แชร์

สัตวแพทย์สาวอัจฉริยะหลงยุค
สัตวแพทย์สาวอัจฉริยะหลงยุค
ผู้แต่ง: หัวหั่วต้าเหริน

บทที่ 1

วันที่สิบสองเดือนสิบสอง ลมหนาวเย็นยะเยือก

ในพงหญ้าแห่งหนึ่งข้างคูเมือง ใยแมงมุมหนาแน่น หนูวิ่งขวักไขว่

ไป๋ซือหวงเลือดอาบหน้า บนร่างเต็มไปด้วยคราบเลือด นอนหายใจรวยรินอยู่ในพงหญ้า

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ชายถือกระบองสามคนก็ยังคงล้อมวงหวดตีโดยไม่ยั้งมือ

พลั่ก!

พลั่ก!

พลั่ก!

กระบองฟาดลงมาอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ไป๋ซือหวงที่สลบไสลรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะความเจ็บ แต่กลับไม่มีแม้แต่แรงจะส่งเสียงร้อง

สติรับรู้ของนางเลือนราง เพียงรู้สึกว่าตนเองถูกคนกระชากผม ลากถูลู่ถูกังไปจนถึงคูเมือง

ผิวน้ำแข็งเย็นเสียดกระดูกรวมกับความเจ็บปวดสุดขั้วค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาในสมองนาง

เงาร่างที่งดงามสายหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง

“พี่สาวคนดี ตั้งแต่วันที่ท่านแต่งงานกับท่านแม่ทัพ ท่านก็สมควรตายแล้ว แต่เพราะข้าจิตใจดีงามถึงได้ปล่อยให้ท่านมีชีวิตต่อมาอีกหลายปี”

ไป๋หว่านเหลียนเลิกคิ้วเรียวบาง ไอเย็นที่พ่นออกมาทำให้แววตาชั่วร้ายของนางแลดูเลือนราง

สี่ปีก่อน ไป๋ซือหวงพี่สาวผู้โง่งมที่เป็นฝาแฝดร่วมอุทรกับนางถูกฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้เป็นภรรยาเอกของแม่ทัพฝู่กั๋ว เซียวป๋อฉิง ส่วนนางกลับต้องเป็นอนุเหลียนผู้มีสถานะต่ำต้อย

คืนนี้ นางจะส่งอีกฝ่ายไปสู่สุคติด้วยตัวเอง ต่อไปนางจะได้เป็นภรรยาเอกของท่านแม่ทัพ!

ไป๋ซือหวงผู้โง่งมที่สติแตกมองใบหน้าของสตรีชั่วร้ายผู้นั้น พลางกางกรงเล็บเข้าหาอย่างไม่คิดชีวิต

ไป๋หว่านเหลียนถูกกระชากผมขาดหลายกระจุก

ดวงตาทั้งสองของนางเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ตวาดเสียงเย็นชา “ใครก็ได้ หักแขนหักขาของนังแพศยานี่ซะ อุดปากนางแล้วโยนลงไปในคูน้ำ!”

ได้ยินคำสั่งนั้น คนกลุ่มนั้นก็หวดกระบองใส่ไป๋ซือหวง

“ช่วยด้วย...”

นางครวญเสียงอู้อี้ เลือดปะปนกับน้ำตา ร่างผอมอ่อนแอทิ้งร่องรอยสีแดงสดสายหนึ่งไว้บนผิวน้ำแข็งที่เย็นเสียดกระดูก

ต่อจากนั้น ไป๋หว่านเหลียนก็แค่นหัวเราะพลางถีบนางลงไปในช่องน้ำแข็ง มองดูเลือดที่ย้อมผิวน้ำจนแดงก่ำ แล้วจากไปพร้อมรอยยิ้มเย็นชา

พี่หญิง ไปดีนะ ข้าจะช่วยปรนนิบัติท่านแม่ทัพดีๆ แทนท่านเอง

……

ท่ามกลางแม่น้ำที่เย็นยะเยือกเสียดกระดูก ศพที่เต็มไปด้วยบาดแผลของไป๋ซือหวงจมดิ่งลงไปไม่หยุด

ผู้ใดก็ไม่ทราบว่าบริเวณก้นแม่น้ำที่เชี่ยวกรากนี้ มีวังน้ำแข็งโปร่งใสขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

วังน้ำวนม้วนเอาศพนั้นลงไปยังวังน้ำแข็งอย่างเชื่องช้า

ภายในวังน้ำแข็ง บุรุษละม้ายเทพคนหนึ่งกำลังหลับตาปรับลมปราณเพื่อควบคุมพลังแห่งสายเลือดอันพลุ่งพล่าน

แม้วันนี้ไม่ใช่วันที่สิบห้าซึ่งเป็นคืนเดือนเพ็ญ ทว่าสายเลือดหมาป่าสีเงินของเขากลับเดือดพล่าน วังน้ำแข็งแห่งนี้คือสถานที่ซึ่งเขาใช้ควบคุมสายเลือดนี้

ปลายจมูกได้กลิ่นคาวเลือดปริศนา มั่วเฉินซางพลันลืมดวงตาทั้งสองขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งที่เชิดขึ้นฉายแววเย็นชา

ใบหูสามเหลี่ยมสีเทาที่ปกคลุมด้วยเส้นขนบนศีรษะคู่นั้นตั้งขึ้นราวกับจะชี้นำ

เขาแหงนศีรษะขึ้นก็เห็นว่าสายน้ำผลักศพศพหนึ่งลงมา ลอยลงมาถึงนอกวังน้ำแข็งตรงหน้าเขาราวกับใบไม้แห้ง

อยู่ดีๆ มีศพมาจากไหนกัน

เขาพกพาความสงสัยใคร่รู้เข้าไปตรวจสอบดูอย่างกังขา แต่เมื่อเห็นใบหน้านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็ต้องไหวระริก

เป็นนาง?

ฮูหยินแม่ทัพผู้โง่งมในจวนแม่ทัพฝู่กั๋วที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง

นางตายได้อย่างไร?

เห็นบาดแผลและโลหิตทั่วร่างนางแล้ว ความเวทนาก็บังเกิดขึ้นในใจมั่วเฉินซางอย่างไม่อาจเลี่ยง

หากคนตายแล้วจมลงก้นแม่น้ำเกรงว่าวิญญาณคงไร้ที่ไป เป็นได้เพียงผีพรายตนหนึ่ง

ในฐานะที่เขาเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแห่งตงโยว ย่อมมีหน้าที่ปกป้องราษฎร

เขาเดินออกจากวังน้ำแข็งผ่านอุโมงค์ลับ กลั้นหายใจรวบศพขึ้นมาแบกไว้บนหลังแล้วว่ายน้ำขึ้นไปยังช่องน้ำแข็ง

เมื่อขึ้นไปถึงผิวน้ำแข็งแล้ว เขาก็สั่งความว่า “เสี่ยวปา ไปแจ้งแม่ทัพเซียวที่จวนแม่ทัพว่าฮูหยินของเขาเสียชีวิตแล้ว”

หาคนในครอบครัวจะได้จัดการฝังศพ

องครักษ์รูปงามคนหนึ่งได้ยินเสียงแล้วก็มุดออกมาจากพงหญ้า

“ขอรับ”

เสี่ยวปาเพิ่งหันหลังไป ใบหน้ามั่วเฉินซางก็พลันเปลี่ยนแปลง

มือที่รองอยู่ใต้ต้นคอของหญิงสาวพลันสัมผัสได้ถึงชีพจรของนาง!

สตรีผู้นี้ยังไม่ตาย!

หูหมาป่าของเขาสั่นระริก ไม่ได้การ จะให้นางค้นพบความลับของเขาไม่ได้เด็ดขาด

“เสี่ยวปา พวกเราไปกันเถอะ”

มั่วเฉินซางวางสตรีผู้นั้นลงอย่างเบามือแล้วหมุนตัวจากไป ในใจอดจะตกตะลึงพรึงเพริดไม่ได้

แขนขาหัก อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางกลับยังไม่ตายหรือนี่?

นี่...เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งแบบไหนกัน หรือจะเป็น...ตายแล้วฟื้น?

รัตติกาลเงียบสงัด

ศพของหญิงสาวทอดร่างอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง อีกาตัวหนึ่งโฉบลงมาหมายจะกินเนื้อ

“เจ็บ!”

เสียงร้องโอดครวญทำให้เจ้าอีกาโผบินหนีไปด้วยความตกใจ

ไป๋ซือหวงเด้งตัวขึ้นนั่ง พอเห็นบาดแผลบนแขนก็อึ้งไปสามวินาที

นางถูกพ่อแมวน้ำเตะตกมหาสมุทรที่เย็นเฉียบ ระหว่างทำคลอดให้ลูกแมวน้ำอยู่ที่ขั้วโลกใต้จนตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?

ลมหนาวพัดมา นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาในหัว

นางข้ามมิติมาแล้ว ข้ามมิติมาเป็นสตรีอัปลักษณ์ปัญญาอ่อนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งตงโยวนามว่าไป๋ซือหวง!

เจ้าของร่างเดิมเป็นบุตรีที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกของจวนฉีอ๋อง ถูกพบว่ามีสติปัญญาโง่เขลามาตั้งแต่เล็ก อายุสามขวบยังเสียโฉม กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นมานับแต่นั้น

สี่ปีก่อน เจ้าของร่างเดิมในวัยสิบห้าปีได้รับพระราชทานสมรสให้เป็นภรรยาเอกของแม่ทัพฝู่กั๋วเซียวป๋อฉิง น้องสาวร่วมอุทรก็ถูกผู้ชายสารเลวคนนี้มาสู่ขอไปเป็นอนุภรรยาเช่นกัน

ในคืนวิวาห์ เจ้าของร่างเดิมถูกจับได้ว่าตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว นับแต่นั้นก็ต้องมีชีวิตที่น่าอเนจอนาถตลอดมาภายใต้การโจมตีสองด้านจากไป๋หว่านเหลียนน้องสาวร่วมสายเลือดและชายชั่ว

วันนี้เป็นวันที่ไป๋หว่านเหลียนหักใจเหี้ยม ลากเจ้าของร่างเดิมไปตีจนตายที่ธารน้ำแข็ง เพ้อฝันว่าจะรับเลี้ยงลูกชายของนาง ตนเองก็จะได้เป็นภรรยาเอก

ไป๋ซือหวงมองดูโฉมหน้าที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำแข็ง ริมฝีปากแดงแม้ไม่แต้มชาด ดวงตาจิ้งจอกมีเสน่ห์เย้ายวน น่าเสียดายที่รอยแผลเป็นหลายรอยทำลายความงามไปจนหมดสิ้น

รวมกับผมเผ้าฟูเหมือนรังไก่ ราวกับผีพรายอย่างไรอย่างนั้น

สาวสวยอัจริยะจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดผู้เป็นประธานสมาคมอนุรักษ์สัตว์โลกอย่างนางกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ไม่เป็นไร ยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว

ในเมื่อมาอยู่ในร่างนี้แล้ว ความแค้นที่เจ้าของร่างเดิมต้องตายไปอย่างไม่เป็นธรรม นางจะแบกรับไว้เอง

เทควันโดสายดำของนางไม่ได้ได้มาเล่นๆ นะ

กลับจวน ต่อยดอกบัวขาว[1] ตามหาลูกชาย!

ไป๋ซือหวงเพิ่งลุกขึ้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็สังเกตเห็นเงินกระดาษที่เผาแล้วกลาดเกลื่อนไปทั่วพื้นน้ำแข็ง รวมถึงพงหญ้าริมแม่น้ำ

ใครมาเผาเงินกระดาษกลางดึกกลางดื่นแบบนี้กัน อัปมงคลจริงๆ

ไป๋ซือหวงบ่นเสร็จก็กระชับเสื้อคลุมสีแดงขาดรุ่งริ่งที่แสนเบาบางบนร่าง เดินทางไปจวนแม่ทัพตามความทรงจำ

นางได้ยินเรื่องซุบซิบมาตลอดทาง

“ได้ยินว่าฮูหยินโง่ของจวนแม่ทัพพลัดตกแม่น้ำตายแล้ว”

“ใช่แล้วๆ น้องสาวของนางจิตใจดีงาม เชิญคนมาทำพิธีบริเวณที่นางตายเพื่อส่งวิญญาณของนางไปสู่สุคติ ช่างเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันดีจริงๆ”

ไป๋ซือหวงได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย็นออกมา

ที่แท้ก็นางนี่เองที่เผาเงินกระดาษเหล่านั้น นางขอบคุณนางทั้งบ้านเลยจริงๆ

เสแสร้งเก่งปานนี้ ไม่รู้ว่าจะทนมือทนเท้าด้วยหรือเปล่า

ในไม่ช้า นางก็มาถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพ

-----------------------------------------------

[1] ดอกบัวขาว หมายถึง ผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่มีจิตใจชั่วร้าย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status