“นิโคลัส!”
หญิงสาวไม่ทันได้พูดอะไรปากบวมเจ่อก็ถูกประกบปิดไว้ด้วยปากของจอมซาตานร้ายอีกครั้ง คราวนี้เขาจ้วงลิ้นเข้าไปและฉกลึกรุนแรง ปากบางถูกบดขยี้ไม่ปราณีราวกับว่าเขาต้องการลงโทษในความอวดดีของเธอ ภิณไลย์ญาพยายามส่งเสียงแต่ยิ่งขืนตัวเขาก็ยิ่งกดข้อมือของเธอไว้แน่นยิ่งกว่าคีมเหล็ก กระทั่งนิโคลัสเลื่อนใบหน้าออกร่างเล็กจึงผลักเขาออกห่างและลุกพรวดขึ้นพร้อมทั้งขยี้ปากไปมาด้วยฝ่ามือทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“นิโคลัส นี่คุณทำบ้าอะไร...คุณจะทำเกินไปแล้วนะ!”
ภิณไลย์ญาบริภาษเขาเสียงแข็ง เธอทั้งเจ็บและอับอายอย่างที่สุด ไม่เคยมีใครจาบจ้วงกับเธอขนาดนี้มาก่อน ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยโทสะแต่ดูเหมือนยิ่งเธอโกรธจัดมันยิ่งทำให้ร่างสูงที่นั่งนิ่งบนเก้าอี้สะใจ เขาลูบปากตัวเองพลางไหวไหล่
“ถือว่านี่เป็นการมัดจำ เพราะถึงยังไงเสียวันหนึ่งคุณก็ต้องเป็นผู้หญิงของผมอยู่ดี”
บทที่ 3 Incredible crisis บทเรียนของคนอวดดี
“ฉันจะไม่รับข้อเสนอใด ๆ จากคนบ้าอย่างคุณ”
“เอ...หรือว่าไม่พอใจที่โดนจูบฟรีๆ ...อืม...ผมก็ลืมไปนะว่าปกติผู้หญิงอย่างคุณคงไม่แลกตัวเองกับผู้ชายเปล่า ๆ ปลี้ๆ อย่างน้อยมันก็ต้องมีอะไรตอบแทนกลับไปบ้าง”
เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอขณะล้วงหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อสูทราคาแพงระยับออกมา มันเป็นสมุดเล่มเล็กบางที่เขาเปิดออกและใช้ปากกาขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปก่อนจะฉีกออกแล้วโยนลงตรงหน้าหญิงสาวที่มองอย่างไม่เข้าใจ
กระทั่งเธอก้มลงหยิบมันขึ้นมาแล้วเพ่งมองผ่านแสงไฟ ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามันคือเช็คเงินสดที่เขาใส่ตัวเลขกลม ๆ ไว้หนึ่งล้านดอลล่าห์ มือเรียวบางที่กุมเช็คไว้สั่นระริก หญิงสาวเหลือบมองใบหน้าคร้ามคมใต้เงาแสงไฟมีรอยเหยียดยิ้มหมิ่นแคลน นิโคลัสร้ายกาจยิ่งกว่าจอมซาตาน เธออยากกรีดร้อง อยากข่วนหน้าเขาหรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นการตอบโต้ให้ผู้ชายร้ายกาจคนนี้เจ็บปวดที่สุดหากก็ทำได้เพียงขว้างเช็คลงบนพื้นแล้วเชิดหน้าใส่
“คุณบังคับฉันไม่ได้ นิโคลัส ซาเวียร์!”
