิ่งเธอโกรธจัดมันยิ่งทำให้ร่างสูงที่นั่งนิ่งบนเก้าอี้สะใจ เขาลูบปากตัวเองพลางไหวไหล่“ถือว่านี่เป็นการมัดจำ เพราะถึงยังไงเสียวันหนึ่งคุณก็ต้องเป็นผู้หญิงของผมอยู่ดี”บทที่ 3 Incredible crisis บทเรียนของคนอวดดี“ฉันจะไม่รับข้อเสนอใด ๆ จากคนบ้าอย่างคุณ”“เอ...หรือว่าไม่พอใจที่โดนจูบฟรีๆ ...อืม...ผมก็ลืมไปนะว่าปกติผู้หญิงอย่างคุณคงไม่แลกตัวเองกับผู้ชายเปล่า ๆ ปลี้ๆ อย่างน้อยมันก็ต้องมีอะไรตอบแทนกลับไปบ้าง”เขาส่งเสียง
“ไม่เกินสัปดาห์นี้คุณจะได้เห็นค่าของมัน!”เสียงห้าวดุดันทำให้หญิงสาวที่กำลังจะหันหลังให้ชะงักกึก ภิณไลย์ญาหันกลลับมามองเขาอีกครั้ง จ้องหน้าจอมมารที่ดวงตาวาวโรจน์เป็นประกายกล้าแข็ง หากแต่นิโคลัสไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธออกมาใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มร้ายกาจอาบด้วยความเหยียดหยาม เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น“พนันกันไหมล่ะว่าคุณต้องยอมรับข้อเสนอของผม”“ไม่มีทาง!”“ผมชอบคำตอบแบบนี้จัง เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด”ชายหนุ่มเลิกริมฝีปากขึ้นขณะร่างแน่งน้อยหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างไม่คิดจะเหลียวกลับมาอีก และเมื่อภิณไลย์ญาไปแล้วร่างสูงใหญ่จึงเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถอนใจเบา ๆ สันกรามแกร่งนูนขึ้นเป็นสัน นัยน์ตาสีทองแดงเข้มวาววามดิบดันขณะจ้องมองเช็คที่พริตตี้สาวขว้างมันลงพื้นอย่างไม่แยแส นิโคลัสเหยียดริมฝีปาก ผู้หญิงคนนั้นอวดดีจนเขาอยากลงโทษเธอให้สาสม เขาจะกีดกันเธอออกจากชีวิตของน้องชายคนเดียว ทำให้เธอสำนึกในท้ายที่สุดว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันเอาชนะคนอย่างเขาได้ทว่าชั่ววาบของความคิดเขากลับนึกถึงบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบริมฝีปากที่บดเบียดมันลงบนกลีบปากนุ่มฉ่ำเมื่อคร
ภิณไลย์ญาชี้นิ้วเข้าหาตัว “ฉัน...น่ะเหรอคะ...แต่เราเคยตกลงกันแล้วนะคะว่าฉันจะไม่แต่งตัวโป๊ล่อไอ้เข้โชว์ตัวกับรถหรู ฉันต้องไปยืนคู่กับเมอเซเดส เบนซ์นะคะ ไอ้ชุดแบบนี้มันไม่ต่างกับชุดนักร้องในผับเลยนะคะ”“ถึงจะเหมือนชุดนักร้องแต่คุณก็ต้องใส่มัน!”เสียงที่ดังแทรกขึ้นทำให้ทั้งสองต้องหยุดการสนทนาลงโดยพลันและหันกลับไปมองพร้อมกัน และเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ประตูห้องภิณไลย์ญาก็ถึงกับผงะ“นิโคลัส!”ร่างบางมือเย็นเฉียบแต่ในกายกลับรุ่มร้อนเมื่อเห็นจอมอหังการที่เมื่อเห็นหน้าก็อยากสาปส่งเขาไปไกล ๆ ทว่าเธอต้องเห็นหน้าเขา ต้องพบกับผู้ชายจอมทรนงที่สืบเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าและมองเธอด้วยสายตาที่ไม่เคยญาติดี หญิงสาวกำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงของบี“โอ...สวัสดีค่ะคุณซาเวียร์...คือว่าฉันกำลังให้เนเน่เตรียมออกไปโชว์ตัวพร้อมเมอเซเดส เบนซ์ตัวใหม่อยู่น่ะค่ะ”“บี...แต่ว่านี่มัน...”“รีบแต่งตัวเข้าเถอะน่าเนเน่ เห็นไหมว่าคุณซาเวียร์เจ้าของงานอุตส่าห์เข้ามาถึงที่นี่ เราไม่เคยได้รับเกียรติจากเขาเลยสักครั้ง”“เกียรติเหรอคะบี...แต่นี่มันห้องแต่งตัวของเอเยนซี่ที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา ถึงเขาจะเป็นเจ้าของงานแต่
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย