“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”
โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ
“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”
“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”
“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”
“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”
“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”
“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”
“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”
“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก็ไม่ใช่เงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น รู้ไหมว่าตอนที่คุณหนีกลับบ้านมีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านของผม”
“อะไรล่ะคะ”
“โซอี้ไม่ยอมนอนห้องของแกแต่ไปนอนที่ห้องของคุณและก็ให้แม่บ้านเปลี่ยนผ้าปูกับปลอกหมอนให้ทุกวัน โซอี้บอกว่าถ้าคุณกลับมาก็จะได้นอนบนที่นอนหอม ๆ แกไร้เดียงสา ยังไม่เข้าใจหรอกว่าความคิดของผู้ใหญ่เป็นยังไง แกคิดอะไรก็ทำอย่างที่คิด และสิ่งที่โซอี้คิดตอนนี้คือแกรักคุณมากนะเนเน่”
คำพูดของนิโคลัสทำให้คนฟังนิ่งงันไปเลยทีเดียว เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหกและรู้สึกสงสารเด็กน้อยขึ้นมาจับใจ ความแข็งกร้าวในดวงตาคู่นั้นวาบไหวและอ่อนลงแม้แต่หัวใจของเธอก็เต้นช้าลงไปด้วย เธอคิดว่าจะเข้มแข็งและแสดงอาการต่อต้านนิโคลัสหากแต่เมื่อเขาพูดถึงโซอี้มันทำให้ทุกอย่างอ่อนไหวและยุบยวบลงแทบจะในทันทีทันใด ขณะนั้นเองโซอี้กลับเข้ามาในห้องพร้อมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เด็กหญิงปีนขึ้นมาบนเตียงนั่งข้าง ๆภิณไลย์ญาและเช็ดตัวให้หญิงสาวพร้อมทั้งพูดด้วยเสียงเล็ก ๆ ว่า
“คุณน้าเนเน่นอนนิ่ง ๆ นะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้เอง แดดี๊ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวหนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณน้าเนเน่เองค่ะ”
“โซอี้...โถ...แม่คุณของคุณน้าเนเน่”
บทที่ 36
ภิณไลย์ญาจุกจนแทบพูดไม่ออกเพราะการแสดงออกซึ่งความเป็นห่วงเป็นใยและท่าทีของหนูน้อยทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดและคิดว่าถ้าหากดึงดันกลับบ้านในคืนนี้ก็คงจะทำให้โซอี้ผิดหวังอย่างที่นิโคลัสว่า เธอจึงได้แต่นอนนิ่ง ๆ ให้เด็กหญิงตัวเล็กช่วยเช็ดตัวให้ทั้งที่อยากขยับร่างแต่ภิณไลย์ญาก็ยังเหนื่อยอ่อนอาการแย่ ๆ แบบนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอีกนานแค่ไหน รู้แต่เพียงว่าตัวเธอเปลี่ยนแปลงไปในหลายสิ่งหลายอย่างและทำให้เธอปรับตัวแทบไม่ทันเช่นกัน
ภิณไลย์ญารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแสงสว่างลอดผ่านจากม่านหน้าต่างเข้ามา แสงละมุนของอาทิตย์ยามเช้าฉาบทาไปทั่วทั้งห้องสีเบจและเมื่อลืมตาตื่นเต็มที่เธอก็ผุดลุกขึ้นนั่งและสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่อาการมึนงง
“เช้าแล้วเหรอเนี่ย” เธอพูดกับตัวเองและเรียบเรียงความคิดลำดับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ นิโคลัสพาเธอกับโซอี้มาที่นี่ เธอมีอาการแพ้ท้องขึ้นมาและโซอี้ก็คอยดูแลและเช็ดตัวให้กระทั่งเธอหลับไป ภิณไลย์ญาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเธอหลับไปนานแค่ไหนรู้เพียงตื่นขึ้นมาอีกทีและมองดูเข็มนาฬิกาบอกเวลาบนผนัง นี่มันเป็นเวลาเช้าของอีกวัน เธอหลับไปนานขนาดนี้เลยหรือนี่และเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นใครอยู่ในนั้น ภิณไลย์ญาขยับลงจากเตียงและเดินออกไปข้างนอกที่ห้องรับแขกเธอต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าโซอี้นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หากแต่หนูน้อยไม่ได้อยู่เพียงลำพังมีใครอีกคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็ทำให้หญิงสาวผงะงัน
“ คริส...”
