แชร์

บทที่ 3

เขามือสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง โยนของสิ่งนั้นลงบนพื้น

“ท่านแม่ทัพ...ข้าเองเจ้าค่ะ...”

ไป๋หว่านเหลียนร่วงลงบนพื้น ทั่วร่างเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจรวยริน ยื่นมือสั่นระริกออกมา

แสงคบเพลิงสาดส่อง เซียวป๋อฉิงถึงเพิ่งเห็นว่าเจ้าสิ่งของน่ากลัวนั้นคืออนุคนโปรดของเขา!

เขารีบอุ้มคนขึ้นมาด้วยความปวดใจ “เหลียนเอ๋อร์ เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นฝีมือผีร้ายใช่หรือไม่!”

“ท่านแม่ทัพ ข้าตายตาไม่หลับ...ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะเจ้าคะ”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น เซียวป๋อฉิงตวัดสายตามองไปก็เห็นผีชุดแดงตนหนึ่งลอยอยู่ใต้ต้นไม้

ทั้งยังยิ้มอยู่ ใต้ดวงตามีรอยเลือดไหลเป็นสาย

นอกจากเขากับนักพรตชรา คนที่เหลือล้วนกรีดร้องวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง

เซียวป๋อฉิงยืนนิ่งอยู่กับที่

ไป๋ซือหวงตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?

ยังไม่ครบเจ็ดวัน เหตุใดวิญญาณจึงกลับมาแล้ว?

เขาถามคาดคั้นนักพรตชรา “ท่านบอกว่าท่านวางอาคมไว้แล้วไม่ใช่รึ? ทำไมนางยังบุกเข้ามาได้อีก!”

นักพรตชราหน้าแดงวาบ “นี่... นี่...”

เขาควรแต่งเรื่องอย่างไรดีนะ?

ไป๋ซือหวงยิ้มเย็น คลายเชือกที่เอวให้หลวม เพราะรัดแน่นจนนางอึดอัด

“ข้าก็ไม่ได้อยากกลับมาเห็นชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเจ้านักหรอก แต่ข้าไม่ได้พลัดตกน้ำตายอย่างที่น้องสาวคนดีของข้าพูด แต่ถูกนางส่งคนมาตีจนตายแล้วโยนลงแม่น้ำไปต่างหากเล่า!”

“พญายมยังทนดูไม่ได้ ไม่กล้ารับข้าไว้ ให้ข้ามาปลิดชีวิตสุนัขของชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเจ้าแล้วค่อยไปเกิดใหม่”

“วันนี้คือวันตายของพวกเจ้า!”

นางเค้นเสียงออกมา น้ำเสียงแหลมดังก้องท้องฟ้าราตรี

ไป๋หว่านเหลียนร้อนรน จับแขนเซียวป๋อฉิงไว้แน่น “ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าไปฟังนางพูดเหลวไหลนะเจ้าคะ”

“คำพูดของผีสามารถเชื่อถือได้เสียที่ไหน?”

นักพรตชราประหนึ่งได้รับคำบอกใบ้จากไป๋ซือหวง รีบพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้ว ใช่แล้ว นางตายอย่างไม่เป็นธรรม ปรโลกไม่รับวิญญาณที่ตายอย่างไม่เป็นธรรม”

“งั้นจะต้องทำอย่างไร? จะปล่อยให้นางอาละวาดไปแบบนี้รึ?”

เซียวป๋อฉิงรู้สึกรังเกียจจนถึงที่สุด คนปัญญาอ่อนผู้นี้มีชีวิตอยู่ก็ทำให้คนรังเกียจ ตายไปแล้วยังตามมารังควานไม่เลิก

“ท่านแม่ทัพ ตอนนี้ได้แต่ต้องให้ท่านออกโรงแล้ว ท่านเป็นสามีของนาง ลองรำลึกถึงความสัมพันธ์ในอดีตกับนางดู พอนางใจอ่อน ไม่แน่ว่าอาจจากไปเองก็เป็นได้”

“ผีก็เป็นสตรี ล้วนแต่ต้องเอาใจเหมือนกัน”

นักพรตชราโน้มน้าวด้วยความหวังดี

เมื่อครู่เซียวป๋อฉิงยังไม่ทันตั้งตัวจึงไม่รู้สึกกลัว เมื่อมองดูไป๋ซือหวงที่กลายเป็นผีร้ายในตอนนี้กลับเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา ฝืนก้าวออกไปข้างหน้า

วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไล่นางไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นหากเรือนหลังไม่สงบก็ยุ่งยากแล้ว

“ท่านแม่ทัพ ที่ท่านนักพรตพูดมาก็มีเหตุผล ท่านปล่อยข้าลงแล้วไปลองดูเถอะเจ้าค่ะ”

ไป๋หว่านเหลียนเห็นว่าเข้าใกล้ไป๋ซือหวงแล้วก็อยากวิ่งหนีไปให้ไกลเกินแปดร้อยลี้ใจจะขาด

เซียวป๋อฉิงสัมผัสได้ว่านางตัวสั่นเทิ้มจึงถอนหายใจเบาๆ “ข้าไม่ดีเอง ลืมไปว่าเจ้าขี้กลัว”

เขาวางคนลงอย่างเบามือแล้วก้าวเท้ายาวๆ มาข้างหน้า

ไป๋หว่านเหลียนยังไม่ลืมแสร้งทำเป็นร้องห่มร้องไห้ “ท่านแม่ทัพ ท่านต้องระวังตัวให้ดีนะเจ้าคะ พี่สาวกลายเป็นผีไปแล้ว ร้ายกาจยิ่งนัก”

ไป๋ซือหวงเห็นชายชั่วเข้ามาใกล้ตัวเอง ดูเหมือนขาจะกำลังสั่นอยู่ด้วย นางกลอกตาใส่อย่างอดไม่ได้ คนขี้ขลาด

ภายใต้ม่านราตรี นางเห็นใบหน้าของชายชั่วอย่างชัดเจน

ใบหน้าแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว คิ้วกระบี่นัยน์ตาพราว เป็นบุรุษรูปงามคนหนึ่ง

น่าเสียดายที่เป็นพวกสารเลว

เซียวป๋อฉิงไม่อยากทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยจึงยอมแต่งงานกับเจ้าของร่างเดิม แต่กลับดูถูกดูแคลนเจ้าของร่างเดิม ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของนาง

เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมตั้งครรภ์คลอดบุตรคือหนามยอกอกของเขา

แต่เขาก็ไม่ใช้สมองตรองดูบ้างว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง จะทำเรื่องอย่างการเล่นชู้ได้อย่างไร จะต้องถูกคนบังคับขืนใจแน่นอน

จำได้ว่าสี่ปีก่อน ดูเหมือนดอกบัวขาวจงใจทิ้งเจ้าของร่างเดิมไว้กลางป่า นางจึงได้ไปมีสัมพันธ์กับใครบางคน

แต่ใบหน้าของชายผู้นั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ นางกลับจำได้ไม่ชัด

เซียวป๋อฉิงมองไป๋ซือหวงแล้วก้าวออกมาตักเตือนว่า “ไป๋ซือหวง ตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าเลี้ยงคนปัญญาอ่อนอย่างเจ้ามาสามปี ทั้งยังปล่อยให้เจ้าคลอดลูก กระทั่งว่าเจ้าตายแล้ว ข้ายังเชิญนักพรตมาทำพิธีให้ ถือว่าปฏิบัติต่อเจ้าไม่เลวแล้ว”

“เจ้ากลับประเสริฐนัก ไม่สำนึกบุญคุณก็แล้วไปเถอะ ตายไปแล้วยังมาหลอกหลอนคน ทั้งยังยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเหลียนเอ๋อร์ ใส่ร้ายว่านางฆ่าเจ้า เจ้าคู่ควรเป็นพี่สาวของนางงั้นหรือ?”

“ยอมรับความจริงเสียเถอะ เจ้ารีบกลับปรโลกไปเกิดใหม่ให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ถือสาเรื่องราวเก่าก่อน ยังจะเผาเงินกระดาษส่งไปให้เจ้าอีกด้วย”

“ไม่อย่างนั้น ข้าจะสั่งให้นักพรตใช้งานค่ายกลไล่ผี ส่งเจ้าลงนรกขุมที่สิบแปด ทำให้วิญญาณเจ้าแตกซ่าน ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด!”

“ต่อให้ได้ไปเกิดใหม่ แม้แต่คนปัญญาอ่อนเจ้าก็ยังไม่ได้เป็น ได้แต่ไปเกิดเป็นหมูเป็นหมาในภพภูมิเดรัจฉาน!”

เซียวป๋อฉิงตวาดเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด พยายามขู่ให้ไป๋ซือหวงตกใจกลัวจนหนีไป

รำลึกความรู้สึกอะไรกัน เขากับนางไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น มีแต่ความเคียดแค้น!

ไป๋ซือหวงมองดูใบหน้าเลือดเย็นไร้หัวใจของชายหนุ่มแล้วก็ถุยเลือดใส่เขาอย่างอดไม่อยู่ จิตสังหารปรากฏขึ้นในแววตา!

“ท่านแม่ทัพ ท่านช่างต่ำช้าโดยไร้ขีดจำกัดจริงๆ!”

“ประเสริฐ ต่อให้ข้าต้องวิญญาณแตกซ่านก็จะดึงท่านลงหลุมไปด้วยกัน!”

นางพลันปลดเชือกออกแล้วกระโดดลงบนพื้น

อาศัยจังหวะที่เซียวป๋อฉิงไม่ทันสังเกต นางกุมข้อมือหนาบึกบึนของเขา วาดเท้าพาร่างไปอยู่ใต้วงแขนของเขาในฉับพลันทันใด แล้วแบกร่างใหญ่โตนั้นขึ้นมาทุ่มลงบนพื้นอย่างแรง!

บังเกิดเสียงดังสนั่น

ภายในเวลาไม่กี่วินาที เซียวป๋อฉิงก็ถูกจับทุ่มลงบนพื้นด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล จนดินเข้าปากอย่างไม่ทันตั้งตัว ฟันหน้าแทบจะหลุดออกมาทั้งแผง

ไป๋หว่านเหลียนเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาหาอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”

ทันใดนั้น ความอัปยศและความเดือดดาลก็กระพือโทสะของเซียวป๋อฉิงจนแตะจุดสูงสุด เขาเอ่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “กว่าอี เจ้าเข้ามา ใช้ยันต์จัดการนางซะ!”

กว่าอีองครักษ์หนุ่มน้อยร่างบึกบึนล่ำสัน มือที่ถือยันต์อยู่สั่นเทิ้ม

ไป๋ซือหวงเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขาแล้วก็แค่นหัวเราะ “ถ้ายังเข้ามาอีก ข้าจะกินเจ้า!”

“อ้าก ช่วยด้วย แม่จ๋า”

กว่าอีพลันทรุดลงบนพื้น ซุกหน้าลงบนขา

ฮือๆ ๆ น่ากลัวเกินไปแล้ว

เซียวป๋อฉิงเตะเขาทีหนึ่ง เจ้าคนไร้ประโยชน์

ความเจ็บปวดทำให้เขาได้สติคืนมา เมื่อครู่มือของสตรีผู้นั้นเหมือนจะอุ่นๆ นะ?

เขามองไปทางนักพรตชรา หรี่ตาลงเล็กน้อย “ท่านนักพรต ข้าความรู้น้อย ท่านอย่าหลอกลวงข้า ผีทำร้ายคนได้ด้วยงั้นรึ?”

นักพรตชราตัวสั่นเทิ้ม “เอ่อ คือ คือว่า ย่อมได้อยู่แล้ว! ท่านแม่ทัพ ท่านรีบส่งนางไปเถอะ ยามนี้ไอพยาบาทของนางหนักหนาเกินไป ถ้ายังไม่ส่งไปอีกเกรงว่าอาจมารับพวกเราทุกคนไปด้วยก็ได้!”

ไป๋ซือหวงเกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว สิบแปดมงกุฎผู้นี้ช่างหลอกลวงคนเก่งจริงๆ

เซียวป๋อฉิงเห็นสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึงของนักพรตชราดูไม่เหมือนว่าจะแกล้งทำ ทันใดนั้นก็ปัดความสงสัยในใจทิ้งไป

เขาจ่ายเงินไปหลายพันตำลึง ผลาญค่าใช้จ่ายในจวนไปหลายเดือนเพื่อเชิญอีกฝ่ายมาเชียวนะ

ท่านนักพรตผู้นี้มีใบรับรองนักพรตที่ประทับตราสีแดง ไม่ใช่นักต้มตุ๋นอย่างแน่นอน

“เมื่อครู่นี้ข้าก็พูดรำลึกความรู้สึกไปแล้ว แต่นางยังไม่ไป หรือจะต้องคุกเข่าขอร้องนางอีกด้วย?”

“ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพและอนุเหลียนโขกศีรษะสามครั้งคำนับอีกเก้าที ทำเช่นนี้แหละ” นักพรตชราอดชื่นชมไม่ได้ ช่างช่วยออกความคิดให้เขาได้เก่งดีจริงๆ

ไป๋หว่านเหลียนมุ่นคิ้วทัดทาน “ท่านแม่ทัพ ท่านจะคุกเข่าให้พี่สาวได้อย่างไร? แบบนี้มันผิดธรรมเนียมไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

นางไม่ยอมคุกเข่าให้นางผีชั้นต่ำนี่หรอกนะ

“ท่านแม่ทัพ รีบคุกเข่าเถอะ ถ้าเลยเที่ยงคืนไปก็จัดการยากแล้วนะ” นักพรตชราเร่งเร้าด้วยสีหน้าลำบากใจ

ไป๋ซือหวงกลั้นหัวเราะเอ่ยแทรกขึ้นมา “ใช่แล้ว คุกเข่าแล้วข้าจะกลับไปเข้าเฝ้าพญายมทันที”

เซียวป๋อฉิงได้ยินอย่างนั้นก็ถามคาดคั้น “เจ้าพูดเองนะ อย่าโกหกข้า”

“วางใจเถอะ พูดจริงแท้แน่นอน”

ไป๋ซือหวงตบอกรับรอง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status