แชร์

บทที่ 14  

"ก็ไม่มีอะไร แค่ขอเงินมาซ่อมแซมเรือนที่รั่วอยู่ อยากกินให้อิ่มท้องเสียหน่อย แล้วก็ขอถ่านไฟไปอบอุ่นร่างกายเท่านั้น"

พูดจบ ไป๋ซือหวงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

ทุกคนเห็นแล้วต่างรู้สึกสงสารอย่างยิ่ง

ภายใต้สายตาการกดดันของทุกคน แม้เซียวป๋อฉิงไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องพยักหน้ายอมรับ จึงนับว่ารักษาหน้าไว้ได้

"เจ้าต้องการเท่าใด? "

"ไม่มาก หนึ่งหมื่นตำลึงก็พอ"

ตัวเลขนี้ทำให้เซียวป๋อฉิงหัวใจเต้นจนแทบทะลุหน้าอกออกมา "หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ เจ้าไม่ไปปล้นเสียเลยเล่า? "

"ท่านแม่ทัพ จวนของน้องเหลียนเอ๋อร์หรูหราถึงเพียงนั้น ข้าในฐานะภรรยาเอกย่อมไม่สามารถน้อยหน้าได้ มิฉะนั้นจะมีคนกล่าวหาท่านแม่ทัพว่าตระหนี่กับภรรยาเอกได้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ? "

นางพูดด้วยน้ำเสียงของการข่มขู่ที่ชัดเจน

กว่าอีเองก็ออกเสียงสนับสนุน "ฮูหยินพูดถูก ท่านแม่ทัพควรพิจารณาชื่อเสียงของตนเองด้วยขอรับ"

เสียงของเขาแม้จะซื่อแต่ก็แฝงไว้ด้วยความโกรธ เซียวป๋อฉิงรู้ว่าทำให้อีกฝ่ายน้อยเนื้อต่ำใจ จึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม "ภายหลังเจ้าค่อยไปเอาแล้วกัน"

"อีกอย่าง นี่เพียงสองวันเท่านั้น แต่น้องหญิงเหลียนเอ๋อร์กลับต้องเจอเรื่องวุ่นวายมากมาย แสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถในการจัดการเรือน ในฐานะภรรยาเอก ข้าควรจะจัดการเรือน"

"เห็นแก่ที่น้องหญิงจัดการเรือนมาหลายปี ข้าจะขออำนาจครึ่งหนึ่งก่อนแล้วกัน"

ไป๋ซือหวงพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่กลับหนักหน่วงในใจของไป๋หว่านเหลียน

นังแพศยาคนนี้กล้าจะมาแย่งตำแหน่งกับตัวเองอย่างนั้นหรือ?

ฝันไปเถอะ!

นางรีบพูดออกไป "ท่านแม่ทัพ พี่หญิงยังไม่คุ้นเคยกับงานสักเท่าใด ให้ข้าจัดการไปก่อนก็แล้วกัน ข้าสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องอีก"

ไป๋หว่านเหลียนมองเซียวป๋อฉิงด้วยสายตาวิงวอน

เซียวป๋อฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก่อเรื่องวุ่นวายมากมาย ในที่สุดก็เผยให้เห็นถึงความต้องการบ้างแล้ว

แต่เพราะอยู่ต่อหน้าคนมากมาย ก่อนหน้านี้เขาลงโทษเหลียนเอ๋อร์เบาเกินไปจริงๆ ...

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูด "ฮูหยินมีความดีในการช่วยชีวิต ตั้งแต่วันนี้ไปเรือนของเจ้าเจ้าก็จัดการเอง ส่วนที่อื่น รอให้เจ้าคุ้นเคยก่อนก็ยังไม่สาย"

เมื่อพูดจบ ไป๋หว่านเหลียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ "ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง"

ยังดี สถานที่อื่นยังอยู่ใต้การดูแลของตัวเอง

ตราบใดที่คนในจวนยังอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง ยังกลัวว่าจะจัดการเรือนที่ผุพังแห่งนั้นไม่ได้หรือ?

ไป๋ซือหวงก็พยักหน้า "ตกลง ให้เป็นเช่นนั้นก็แล้วกัน"

ไม่ต้องรีบ การยึดครองอำนาจต้องค่อยไปเป็นค่อยไป

อย่างน้อยปัญหาการดำรงชีวิตก็แก้ได้แล้ว

เซียวป๋อฉิงรู้สึกเหมือนเป็ดที่ถูกบังคับให้ขึ้นแท่น โกรธจนสะบัดแขนเสื้อจากไป

ไป๋หว่านเหลียนมองไปที่ไป๋ซือหวงด้วยความเกลียดชัง แต่กลับถูกเมินเฉย จึงต้องจากไปด้วยความโกรธเพียงเท่านั้น

ฝากไว้ก่อนเถอะ นางจะหาทางเอาคืนแน่นอน

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไป กว่าอีถูกท่านลุงฝูพาไปพักผ่อน ส่วนไป๋ซือหวงก็คิดถึงอาหาร จึงรีบไปที่ครัวใหญ่โดยเร็ว

ภายในครัวใหญ่ พวกแม่ครัวต่างหลีกเลี่ยงที่จะแตะต้องอาหารบนโต๊ะ กลัวว่าไม่ระวังจนเผลอไปแตะต้องแล้วโดนทำร้าย

ไป๋ซือหวงมาถึงก็พอใจอย่างมาก นางหาถุงกระสอบมาใส่ เอาอาหารที่ดีที่สุดใส่จนเต็ม

เหมือนพายุที่เคลื่อนตัวพัดผ่าน บนโต๊ะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แม้แต่ชามจานก็ไม่มีแล้ว

พวกแม่ครัวเจ็บใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะพวกนางได้ยินข่าวมาอีกแล้วว่าฮูหยินไม่เพียงช่วยชีวิตกว่าอี ยังตบแม่ทัพอีกหนึ่งฉาด

ผู้ใดจะกล้าหาเรื่องกัน

ไป๋ซือหวงก็ไม่สนใจสายตาพวกนั้น นางนึกถึงท่าทางที่ชายชั่วคนนั้นลำเอียงเข้าข้างสาวน้อยที่ทำตัวโง่งมน่าสงสาร ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในหลาย ๆ เรื่อง

นางหากาน้ำชาที่พวกเขาใช้ประจำ แล้วใส่ ‘ยาถ่าย’ ชนิดรุนแรงลงไปสองชุด

ชายโฉดหญิงชั่วกล้าหาเรื่องนาง รอดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้เลย!

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ นางก็กลับเรือนพร้อมอาหารด้วยความสุข

ในเรือนชีอู๋

เสี่ยวหลางนั่งอยู่ที่หน้าประตู มือเล็ก ๆ ที่ผอมบางรองใบหน้าที่อวบอ้วน ดวงตาสีฟ้าอ่อนสะท้อนเงาของแม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในตอนนี้

แม่กลับมาพร้อมกับอาหารมากมาย ทั้งยังบอกอีกว่าจะทำอาหารให้เขากิน

เขายังไม่เคยกินอาหารที่แม่ทำเลย

ภายในครัวเล็ก ไป๋ซือหวงทำอาหารสี่อย่างหนึ่งน้ำแกงอย่างเป็นระเบียบ ชาติก่อนแม้แต่แมลงนางก็ยังสามารถทำให้เป็นอาหารป่าได้

ไม่นาน อาหารสี่อย่างหนึ่งน้ำแกงก็ถูกยกมาเพื่อรอมาจัดวาง เสี่ยวหลางจมูกไวอย่างมาก เลียริมฝีปากน้อยๆ นั่งตัวตรงรอที่เก้าอี้

"มีไก่ มีปลา มีหมู? แล้วยังมีข้าว มีผักด้วยใช่หรือไม่"

ไป๋ซือหวงยังไม่ทันเอาอาหารวางไว้บนโต๊ะ ก็ได้ยินการคาดเดาของเสี่ยวหลาง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ

นี่เป็นจมูกสุนัขหรือไร? เหตุใดถึงไวขนาดนี้?

นางวางอาหารบนโต๊ะ สีสันสดใสของอาหารเต็มจาน นางชอบกินเผ็ด ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือไม่?

เสี่ยวหลางได้กลิ่นเผ็ด ก็ไอจนหน้ากลมแดงก่ำ เริ่มจามออกมาเรื่อยๆ

ไป๋ซือหวงตกใจ รีบยกอาหารไปอีกด้าน เด็กคนนี้กินเผ็ดไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

เสี่ยวหลางไอจนตาน้ำตาคลอ เมื่อเขาเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่เปลี่ยนไป รีบโบกมือบอกไป "ท่านแม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าชอบกินจะตายไป"

พูดจบ เขาก็จะไปคีบอาหาร

ไป๋ซือหวงคีบอาหารที่ไม่เผ็ดให้กับเขา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "แม่ไม่รู้รสชาติที่เจ้าชอบ ต่อไปอยากกินอะไรก็กินอันนั้น ไม่ต้องฝืนใจ"

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไม่มีเรื่องที่เสี่ยวหลางกินเผ็ดไม่ได้อยู่เลย แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์แม่ลูกคู่นี้ค่อนข้างบอบบางเลยทีเดียว

เสี่ยวหลางนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่พูดอะไรออกมา ก้มหน้ากินอาหารที่ไป๋ซือหวงคีบให้

กินไปกินมา ข้าวก็เกือบจะกลายเป็นโจ๊ก

ฮือๆ ๆ ท่านแม่ช่างดีเหลือเกิน

ไป๋ซือหวงเท้าคางครุ่นคิด มองเสี่ยวหลางที่กินไปน้ำตาไหลไป

คราวนี้นางไม่ล้อเล่นอีก ปล่อยให้เขาก้มหน้าลงในจานข้าว ปลดปล่อยความคับข้องใจในอดีตออกมา

จนกระทั่งถึงตอนเย็น กว่าอีพาก็คนจำนวนมากมาซ่อมแซมเรือน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status