“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครเป็นลูกไก่ในกำมือของคุณ”
“ก็คุณไง ...ชีวิตของคุณเป็นของผม”
“ฉันยังไม่ได้ตกลงตอบรับข้อเสนอบ้าบอของคุณด้วยซ้ำ และการที่คุณซื้อฉันจากเอเยนซี่ก็เป็นเรื่องที่ผิดอย่างมากเพราะบริษัทไม่มีสิทธิ์ซื้อขายฉันให้ใครโดยที่ฉันไม่ให้ความยินยอม คุณไม่มีสิทธิ์จะมาบีบบังคับฉันได้หรอกนะนิโคลัส”
“คุณอาจไม่จำเป็นต้องตอบรับข้อเสนอของผมเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร และที่คุณบอกว่าเอเยนซี่ทำผิดก็ขอเชิญฟ้องร้องได้เลย แต่คุณจะมีสิทธิ์ฟ้องผมได้ก็ต่อเมื่อคุณชดใช้หนี้สามล้านเหรียญที่ผมจ่ายมันแลกกับการยื้อชีวิตน้องชายของคุณ!”
“วะ...ว่ายังไงนะคะ...สามล้าน...”
เสียงแหบเบาลอดออกจากลำคอแห้งผากยิ่งกว่าทะเลทรายสะฮาร่า ภิณไลย์ญานิ่งอึ้งและอ่อนยวบลงแทบจะในทันที มือเรียวบางที่กำหมัดแน่นคลายลง นัยน์ตางามแห้งแล้งเต็มไปด้วยความสงสัยไม่อยากเชื่อ นิโคลัสกระตุกรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะโน้มใบหน้าจนปลายจมูกโด่งแนบชิดแก้มนวลซีดหมอง
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก มิสภิณไลย์ญา...ผมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัดใหญ่ให้น้องชายคุณซึ่งมันต้องใช้แพทย์เฉพาะทางและผมยินดีจ่ายมันทั้งหมดเพื่อให้เขารอดพ้นจากความตาย...หึ...จะไม่มีน้ำใจขอบคุณผมสักหน่อยหรือที่ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณ”
“คุณไม่ได้ทำเพื่อฉัน คุณทำทุกอย่างเพื่อตัวคุณเองต่างหาก”
“แต่ตอนนี้น้องชายของคุณอาการปลอดภัย เขาพ้นโคม่าร์เหลือแต่รักษาอาการข้างเคียงและ...อาจต้องรักษาตัวต่อไปในโรงพยาบาลอีกนับเดือน คิดว่าค่าใช้จ่ายจะหนักกว่านี้หลายเท่าซึ่งคุณคงไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นจ่ายค่าหมอ”
“นิโคลัส...คุณกำลังยัดเยียดหนี้ให้ฉัน”
“แล้วมันคุ้มกันหรือเปล่าล่ะ!” ชายหนุ่มเค้นเสียงออกมา ปลายจมูกโด่งยาวฝังลงบนแก้มของภิณไลย์ญาที่อาบด้วยน้ำตาไหลริน “คุณหาเงินมากมายขนาดนั้นไม่ไหว หรือถ้าทำได้ก็คงมีทางเดียวเท่านั้นคือขายตัว”
“อย่ามาดูถูกฉัน...ฉันเกลียดคุณ นิโคลัส ซาเวียร์!”
“เกลียดผมให้มาก!” ร่างสูงใหญ่ตวัดแขนกอดร่างบอบบางไว้เมื่อเธอเริ่มดิ้นอีกครั้ง “คุณเตือนตัวเองไว้นั่นแหละดี เตือนว่าให้เกลียดผมในทุกวินาทีที่คุณหายใจ แต่คุณ...ไม่มีวันหนีเจ้าหนี้อย่างผมพ้นหรอก!”
บทที่ 4 End of the road สุดทางของความหวัง
“อื๊อ!”