“ผมทำได้ถ้าผมอยากทำ”
“เพื่ออะไร...ในเมื่อฉันก็ทำทุกอย่างที่คุณต้องการแล้ว ฉันเลิกกับคริสต์อย่างเด็ดขาดแล้วได้ยินหรือเปล่าคะนิโคลัส”
“แต่น้องชายผมยังติดต่อกับคุณอยู่”
เขายืนยันเสียงแข็งและทำให้ภิณไลย์ญาชะงัก นิโคลัสจ้องเธออย่างค้นคว้าและดูเหมือนเขากำลังเดาใจเธอออก หญิงสาวตีบตันเพราะสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงแต่นั่นไม่สำคัญเท่าความตั้งใจมั่นของเธอ ทว่า...เขาจะเชื่อหรือไม่เล่า และเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งไปเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้ อย่าคิดว่าคนอย่างผมจะโง่เง่าให้ผู้หญิงอย่างคุณมาตลบหลังได้ จะบอกให้ว่าผมไม่เคยแน่ใจและไม่ไว้วางใจอะไรทั้งนั้นถ้ามันเกี่ยวกับคุณ...หึ...คริสต์กำลังจะแต่งงานแต่เขายังสลัดคุณออกจากสมองโง่ ๆ ของตัวเองไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าควรต้องจัดการยังไง”
“คุณก็เลยคิดจะซื้อฉัน...อย่างนั้นสินะคะ”
เขาไหวไหล่ “สำหรับผมแล้วเงินซื้อได้ทุกอย่าง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณน่าจะเก็บเงินของคุณไว้หาหมอโรคจิตเพราะเรื่องที่คุณกำลังคิดเป็นเรื่องที่คนดี ๆ เขาไม่ทำ”
“ถ้าคนรวยใช้เงินซื้อของที่อยากซื้อเป็นโรคจิต แล้วไอ้พวกที่ไม่มีเงินซื้อของที่ตัวเองอยากได้แต่พยายามดิ้นรนอยากจะมีเหมือนคนอื่นจนต้องเอาตัวเข้าแลกนี่เรียกว่าอะไร”
“นิโคลัส!”
“แต่โดยปกติคุณไม่ได้ยี่หระกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มิสภิณไลย์ญา หรือว่าไอ้ตัวเลขที่ผมเสนอให้มันน้อยเกินไป ถ้าอยากได้มากกว่านั้นผมก็มีข้อเสนออย่างอื่นให้อีกนับไม่ถ้วน”
“เก็บข้อเสนอบ้า ๆ ของคุณไว้เถอะค่ะ! ถ้าคิดจะเอาเงินฟาดหัวให้ฉันไปจากชีวิตของคริสต์ เก็บเงินของคุณไว้ทำอย่างอื่นเถอะนะคะ เพราะมันไม่มีค่ากับฉันแม้แต่นิดเดียว”
“ไม่เกินสัปดาห์นี้คุณจะได้เห็นค่าของมัน!”เสียงห้าวดุดันทำให้หญิงสาวที่กำลังจะหันหลังให้ชะงักกึก ภิณไลย์ญาหันกลลับมามองเขาอีกครั้ง จ้องหน้าจอมมารที่ดวงตาวาวโรจน์เป็นประกายกล้าแข็ง หากแต่นิโคลัสไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธออกมาใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มร้ายกาจอาบด้วยความเหยียดหยาม เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น“พนันกันไหมล่ะว่าคุณต้องยอมรับข้อเสนอของผม”“ไม่มีทาง!”“ผมชอบคำตอบแบบนี้จัง เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด”ชายหนุ่มเลิกริมฝีปากขึ้นขณะร่างแน่งน้อยหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างไม่คิดจะเหลียวกลับมาอีก และเมื่อภิณไลย์ญาไปแล้วร่างสูงใหญ่จึงเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถอนใจเบา ๆ สันกรามแกร่งนูนขึ้นเป็นสัน นัยน์ตาสีทองแดงเข้มวาววามดิบดันขณะจ้องมองเช็คที่พริตตี้สาวขว้างมันลงพื้นอย่างไม่แยแส นิโคลัสเหยียดริมฝีปาก ผู้หญิงคนนั้นอวดดีจนเขาอยากลงโทษเธอให้สาสม เขาจะกีดกันเธอออกจากชีวิตของน้องชายคนเดียว ทำให้เธอสำนึกในท้ายที่สุดว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันเอาชนะคนอย่างเขาได้ทว่าชั่ววาบของความคิดเขากลับนึกถึงบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบริมฝีปากที่บดเบียดมันลงบนกลีบปากนุ่มฉ่ำเมื่อคร
ภิณไลย์ญาชี้นิ้วเข้าหาตัว “ฉัน...น่ะเหรอคะ...แต่เราเคยตกลงกันแล้วนะคะว่าฉันจะไม่แต่งตัวโป๊ล่อไอ้เข้โชว์ตัวกับรถหรู ฉันต้องไปยืนคู่กับเมอเซเดส เบนซ์นะคะ ไอ้ชุดแบบนี้มันไม่ต่างกับชุดนักร้องในผับเลยนะคะ”“ถึงจะเหมือนชุดนักร้องแต่คุณก็ต้องใส่มัน!”เสียงที่ดังแทรกขึ้นทำให้ทั้งสองต้องหยุดการสนทนาลงโดยพลันและหันกลับไปมองพร้อมกัน และเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ประตูห้องภิณไลย์ญาก็ถึงกับผงะ“นิโคลัส!”ร่างบางมือเย็นเฉียบแต่ในกายกลับรุ่มร้อนเมื่อเห็นจอมอหังการที่เมื่อเห็นหน้าก็อยากสาปส่งเขาไปไกล ๆ ทว่าเธอต้องเห็นหน้าเขา ต้องพบกับผู้ชายจอมทรนงที่สืบเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าและมองเธอด้วยสายตาที่ไม่เคยญาติดี หญิงสาวกำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงของบี“โอ...สวัสดีค่ะคุณซาเวียร์...คือว่าฉันกำลังให้เนเน่เตรียมออกไปโชว์ตัวพร้อมเมอเซเดส เบนซ์ตัวใหม่อยู่น่ะค่ะ”“บี...แต่ว่านี่มัน...”“รีบแต่งตัวเข้าเถอะน่าเนเน่ เห็นไหมว่าคุณซาเวียร์เจ้าของงานอุตส่าห์เข้ามาถึงที่นี่ เราไม่เคยได้รับเกียรติจากเขาเลยสักครั้ง”“เกียรติเหรอคะบี...แต่นี่มันห้องแต่งตัวของเอเยนซี่ที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา ถึงเขาจะเป็นเจ้าของงานแต่
“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครเป็นลูกไก่ในกำมือของคุณ”“ก็คุณไง ...ชีวิตของคุณเป็นของผม”“ฉันยังไม่ได้ตกลงตอบรับข้อเสนอบ้าบอของคุณด้วยซ้ำ และการที่คุณซื้อฉันจากเอเยนซี่ก็เป็นเรื่องที่ผิดอย่างมากเพราะบริษัทไม่มีสิทธิ์ซื้อขายฉันให้ใครโดยที่ฉันไม่ให้ความยินยอม คุณไม่มีสิทธิ์จะมาบีบบังคับฉันได้หรอกนะนิโคลัส”“คุณอาจไม่จำเป็นต้องตอบรับข้อเสนอของผมเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร และที่คุณบอกว่าเอเยนซี่ทำผิดก็ขอเชิญฟ้องร้องได้เลย แต่คุณจะมีสิทธิ์ฟ้องผมได้ก็ต่อเมื่อคุณชดใช้หนี้สามล้านเหรียญที่ผมจ่ายมันแลกกับการยื้อชีวิตน้องชายของคุณ!”“วะ...ว่ายังไงนะคะ...สามล้าน...”เสียงแหบเบาลอดออกจากลำคอแห้งผากยิ่งกว่าทะเลทรายสะฮาร่า ภิณไลย์ญานิ่งอึ้งและอ่อนยวบลงแทบจะในทันที มือเรียวบางที่กำหมัดแน่นคลายลง นัยน์ตางามแห้งแล้งเต็มไปด้วยความสงสัยไม่อยากเชื่อ นิโคลัสกระตุกรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะโน้มใบหน้าจนปลายจมูกโด่งแนบชิดแก้มนวลซีดหมอง“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก มิสภิณไลย์ญา...ผมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัดใหญ่ให้น้องชายคุณซึ่งมันต้องใช้แพทย์เฉพาะทางและผมยินดีจ่ายมันทั้งหมดเพื่อให้เขารอดพ้นจากความตาย...หึ..
ภิณไลย์ญาถึงกับผงะดวงตาเบิกกว้างเมื่อเสื้อเชิ้ตแขนสั้นถูกมือหนาหนักกระชากมันจนสาบเสื้อฉีกขาดออกจากกันขณะร่างนั้นหันเข้าหากระจก ภาพเงานั้นสะท้อนคนตัวใหญ่ที่เบียดเข้าหาทางด้านหลัง นัยน์ตาสีทองแดงเข้มจัดข้นคลั่กก่อนที่เขาจะฉีกเสื้อของเธออีกครั้งจนมันหลุดออกจากร่างสวย หญิงสาวตัวแข็งราวถูกสาปเมื่อเรือนร่างท่อนบนที่เหลือเพียงบราเซียลูกไม้อวดเนินอกอิ่มท้าทายสายตาแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้ยินนิโคลัสขบกรามเสียงดัง“จำไว้เนเน่...อย่าอวดดีกับผม ยิ่งอวดดีมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งเจ็บ และยิ่งคุณท้าทายผมมากเท่าไหร่ก็จะต้องได้รับบทเรียนหนักกว่านี้อีกหลายเท่า!”เขาปล่อยเธอเป็นอิสระและถอยห่างไปหนึ่งก้าว นัยน์ตาเข้มจ้องเขม็งไปยังเรือนร่างบอบบางท่อนบนเกือบเปลือยผ่านกระจก ภิณไลย์ญากำหมัดแน่นและกัดปากจนห้อเลือด ไม่นึกว่าเขาจะใช้วิธีการกดขี่ข่มเหงได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้ นิโคลัสไม่ใส่ใจ สำหรับเขาแล้วมันก็แค่เศษเงินที่เขาซื้อชีวิตน้องชายของเธอเพื่อแลกกับการได้น้องชายตัวเองกลับไปเท่านั้น แล้วเธอเล่า...ก็เป็นเพียงสินค้าที่ถูกซื้อขายในเกมการเดิมพันชีวิตที่น่าอับอาย ถ้าทำได้เขาคงติดป้ายราคาบนตัวของเธอไปแล้ว ภิณไล
สิ้นคำร่างบางก็ก้าวผ่านเขาไป ภิณไลย์ญาเปิดประตูด้วยมือสั่นเทา ความเจ็บปวดและอัดอั้นแทบระเบิดทำให้เธออยากวิ่งไปที่ไหนสักแห่งแล้วอาเจียนความกดกลั้นออกมาให้หมด หากไม่ทันที่ความสับสนถูกขจัดออกจากความคิดเธอก็ต้องผงะนิ่งอีกครั้งเมื่อเดินออกจากห้องแต่งตัวเพียงไม่กี่ก้าวก็พบใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่โถงทางเดิน“คริสต์!” ภิณไลย์ญาชะงักงัน หัวใจของเธอที่ปลิวหายไปในอากาศกับความหยาบร้ายของนิโคลัสราวคืนกลับมาใหม่พร้อมการปรากฎตัวของ คริสต์ ซาเวียร์ น้องชายคนเดียวของเขา ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ทายาทมหาเศรษฐีลำดับที่สองของตระกูลซาเวียร์ หนึ่งในตระกูลชื่อดังของแวดวงธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และอิมพอร์ต เอ็กพอร์ตรถหรูของยุโรปก้าวเข้ามาหาร่างแน่งน้อยที่ยืนนิ่งราวถูกสาปเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว ภาพบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มสะท้อนในดวงตากลมโตงดงามรื้นด้วยน้ำ ภิณไลย์ญามองฝ่าม่านพร่าพราย เธอยังคงมองเห็นคริสต์คนเดิม เขายังคงสง่างาม เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลาใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตราวหล่อจากเบ้าเดียวกับนิโคลัสหากก็ไม่เหี้ยมเกรียมและดุดันเท่า นัยน์ตาสีแอมเบอร์นุ่มนวลจ้องมองมายังร่างเล
“คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องของผมอีกแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ผมยังคิดถึงแต่เรื่องของคุณ...เนเน่”“ไม่มีอะไรหรอกนะคะ พิทย์พ้นขีดอันตรายแล้วและเขาก็ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”“ผมรู้เรื่องนี้จากบี เจ้าของเอเยนซี่ของคุณ เธอบอกว่าคุณต้องทำงานหนักเพื่อหาค่ารักษาพิทย์ ทำไมไม่บอกผมว่าคุณกำลังเดือดร้อนในเมื่อผมยินดีที่จะช่วยคุณทุกอย่าง”“ไม่ค่ะ” ภิณไลย์ญาส่ายหน้าและไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาได้อีก “ฉันคงไม่รบกวนคุณ เราไม่ได้เป็นเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้วนะคะ ที่สำคัญฉันยังทำงานได้ ฉันพึ่งตัวเองได้ค่ะ”“บีบอกผมว่าค่ารักษาน้องชายคุณสูงมาก ให้คุณรับงานมากกว่านี้ก็คงไม่พอค่าใช้จ่าย เนเน่...หรือว่า...คุณมีใครให้ความช่วยเหลือแล้ว...อย่างนั้นหรือ”“ค่ะ”หญิงสาวตอบกลับแบบไม่ต้องหยุดคิดและทำให้คริสต์ชะงัก น้ำตาของเธอยังไหลอาบแก้ม ภิณไลย์ญายิ้มขื่นกับการตัดสินใจสุดท้ายเมื่อมันสุดทางแห่งความหวังของเธอแล้ว เธอตอบเขาอย่างชัดถ้อย“มีคนให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพิทย์... ใช่ค่ะ...ค่าผ่าตัดสูงตั้งสามล้านเหรียญและฉันก็ไม่มีปัญญาจะหามาได้ทัน เขายื่นข้อเสนอที่จะ...เลี้ยงดูฉัน”“เนเน่...”“และฉัน...ก็ตอบตกลงเขาไปแล้ว”“เป็นอย่างที่ผมคิ
“นิโคลัส...นี่คุณจะทำอะไร”“ตอนแรกผมคิดว่าจบงานจะเริ่มสัญญาที่ให้คุณชดใช้หนี้ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องกลับไปที่งาน... คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้!”“นิโคลัส...อย่านะคะ!”ภิณไลย์ญาพยายามยื้อสุดเรงด้วยการดึงแขนเสื้อของเขาไว้แน่นและขืนตัวเองไม่ยอมให้เขาลากตัวออกไปจากลิฟท์เมื่อประตูเปิดออกที่ชั้นใต้ดิน แต่ก็ดูเหมือนความพยายามนั้นจะไร้ผลเพราะมือหนาหนักราวคีมเหล็กของนิโคลัสมีพลังมากเกินกว่าหญิงสาวจะต้านไหว เขาดึงข้อมือบางจนร่างเล็กเซตามออกไป ชายหนุ่มแสดงความหยาบร้ายเหมือนกำลังฉุดกระชากผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่มีทางสู้ และเมื่อออกไปด้านนอกร่างสูงก็เหนี่ยวภิณไลย์ญาไว้ในอ้อมแขน ตรึงเธอไว้ด้วยกำลังที่มีมากกว่าแม้ว่าร่างอรชรจะพยายามขัดขืนแต่เธอก็ได้เพียงเข่นเขี้ยวใส่ “นิค...ไม่!...คนบ้า...ปล่อยฉันนะ!”“หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้เลยเนเน่”“คุณสั่งฉันไม่ได้”“เป็นลูกหนี้อย่าบังอาจมาขัดคำสั่งผม!”เสียงคำรามลั่นพร้อมกับที่เขาดันตัวเธอจนหลังชนผนังตึก นิโคลัสดันตัวเข้าหาและภิณไลย์ญามองข้ามไหล่กว้างเห็นชายร่างใหญ่สองคนยืนอยู่ที่รถสปอร์ตสีดำเป็นมันเงาห่างจากที่นั้นไม่ไกล เธอหอบหายใจขณะมือทั้งสองถูกตรึงไว้ด้วยมือ
“คุณเห็นพวกเราเมื่อกี๊”ภิณไลย์ญาเหลียวมองคนข้าง ๆ ขณะกัดฟันแน่น เสี้ยวหน้าคมคายของเขามีรอยยิ้มที่หญิงสาวรู้สึกชังมันอย่างที่สุด มันเป็นรออยยิ้มแห่งชัยชนะและทับถม“ใช่...ผมเห็นทุกอย่าง เห็นละครฉากใหญ่ที่นางเอกถูกคนรักของเธอเขี่ยทิ้งเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ซึ่งเหมาะสมและคู่ควรกัน...เอ...ผมควรจะเรียกผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นว่าเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้มันจะเหมาะสมดีหรือเปล่า”“และละครฉากนี้ก็มีคุณ คนไร้ความรักและหัวใจเป็นคนจัดฉาก...อย่างนั้นสินะคะ!”“ใช่!” นิโคลัสหันขวับมายังหญิงสาวนัยน์ตาเข้มคลั่ก “ผมชอบละครโศกนาฎกรรม ยิ่งนางเอกถูกทารุณและพบกับความต้องผิดหวังถึงขนาดเจ็บช้ำจนตายผมก็ยิ่งชอบ!”“คุณมันโรคจิต วันหนึ่งคนเลือดเย็นอย่างคุณต้องพบกับความเสียใจเหมือนละครที่คุณจัดฉากให้คนอื่นต้องเจ็บเจียนตายนั่นล่ะ”“ผมจะรอวันนั้น แต่คิดว่ามันคงไม่มีวันมาถึง แต่ตอนนี้ผมว่าคุณโทรกลับไปที่บ้านจะดีกว่า...โทรกลับไปหาแม่ของคุณ บอกท่านว่าไม่ต้องรอ”“หมายความว่ายังไง...ไม่ต้องรอ”“เพราะคุณอาจจะไม่ได้กลับไปหาท่านอีกนาน”“นิโคลัส...พูดให้ชัดสิคะ คุณลากฉันออกมาจากงานออโต้โชว์แล้วคุณกำลังจะพาฉันไปไหน”เขา
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย