“ค่ะ...เอ้อ...พี่เนเน่ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ”
พริตตี้สาวยิ้มกับลลิลทั้งที่ใบหน้าเริ่มเผือดสีจนเป็นที่สังเกตของร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนมองอยู่ไม่ห่าง ก่อนกลับหญิงสาวไม่ลืมที่จะเข้าไปชื่นชมความน่ารักของทารกหญิงตัวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านล็อคก่อนเดินกลับออกไปโดยไม่สนใจจะกล่าวลาใครอื่นนอกจากเจ้าของบ้าน ลลิลเดินกลับมาที่นิโคลัสอีกครั้งเขาจึงถามขึ้น
“มีอะไรหรือลาริมาร์ ท่าทางเพื่อนคุณรีบร้อนมากทีเดียว”
“เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นค่ะ พี่เนเน่ต้องรีบไปโรงพยาบาลตอนนี้ค่ะเพราะน้องชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กะโหลกร้าวต้องผ่าตัดด่วน”
ปื้นคิ้วหนาเลิกขึ้น เหนือดวงตาสีทองแดงจัดฉายประกายคมกล้า นิโคลัสขบสันกรามบนหน้าคมคร้ามนูนเป็นสัน
“น้องชายประสบอุบัติเหตุและต้องผ่าตัดด่วน...อย่างนั้นหรือ...อืม...น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ”
บทที่ 2 indecent proposal เงินแลกชีวิต
โรงพยาบาลนิวยอร์ค 00:30 น.
เป็นเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวที่ภิณไลย์ญายังอยู่ที่โรงพยาบาลหลังออกจากบ้านของลลิล หญิงสาวไม่ได้รอหน้าห้องฉุกเฉินแต่เลือกที่จะมานั่งในสวนเล็ก ๆ ของโงพยาบาลเพียงลำพังซึ่งในเวลานั้นมีแต่ลมหนาวและความกระวนกระวายข้างในรุมเร้าความรู้สึกของพริตตี้สาวที่แทบไม่มีสมาธิและกำลังใจทำอะไรเลยตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่า พิทย์ น้องชายคนเดียวของเธอซึ่งทำงานเป็นพนักงานส่งของบริษัทเล็ก ๆ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพลิกคว่ำ เขาไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยทำให้กระเด็นออกจากตัวรถและศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง ทางโรงพยาบาลแจ้งในเบื้องต้นว่าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพราะกะโหลกศีรษะร้าว
เธอต้องโทรไปยกเลิกงานทั้งหมดหลังออกจากบ้านของลลิลและมุ่งตรงมายังโรงพยาบาล ไม่กล้าโทรไปบอกมารดาซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวที่อพาร์ทเมนท์จนกระทั่งป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าน้องชายของเธอจะออกมาจากห้องฉุกเฉิน
ร่างบอบบางนั่งบนม้านั่งในสวนที่แวดล้อมด้วยต้นไม้ท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลท์เพียงเดียวดาย ในมือเรียวบางกุมโทรศัพท์ไว้แน่น เธอไม่อยากอยู่ที่นั่น หน้าห้องฉุกเฉินหรือ ER เพราะไม่สามารถทำใจได้เลยหากนายแพทย์กลับออกมาและรายงานถึงสภาวการณ์ที่เลวร้ายเกินหัวใจเธอจะรับ ภิณไลย์ญาสูดลมหายใจลึกเพื่อปัดเป่าความวิตกหากแต่น้ำตากลับหยดลงบนแก้มนวลซีดเซียว
ความเหนื่อยล้าทำให้หญิงสาวหลับตาลง เธอกำลังจะหลับจริง ๆ หากไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลุกสำนึกให้ตื่นจากภวังค์ฝันเสียก่อน และเมื่อเห็นหน้าจอเธอกลับนิ่งอึ้งไป ความง่วงงุนหายเป็นปลิดทิ้งหากก็รอฟังเสียงเรียกเข้าที่ดังอยู่นานก่อนตัดสินใจรับสาย
“ค่ะ...คริสต์”
“เนเน่...”
เสียงตามสายที่ดังมานั้นทำให้ความรู้สึกที่กำลังดิ่งลงต่ำของภิณไลย์ญาแช่มชื่นขึ้นเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะนั่นคือเสียงของ คริสต์ ซาเวียร์ ผู้ชายที่เธอเคยรักเขามากหากก็ต้องตัดใจออกห่างด้วยเหตุผลของความเหมาะสมและกลัวการถูกคุกคามจาก นิโคลัส ซาเวียร์ พี่ชายจอมอหังการของเขา เธอพยายามปรับอารมณ์ตัวเองก่อนตอบกลับไปว่า
“นี่คุณยังไม่นอนอีกเหรอคะคริสต์”
“ยังหรอก แล้วคุณล่ะเนเน่ ยังไม่นอนอีกเหรอ คุณทำอะไรอยู่”
“ฉัน...นอนไม่หลับค่ะ ยังไม่ถึงเวลานอน”
หญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะบอกความจริงว่าเธออยู่โรงพยาบาลเพราะเกรงว่าหากบอกไปคริสต์อาจจะยิ่งเป็นกังวลเรื่องของเธอขึ้นมาอีกก็ได้ หญิงสาวแค่ตอบกลับไปว่า
“แล้วคุณล่ะคะ โทรมาหาฉันดึกอย่างนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่า...เอ้อ...ผมแค่...คิดถึงคุณ”
“คุณจะพูดอะไรอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้วนะคะ คริสต์ ในเมื่อคุณก็รู้ดีว่าตอนนี้สถานะระหว่างฉันกับคุณเป็นยังไง ที่สำคัญคุณก็มีคู่หมั้นแล้วนะคะ”
“ผมแค่อยากได้ยินเสียงของคุณ ผมคิดถึงคุณนะเนเน่”
เสียงปลายสายนั้นเว้าวอนและทำให้ภิณไลย์ญาแทบจะอ่อนแรงลงด้วยความเจ็บปวด เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่ต้องปรับน้ำเสียงให้เหมือนเป็นปกติ
“คุณคิดถึงฉันได้ค่ะคริสต์...แต่...คุณจะทำอย่างแต่ก่อนไม่ได้อีกแล้ว ถ้าคู่หมั้นของคุณรู้เรื่องนี้เธอคงเสียใจ”
“ผมแค่อยากบอกเท่านั้นว่าผม...ยังลืมคุณไม่ได้ เนเน่...ถ้าผมได้พบคุณอีกครั้ง...”
“เราก็จะเป็นเพียงเพื่อนที่ทักทายกัน เป็นคนที่รู้จักกันกันและยิ้มให้กัน...แค่นั้นค่ะ”
“เนเน่...เนเน่...”
เสียงเรียกนั้นไม่อาจฉุดรั้งให้หญิงสาวยังคงฟังเสียงเขาได้ ภิณไลย์ญาวางโทรศัพท์ลงและกดสายทิ้งทั้งที่หัวใจของเธอเหนื่อยล้ามากจนมันแทบจะแหลกละลาย ทำไมเธอจะไม่รักเขา ไม่อยากเจอเขา ในเมื่อคริสต์คือรักครั้งแรกของเธอ เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นหากแต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างกีดกั้นเธอออกห่างจากคนรัก
เธอพบกับคริสต์ ซาเวียร์ ลูกชายคนเล็กของมหาเศรษฐีบริษัทนำเข้ารถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ เขาแสดงออกว่าชอบเธอมากขนาดไหน และหญิงสาวก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอรักเขา ทว่าความสัมพันธ์นั้นกลับไม่ยั่งยืนเมื่อเรื่องราวระหว่างเธอกับคริสต์รู้ถึงหูนิโคลัส พี่ชายของเขา ผู้แสดงออกว่ารังเกียจผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเธอซึ่งเป็นแค่พริตตี้ที่ทำงานไม่ต่างจากดารา ขายหน้าตาแม้มีความสามารถแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจจะค้นหา สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเธอต้องเลิกกับคริสต์นิโคลัสให้คนของเขาติดตามและคุกคามบีบคั้นให้เธอเกิดความหวาดกลัวซึ่งภิณไลย์ญาก็รู้สึกว่าตัวเองและครอบครัวอาจต้องเดือดร้อนหากยังปล่อยให้เรื่องระหว่างเธอและคริสต์ดำเนินต่อไป เธอเลือกที่จะหันหลังให้คนรัก หลังจากเธอยินยอมตัดความสัมพันธ์กับคริสต์แล้วพริตตี้สาวจึงได้ข่าวการประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการระหว่างเขาและลูกสาวนักธุรกิจเลื่องชื่อชาวรัสเซีย เธอยอมรับทุกอย่างแต่โดยดีเพราะอย่างน้อยเขาก็จะได้พบคนที่ดีกว่าทว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น คริสต์ยังโทรมาหาและพยายามพบเธอด้วยการไปร่วมทุกงานโชว์ยานยนต์ที่ภิณไลย์ญารับงานเป็นพริตตี้ให้รถหรู จนถึงป่านนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่า
หญิงสาวร้องออกมาเมื่อไหล่ของเธอถูกลำแขนแกร่งโอบและกดต้นแขนเอาไว้ด้วยมือหนา เขาเบียดตัวเข้าหาพร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงมา“ตอนนี้คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นถ้าเราไม่ได้ทำความตกลงกันเสียก่อน”“ทำความตกลง...นี่คุณพูดเรื่องอะไร ไม่มีอะไรที่ฉันต้องตกลงกับคุณ...ปล่อยฉันนะ!”ภิณไลย์ญาพยายามสะบัดไหล่ออกจากมือหนาหนักแต่ยิ่งขืนตัวนิโคลัสก็ยิ่งกดเธอไว้จนแนบชิดตัวเขา ร่างเล็กอิงแอบกับอกกว้างของร่างสูงโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวนิ่วหน้าขณะเหลือบมองว่ารอบ ๆ นั้นจะมีใครสักคนหรือไม่หากก็ไม่เห็นเงาของใครเลย ชายหนุ่มคำรามลึกในลำคอก่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน“คุณควรจะทำตัวให้น่ารักหน่อย มิสภิณไลย์ญา อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณกำลังประสบปัญหาอะไรอยู่”“ฉันกำลังถูกคุกคาม! นี่ยังไงล่ะคือปัญหาของฉัน”“เปล่าเลยยาหยี ที่ผมมานี่เพราะอยากช่วยเหลือคุณต่างหาก”“ว่ายังไงนะ”หญิงสาวหยุดขัดขืนเพราะคำพูดของเขาทำให้เธอย่นคิ้วด้วยความฉงน หากแต่นิโคลัสกลับแสยะยิ้ม เขาหรี่นัยน์ตาสีทองแดงเข้มมองเธอ ผู้หญิงใบหน้าหวานจัดที่น้องชายของเขาหลงใหล ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ราวกับว่าความรู้สึกของเขาวูบไหวไปชั่วขณะ เพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้นที่เขารีบดึงความแน่วแน่ของ
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”เสียงจากเบาะด้านหลังทำให้คนขับรถแท็กซี่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วรถและจอดลงที่หน้าประตูรั้วอัลลอยด์ขนาดใหญ่ก่อนร่างบอบบางในชุดเสื้อเทรนช์โค้ทสีน้ำตาลพาสเทลจะเปิดประตูและก้าวลงไป“จะให้ผมกดแตรเรียกคนในบ้านหรือเปล่าครับคุณผู้หญิง?”คนขับซึ่งเป็นชายวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อลดกระจกลงและรับค่าโดยสารจากหญิงสาวที่สะพายกระเป๋าและหิ้วถุงของขวัญขนาดใหญ่ ภิณไลย์ญามองลอดรั้วเข้าไปยังทางเดินทอดตัวยาวไปยังบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์สร้างจากหินอ่อนสะท้อนประกายระยับใต้แสงแดดส่องและหันไปตอบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวดิฉันกดกริ่งเรียกเองค่ะ”เมื่อเธอบอกเช่นนั้นคนขับจึงปิดกระจกและขับรถออกไปทิ้งไว้แต่ร่างแน่งน้อยที่ระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ขณะเดินไปกดกริ่งประตูของบ้านซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านคนรวยอย่างเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ สักครู่จึงมีชายร่างใหญ่ในชุดสูทเดินมาเปิดประตู“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าต้องการมาพบใครหรือครับ?”“ดิฉันมาเยี่ยมน้องสาวน่ะค่ะ...เอ้อ...ลลิล...”“คุณลาริมาร์นะหรือครับ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ก่อนหรือเปล่าครับ”“เปล่าค่ะ”“ขอทราบชื่อของคุณหน่อยครับ”“ภิณไลย์ญาค่ะ”“สักครู่นะครับ”ชายคนนั้นหยิบ
“นิค...ฉันดีใจมากเลยนะคะที่คุณมาวันนี้”ลลิลเอ่ยขึ้นขณะมือเรียวบางอยู่ในมือหนาหนักที่กอบกุมเอาไว้แน่น นิโคลัสบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“ผมต้องมาซีลาริมาร์ เมียของพีทเพื่อนผมคลอดลูกทั้งทีก็ต้องมาดูหลานเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่รักกันจริง”“ลิลดีใจที่สุดเลยนะคะ วันนี้เป็นวันดีมากจริง ๆ ที่มีคนสำคัญมาเยี่ยมลิลถึงสองคน...เอ...แต่ว่า...นิคคงรู้จักพี่เนเน่แล้วซีนะคะ ก็เธอเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ที่คุณจัดเมื่อวันก่อนไงคะ”หญิงสาวแนะนำและเมื่อเป็นเช่นนั้นภิณไลย์ญาก็จำต้องหันกลับมาประจันหน้ากับนิโคลัสที่เหลือบสายตามายังเธอ เขาแค่ยกมุมปากขึ้น ไม่เชิงว่าจะยิ้ม สำหรับพริตตี้สาวแล้วมันเหมือนว่าเขากำลังเหยียดหยามเธออย่างทุกครั้งที่พบกัน และถึงจะอึดอัดสักแค่ไหนเธอก็ต้องยิ้มให้ทั้งที่อยากจะเดินหนี“สวัสดีค่ะ คุณนิโคลัส”ภิณไลย์ญาเอ่ยขึ้นอย่างเสียมิได้ เธอก็แค่อยากให้สถานการณ์ตอนนี้ผ่านพ้นไปและรู้สึกว่าอยากให้เวลาอยู่ที่นี่สั้นลงกว่าตอนก่อนตั้งใจจะมา ทำไมต้องมาเจอเขาที่นี่ ผู้ชายคนนี้ที่ไม่เคยญาติดีกับเธอเลยสักหน หญิงสาวได้ยินเสียงของเขาดังในลำคอ“อ้อ...รู้จักสิลาริมาร์ ใครบ้างที่จะไม่รู้จักพริตตี้สาว