ภิณไลย์ญาส่งเสียงไม่พ้นลำคอเมื่อกลีบปากอิ่มถูกจู่โจมด้วยปากหยักได้รูปที่บดขยี้อย่างไร้ปราณีอีกครั้ง นิโคลัสจ้วงปลายลิ้นเข้าไปในปากเล็ก ยิ่งถูกคุกคามเธอก็ยิ่งเกิดแรงฮึดสู้ทว่ามันก็แค่หัวใจเท่านั้นที่ไม่ยอมแพ้แต่เรี่ยวแรงของเธอไม่สามารถต้านทานความหยาบเถื่อนของมหาเศรษฐีหนุ่มได้เลย หญิงสาวสะอื้นในลำคอขณะปากร้อนของเขาบดบี้รุนแรง
นิโคลัสยิ่งกว่ามัจจุราชจากนรกขุมที่ลึกที่สุด ลิ้นหนาฉกลึก จุ่มจ้วงราวกับซาตานกำลังสูบวิญญาณของเธอลงสู่หุบมืด หัวใจดวงน้อยสั่นไหว ยิ่งนับวันเขายิ่งตอกย้ำความเกลียดชังยิ่งกว่าตอกหมุดเหล็กลงใจกลางความเจ็บปวดจนเธอแทบทนไม่ไหว
“นิค!”
ร่างแน่งน้อยส่งเสียงออกมาเมื่อปากเป็นอิสระ เขาผละจากร่างเล็กแต่ใบหน้าคร้ามคมกลับเข้มเครียดยิ่งกว่าเดิม
“ใส่ชุดนั้นแล้วออกไปทำหน้าที่ของคุณ”
“ไม่! อย่ามาสั่งฉันเพราะฉันจะไม่ทำตามความต้องการของคุณ”
“จะเปลี่ยนเองหรือจะให้ผมเปลี่ยนให้”
“อยากจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะกลับบ้าน... โอ๊ย!”
ภิณไลย์ญาร้องลั่นเมื่อถูกร่างสูงกระชากไหล่เข้าหาตัวพร้อมกันนั้นเขาก็ดึงชุดบนราวแขวนมาไว้ในมือ
“นิโคลัส...อย่านะ...ไม่!”
หญิงสาวร่ำร้องแต่ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจ จอมซาตานขบกรามแน่นขณะลากร่างเล็กไปที่หน้ากระจกขนาดใหญ่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางและเมคอัพเรียงราย ภิณไลย์ญาขืนตัวสุดกำลังและยิ่งขัดขืนก็เหมือนยิ่งจุดไฟโทสะให้จอมมารร้าย เขาดันเธอจากข้างหลังเข้าไปชนโต๊ะเครื่องแป้งรุนแรงขนาดที่แจกันบนนั้นหล่นลงแตกกระจาย
“ปล่อย!...ปล่อยฉัน...คนบ้า คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันอย่างนี้!”
ควาก!!
ภิณไลย์ญาถึงกับผงะดวงตาเบิกกว้างเมื่อเสื้อเชิ้ตแขนสั้นถูกมือหนาหนักกระชากมันจนสาบเสื้อฉีกขาดออกจากกันขณะร่างนั้นหันเข้าหากระจก ภาพเงานั้นสะท้อนคนตัวใหญ่ที่เบียดเข้าหาทางด้านหลัง นัยน์ตาสีทองแดงเข้มจัดข้นคลั่กก่อนที่เขาจะฉีกเสื้อของเธออีกครั้งจนมันหลุดออกจากร่างสวย หญิงสาวตัวแข็งราวถูกสาปเมื่อเรือนร่างท่อนบนที่เหลือเพียงบราเซียลูกไม้อวดเนินอกอิ่มท้าทายสายตาแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้ยินนิโคลัสขบกรามเสียงดัง“จำไว้เนเน่...อย่าอวดดีกับผม ยิ่งอวดดีมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งเจ็บ และยิ่งคุณท้าทายผมมากเท่าไหร่ก็จะต้องได้รับบทเรียนหนักกว่านี้อีกหลายเท่า!”เขาปล่อยเธอเป็นอิสระและถอยห่างไปหนึ่งก้าว นัยน์ตาเข้มจ้องเขม็งไปยังเรือนร่างบอบบางท่อนบนเกือบเปลือยผ่านกระจก ภิณไลย์ญากำหมัดแน่นและกัดปากจนห้อเลือด ไม่นึกว่าเขาจะใช้วิธีการกดขี่ข่มเหงได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้ นิโคลัสไม่ใส่ใจ สำหรับเขาแล้วมันก็แค่เศษเงินที่เขาซื้อชีวิตน้องชายของเธอเพื่อแลกกับการได้น้องชายตัวเองกลับไปเท่านั้น แล้วเธอเล่า...ก็เป็นเพียงสินค้าที่ถูกซื้อขายในเกมการเดิมพันชีวิตที่น่าอับอาย ถ้าทำได้เขาคงติดป้ายราคาบนตัวของเธอไปแล้ว ภิณไล
สิ้นคำร่างบางก็ก้าวผ่านเขาไป ภิณไลย์ญาเปิดประตูด้วยมือสั่นเทา ความเจ็บปวดและอัดอั้นแทบระเบิดทำให้เธออยากวิ่งไปที่ไหนสักแห่งแล้วอาเจียนความกดกลั้นออกมาให้หมด หากไม่ทันที่ความสับสนถูกขจัดออกจากความคิดเธอก็ต้องผงะนิ่งอีกครั้งเมื่อเดินออกจากห้องแต่งตัวเพียงไม่กี่ก้าวก็พบใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่โถงทางเดิน“คริสต์!” ภิณไลย์ญาชะงักงัน หัวใจของเธอที่ปลิวหายไปในอากาศกับความหยาบร้ายของนิโคลัสราวคืนกลับมาใหม่พร้อมการปรากฎตัวของ คริสต์ ซาเวียร์ น้องชายคนเดียวของเขา ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ทายาทมหาเศรษฐีลำดับที่สองของตระกูลซาเวียร์ หนึ่งในตระกูลชื่อดังของแวดวงธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และอิมพอร์ต เอ็กพอร์ตรถหรูของยุโรปก้าวเข้ามาหาร่างแน่งน้อยที่ยืนนิ่งราวถูกสาปเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว ภาพบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มสะท้อนในดวงตากลมโตงดงามรื้นด้วยน้ำ ภิณไลย์ญามองฝ่าม่านพร่าพราย เธอยังคงมองเห็นคริสต์คนเดิม เขายังคงสง่างาม เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลาใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตราวหล่อจากเบ้าเดียวกับนิโคลัสหากก็ไม่เหี้ยมเกรียมและดุดันเท่า นัยน์ตาสีแอมเบอร์นุ่มนวลจ้องมองมายังร่างเล
“คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องของผมอีกแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ผมยังคิดถึงแต่เรื่องของคุณ...เนเน่”“ไม่มีอะไรหรอกนะคะ พิทย์พ้นขีดอันตรายแล้วและเขาก็ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”“ผมรู้เรื่องนี้จากบี เจ้าของเอเยนซี่ของคุณ เธอบอกว่าคุณต้องทำงานหนักเพื่อหาค่ารักษาพิทย์ ทำไมไม่บอกผมว่าคุณกำลังเดือดร้อนในเมื่อผมยินดีที่จะช่วยคุณทุกอย่าง”“ไม่ค่ะ” ภิณไลย์ญาส่ายหน้าและไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาได้อีก “ฉันคงไม่รบกวนคุณ เราไม่ได้เป็นเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้วนะคะ ที่สำคัญฉันยังทำงานได้ ฉันพึ่งตัวเองได้ค่ะ”“บีบอกผมว่าค่ารักษาน้องชายคุณสูงมาก ให้คุณรับงานมากกว่านี้ก็คงไม่พอค่าใช้จ่าย เนเน่...หรือว่า...คุณมีใครให้ความช่วยเหลือแล้ว...อย่างนั้นหรือ”“ค่ะ”หญิงสาวตอบกลับแบบไม่ต้องหยุดคิดและทำให้คริสต์ชะงัก น้ำตาของเธอยังไหลอาบแก้ม ภิณไลย์ญายิ้มขื่นกับการตัดสินใจสุดท้ายเมื่อมันสุดทางแห่งความหวังของเธอแล้ว เธอตอบเขาอย่างชัดถ้อย“มีคนให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพิทย์... ใช่ค่ะ...ค่าผ่าตัดสูงตั้งสามล้านเหรียญและฉันก็ไม่มีปัญญาจะหามาได้ทัน เขายื่นข้อเสนอที่จะ...เลี้ยงดูฉัน”“เนเน่...”“และฉัน...ก็ตอบตกลงเขาไปแล้ว”“เป็นอย่างที่ผมคิ
“นิโคลัส...นี่คุณจะทำอะไร”“ตอนแรกผมคิดว่าจบงานจะเริ่มสัญญาที่ให้คุณชดใช้หนี้ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องกลับไปที่งาน... คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้!”“นิโคลัส...อย่านะคะ!”ภิณไลย์ญาพยายามยื้อสุดเรงด้วยการดึงแขนเสื้อของเขาไว้แน่นและขืนตัวเองไม่ยอมให้เขาลากตัวออกไปจากลิฟท์เมื่อประตูเปิดออกที่ชั้นใต้ดิน แต่ก็ดูเหมือนความพยายามนั้นจะไร้ผลเพราะมือหนาหนักราวคีมเหล็กของนิโคลัสมีพลังมากเกินกว่าหญิงสาวจะต้านไหว เขาดึงข้อมือบางจนร่างเล็กเซตามออกไป ชายหนุ่มแสดงความหยาบร้ายเหมือนกำลังฉุดกระชากผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่มีทางสู้ และเมื่อออกไปด้านนอกร่างสูงก็เหนี่ยวภิณไลย์ญาไว้ในอ้อมแขน ตรึงเธอไว้ด้วยกำลังที่มีมากกว่าแม้ว่าร่างอรชรจะพยายามขัดขืนแต่เธอก็ได้เพียงเข่นเขี้ยวใส่ “นิค...ไม่!...คนบ้า...ปล่อยฉันนะ!”“หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้เลยเนเน่”“คุณสั่งฉันไม่ได้”“เป็นลูกหนี้อย่าบังอาจมาขัดคำสั่งผม!”เสียงคำรามลั่นพร้อมกับที่เขาดันตัวเธอจนหลังชนผนังตึก นิโคลัสดันตัวเข้าหาและภิณไลย์ญามองข้ามไหล่กว้างเห็นชายร่างใหญ่สองคนยืนอยู่ที่รถสปอร์ตสีดำเป็นมันเงาห่างจากที่นั้นไม่ไกล เธอหอบหายใจขณะมือทั้งสองถูกตรึงไว้ด้วยมือ
“คุณเห็นพวกเราเมื่อกี๊”ภิณไลย์ญาเหลียวมองคนข้าง ๆ ขณะกัดฟันแน่น เสี้ยวหน้าคมคายของเขามีรอยยิ้มที่หญิงสาวรู้สึกชังมันอย่างที่สุด มันเป็นรออยยิ้มแห่งชัยชนะและทับถม“ใช่...ผมเห็นทุกอย่าง เห็นละครฉากใหญ่ที่นางเอกถูกคนรักของเธอเขี่ยทิ้งเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ซึ่งเหมาะสมและคู่ควรกัน...เอ...ผมควรจะเรียกผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นว่าเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้มันจะเหมาะสมดีหรือเปล่า”“และละครฉากนี้ก็มีคุณ คนไร้ความรักและหัวใจเป็นคนจัดฉาก...อย่างนั้นสินะคะ!”“ใช่!” นิโคลัสหันขวับมายังหญิงสาวนัยน์ตาเข้มคลั่ก “ผมชอบละครโศกนาฎกรรม ยิ่งนางเอกถูกทารุณและพบกับความต้องผิดหวังถึงขนาดเจ็บช้ำจนตายผมก็ยิ่งชอบ!”“คุณมันโรคจิต วันหนึ่งคนเลือดเย็นอย่างคุณต้องพบกับความเสียใจเหมือนละครที่คุณจัดฉากให้คนอื่นต้องเจ็บเจียนตายนั่นล่ะ”“ผมจะรอวันนั้น แต่คิดว่ามันคงไม่มีวันมาถึง แต่ตอนนี้ผมว่าคุณโทรกลับไปที่บ้านจะดีกว่า...โทรกลับไปหาแม่ของคุณ บอกท่านว่าไม่ต้องรอ”“หมายความว่ายังไง...ไม่ต้องรอ”“เพราะคุณอาจจะไม่ได้กลับไปหาท่านอีกนาน”“นิโคลัส...พูดให้ชัดสิคะ คุณลากฉันออกมาจากงานออโต้โชว์แล้วคุณกำลังจะพาฉันไปไหน”เขา
และเมื่อถึงวันนั้นเขาอาจปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ...จะได้ต่างคนต่างไปเสียที ภิณไลย์ญาคิดวนไปวนมาอยู่เช่นนั้นท่ามกลางบรรยากาศการเดินทางที่ตึงเครียดตลอดเวลาและไม่รู้ว่าผลอยหลับตอนไหนหลังลงจากเครื่องบินส่วนตัวของเขาและเดินตามหลังนักธุรกิจหมื่นล้านต้อย ๆ เพื่อขึ้นรถเอสยูวีที่มาคอยรับ หญิงสาวหลับ ๆ ตื่นๆ และเห็นหน้าคนเย็นชาถมึงทึง เขาไม่หลับบ้างหรืออย่างไร กระทั่งเธอได้ยินเสียงห้าวหนักดังขึ้นว่า“ถึงแล้ว...ลงมาสิ เนเน่”ร่างบอบบางที่ขดตัวอยู่บนเบาะด้านหลังทั้งที่ยังอยู่ในชุดแสกดำสั้นลืมตาตื่น เธอร่างสูงใหญ่ของนิโคลัสยืนหน้าบึ้งที่ประตูรถซึ่งเปิดกว้าง สักครู่เขาจึงโยนอะไรบางอย่างให้หญิงสาว ภิณไลย์ญาสะดุ้งและหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเพราะมันเป็นเสื้อโค้ทตัวใหญ่สีเทาก่อนได้ยินเขาสั่งว่า“สวมมันซะแล้วตามผมมา”หญิงสาวไม่รอช้า เธอรีบทำตามที่เขาสั่งแล้วลงจากรถคันใหญ่และเดินตามเขาไปยังบ้านพักตากอากาศบนเนินเขาริมทะเลซึ่งเมื่อภิณไลย์ญาหันมองรอบ ๆ ก็ถึงกับตื่นตะลึง เพราะเธอไม่เคยมายังหมู่เกาะฮาวายและมันเป็นสถานที่ในฝันที่อยากให้มีงานติดต่อมาที่นี่แต่ก็ไม่เคยได้รับข่าวดีสักครั้งในชีวิต ขณะเดินพลางวิ่งตามหลัง
มันเป็นบ้านพักตากอากาศบนเนินเขาโอบล้อมด้วยธรรมชาติของขุนเขาห่มหญ้าสีเขียวตัดกับท้องฟ้าและทะเลสีครามพลิ้วด้วยระลอกคลื่นราวภาพวาดจากปลายฝีแปรงของจิตรกรเอก ภิณไลย์ญาทั้งตื่นเต้นและแปลกประหลาดใจในเวลาเดียวกัน แต่แม้สถานที่แห่งนี้จะวิจิตรราวภาพฝันแต่มันกำลังจะกลายเป็นที่ขุมขังหัวใจของเธอไปอีกนานเท่าใดไม่รู้ได้และเมื่อเข้าไปในบ้านเธอเห็นหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านยืนรออยู่แล้วภายในห้องรับแขกที่เต็มไปด้วยของเล่นเด็กทั้งตุ๊กตาและตัวต่อที่วางเกลื่อนบนพื้น เธอคนนั้นยิ้มให้ทั้งชายหนุ่มกับเด็กน้อยไม่เว้นแม้แต่ภิณไลย์ญาที่ยังรู้สึกแปลกตาและแปลกเปลี่ยนต่อสถานที่ซึ่งเธอไม่คุ้นเคยนิโคลัสหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาขณะโซอี้ยังอยู่บนตักของเขาและมองมายังหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยสายตาที่ดูเหมือนไม่ค่อยไว้วางใจ หนูน้อยยิ้มให้บางครั้งแต่เป็นยิ้มที่พริตตี้สาวอดนึกขำในใจไม่ได้เพราะเด็กหญิงยิ้ม ๆ หุบๆ ขณะมองเธอตลอดเวลา โซอี้ตัวเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่บนตักร่างหนาใหญ่ของคุณพ่อที่ใบหน้าหล่อเหลายังถมึงทึงเฉพาะเวลามองมาที่ภิณไลย์ญา และอีกครั้งที่เธอได้ยินเสียงของพ่อลูกคุยกัน“โอว...โซอี้...นี่ลูกไม่ได้ตัดเล็บเลยใช่ไหม เมื่อกี๊แด
“เวลาของฉันกับเขาหมดไปแล้ว” หญิงสาวเสียงเครือ “มันหมดไปตั้งแต่ที่ฉันสำนึกได้ว่าฉันกับเขาไม่คู่ควรกันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรทั้งนั้น”“คิดว่าผมจะเชื่อคุณหรือไง ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณพยายามติดต่อเขาและพยายามทำให้น้องชายของผมกลับไปหาคุณ”“อย่ามาปรักปรำกันนะคะ คริสต์เป็นคนดี เขาแค่อยากรู้เท่านั้นว่าฉันเป็นยังไง”“อ้อ...อยากให้เขารู้ใช่ไหมว่าคุณมันน่าสงสารและอ่อนแอมากแค่ไหนเวลาถูกผู้ชายทิ้ง มารยาหญิงมันก็มีเท่านี้ มีแค่อยากให้คนอื่นเห็นใจ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคริสต์ แต่เป็นผู้ชายคนไหนก็ได้ที่คุณพร้อมจะบากหน้าเข้าไปให้พวกมันปลอบด้วยเงิน!”“นิค! คุณพูดเกินไปแล้วนะ...อ๊ะ!”ภิณไลย์ญาร้องเสียงหลงเมื่อผลักร่างสูงออกห่างและเงื้อมือขึ้นหวังจะตวัดลงบนหน้าของนิโคลัสแต่ไม่ทันมือหนาของเขาที่คว้ามันไว้แน่นก่อนผลักร่างน้อยให้หลังชนผนังอีกครั้งและดันตัวเข้าหา คราวนี้เขาจับคางเรียวไว้และบีบเต็มแรง หญิงสาวเจ็บจนน้ำตาซึมและทำได้แค่ส่งเสียงเจ็บปวดในลำคอ ชายหนุ่มขบกรามเสียงดังและคำรามดุดันน่ากลัว“อย่าคิดท้าทายผมแบบนี้อีกเนเน่! ผมไม่ใช่คริสต์หรือไอ้ผู้ชายหน้าไหนที่คุณคิดว่าจะร้องขอความเห็นใจได้ ฟังผม...ฟังใ
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย