ดูเหมือนจะคาดเดาความคิดของเขาออกแล้ว ไป๋ซือหวงหยิบยาสลบออกมาอีกเข็ม แล้วแทงเข้าที่มือของเขามั่วเฉินซางมองดูของเหลวค่อย ๆ ไหลเข้าไป แต่กลับไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใด ๆ ในเส้นเลือดบางทีประสิทธิภาพอาจจะยังไม่เร็วขนาดนั้นก็ได้หลังจากฉีดเสร็จ ไป๋ซือหวงก็มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาและเย่อหยิ่งของมั่วเฉินซางในระยะใกล้ แทบนิ่งไว้ไม่อยู่นางรู้สึกค่อนข้างคันไม้คันมือ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปจับหัวที่มีขนฟูของเขาทั้งสองด้าน “นี่ถือเป็นค่ารักษาพยาบาล”มั่วเฉินซางตกตะลึงไปชั่วขณะ เหลือบมองไป๋ซือหวงด้วยสายตาแปลก ๆเขาไม่เคยชอบวิธีการเข้าหาและการสัมผัสของผู้หญิง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงมักจะมีความรู้สึกคุ้นเคยกับนางอย่างบอกไม่ถูกอยู่เสมอดังนั้นการกระทำนี้ เขาจึงไม่ต่อต้านอย่างน่าประหลาดใจด้วยความรู้สึกคุ้นเคยที่มหัศจรรย์ อาการเลือดลมพลุ่งพล่านในกายเขาได้หายไป รู้สึกได้ว่าความกระสับกระส่ายภายในร่างกายค่อย ๆ สงบลง คลื่นลูกใหญ่ผุดขึ้นภายในหัวใจของเขายาตัวนี้มีความสามารถในการยับยั้งการหมุนเวียนของเลือดได้จริง แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม แต่หากนำไปใช้กับร่างกายมนุษย์ที่กำลังจะก
เขาลืมตาทั้งสองที่งุนงง ภาพในดวงตาหยุดนิ่งอยู่ในขณะที่ไป๋ซือหวงสัมผัสมั่วเฉินซางด้วยรอยยิ้มบาง ๆและไม่มีฉากที่มั่วเฉินซางขัดขืน”ขออภัย ขออภัย!”เขารีบเอามือปิดหน้า แล้วหันกลับมา “ข้าไม่เห็น ข้าไม่เห็น”ไป๋ซือหวงรีบชักมือกลับด้วยความเขินอายดวงตาของมั่วเฉินซางก็มืดมนลงเช่นกันทันใดนั้น เสี่ยวหลางเหมือนตระหนักอะไรได้บางอย่าง พลางแตะใบหูกลม ๆ ของตัวเอง“อา ท่านแม่ นี่หูปีศาจจากหนังสือที่ท่านเขียนหรือ? ข้าจะวิวัฒนาการกลายเป็นปีศาจไหม”“ถูกต้อง นี่คือหูปีศาจของเจ้า แต่ใช้ได้เฉพาะวันที่สิบห้าของทุกเดือนเท่านั้น และไม่สามารถพูดคุยกับมนุษย์ธรรมดาคนใดได้ เข้าใจไหม?” ดวงตาอันลุ่มลึกของมั่วเฉินซางหนักแน่น“ท่านเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดข้าใช่หรือไม่?”จู่ ๆ เสี่ยวหลางก็ถามขึ้นมา เสียงเด็กน้อยเยาว์วัยมีแววสั่นเครือเขาเลอะเลือนไป เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ได้ยินเพียงคำว่ารับผิดชอบบวกกับดวงตาและใบหูที่เขากับมั่วเฉินซางมีความคล้ายคลึงกัน เขาครุ่นคิดสักครู่ก็จดจำลักษณะเฉพาะของพ่อแท้ ๆ ได้ทันที“ฮือ...”เสี่ยวหลางโผเข้าไปในอ้อมอกของมั่วเฉินซางในทันใด ร้องไห้โฮ หูเล็กกลมลู่ลงมา เผยให้เห็นความคับข้อ
ทางด้านนี้ ไป๋ซือหวงงีบหลับอีกครั้งบนเตียง กำลังวังชาถึงได้ฟื้นคืนนอกเรือน ซวงเอ๋อร์กลับมาในเวลาที่ไม่ทราบแน่ชัด กำลังทำความสะอาดภายในชานเรือนอยู่ แต่ขอบตานั้นแดงเรื่อ“ซวงเอ๋อร์”ซวงเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รีบวางไม้กวาดลง พลางเช็ดน้ำตาป้อย ๆ กลัวว่าคุณหนูจะมาเห็นสภาพอันย่ำแย่ของตัวเอง“คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งการหรือเจ้าคะ?”ไป๋ซือหวงเอนกายลงบนเก้าอี้อย่างเฉื่อยชา ชี้ไปที่ดวงตาที่ร้องไห้จนบวมเป่งของนาง แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”“บ่าว...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”ซวงเอ๋อร์นึกถึงน้องชายที่หมดทางรักษาแล้ว ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่กลับกลั้นน้ำตาไม่ให้เอ่อล้นออกมาไม่ได้“ไม่เป็นไรแล้วร้องไห้ทำไม?” ไป๋ซือหวงขมวดคิ้ว พลางเช็ดน้ำตาให้นาง “บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าพูดออกมา ข้าถึงช่วยเจ้าได้ใช่ไหม?”“เสี่ยวเติงน้องชายของบ่าวล้มป่วย เมื่อวานตอนที่บ่าวกลับไปเยี่ยมเขา เขาก็อาเจียนเป็นเลือดแล้ว”“เรียกหมอมาตรวจ ทุกคนก็บอกว่าหมดทางรักษาแล้ว...ให้บ่าวไปจัดเตรียมโลงศพ”ดวงตาของซวงเอ๋อร์ไร้ชีวิตชีวา ยิ่งพูดก็ยิ่งสิ้นหวังพ่อแม่ของนางเสียชีวิตแล้วทั้งคุ่ เหลือเพียงน้องชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น“น้องชายของเจ้า
“อนุเหลียน พระชายาฉีให้คนมาส่งจดหมายเจ้าค่ะ”“รีบเอามาเร็ว!”ไป๋หว่านเหลียนฝืนลุกขึ้น เซียงซิ่งเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคอง พลางยื่นจดหมายให้นางหลังจากอ่านจดหมายแล้ว ไป๋หว่านเหลียนก็เผยรอยยิ้มอันซีดเผือดออกมาในที่สุด “เยี่ยมเลย อาการป่วยของข้ามีทางรักษาแล้ว!”ในจดหมายจากมารดาบอกไว้ว่า เมื่อไม่กี่วันนี้ในตรอกหมายเลขสิบแปดบนถนนฉางอันมีหมอเทวดาท่านหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มีทักษะทางการแพทย์ค่อนข้างสูง รักษาโรคที่ยากและซับซ้อนได้สบายมากแต่เขามีนิสัยแปลกมาก จะรับรักษาเฉพาะวันที่สิบแปดและยี่สิบแปดของทุกเดือน โดยมีค่าตรวจรักษาสูงถึงหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงไป๋หว่านเหลียนรู้สึกใจเต้นตั้งแต่ถูกไป๋ซือหวงหญิงชั่วนั่นทุบตี และมีอาการปวดท้องอย่างไม่รู้สาเหตุ ตอนนี้นางทรมานจากอาการป่วยและความเจ็บปวดต่าง ๆ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หมอประจำจวนและหมอหลวงมาตรวจแล้วก็รักษาไม่ได้หากหมอเทวดาสามารถรักษานางให้หายได้ แล้วรักษาภาวะมีบุตรยากของนางที่เผชิญมานานได้ ขอเพียงสามารถให้กำเนิดบุตรชายแก่แม่ทัพ ตำแหน่งของนางในจวนแม่ทัพก็จะมั่นคงขึ้นแต่เมื่อนึกถึงค่ารักษาหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึง ไป๋หว่านเหลียนก็ค่อนข้างเป็น
วันที่สิบสองเดือนสิบสอง ลมหนาวเย็นยะเยือกในพงหญ้าแห่งหนึ่งข้างคูเมือง ใยแมงมุมหนาแน่น หนูวิ่งขวักไขว่ไป๋ซือหวงเลือดอาบหน้า บนร่างเต็มไปด้วยคราบเลือด นอนหายใจรวยรินอยู่ในพงหญ้าแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ชายถือกระบองสามคนก็ยังคงล้อมวงหวดตีโดยไม่ยั้งมือพลั่ก!พลั่ก!พลั่ก!กระบองฟาดลงมาอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ไป๋ซือหวงที่สลบไสลรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะความเจ็บ แต่กลับไม่มีแม้แต่แรงจะส่งเสียงร้องสติรับรู้ของนางเลือนราง เพียงรู้สึกว่าตนเองถูกคนกระชากผม ลากถูลู่ถูกังไปจนถึงคูเมืองผิวน้ำแข็งเย็นเสียดกระดูกรวมกับความเจ็บปวดสุดขั้วค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาในสมองนางเงาร่างที่งดงามสายหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง“พี่สาวคนดี ตั้งแต่วันที่ท่านแต่งงานกับท่านแม่ทัพ ท่านก็สมควรตายแล้ว แต่เพราะข้าจิตใจดีงามถึงได้ปล่อยให้ท่านมีชีวิตต่อมาอีกหลายปี”ไป๋หว่านเหลียนเลิกคิ้วเรียวบาง ไอเย็นที่พ่นออกมาทำให้แววตาชั่วร้ายของนางแลดูเลือนรางสี่ปีก่อน ไป๋ซือหวงพี่สาวผู้โง่งมที่เป็นฝาแฝดร่วมอุทรกับนางถูกฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้เป็นภรรยาเอกของแม่ทัพฝู่กั๋ว เซียวป๋อฉิง ส่วนนางกลับต้องเป็นอนุเหลียนผู้มี
ยามนี้ หน้าประตูปราศจากเวรยามอารักขา มีเพียงอักขระยันต์สีแดงเข้มที่ดูเหมือนใช้เลือดไก่วาดไว้เท่านั้นวัวสันหลังหวะ นี่คงกลัวว่าวิญญาณของนางจะตามมาแก้แค้นสินะ?ไป๋ซือหวงเดินเข้าไปในจวนอย่างเงียบเชียบ เห็นว่าตามหน้าต่างและบนเสาล้วนเต็มไปด้วยดอกไม้ขาว ลมหนาวหอบหนึ่งพัดมา เงินกระดาษปลิวว่อนเต็มท้องฟ้าระฆังทองแดงส่งเสียงดังก้องกังวานวิเวกวังเวง แปลกวิกลจนถึงที่สุดภายในเรือน โต๊ะตัวหนึ่งปูผ้าเหลือง วางธูปหอม ตุ๊กตากระดาษ รวมถึงหมั่นโถวที่แต้มจุดแดงและน้ำสะอาดข้ารับใช้หลายคนกำลังจัดการเก็บกวาดทำราวกับว่านางตายไปแล้วจริงๆดวงตาจิ้งจอกของไป๋ซือหวงสาดประกายเย็นชา เดินอ้อมสิ่งของเหล่านี้ไปก็เจอเรือนเหลียนฮวาอันเป็นที่พักของดอกบัวขาวอย่างรวดเร็วข้างในนั้น แสงโคมไฟมัวสลัว ไป๋หว่านเหลียนส่องกระจกทองแดงพลางลูบไล้ใบหน้าอย่างหลงตัวเอง “เซียงชุน ข้างามหรือไม่?”“งามเจ้าค่ะ อนุเหลียนงดงามที่สุดแล้ว รอจนท่านได้เป็นฮูหยินก็จะยิ่งงามกว่านี้อีก”“คนชั้นต่ำนั่นตายไปแล้ว พิธีก็ทำเสร็จแล้ว ต่อไปท่านก็คือสตรีเพียงคนเดียวข้างกายท่านแม่ทัพ”เซียงชุนปากหวานยิ่งนักไป๋หว่านเหลียนแย้มยิ้มมีเสน่ห์ “รอ
เขามือสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง โยนของสิ่งนั้นลงบนพื้น“ท่านแม่ทัพ...ข้าเองเจ้าค่ะ...”ไป๋หว่านเหลียนร่วงลงบนพื้น ทั่วร่างเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจรวยริน ยื่นมือสั่นระริกออกมาแสงคบเพลิงสาดส่อง เซียวป๋อฉิงถึงเพิ่งเห็นว่าเจ้าสิ่งของน่ากลัวนั้นคืออนุคนโปรดของเขา!เขารีบอุ้มคนขึ้นมาด้วยความปวดใจ “เหลียนเอ๋อร์ เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นฝีมือผีร้ายใช่หรือไม่!”“ท่านแม่ทัพ ข้าตายตาไม่หลับ...ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะเจ้าคะ”น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น เซียวป๋อฉิงตวัดสายตามองไปก็เห็นผีชุดแดงตนหนึ่งลอยอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งยังยิ้มอยู่ ใต้ดวงตามีรอยเลือดไหลเป็นสายนอกจากเขากับนักพรตชรา คนที่เหลือล้วนกรีดร้องวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทางเซียวป๋อฉิงยืนนิ่งอยู่กับที่ไป๋ซือหวงตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?ยังไม่ครบเจ็ดวัน เหตุใดวิญญาณจึงกลับมาแล้ว?เขาถามคาดคั้นนักพรตชรา “ท่านบอกว่าท่านวางอาคมไว้แล้วไม่ใช่รึ? ทำไมนางยังบุกเข้ามาได้อีก!”นักพรตชราหน้าแดงวาบ “นี่... นี่...”เขาควรแต่งเรื่องอย่างไรดีนะ?ไป๋ซือหวงยิ้มเย็น คลายเชือกที่เอวให้หลวม เพราะรัดแน่นจนนางอึดอัด“ข้าก็ไม่ได้อยากกลับมา
หลังจากนั้น เซียวป๋อฉิงก็ไม่สนใจคำทัดทานของไป๋หว่านเหลียน หักใจดึงนางคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋ซือหวงอย่างเด็ดขาดนักพรตชราเอ่ยขึ้นจากข้างๆ “โขกศีรษะสามครั้ง คำนับเก้าครา จะขาดไปแม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่ได้”เซียวป๋อฉิงใบหน้าแดงก่ำ กดศีรษะไป๋หว่านเหลียนลง โขกศีรษะสามครั้งแล้วคำนับอีกเก้าครั้งไป๋หว่านเหลียนร้องไห้สะอึกสะอื้น ในใจภาวนาให้ไป๋ซือหวงรีบจากไปเร็วๆอย่ามาทรมานนางแบบนี้อีกเลยไป๋ซือหวงรับการแสดงความเคารพนั้นด้วยท่าทีจริงจังยิ่งยวดเสร็จก็หัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ไหว“คนโง่อย่างพวกเจ้าสองคนยังมีหน้ามาพูดว่าข้าเป็นคนปัญญาอ่อน พวกเจ้าแยกแยะไม่ออกว่าเป็นคนหรือผี นั่นไม่โง่ยิ่งกว่าหรอกรึ?”“บอกพวกเจ้าก็ได้ ข้ายังไม่ตาย ถ้าข้าตายไปจริงๆ ก็คงไม่แค่อัดพวกเจ้าไม่กี่ทีแล้ว”ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ในหัวเซียวป๋อฉิงมีเสียงดังวิ้งเขา...เขาถูกหลอก!เขาหันหน้าไปด้วยโทสะจากความอับอาย หมายจะคาดคั้นถามนักพรตชราว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่แต่ยังมีเงาคนอยู่เสียที่ไหน แม้แต่เงินที่เขาวางไว้บนโต๊ะก็อันตรธานหายไปแล้ว!พอคิดถึงการกระทำโง่เง่าของตัวเอง เขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ “หน็อยแน่น