“เนเน่...ตื่นแล้วเหรอ?”
“คุณมาได้ยังไงคะ”
“ผมมาที่นี่เพื่อจะมารับโซอี้”
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”เสียงจากเบาะด้านหลังทำให้คนขับรถแท็กซี่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วรถและจอดลงที่หน้าประตูรั้วอัลลอยด์ขนาดใหญ่ก่อนร่างบอบบางในชุดเสื้อเทรนช์โค้ทสีน้ำตาลพาสเทลจะเปิดประตูและก้าวลงไป“จะให้ผมกดแตรเรียกคนในบ้านหรือเปล่าครับคุณผู้หญิง?”คนขับซึ่งเป็นชายวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อลดกระจกลงและรับค่าโดยสารจากหญิงสาวที่สะพายกระเป๋าและหิ้วถุงของขวัญขนาดใหญ่ ภิณไลย์ญามองลอดรั้วเข้าไปยังทางเดินทอดตัวยาวไปยังบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์สร้างจากหินอ่อนสะท้อนประกายระยับใต้แสงแดดส่องและหันไปตอบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวดิฉันกดกริ่งเรียกเองค่ะ”เมื่อเธอบอกเช่นนั้นคนขับจึงปิดกระจกและขับรถออกไปทิ้งไว้แต่ร่างแน่งน้อยที่ระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ขณะเดินไปกดกริ่งประตูของบ้านซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านคนรวยอย่างเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ สักครู่จึงมีชายร่างใหญ่ในชุดสูทเดินมาเปิดประตู“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าต้องการมาพบใครหรือครับ?”“ดิฉันมาเยี่ยมน้องสาวน่ะค่ะ...เอ้อ...ลลิล...”“คุณลาริมาร์นะหรือครับ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ก่อนหรือเปล่าครับ”“เปล่าค่ะ”“ขอทราบชื่อของคุณหน่อยครับ”“ภิณไลย์ญาค่ะ”“สักครู่นะครับ”ชายคนนั้นหยิบ
“นิค...ฉันดีใจมากเลยนะคะที่คุณมาวันนี้”ลลิลเอ่ยขึ้นขณะมือเรียวบางอยู่ในมือหนาหนักที่กอบกุมเอาไว้แน่น นิโคลัสบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“ผมต้องมาซีลาริมาร์ เมียของพีทเพื่อนผมคลอดลูกทั้งทีก็ต้องมาดูหลานเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่รักกันจริง”“ลิลดีใจที่สุดเลยนะคะ วันนี้เป็นวันดีมากจริง ๆ ที่มีคนสำคัญมาเยี่ยมลิลถึงสองคน...เอ...แต่ว่า...นิคคงรู้จักพี่เนเน่แล้วซีนะคะ ก็เธอเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ที่คุณจัดเมื่อวันก่อนไงคะ”หญิงสาวแนะนำและเมื่อเป็นเช่นนั้นภิณไลย์ญาก็จำต้องหันกลับมาประจันหน้ากับนิโคลัสที่เหลือบสายตามายังเธอ เขาแค่ยกมุมปากขึ้น ไม่เชิงว่าจะยิ้ม สำหรับพริตตี้สาวแล้วมันเหมือนว่าเขากำลังเหยียดหยามเธออย่างทุกครั้งที่พบกัน และถึงจะอึดอัดสักแค่ไหนเธอก็ต้องยิ้มให้ทั้งที่อยากจะเดินหนี“สวัสดีค่ะ คุณนิโคลัส”ภิณไลย์ญาเอ่ยขึ้นอย่างเสียมิได้ เธอก็แค่อยากให้สถานการณ์ตอนนี้ผ่านพ้นไปและรู้สึกว่าอยากให้เวลาอยู่ที่นี่สั้นลงกว่าตอนก่อนตั้งใจจะมา ทำไมต้องมาเจอเขาที่นี่ ผู้ชายคนนี้ที่ไม่เคยญาติดีกับเธอเลยสักหน หญิงสาวได้ยินเสียงของเขาดังในลำคอ“อ้อ...รู้จักสิลาริมาร์ ใครบ้างที่จะไม่รู้จักพริตตี้สาว
“ค่ะ...เอ้อ...พี่เนเน่ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ”พริตตี้สาวยิ้มกับลลิลทั้งที่ใบหน้าเริ่มเผือดสีจนเป็นที่สังเกตของร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนมองอยู่ไม่ห่าง ก่อนกลับหญิงสาวไม่ลืมที่จะเข้าไปชื่นชมความน่ารักของทารกหญิงตัวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านล็อคก่อนเดินกลับออกไปโดยไม่สนใจจะกล่าวลาใครอื่นนอกจากเจ้าของบ้าน ลลิลเดินกลับมาที่นิโคลัสอีกครั้งเขาจึงถามขึ้น“มีอะไรหรือลาริมาร์ ท่าทางเพื่อนคุณรีบร้อนมากทีเดียว”“เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นค่ะ พี่เนเน่ต้องรีบไปโรงพยาบาลตอนนี้ค่ะเพราะน้องชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กะโหลกร้าวต้องผ่าตัดด่วน”ปื้นคิ้วหนาเลิกขึ้น เหนือดวงตาสีทองแดงจัดฉายประกายคมกล้า นิโคลัสขบสันกรามบนหน้าคมคร้ามนูนเป็นสัน“น้องชายประสบอุบัติเหตุและต้องผ่าตัดด่วน...อย่างนั้นหรือ...อืม...น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ”บทที่ 2 indecent proposal เงินแลกชีวิตโรงพยาบาลนิวยอร์ค 00:30 น.เป็นเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวที่ภิณไลย์ญายังอยู่ที่โรงพยาบาลหลังออกจากบ้านของลลิล หญิงสาวไม่ได้รอหน้าห้องฉุกเฉินแต่เลือกที่จะมานั่งในสวนเล็ก ๆ ของโงพยาบาลเพียงลำพังซึ่งในเวลานั้นมีแต่ลมหนาวและความกระวนกระวายข้างในรุมเร้าความรู้สึกข
เธอพบกับคริสต์ ซาเวียร์ ลูกชายคนเล็กของมหาเศรษฐีบริษัทนำเข้ารถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ เขาแสดงออกว่าชอบเธอมากขนาดไหน และหญิงสาวก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอรักเขา ทว่าความสัมพันธ์นั้นกลับไม่ยั่งยืนเมื่อเรื่องราวระหว่างเธอกับคริสต์รู้ถึงหูนิโคลัส พี่ชายของเขา ผู้แสดงออกว่ารังเกียจผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเธอซึ่งเป็นแค่พริตตี้ที่ทำงานไม่ต่างจากดารา ขายหน้าตาแม้มีความสามารถแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจจะค้นหา สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเธอต้องเลิกกับคริสต์นิโคลัสให้คนของเขาติดตามและคุกคามบีบคั้นให้เธอเกิดความหวาดกลัวซึ่งภิณไลย์ญาก็รู้สึกว่าตัวเองและครอบครัวอาจต้องเดือดร้อนหากยังปล่อยให้เรื่องระหว่างเธอและคริสต์ดำเนินต่อไป เธอเลือกที่จะหันหลังให้คนรัก หลังจากเธอยินยอมตัดความสัมพันธ์กับคริสต์แล้วพริตตี้สาวจึงได้ข่าวการประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการระหว่างเขาและลูกสาวนักธุรกิจเลื่องชื่อชาวรัสเซีย เธอยอมรับทุกอย่างแต่โดยดีเพราะอย่างน้อยเขาก็จะได้พบคนที่ดีกว่าทว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น คริสต์ยังโทรมาหาและพยายามพบเธอด้วยการไปร่วมทุกงานโชว์ยานยนต์ที่ภิณไลย์ญารับงานเป็นพริตตี้ให้รถหรู จนถึงป่านนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่า
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย